อ่านละคร เสน่ห์รักนางซิน ตอนที่ 6 วันที่ 2 พ.ค.61

อ่านละคร เสน่ห์รักนางซิน ตอนที่ 6 วันที่ 2 พ.ค.61

ในเวลาไล่เลี่ยกัน ขณะที่ภูรีกำลังโทร.ไหว้วานให้อินทัชฝากเพื่อนตำรวจของเขาเช็กกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดอุบัติเหตุ มีเสียงลุงดำโวยวายออกมาจากห้องฉุกเฉิน ภูรีต้องวางสายจากอินทัชแล้วเข้าไปดู ลุงดำไม่ยอมให้พยาบาลทำแผลหัวแตกให้ กลัวจะไม่มีเงินจ่าย ภูรีอาสาจะจัดการเรื่องค่ารักษาให้เอง ลุงดำถึงยอมให้ทำแผล ทำแผลเสร็จ ภูรีพาแกไปส่งบ้าน พยายามกล่อมให้เล่าเรื่องบารมี แต่ลุงไม่ยอมเล่า

“ไม่ต้องเล่าหรอกครับถ้าไม่อยากเล่า ผมไปถามจากคุณน้าบารมีเองก็ได้”



“อย่านะ อย่าให้มันรู้เรื่องนังพริมเด็ดขาด”

ภูรีแกล้งไม่สนใจคำพูดของลุงดำจนเขาต้องเป็นฝ่ายใจอ่อนเรียกภูรีเข้าไปคุยกันในบ้าน จากนั้นเรื่องราวต่างๆของบารมีกับพาพรก็พรั่งพรูออกจากปากลุงดำ ทำให้ภูรีรู้ว่าพริมเข้าใจผิดมาตลอดว่าพ่อเป็นหัวหน้า  รปภ. ความจริงแล้วบารมีในตอนนั้นเป็นหัวหน้าฝ่ายบุคคล เขาเป็นนักเรียนนอก ครอบครัวมีเชื้อสายผู้ดีเก่า หน้าตาหล่อและโก้มาก เป็นที่หมายตาของสาวๆ รวมทั้งพัชราลูกสาวเจ้าของห้างไดม่อน

“เขาเป็นคนรวยที่ถูกตามใจมาจนเคยตัว อยากได้อะไรก็ต้องเอาให้ได้ ใจดำอำมหิตไม่เคยรู้จักบาปบุญคุณโทษ พอเขารู้เรื่องคุณบารมีกับพรเข้าเท่านั้นแหละเอ็งเอ๊ย”

“เกิดอะไรขึ้นครับ” ภูรีรอฟังลุงดำเล่าอย่างใจจดจ่อ

ooooooo

ลุงดำเล่าว่าหลังจากพัชรารู้ถึงความสัมพันธ์ของบารมีกับพาพรก็บุกมาหาเธอถึงร้านตัดรองเท้า แสดงตัวว่าเป็นคู่หมั้นของบารมี ด่าพาพรว่าเป็นผู้หญิงชั้นต่ำที่บารมีแค่เก็บเอาไว้ลักกินขโมยกินไม่พอ ยังตบตีเธออีกด้วย แถมขู่ถ้าไม่เลิกยุ่งกับเขาจะต้องเดือดร้อน บารมีกลับมาทันพอดีเข้าไปขวางไม่ให้พัชราทำร้ายพาพรอีก

“เขาเป็นคู่หมั้นของคุณจริงๆเหรอคะ” พาพรถามทั้งน้ำตา บารมีไม่รู้จะตอบอย่างไรได้แต่อ้ำอึ้ง เธอถึงกับช็อกรับไม่ได้ วิ่งหนีออกจากร้าน เขาจะวิ่งตามไปอธิบายก็ถูกพัชราขู่ขืนตามมันไป ตนจะโทร.บอกคุณพ่อให้หยุดการใช้หนี้แทนครอบครัวของเขา และยื่นคำขาดให้เขาเลือกระหว่างพาพรกับเธอซึ่งจะช่วยกอบกู้ฐานะทางครอบครัวของเขาเพื่อที่พ่อแม่ของเขาจะได้ไม่ต้องฆ่าตัวตายหนีหนี้

บารมีหันมองเธอด้วยสายตาโกรธเคืองก่อนจะวิ่งตามพาพรมาถึงบ้าน  ขอร้องให้ฟังคำอธิบายก่อน เขาไม่ได้ตั้งใจจะหลอกอะไรเธอ แต่มันเป็นความจำเป็นแล้วดึงเธอมากอดพาพรพยายามเบี่ยงหนี แต่บารมีกอดเธอไว้แน่น เขาให้สัญญากับเธอว่าจะกลับไปบอกครอบครัวของเขาเรื่องเธอ

“แล้วเขาจะมาแต่งงานกับพร แต่เขาทำไม่สำเร็จ ไม่มีใครเห็นด้วยกับความรักของเขากับพร แต่ยัยลูกสาวเจ้าของห้างคงกลัวว่าพรจะไม่ยอมเลิกกับคุณบารมี มันก็เลยจัดการทำลายพร ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่พรสร้างมา” ลุงดำหยุดพักเหนื่อยก่อนจะเล่าถึงเหตุการณ์ที่พัชราส่งคนมาเผาร้านตัดรองเท้าของพาพร เธอติดอยู่ท่ามกลางเปลวไฟ บารมีเข้ามาเห็นเธอถูกล้อมด้วยไฟ แถมยังมีคานไม้ติดไฟร่วงลงมาเป็นระยะๆ

ภาพนี้เองที่ติดตาบารมีจนต้องเก็บไปฝันร้าย แต่โชคยังเข้าข้าง เขาฮึดถีบผนังร้านฝ่าเปลวไฟเข้าไปช่วยพาพรออกมาจนได้ เธอเกือบจะหมดสติอยู่แล้ว แต่ยังกำแบบร่างภาพวาดรองเท้าฝีมือบารมีไว้แน่น เขากอด เธอไว้ร้องไห้อย่างรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุทำให้เธอต้องเป็นอย่างนี้ ลุงดำเล่าเพิ่มเติมอีกว่า

“ร้านที่เกิดจากน้ำพักน้ำแรงของพร ถูกไฟไหม้วอดจนหมด พรไม่เหลืออะไรเลย แถมยังจับตัวคนร้ายไม่ได้ ยัยพรกับคุณบารมีต้องยอมถอดใจจากกัน หลังแยกจากกันไม่นาน พรเพิ่งจะรู้ว่าตัวเองท้อง แล้วมันก็ย้ายไปอยู่กับพี่สาวพี่เขยของมันที่ภูเก็ต กว่าจะพากันกลับมาก็ตอนที่นังพริมสามขวบ”

นั่นเท่ากับบารมีไม่รู้เลยว่าตัวเองยังมีลูกอีกคนหนึ่ง แรกๆเขายังกลับมาที่นี่บ้าง แต่พอเขาเห็นคนที่มาเช่าบ้านอยู่แทนพาพรก็คิดว่าเธอขายบ้านไปแล้วจริงๆ ก็ไม่เคยกลับมาอีกเลย ภูรีแนะให้ลุงดำเล่าเรื่องนี้ให้พริมฟัง  แกทำอย่างนั้นไม่ได้เพราะรับปากพาพรเอาไว้ว่าจะไม่พูดเรื่องบารมีให้พริมฟัง เธอกลัวลูกจะไม่เข้าใจพ่อแล้วพาลโกรธเกลียด พาพรเชื่อว่าคนเป็นลูกถ้ามีความรู้สึกไม่ดีกับพ่อแม่ชีวิตจะไม่มีวันเจริญ

“แล้วเราจะปล่อยให้คุณพริมตามหาพ่ออยู่แบบนี้เหรอครับ สงสารเธอ”

“ถ้าพริมได้เจอพ่อมันแล้วยัยเมียของคุณบารมีรู้เรื่องเข้า ชีวิตพริมจะเดือดร้อนเหมือนแม่มันเจอแน่ๆ”

ตั้งแต่รู้เรื่องราวในอดีตของพ่อกับแม่พริมจากลุงดำ ภูรีข่มตาหลับไม่ลง นั่งครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรดี มีเสียงมือถือของเขาดังขึ้น นิสาแม่ของเขาโทร.มาบอกว่าพัชราโทร.มาฟ้องท่านเรื่องที่เขาเลือกจะช่วยพริมขึ้นจากน้ำแทนที่ช่วยวิกกี้ก่อน เขาอธิบายว่าที่ต้องช่วยพริมก่อนเพราะเธอว่ายน้ำไม่เป็น แต่วิกกี้ว่ายเป็น

นิสาขอให้เขารีบไปอธิบายให้พัชราเข้าใจเพราะเธอไม่ชอบพริมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งมารู้เรื่องนี้ก็ยิ่งไม่ชอบใจมากขึ้นไปอีก  แต่เขาอย่าไปถือสาเธอเลย เธอเป็นคนแบบนี้เองรักใครก็รักมาก เกลียดใครก็เกลียดมากเช่นกัน ภูรีคิดแผนการบางอย่างออก แล้วถ้าพัชราไม่ชอบใคร แม่พอจะรู้ไหมว่าต้องทำอย่างไรเธอถึงจะเปลี่ยนใจมาชอบ นิสารู้เท่าทันว่าลูกชายคิดจะทำให้พัชราเปลี่ยนใจมาชอบพริม

“ชอบกันก็ย่อมดีกว่าเกลียดกันไม่ใช่เหรอครับ”

“มันก็ใช่ แต่มันไม่มีทางเป็นไปได้หรอกลูกคุณพัชใจแข็งมาก แม่รู้จักกับคุณพัชมาเป็นสิบๆปีแม่เห็นมีแค่ตาพงศ์กับหนูวิกกี้ที่ทำให้คุณพัชใจอ่อนได้”

ooooooo

เสียงลุงดำที่ตะโกนเรียกอยู่หน้าบ้านปลุกพริม ให้ลืมตาตื่นขึ้น แกเอากระเป๋าของเธอที่ภูรีฝากไว้มาคืน เธอแปลกใจลุงไปรู้จักภูรีตั้งแต่เมื่อไหร่  ทำไมเขาถึงฝากกระเป๋าของเธอมากับลุงได้ ลุงทำเสียงดังกลบเกลื่อน

“ไม่ได้สนิทโว้ย เอ็งไม่ต้องมาจับผิดข้า ข้าไปทำงานต่อล่ะ” โวยเสร็จ ลุงดำผละจากไป พริมเปิดกระเป๋าออกดูเจอกระดาษแผ่นหนึ่งที่ภูรีเขียนข้อความกับเบอร์โทร.เอาไว้

“เบอร์ผมนะ ถ้าอยากได้รับความช่วยเหลือโทร.หาผมนะ...ถั่วพู” พริมอ่านจบอดยิ้มไม่ได้...

วันนี้ภูรีแวะไปเยี่ยมพัชราที่โรงพยาบาลพร้อมกระเช้าของเยี่ยมที่นิสาฝากมาทำให้รับรู้ถึงความร้ายกาจของเธออีกเรื่องหนึ่ง แค่เจ้าหน้าที่ที่ทำกายภาพบำบัดไม่ทันระวังทำแรงไปหน่อย  พัชราเจ็บมากก็เลยเล่นงาน ทางโรงพยาบาลให้ไล่เจ้าหน้าที่คนนั้นออก บารมีรู้เรื่องนี้ เข้าถึงกับส่ายหน้าระอาใจ...

เกิดเรื่องเมื่อคืนนี้ทำให้วิกกี้ตระหนักว่าหากไม่ลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่างจะต้องเสียภูรีให้พริมแน่นอน สบช่องตอนที่เขามาเยี่ยมพัชรา เธอจึงขอร้องให้ช่วยพาไปเยี่ยมพริมหน่อยและจะใช้โอกาสนี้ทำให้ศัตรูหัวใจ รู้ว่าภูรีเป็นของเธอ ใครจะมาข้องแวะไม่ได้ ไม่นานนัก ภูรีพาวิกกี้มาหาพริมที่บ้าน ยังไม่ทันจะเดินเข้าข้างใน ลุงดำวิ่งมาดึงมือเขาอ้างมีเรื่องจะคุยด้วยแล้วลากตัวออกไป วิกกี้สงสัยว่าลุงคนนั้นเป็นใคร

“ลุงดำบ้านอยู่แถวนี้ค่ะ แต่ไม่รู้ว่าเขากับคุณภูมีเรื่องอะไรคุยกันนักหนา เชิญคุณวิกกี้ ข้างในก่อนดีกว่า”...

พอพ้นระยะที่พริมจะได้ยิน ลุงดำถามภูรีว่าไปพูดอะไรให้พริมสงสัยหรือเปล่า ถึงได้มาถามตนว่าไปสนิทสนมอะไรกับเขาตอนไหน ภูรีสงสัยลุงดำจะคิดมากไปเองขอให้สบายใจได้ ถึงอย่างไรเขาก็ไม่บอกเธอเรื่องคุณน้าบารมีแน่นอน ลุงดำตะครุบปากเขาไว้ ห้ามพูดชื่อนี้ออกมาอีก หากทีหน้าทีหลังจะพูดถึงเรื่องพ่อของพริมให้ใช้รหัสลับว่า “เรื่องรองเท้าข้างที่หายไป” ภูรีพยักหน้ารับคำทั้งที่เหนื่อยใจกับความคิดมากของลุงดำ...

ด้านวิกกี้เห็นพริมกำลังเร่งเย็บรองเท้าส่งให้ลูกค้าก็คิดแผนชั่วขึ้นมาได้ รอจังหวะที่เธอไปหยิบน้ำมาให้ดื่ม คว้าแก้วกาแฟที่วางอยู่แถวนั้นเทใส่รองเท้าที่พริมเย็บค้างอยู่ก่อนจะโยนถ้วยกาแฟตามลงไปแก้วแตกกระจาย แล้วแกล้งร้องกรี๊ดกร๊าด พริมตกใจวิ่งเข้ามาดู เห็นรองเท้าที่เย็บค้างไว้เปรอะกาแฟ รีบเอารองเท้าเหล่านั้น ไปสะบัดกาแฟออก ภูรีได้ยินเสียงร้องวิ่งหน้าตื่นเข้ามาถามว่าเกิดอะไรขึ้น วิกกี้ทำเป็นตัวสั่นน้ำตาคลอ

“วิกกี้ทำน้ำกาแฟหกใส่งานของคุณพริมค่ะ แต่วิกกี้ไม่ได้ตั้งใจวิกกี้ขอโทษนะคะคุณพริม วิกกี้ไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะคะคุณพริม” วิกกี้แสดงละครตบตาได้แนบเนียนจนพริมไม่ติดใจจะเอาความอะไร รีบเก็บแก้วที่แตกเกลื่อนพื้นโดยมีภูรีช่วยเก็บอีกแรงหนึ่ง...

พริมมองรองเท้าเปื้อนกาแฟที่วางเรียงกันหลายคู่ด้วยสีหน้าเศร้า วิกกี้ยังขอโทษเธอไม่หยุดพร้อมเสนอตัวมีอะไรให้ช่วยไหมยินดีจะทำ พริมมีบุสกรกับปริตาช่วยอยู่แล้ว เราสามหัวหกมือช่วยกันแป๊บเดียวก็เสร็จ วิกกี้ตื่นเต้นนี่เพื่อนของเธอตัดรองเท้าเป็นด้วยหรือ พริมพยักหน้าทั้งคู่พอทำเป็น เพราะเธอเป็นคนสอนให้เอง

“ว้าว เก่งกันจังเลย”

ภูรีมองเห็นทางที่จะทำให้พริมเป็นที่ชื่นชอบของพัชราโดยผ่านทางวิกกี้ จึงเสนอให้วิกกี้มาลองเรียนทำรองเท้ากับพริมเพราะเธอเคยบอกเขาว่าอยากเปิดร้านรองเท้า เจ้าของธุรกิจถ้ารู้กระบวนการผลิตสินค้าทุกขั้นตอนก็จะส่งผลดีกับธุรกิจของเราเอง อีกอย่างเธอจะได้รู้ด้วยตัวเองว่าอยากทำธุรกิจรองเท้าจริงไหม แล้วถามพริมว่ารับสอนทำรองเท้าไหม พริมยินดีสอนให้วิกกี้ฟรี เพราะหวังลึกๆจะให้เธอช่วยหาประวัติพ่อให้

วิกกี้เองก็ไม่อยากขัดใจภูรี ยอมจะมาเรียนทำรองเท้ากับพริม

ooooooo

ในเวลาต่อมา ภควัตซึ่งรู้เรื่องพริมตกน้ำเมื่อคืนจากปริตา รีบมาหาเธอที่บ้าน แต่เธอไม่อยู่เจอบุสกร กำลังหอบถุงกระสอบสีรุ้งใบใหญ่สองใบออกมานอกบ้าน เขาพยายามซักว่าพริมไปไหน แต่บุสกรไม่ยอมบอกเพราะไม่อยากให้เพื่อนเจอคนไม่เอาไหนอย่างเขา สองคนยียวนใส่กัน

ภควัตเห็นบุสกรเป็นสาวห้าวแกล้งทำท่ากรุ้มกริ่มใส่ เธอขู่ขืนมาทำรุ่มร่ามจะจับหักคอ ภควัตยังขยาดที่โดนเธอเล่นงานครั้งก่อนยังไม่หาย ยอมล่าถอยจะกลับไปที่รถ บุสกรนึกอะไรขึ้นมาได้ร้องถามว่าจะไปไหน

“ไปบ้านคุณมั้ง” ภควัตไม่วายยียวน เข้าทางบุสกรทันที

“ดีจัง อยากให้ไปส่งอยู่พอดี เย็นๆแบบนี้รถเมล์คนแน่น” บุสกรว่าแล้วตีเนียนยกถุงกระสอบสีรุ้งทั้งสองใบยัดใส่เบาะหลังแล้ววิ่งไปนั่งเบาะหน้าคู่กับภควัตซึ่งได้แต่มองเธอตาปริบๆ...

ระหว่างทางไปบ้านเด็กกำพร้า ครูที่นั่นโทร.มาบอกบุสกรว่าวันนี้เป็นวันเกิดของแวววาวกับไก่ต๊อก เธอลืมไปสนิทก็เลยไม่ได้ซื้อของขวัญ ครุ่นคิดหนักจะทำอย่างไรดีกลัวเด็กๆจะเสียใจ นึกขึ้นได้ว่าในถุงกระสอบเต็มไปด้วยของตกแต่งบูธขายของของมอส จึงบอกให้ภควัตจอดรถข้างทาง แล้วเปิดถุงกระสอบ หยิบลูกโป่งหลากสีกับที่สูบลมแบบพกพาออกมาจะทำของขวัญให้แวววาวกับไก่ต๊อก ภควัตสงสัยจะทำได้อย่างไร

“ไม่ต้องถาม เชื่อมือว่าที่เจ้าของออกาไนซ์อันดับหนึ่งของเมืองไทยเถอะ มาช่วยกันหน่อย เอาที่สูบลมไปเป่าลูกโป่ง” บุสกรยัดที่สูบลมใส่มือภควัตที่มองอย่างงงๆเพราะทำไม่เป็น เธอก็เลยสาธิตให้ดูว่าทำอย่างไร เขามองเธออย่างทึ่งที่เธอสูบลมใส่ลูกโป่งแล้วมัดปากได้อย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะส่งให้ภควัตทำตาม ส่วนตัวเธอหันไปหยิบชุดตัวตลก วิกผมสีและอุปกรณ์แต่งหน้ามาแปลงโฉมตัวเอง...

ลูกโป่งหลากหลายสีที่ถูกเป่าลม นำมาบิดเป็นรูปดอกไม้และเป็นรูปสัตว์ต่างๆบ้าง รวมทั้งบุสกรในชุดตัวตลก ทำให้งานเลี้ยงวันเกิดที่เรียบง่ายของแวววาวและไก่ต๊อกกลายเป็นงานเลี้ยงที่มีสีสัน เด็กๆเล่นกับลูกโป่งอย่างมีความสุขสนุกสนาน ภควัตอดชื่นชมบุสกรไม่ได้ จังหวะนั้น แดนเพื่อนของภควัตโทร.มาบอกว่าคืนนี้พงศกรกับแจ๊คจะไปเที่ยวที่ผับเจ้าประจำของฝ่ายหลัง ภควัตขอบใจเพื่อนมากที่ช่วยส่งข่าวให้...

ณ ผับหรูแห่งนั้น พงศกรกำลังเมายาได้ที่ตอนที่ภควัตมาทวงถามว่าทำไมเขาถึงทำตัวไม่น่ารักกับพริมผู้หญิงของตน ทีแรกพงศกรไม่ยอมบอก ภควัตต้องขู่จะเอาเรื่องที่เขาเมายาอยู่กับเพื่อนๆไปฟ้องพัชรา เขาถึงได้ยอมบอกว่าที่ทำไม่น่ารักกับพริมเพราะต้องการจะรู้ว่าภูรีคิดอย่างไรกับเธอ

“ให้ทาย...ผมได้คำตอบว่าอะไร” พงศกรยิ้มกวน

ooooooo

วันรุ่งขึ้น ภควัตฝากให้อินทัชไปบอกภูรีด้วยว่าเขานัดให้ไปเคลียร์กันที่ค่ายมวยโดยไม่บอกเหตุผลว่าเพราะอะไร เมื่อภูรีไปถึง ภควัตซึ่งรอท่าอยู่บนเวทีมวยโยนนวมให้หนึ่งคู่ ชวนให้มาสู้กันให้รู้ดำรู้แดง

“ไม่ต้องออมแรงเพราะฉันก็จะไม่ปรานีให้แกเหมือนกัน” ว่าแล้วภควัตปล่อยหมัดตรงใส่

ภูรีเบี่ยงตัวหลบทันอีกฝ่ายถึงกับหน้าคะมำ อินทัชที่ยืนอยู่ข้างเวทีมองภควัตอย่างงงๆ ตกลงจะทำอะไรกันแน่ ภูรีขอร้องมีอะไรให้พูดกันมาตรงๆดีกว่า ภควัตยินดีจัดให้ ถามอย่างไม่อ้อมค้อมว่าเขาชอบพริมหรือเพราะมีคนบอกตนว่าเขาชอบ ภูรียอมรับว่ารู้สึกดีกับเธอแบบที่ไม่เคยรู้สึกกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน แต่ถ้าจะถามว่ารักไหมคงยังไม่ถึงขั้นนั้น ภควัตพุ่งชนภูรีจนกระเด็นไปติดเชือกแล้วตามเข้าไปต่อยท้อง

อินทัชร้องห้ามเสียงหลงให้พอได้แล้ว ภูรีเจ็บตัวก็เลยอัดภควัตคืนไปหนึ่งหมัดหงายหลังตึงแต่เขากลับหัวเราะชอบใจที่ภูรีกล้ารักกล้ารับ ค่อยสมกับเป็นเพื่อนกันหน่อย ภูรีแปลกใจนี่ไม่โกรธตนหรือ เขาส่ายหน้า ในเมื่อพริมยังไม่ได้เป็นแฟนเขา ใครก็มีสิทธิ์ชอบได้ ส่วนเธอจะชอบใครก็เป็นสิทธิ์ของเธอเหมือนกัน แต่มีข้อแม้ห้ามภูรีบอกให้พริมรู้ว่าคิดอย่างไรกับเธอ และห้ามบอกเพื่อนของเธอด้วย เพราะเขาไม่อยากให้ภูรีมีแต้มต่อ

“ฉันไม่ได้จะจีบคุณพริม”

“ไม่จีบก็ดี เพราะฉันจะสู้เพื่อคุณพริม คุณพริมต้องเป็นของฉัน แล้วถ้าคุณพริมตกลงรับรักฉัน อย่ามาโกรธก็แล้วกัน” ภควัตคุยโม้ อินทัชหน้าเศร้า ขนาดภควัตเป็นศัตรูหัวใจคนเดียวก็แย่อยู่แล้ว นี่ยังมีภูรีเพิ่มมาอีกคนหนึ่ง หนทางจะจีบพริมติดยิ่งมืดมนเข้าไปอีก เดินคอตกออกไป และเพื่อให้ลืมความเจ็บช้ำ เขาไปเปลี่ยนเสื้อผ้ามาชกกระสอบทรายระบายความอัดอั้น ภูรีเห็นท่าทางของเพื่อนก็เดาออกเข้ามาขอโทษ

“เฮ้ย...จะขอโทษทำไม แกไม่ได้ทำอะไรผิด ก็อย่างที่ไอ้วัตบอกนั่นแหละ คุณพริมยังไม่ได้เป็นแฟนใครใครก็มีสิทธิ์จะชอบเธอได้” อินทัชพูดเหมือนจะทำใจได้ แต่ความจริงแล้วไม่เป็นอย่างนั้น เขาต้องใช้เหล้าดับทุกข์ ครั้นเมาได้ที่ จัดแจงโทร.หาพริมสารภาพความในใจ แต่ด้วยความเมา ดันโทร.ไปหาปริตา พร่ำเพ้อว่ารักพริมแค่ไหน ชีวิตที่เหลืออยากอยู่กับเธอเท่านั้น ปริตาต้องเตือนว่าเขาโทร.ผิดเบอร์แล้ว เธอคือปริตาไม่ใช่พริม

“คุณทัชมีเรื่องอะไรไม่สบายใจใช่ไหมคะ คุยกับริตาได้นะคะ อย่าลืมว่าเราหัวอกเดียวกัน”

อินทัชดีใจที่จะมีคนให้ระบายความทุกข์ใจ ถามปริตาว่าตอนนี้อยู่ไหนจะไปหา แล้วลุกพรวดพราดขึ้นจากเก้าอี้สะดุดขาตัวเองล้มลงกับพื้นหลับไปเลย ปริตาได้ยินเสียงโครมครามเข้ามาในสายก็ตกใจ ถามว่าเกิดอะไรขึ้น พนักงานผับวิ่งเข้าไปดูเห็นมือถือของอินทัชสายยังคาอยู่ หยิบขึ้นมาแจ้งเหตุร้าย ปริตาหันไปเห็นพริมที่เพิ่งกลับจากซื้อหนังมาเย็บรองเท้าใหม่ก็เลยชวนไปหาอินทัชเป็นเพื่อน

พริมเกรงไปกันสองสาวจะไม่ปลอดภัยโทร.ชวนภูรีไปด้วย ครู่ต่อมา ภูรี พริมและปริตาช่วยกันเอาตัวอินทัชที่ยังเมาหลับไม่รู้เรื่องมาใส่เบาะหลังรถภูรี โดยที่ปริตานั่งหลังคอยช่วยดูเขา ส่วนพริมนั่งหน้าคู่กับภูรี สภาพเมาแอ๋ของอินทัชทำให้ภูรีไม่สามารถพากลับบ้านเขาได้ ก็เลยต้องพาไปนอนค้างที่บ้านตัวเอง

ระหว่างทางอินทัชเริ่มละเมอปีนป่ายมาบนตัวปริตา แรกๆเธอพอทนได้แต่หลังๆเขาแทบจะนั่งบนตัก พริมสงสารเพื่อนอาสาจะไปนั่งแทน ภูรีหึงไม่ยอมให้นั่ง ขอให้ปริตาทำหน้าที่พลขับ ส่วนเขาจะไปดูแลอินทัชให้เอง ปริตาเคยแต่ขับรถเก่าๆของพ่อ เจอรถหรูแพงระยับของภูรีเข้าไปก็เลยขับไปแบบเกร็งๆ...

แม้พริมจะรู้จากปริตาว่าอินทัชก็มีใจให้ แต่เธอไม่ได้หวั่นไหวตามเพราะใจเธอตอนนี้มีแต่ภูรีเช่นเดียวกันกับที่เขาก็มีใจให้เธอ...

ดึกคืนเดียวกัน ภูรีมองจันทร์เต็มดวงก็อดคิดถึงพริมไม่ได้ หยิบมือถือขึ้นมาไลน์หา “ฝันดีนะ...ถั่วพู”

ข้อความที่ภูรีส่งมาให้ พริมอ่านแล้วก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่เป็นอันทำงาน บุสกรยื่นหน้าเข้ามาเตือน ขืนมัวแต่ใจลอยแบบนี้จะเย็บเสร็จหรือ เหลืองานอีกตั้งเยอะ พรุ่งนี้นัดลุงดำเอาไปทำส้นอีก

“เสร็จน่า แกพาริตาเข้าไปนอนในห้องเถอะ พรุ่งนี้แกต้องไปออกบูธกันเดี๋ยวจะไม่มีแรง ที่เหลือฉันทำเอง”

บุสกรพยักหน้ารับรู้ แล้วปลุกปริตาพากันไปนอน ส่วนพริมเลิกคิดถึงภูรี ตั้งใจเย็บรองเท้าให้เสร็จ

ooooooo

ภควัตบินกลับภูเก็ตเพื่อขอเงินพ่อกับแม่ 5 ล้านบาทจะเอามาลงทุนเปิดบริษัทออกาไนซ์ จะได้ไม่ถูกคนอื่นตราหน้าว่าดีแต่ลอยไปลอยมาไม่ทำอะไร ทีแรกคุณภพผู้เป็นพ่อจะไม่ให้เงินเพราะสภาพคล่องทางการเงินไม่ค่อยจะดีนัก แต่สุดท้ายก็ยอมให้ เพราะหวังว่าเงินก้อนนี้จะช่วยให้ลูกโตเป็นผู้ใหญ่สักที...

อ่านละคร เสน่ห์รักนางซิน ตอนที่ 6 วันที่ 2 พ.ค.61

บทประพันธ์โดย จันทริกา
กำกับการแสดงโดย สมจริง ศรีสุภาพ
ผลิตโดย บริษัท กู๊ด ฟิลลิ่ง จำกัด
ช่องออกอากาศ สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ