อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 9 วันที่ 10 พ.ค.61

อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 9 วันที่ 10 พ.ค.61

แมงเม่าถามว่าหรือยังถือโทษโกรธเคืองที่ขุนจิตใจภักดิ์พูดเมื่อวันก่อน เป้าน้ำตาคลอบอกว่า

“หากถือโทษจริง ฉันคงทุกข์น้อยกว่านี้ แต่แรกฉันก็เสียใจที่ได้ยินท่านขุนพูดเช่นนั้น แต่เมื่อพิเคราะห์ดูท่านขุนคงเห็นว่าไม่รอดแน่แล้ว จึงจงใจพูดให้ฉันทำใจ แลกันไม่ให้ฉันต้องเดือดร้อนเสียมากกว่า เมื่อคิดได้เช่นนี้ ฉันก็ยิ่งเสียใจเป็นเท่าทวีคูณ”

“ฉันไม่รู้จะปลอบแม่อย่างไร แต่เคยมีคนพูดกับฉันว่า ‘ทำงานให้หนักเข้าไว้ จะได้ไม่ต้องจมอยู่กับทุกข์’ แม่เป้าร้องไห้ให้พอ แล้วตามฉันไปทำงานเถิดนะ”



แมงเม่าลูบผมเป้าอย่างสงสารและเห็นใจเพื่อน

เวลาเดียวกัน แน่นและขุนเทพชำนาญกับขุนเทพรักษาถูกตีตรวนทั้งห้า คือมือสองเท้าสองและคอหนึ่ง ลงเรือแห่ประจานไปตามคลอง โดนแน่นนั่งเรือลำหนึ่งด้วยสีหน้าเรียบเฉย และขุนเทพชำนาญกับขุนเทพรักษานั่งอีกลำหนึ่ง ต่างร้องไห้ตีโพยตีพายเมื่อรู้ว่าใกล้ตายเข้าไปทุกที

ขันทองนั่งอีกลำหนึ่งกับขุนแผลงฤทธิ์ ขุนแผลงฤทธิ์จับตาดูขันทองตลอดเวลา แต่ขันทองก็มีสีหน้าเรียบเฉยราวกับไม่รู้สึกอะไร ทั้งที่น้ำตาตกในหัวใจแทบสลายที่ต้องเห็นเพื่อนรักตายไปต่อหน้า โดยที่ตนช่วยอะไรไม่ได้เลย...

หลังจากแห่ประจานทางเรือแล้ว ทั้งสามยังถูกนำตัวไปแห่ประจานในย่านร้านค้า แน่นที่บาดเจ็บสาหัสจนล้ม ทหารต้องประคอง ขันทองได้แต่มองอย่างเจ็บปวดแต่สีหน้าเรียบเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เมื่อไปถึงลานประหาร ทั้งสามถูกมัดกับหลักประหาร ผูกตาถือดอกไม้ธูปเทียน ขันทองกับขุนแผลงฤทธิ์นั่งห่างออกไปคอยควบคุมการประหาร

ขุนแผลงฤทธิ์คอยเวลาประหารอย่างกระเหี้ยน กระหือรือ เงยหน้ามองพระอาทิตย์เร่งขันทองว่าได้ฤกษ์แล้วจะช้าอยู่ไย

ขันทองหันสบตาเพชฌฆาต ขบกรามแน่นก่อนพยักหน้าเบาๆ แต่มือกำแน่นจิกเล็บจนเข้าเนื้อ ตาแดงก่ำมองหน้าแน่นเหมือนสั่งลาเป็นครั้งสุดท้าย

เพชฌฆาตเงื้อดาบกะฟันให้คอแน่นขาดในดาบเดียว ขันทองเบือนหน้าไปทางอื่นอย่างไม่อาจทนดูได้ เสียงขุนเทพรักษากับขุนเทพชำนาญร้องไห้โฮเมื่อถึงคิวตัวเอง ขันทองหันกลับมามองสีหน้ายังคงนิ่งเรียบจนพระยากำแหงไม่อาจจับพิรุธได้

ฝ่ายแมงเม่าเฝ้าปลอบโยนเป้าด้วยความเป็นห่วง พอแน่นถูกประหารไปแล้ว ก็อดคิดไม่ได้พึมพำว่า

“เหลืออีกหนึ่งคน...”

หัวค่ำวันนี้แมงเม่าไปรอขันทองที่เรือน พอขันทองกลับมาหลังจากจัดการงานศพของแน่นแล้ว แมงเม่ารีบไปต้อนรับบอกว่าสำรับเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขันทองถามว่าตนจะกินกระไรได้ลง ให้แมงเม่าเก็บสำรับและไปนอนเสีย

แมงเม่าพยายามทำหน้าชื่นบอกว่ามื้อนี้ตนทำเองเลยนะ หากไม่กินตนคงเสียใจแย่ แต่ขันทองยังคงนั่งมองสำรับอาหารหน้าเศร้า แมงเม่าหว่านล้อมว่า คิดบ้างไหมว่าถ้าท่านขุนจิตใจภักดิ์ไม่อยากให้ออกพระเป็นแบบนี้

“ยังมีเรื่องอีกมากนักที่เจ้าไม่เข้าใจ แลฉันก็ไม่อาจเล่าให้เจ้าฟังได้...แต่อย่างไรก็ต้องขอบน้ำใจเจ้ามากนักที่ห่วงใยฉัน”

แมงเม่ามองลึกไปในตาของขันทองแล้วก็รีบหลบสายตา กลัวความรู้สึกลึกๆของตัวเองจะเผยออกมา รีบปั้นยิ้มเปลี่ยนเรื่อง รบเร้าว่าไม่กินข้าวก็ได้แต่กินกับข้าวสักหน่อย หากไม่กินอะไรเลยจะล้มป่วยเอาได้

ขันทองมองกับข้าวบนโต๊ะ สะดุดตาที่ชามใส่แกงจืดโรยปลาป่นซึ่งเป็นของโปรดของสาลิกาแม่ตน ขันทองยิ้มออกมาบางๆที่แมงเม่ายังจำสิ่งนี้ได้ แมงเม่าดีใจที่เห็นเขายิ้ม ขันทองบอกแมงเม่าว่า

“เจ้าตัวดี ฉันไม่ได้อยากกินดอกนะ แต่กลัวเจ้าจะเสียน้ำใจต่างหาก แลฉันกินเสร็จเมื่อใด เจ้าก็รีบกลับไปเถิด ประเดี๋ยวจะถูกเอ็ดเอาอีก”

“เจ้าค่ะ รู้เช่นนี้แล้วก็ต้องกินจนหมดนะเจ้าคะ เพราะฉันขี้น้อยใจเก่ง เสียน้ำใจง่ายมากเสียด้วย”

แมงเม่ายิ้มหน้าเป็น ขันทองถอนใจแล้วค่อยๆ ตักแกงจืดฟักโรยปลาแห้งป่นฝืนกินเข้าไป แมงเม่ามองอย่างสบายใจที่ตนช่วยให้ขันทองคลายทุกข์ลงได้บ้างก็ยังดี...

ขันทองเดินมาส่งแมงเม่า เพราะค่ำแล้วเดี๋ยวแมงเม่าโดนเอ็ดตนก็จะได้ชื่อว่าเป็นต้นเหตุ

“ผู้ใดจะกล้าโทษคุณพระกันเจ้าคะ แค่คุณพระยอมกินฝีมือฉันก็เป็นพระคุณมากแล้วล่ะเจ้าค่ะ”

ขันทองยิ้มน้อยๆ ก่อนที่จะหน้าขรึมลง พูดลอยๆว่า

“เจ้าเป็นสิ่งดีงามสิ่งเดียวที่ฉันได้พบเจอในช่วงหลายวันมานี้เลยนะ...ขอบน้ำใจเจ้านัก”

ขันทองเผลอมองเข้าไปในดวงตาของแมงเม่าจนได้ แมงเม่าเขินอายขึ้นมาอย่างประหลาด รีบหลบสายตาคู่นั้นเดินนำไป ขันทองเองก็ยิ้มเขินแล้วรีบเดินตามไปส่ง

พระยากำแหงซุ่มดูอยู่ เห็นอากัปกิริยาของทั้งสองแล้วนึกระแวง หึงหวง เริ่มรู้สึกไม่ไว้ใจขันทองขึ้นทุกที

ooooooo

สองสามวันต่อมาที่ค่ายพระยาตาก เยื้อนยกสำรับอาหารมาให้พระยาตาก หลวงพิชัย ม่วง และพันหาญล้อมวงกินกัน

พันหาญเอ่ยอย่างเสียใจมากว่า ตนเลี้ยงดูแน่นมาแต่เล็กแต่น้อย พอได้ข่าวจากขันทองว่าแน่นตายก็เสียใจ อยากจะไปจุดธูปไหว้ศพก็เกรงพระยาพลเทพจะส่งคนมาทำร้ายอีก

“อย่ากังวลเลยหัวพัน” พระยาตากเอ่ยขึ้น

“วันใดฉันมีราชการต้องเข้าไปในอโยธยา หัวพันก็ตามฉันไปเถิด พวกเราไปไหว้ศพพ่อแน่นด้วยกันจะได้ไม่มีใครคิดร้ายกับหัวพันได้”

หลวงพิชัยถามว่าพ่อแน่นตายไปแล้วเช่นนี้พ่อขันทองจะไม่มีภัยไปด้วยหรือ พันหาญบอกว่าจากความในหนังสือของพ่อขันทอง พ่อแน่นยอมตายก็เพื่อช่วยพ่อขันทองรักษาความลับไว้ คาดว่าเพลานี้คงไม่เป็นกระไร หลวงพิชัยพยักหน้า พระยาตากติงว่า

“แต่ฉันไม่อยากให้วางใจนัก หากเห็นท่าไม่ดีก็ให้พ่อขันทองหนีมาหาฉันเถิด อีกไม่นานคงเกิดศึกใหญ่กับอังวะ ถ้าเราชำนะศึก พ่อขันทองก็ได้ความชอบ ผิดที่เป็นจารบุรุษก็หักกลบลบล้างได้ อย่ากังวลไปเลย”

ขณะนั้นหลวงพิชัยเห็นเยื้อนเงี่ยหูฟังอยู่ก็พูดขำๆว่าจะลำบากเงี่ยหูฟังทำไมให้มานั่งฟังเสียด้วยกันเลย เยื้อนถูกจับได้ ย้อนถามอย่างไม่พอใจ ว่าใครจะอยากฟังเรื่องของอ้ายคนไม่ชายไม่หญิงกันเล่า อยากให้ตายเร็วๆ เสียมากกว่า พอเดินลับหลังมาก็กล่าวอาฆาตว่า

“ออกพระศรี หากท่านจะตายก็ต้องตายด้วยน้ำมือของอีเยื้อนเท่านั้น”

ooooooo

อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 9 วันที่ 10 พ.ค.61

ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว บทประพันธ์โดย วรรณวรรธน์
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว บทโทรทัศน์โดย เอกลิขิต
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว กำกับการแสดงโดย กิตติศักดิ์ ชีวาสัจจาสกุล
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ผลิตโดย บริษัท ทีวีซีน จำกัด
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ออกอากาศทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ