อ่านละคร เสน่ห์รักนางซิน ตอนที่ 8 วันที่ 6 พ.ค.61
ด้วยความใสซื่อ จริงใจและมองโลกสวยไปทุกเรื่อง ทำให้คุณณีตระหนักว่าปริตาไม่ได้คิดร้ายอะไร ยินดีรับเธอเข้าทำงานที่บริษัท ไม่ใช่ตำแหน่งเลขาฯของอินทัช แต่ส่งเธอไปอยู่แผนกตัดเย็บอย่างที่เธอถนัดและชื่นชอบ อินทัชไม่เข้าใจถ้าแม่กลัวว่าปริตาคิดไม่ดีกับเขา ทำไมยังให้เธอทำงาน“เราสองคนจะได้อยู่ในสายตาของแม่ไงล่ะ”...
สามสาวเลี้ยงฉลองงานใหม่ของปริตาด้วยการชนแก้วน้ำแดง โดยมีอาหารอีสานรสแซ่บเป็นของแกล้ม บุสกรนึกถึงเรื่องพ่อของพริมขึ้นมาได้ ถามว่าคุณบารมีได้ติดต่อจะมอบของตอบแทนให้พริมหรือยัง หรือว่าเขาเบี้ยวไปแล้ว เธอไม่คิดว่าเขาจะเบี้ยว แต่ที่ยังไม่ให้เพราะวิกกี้ยังเรียนไม่จบ รองเท้าที่ให้วิกกี้ลองตัดคู่แรกลุงดำยังไม่ยอมทำพื้นให้ บุสกรส่ายหน้า ขืนรอลุงดำคงต้องชาติหน้าตอนตีสาม พริมเองไม่ได้คิดจะรอสักหน่อย
“แกคิดจะทำอะไรอีก” บุสกรมองพริมอย่างรอคำตอบ
พริมไปสืบมาแล้วว่าวันพรุ่งนี้บารมีออกไปหาลูกค้าข้างนอกจะกลับเข้าห้างฯอีกทีประมาณบ่ายสามโมง พอท่านมาถึงประตูข้างห้างฯซึ่งเป็นทางเข้าประจำของท่าน เธอจะแกล้งเป็นลมแล้วให้ปริตากับบุสกรวิ่งมาหาพร้อมกับตะโกนเรียกเธอดังๆให้บารมีได้ยิน พอท่านหันมาสนใจก็ให้ทั้งสองสาวดราม่าให้เต็มที่ว่าที่เธอเป็นแบบนี้ก็เพราะอดหลับอดนอนเตรียมการสอนวิกกี้อยู่ตั้งหลายวัน เตือนแล้วก็ไม่เชื่อ
บารมีก็จะเห็นใจและจะเสนอว่าพริมอยากได้อะไรเป็นการตอบแทนที่ทุ่มเทให้วิกกี้ขนาดนี้
“ฉันจะเอาหลักฐานที่เกี่ยวกับพ่อให้คุณบารมีดู ให้เขาช่วยตามหาพ่อที่เคยทำงานเป็นหัวหน้า รปภ.ของห้างฯไดม่อน ตกลงตามนี้นะ”
ปริตากับบุสกรพยักหน้ารับคำด้วยสีหน้ามุ่งมั่นเอาจริง
ooooooo
พัชราทำตามที่พูดไว้ไม่มีผิดเพี้ยน ลากตัวพงศกรไปทำงานที่ห้างฯด้วย โดยให้สวมชุดพนักงานและบอกกับสมรและพนักงานคนอื่นว่าเขารบเร้าให้ตนพามาฝึกงานจะได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ใครเห็นหน้าก็รู้ว่าไม่ได้เป็นอย่างนั้น เพราะพงศกรหน้างอเป็นม้าหมากรุก
สมรหน้าไหว้หลังหลอกตัวแม่อยู่ต่อหน้าพัชราทำเป็นชื่นชมพงศกรแถมจะช่วยป่าวประกาศให้รู้กันทั่วว่าเขาเป็นเด็กดีแค่ไหน ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ด้วยการมาฝึกงานที่นี่ แต่พอลับหลังเท่านั้นเธอนินทาสนุกปาก
“รู้แล้วเหยียบให้มิดนะ ได้ยินว่าลูกนางไปก่อเรื่องมาอีกแล้ว”...
พอได้เวลาใกล้บ่ายสามโมง พริมมาดักรอบารมีที่ประตูข้างห้างฯตามที่วางแผนไว้กับปริตาและบุสกร แต่ผิดแผนเพราะแองจี้กับพวกมาเห็นเสียก่อน ล้อมกรอบเธอไว้ พริมเห็นบารมีลงจากรถไปด้วยคุยมือถือไปด้วยกำลังเดินเข้าห้างฯ พุ่งชนแองจี้กระเด็นจะไปหาเขาให้ได้ แต่นิดหน่อยคว้าแขนเธอจับเหวี่ยง ทั้งคนทั้งกระเป๋าใส่เอกสารรวมทั้งแบบร่างรองเท้าของพ่อกระเด็นไปคนละทิศละทาง ข้าวของข้างในกระเป๋าร่วงกระจาย
นิดหน่อยกับใบเตยจะเข้าไปจับตัวพริม แต่บุสกรมาขวางไว้ ขู่ฟ่อถ้าไม่อยากเจ็บตัวด้วย ถูกไล่ออกด้วยก็เข้ามาได้เลย ทั้งสองคนไม่กล้าทำให้พริมฉวยโอกาสวิ่งไปเก็บข้าวของ ปริตาตามไปช่วยอีกแรงหนึ่ง
“งั้นก็ให้พริมไปขอโทษแองจี้ซะดีๆ” ใบเตยกร้าวใส่
พริมไม่สนใจจะทำตาม เพราะธุระของตัวเองสำคัญกว่า แล้วเหลือบเห็นบารมีเดินย้อนกลับมาพลางโบกมือเรียกคนขับรถอย่าเพิ่งไปตนลืมของไว้ในรถ ปริตาหยิบซองเอกสารที่ตกอยู่ยื่นให้เพื่อนอย่าลืมเอานี่ไปด้วย แองจี้อยากรู้ว่าในนั้นมีอะไรกระชากซองไปจากมือปริตาแล้วหยิบเอกสารข้างในออกมาดู เห็นเป็นแค่แบบร่างรองเท้าผู้หญิง บุสกรไม่พอใจคว้าแบบนั้นคืน แองจี้ไม่ให้ยื้อไว้ พริมตกใจกลัวมันจะขาด ร้องห้ามเสียงหลง
บุสกรเตะสีข้างแองจี้ถึงได้ยอมปล่อยมือ นิดหน่อยเห็นอย่างนั้นก็จับแขนบุสกรข้างที่ถือแบบร่างเหวี่ยงไปรอบๆหลายรอบแล้วปล่อยมือ บุสกรลอยไปตามแรงเหวี่ยงมหาศาลของเธอ กระดาษแบบร่างปลิวไปตกท้ายกระบะที่ขับผ่านมาพอดี บุสกรรีบวิ่งตามโดยมีปริตากับพริมตามไปอีกทอด นิดหน่อยขยับจะไปด้วยแองจี้ไม่ให้ตาม
สั่งให้มาช่วยพยุงตนเองหน่อย บุสกรไล่กวดรถกระบะจนทัน เอาแบบร่างคืนมาได้
พริมเห็นแบบรองเท้ายับยู่ยี่ถึงกับน้ำตาร่วง แม้จะได้แบบร่างคืนแต่ก็ไม่ได้เจอกับบารมี...
แองจี้นำเรื่องที่พริมจะเอาแบบร่างรองเท้าอะไรก็ไม่รู้มาให้บารมีดูไปเล่าให้พัชราฟัง สมรเตือนว่าชักจะมีกลิ่นทะแม่งๆ คราวก่อนบารมีก็ใจอ่อนยอมให้เงินนังพริมไปง่ายๆอาจจะเป็นเพราะแรงฤทธิ์พิศวาสก็ได้
“คุณพัชราอยากให้สมรกับเด็กๆช่วยทำอะไรบอกได้เลยค่ะ”
“ช่วยหุบปากแล้วกลับไปทำงานกันสักที ฉันรู้จักสามีฉันดี เขารักลูกรักครอบครัว เขาไม่มีวันนอกใจฉัน ส่วนเรื่องรูปของพริม อาจจะเกี่ยวกับที่วิกกี้ไปเรียนตัดรองเท้ากับมัน และถ้าฉันได้ยินพวกเธอวิจารณ์สามีฉันอีก ฉันจะไล่ออกให้หมด ออกไป” พัชรารอจนสมรกับพวกไปหมดแล้วนึกสงสัยเช่นกันว่าแบบร่างอะไร...
ถึงแม้แผนการที่วางไว้จะพังไม่เป็นท่า แต่พริมก็ไม่ท้อเพราะมีเพื่อนรักสองคนคอยเป็นกำลังใจให้...
อีกมุมหนึ่งที่แผนกรองเท้า พงศกรกำลังอารมณ์เสียที่ลูกค้าลองรองเท้าเป็นสิบคู่แต่ไม่ซื้อสักคู่ ตอนที่วีรีลากกระเป๋าเดินทางเข้ามาหา เขาแทบช็อกกวาดตามองไปรอบๆกลัวแม่มาเห็นรีบคว้ามือเธอพาออกมานอกห้างฯถามว่ามาที่นี่ได้อย่างไร เธอนั่งเครื่องบินมาจากอเมริกาเมื่อเช้า จากนั้นก็นั่งแท็กซี่ไปหาเขาที่บ้านแต่เห็นเขานั่งรถออกมากับแม่ เธอก็เลยให้แท็กซี่ขับตาม แล้วตัดพ้อทำไมเขาไม่ติดต่อมาหากันบ้าง
พงศกรซักเป็นการใหญ่แล้วนี่พ่อของเธอรู้เรื่องที่เธอมาที่นี่หรือเปล่า วีรีส่ายหน้าโผกอดเขาไว้ เธอกับลูกทนคิดถึงเขาไม่ไหวก็เลยต้องตามมาที่นี่ เขาไม่พอใจผลักเธอออกห่าง วีรีเห็นกิริยาของเขาก็พอเดาออกว่าไม่เหลือเยื่อใยให้กันอีกแล้ว ถึงกับร้องไห้โฮ ทำไมถึงทำกับเธอแบบนี้ไม่รักเธอแล้วใช่ไหม
“กลับไปได้แล้ว ก่อนที่ใครจะมาเห็นเข้าแล้วเอาไปฟ้องคุณแม่พี่ เธอจะเดือดร้อน”
“แต่วีไม่มีที่ไป วีไม่มีเพื่อนไม่มีญาติอยู่ที่นี่เลย วีตั้งใจจะมาอยู่กับพี่พงศ์” วีรีกอดแขนพงศกรออดอ้อน เขาหมดรักเธอแล้ว ไล่ตะเพิดไปให้พ้นก่อนจะเดินหนี วีรีวิ่งตามทั้งน้ำตาโผกอดเอวเขาไว้ พงศกรแกะมือเธอออกผลักกระเด็นลงไปกองกับพื้น แล้วเดินจากไป วีรียันตัวเองลุกขึ้นได้จะวิ่งตามแต่หน้ามืดวิงเวียนทรุดลงไปนั่งกับพื้นอย่างเดิม บุสกรกับปริตาเดินโอบพริมเลี้ยวหัวมุมตึกมาเห็นเข้ารีบเข้าไปช่วยเหลือ...
จากนั้นไม่นาน วีรีถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล หมอตรวจอาการอย่างละเอียดแล้วพบว่าเธอท้อง ที่เป็นลมก็เพราะอ่อนเพลีย จึงให้น้ำเกลือเธอหนึ่งขวดแล้วอนุญาตให้ไปพักผ่อนต่อที่บ้านได้ เธอไม่มีญาติที่ไหนในเมืองไทย อีกทั้งพ่อของลูกก็ไม่ต้องการเธอกับลูก วีรีเคว้งคว้างไม่รู้จะทำอย่างไร พริมสงสารจึงให้ไปพักที่บ้านตัวเองไปพลางก่อนจนกว่าจะคิดอะไรออก
เนื่องจากตอนนี้วีรีเปราะบางมาก พริมไม่อยากให้อยู่ลำพังก็เลยให้นอนห้องเดียวกันกับตัวเอง วีรีขอบคุณเธอมากที่ช่วยเหลือ สัญญาจะไม่รบกวนเธอนาน จะหาทางเคลียร์กับแฟนให้รู้เรื่อง
“ไม่ต้องรีบร้อนหรอกนะ พริมมันขี้เหงา มีวีมาอยู่เป็นเพื่อนจะได้ลดภาระของพวกพี่ใช่ไหมริตา”
ปริตาไม่รับมุกของบุสกร ปฏิเสธว่าเปล่า เราสองคนมาขอพริมอยู่เองต่างหาก วีรีเห็นความสัมพันธ์อันแนบแน่นของสามสาวก็อดยิ้มไม่ได้ จังหวะนั้นมีเสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น ปริตาอาสาไปดูให้ หายไปสักพักได้ยินเสียงตะโกนบอกพริมว่าคุณภูมา พริมเดินผ่านโต๊ะทำงานจะไปหาภูรีที่ห้องรับแขก เห็นกล่องรองเท้าฝีมือวิกกี้ที่ให้ลุงดำเอาไปทำส้นให้วางอยู่ เธอหยิบขึ้นมาดู เห็นรองเท้าทำเรียบร้อยยิ้มพอใจ
“คุณมาเอารองเท้าของคุณวิกกี้ใช่ไหมคะ ลุงดำทำให้เสร็จพอดีเลย” พริมหยิบกล่องรองเท้าใส่ให้ภูรี
“คุณริตาเล่าเรื่องวีรีให้ผมฟังแล้ว คุณแน่ใจแล้วใช่ไหมที่จะให้น้องอยู่ที่นี่กับคุณ”
พริมเข้าใจถึงความห่วงใยของภูรี แต่เธอไม่คิดว่าวีรีจะเป็นพวกสิบแปดมงกุฎ หากเขาได้ทำความรู้จักกับน้อง เขาจะรู้ว่าน้องไม่มีพิษมีภัยอะไรเลย
ooooooo
ภูรีเอารองเท้าที่ลุงดำเพิ่งทำส้นเสร็จไปให้วิกกี้ที่บ้านแต่เช้า เธอเห็นรองเท้าที่ตัวเองทั้งออกแบบทั้งตัดเย็บ รีบเอามาลองสวมมันใส่สบายอย่างไม่น่าเชื่อ เธอหมุนตัวก้มดูรองเท้าภูมิใจสุดๆ บารมีเข้ามาเห็นสีหน้ามีความสุขของลูกก็พลอยสุขใจไปด้วย ภูรีชมว่าดูจากฝีมือของเธอแล้วใช้ได้ทีเดียว
“นี่ถ้าได้ฝึกบ่อยๆ พี่ว่า P.PAUL มีหนาวเลยนะ”
วิกกี้ยิ้มรับ แล้ววานให้ภูรีถ่ายรูปให้ด้วย จะเอาไปลง IG บารมีที่ยืนดูอยู่นึกถึงรูปถ่ายที่พริมส่งมาให้ซึ่งติดแบบร่างรองเท้ามาด้วยก็อดสงสัยไม่ได้ รอจนภูรีอยู่ตามลำพังเอารูปนี้ไปถามว่าเคยเห็นแบบร่างเต็มๆไหมหน้าตาเป็นอย่างไร เขาโกหกว่าเป็นรูปสเกตช์รองเท้าที่พริมตัดมาจากนิตยสาร บารมีพยักหน้ารับรู้ไม่ติดใจสงสัยอะไรอีก โดยไม่ลืมชื่นชมพริมที่สามารถทำให้วิกกี้ลงมือทำอะไรสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันได้ ภูรีเห็นด้วย
“คุณพริมเป็นผู้หญิงมหัศจรรย์ครับ”...
ทางฝ่ายวีรีพยายามโทร.ถามเบอร์มือถือของพงศกรจากเพื่อนๆเขาแต่ไม่มีใครยอมให้เพราะเขาห้ามไว้ เธอเสียใจมากปล่อยมือถือในมือลงพื้นกรีดร้องออกมาอย่างสุดกลั้น พริมได้ยินเสียงร้องเข้าไปดึงตัวมากอด ปลอบให้ใจเย็นๆไม่นึกถึงตัวเองก็ให้นึกถึงลูก เธอไม่ต้องการลูกอีกแล้วให้ตายไปเลยยิ่งดีจะได้ไม่ต้องรู้ว่าพ่อของแกไม่ต้องการแกแล้ว จากนั้นทุบท้องตัวเอง พริมต้องจับมือไว้ไม่ให้เธอทำร้ายตัวเอง
วีรีดิ้นหนี ข้าวของในห้องกระจุยกระจาย พริมต้องออกแรงมากขึ้นอีกในที่สุดก็จับเธอไว้ได้ แล้วหยิบรูปแม่ตัวเองมาให้วีรีดู ผู้หญิงคนนี้ก็ท้องไม่มีพ่อเหมือนกันแต่ท่านไม่เคยเห็นแก่ตัวคิดทิ้งลูก พริมกล่อมจนวีรีล้มเลิกความตั้งใจที่จะทำร้ายลูกในท้องได้สำเร็จ แล้วดึงเธอมากอดไว้
“เรื่องผิดพลาดที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เรากลับไปแก้ไขไม่ได้ แต่เราป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นอีกได้ ไปล้างหน้าเถอะค่ะ เดี๋ยวมากินข้าวกัน” พริมประคองวีรีให้ลุกขึ้นไปเข้าห้อง แล้วกลับมาเก็บข้าวของที่เกลื่อนพื้น เจอรูปใบหนึ่งเป็นรูปคู่ของพงศกรกับวีรีสมัยยังรักกันหวานชื่นก็ตกใจรีบเอารูปนี้ไปถามวีรีว่าผู้ชายในรูปเป็นใคร ปรากฏว่าเขาเป็นพ่อของเด็กในท้อง...
พริมกำลังกลุ้มใจเรื่องของพงศกรกับวีรีตอนที่บารมีโทร.ขอบใจที่ทำให้วิกกี้สามารถทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันได้แถมยังรู้สึกภูมิใจกับสิ่งที่ตัวเองทำออกมา
“พรุ่งนี้พริมว่างไหม มากินข้าวด้วยกันหน่อยสิ เผื่อมีอะไรที่ฉันจะตอบแทนพริมได้ พริมจะได้บอกฉัน”
นี่เป็นคำพูดที่พริมรอคอยมาตลอด เพราะหวังจะให้บารมีช่วยตามเรื่องพ่อของเธอให้ แต่ในเมื่อมีเรื่องพงศกรกับวีรีแทรกเข้ามาทำให้เธอคิดไม่ตก ซื้อพวงมาลัยดอกมะลิไปกราบอัฐิแม่ที่วัด บ่นให้ฟังว่าจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ดี ภูรีรู้จากวีรีว่าพริมไปวัดรีบตามมา เห็นสีหน้าไม่สู้ดีนักของเธอถามว่ามีอะไรหรือเปล่า
เธอเล่าเรื่องที่พงศกรเป็นพ่อของเด็กในท้องวีรีให้ฟัง รวมถึงเรื่องที่บารมีถามว่าเธออยากได้อะไรตอบแทนที่ช่วยสอนวิกกี้ตัดรองเท้าจนสำเร็จ แม้พริมอยากให้บารมีช่วยตามเรื่องพ่อให้ แต่เรื่องของวีรีสำคัญกว่า เธอจึงตัดสินใจจะขอให้ท่านช่วยวีรี ภูรีภูมิใจในตัวพริม การกระทำของเธอยิ่งทำให้เขารักเธอมากขึ้นอีก จนอยากจะสารภาพรักให้รู้แล้วรู้รอดถ้าไม่ติดว่าอยู่ในวัด
ooooooo
ระหว่างที่พริมไปกินข้าวกับบารมีตามที่นัดกันไว้ พงศกรโทร.มาเล่นงานวีรีที่เที่ยวโทร.ไปขอเบอร์เขาจากเพื่อนๆของเขาไม่พอ ยังสั่งให้เธอเลิกยุ่งกับเขาสักที เขาไม่ต้องการให้ใครรู้เรื่องของเราเพราะเขาอายเพื่อนๆ วีรีน้อยใจมากนี่เขาไม่เคยรักเธออย่างที่เคยพร่ำบอกเลยใช่ไหม
“ที่พี่จีบเธอมีอะไรกับเธอก็เพราะว่าเพื่อนมันท้า แต่ถ้ารู้ว่าเธอจะทำตัวงี่เง่าสร้างปัญหาขนาดนี้ พี่ไม่รับคำท้าพวกมันหรอก จำเอาไว้ ต่างคนต่างอยู่” พงศกรวางสายไม่ไยดี วีรีปล่อยโฮ มือจิกตุ๊กตาที่พงศกรให้ไว้แน่น
ครู่ต่อมาปริตาถือถุงใส่อาหารเข้ามาในบ้านร้องเรียกวีรีอยู่นานไม่เห็นขานตอบ เดินหาจนทั่วบ้านก็ไม่เจอ เริ่มเป็นกังวล...
กินข้าวจนอิ่มหนำสำราญแล้วพริมก็ยังไม่ได้บอกบารมีสักคำว่าอยากได้อะไรเป็นของตอบแทนที่ช่วยสอนตัดรองเท้าให้วิกกี้ เธอแค่อยากให้เขาเมตตาเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ยังไม่ทันบอกว่าใคร ปริตาโทร.มาหาเธอเสียก่อน พริมกดตัดสายทิ้งไม่คิดว่าเป็นเรื่องสำคัญ โทร.หาพริมไม่ได้ ปริตาโทร.หาภูรีแทนคิดว่าอยู่ด้วยกัน จะให้มาช่วยกันตามหาวีรี ไม่รู้หายไปไหน แต่ถ้าเขาไม่ได้อยู่กับพริมก็ไม่เป็นไรแล้ววางสายไปเลย...
บารมีตกใจคิดไม่ถึงว่าวีรีจะตามพงศกรมาเมืองไทย ที่สำคัญคิดว่าพัชราเคลียร์ปัญหานี้จบไปแล้ว มีสายจากปริตาเข้ามาอีก คราวนี้พริมรับสายต้องตกใจเมื่อรู้เรื่องที่วีรีหายตัวไป...
โทร.หาพริมเรียบร้อย ปริตาโทร.กลับมาแจ้งภูรีอีกรอบว่าติดต่อพริมได้แล้ว เธอกำลังจะกลับมาที่บ้านพร้อมบารมี ภูรีตกใจถึงกับร้องเอะอะนี่คุณน้ากำลังจะไปบ้านพริมหรือ
ไม่นานนักบารมีขับรถมาถึงหน้าบ้านพริม
ทั้งแปลกใจทั้งตกใจปนกันทำไมถึงอยู่บ้านเดียวกับพาพร ถามเธอว่าอยู่ที่นี่มานานแล้วหรือ เธอพยักหน้าอยู่กับแม่มาตั้งแต่เกิด แล้ววิ่งเข้าบ้านร้องเรียกปริตาว่าเจอวีรีหรือยัง ในเมื่อยังไม่มีวี่แววของวีรี สองสาวชวนกันออกตามหา ปล่อยให้บารมีรออยู่ที่บ้านไปก่อน
บารมีมองไปรอบๆอย่างคุ้นเคย โซฟาตัวเก่ายังตั้งอยู่ที่เดิม เฟอร์นิเจอร์ก็ยังเป็นตัวเดิมเพียงแต่เก่าไปตามเวลา เขาเดินเรื่อยเปื่อยเข้าไปในห้องทำงาน มีลมพัดมาวูบหนึ่งพัดกระดาษที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานร่วงลงพื้น เขาก้มเก็บกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาดูถึงได้เห็นว่าเป็นแบบร่างรองเท้าฝีมือตัวเอง แล้วหันไปเห็นรูปถ่ายของพาพรตั้งอยู่ ถึงกับอึ้ง
ooooooo
ขณะที่พริมกับปริตาเดินถามชาวบ้านในละแวกนั้นว่าเห็นวีรีบ้างหรือเปล่า ภูรีเดินนำอินทัชเข้ามาในบ้านพริมเจอบารมีอยู่ที่นั่นก่อนแล้ว ท่านแปลกใจสองหนุ่มมาทำอะไรแถวนี้ ภูรีรู้เรื่องที่วีรีหายตัวไปก็เลยจะมาช่วยตามหา บารมีหยิบรูปถ่ายของพาพรมาถามภูรีรู้ไหมว่าเป็นใคร
“คุณน้าพาพรเป็นแม่ของคุณพริมครับ...เราออกไปข้างนอกกันดีไหมครับ ผมอยากจะปรึกษาคุณน้าเรื่องขยายช็อป P.PAUL ของคุณน้า”
บารมีไม่ไปไหนทั้งนั้นจะอยู่เจอพริมก่อน เนื่องจากมีหลายเรื่องต้องถาม ภูรีพยายามล่อหลอกให้ท่านไปจากที่นี่ ยังไม่อยากให้ความลับเรื่องที่ท่านเป็นพ่อของพริมเปิดเผย อินทัชต้องช่วยหลอกล่ออีกแรงหนึ่ง ท่านถึงยอมออกมา อินทัชถึงกับโล่งอกอย่างน้อยความลับที่กำลังจะถูกเปิดเผยได้ยืดเวลาออกไปอีกหน่อย
“แกออกไปกับคุณน้าก่อน ฉันจะวางขนมกับเขียนโน้ตไว้ให้คุณริตาก่อน เธอกลับมาจะได้รู้”
ภูรีกับบารมียังไม่ทันจะไปไหน ลุงดำโผล่เข้ามาเสียก่อน ครั้นเห็นหน้าบารมีเท่านั้นก็หน้าตื่น อ้าปากจะด่า แต่กลับทำเป็นจำไม่ได้ หันไปโวยใส่ภูรีพามันมาที่นี่ทำไม กำลังจะอ้าปากพูดเรื่องที่พริมเป็นลูกของบารมี อินทัชเอาขนมปังก้อนใหญ่ยัดปากไว้ได้ทัน แล้วช่วยกันกับภูรีหิ้วปีกลุงดำออกมาถึงหน้าบ้าน ลุงดำดิ้นหลุดเอาขนมปังออกจากปาก ด่าภูรีไม่เลี้ยงเพราะคิดว่าเป็นคนพาบารมีมา สั่งให้เอาตัวมันออกไป
“ลุงดำใจเย็นๆก่อนสิครับ ผมไม่ได้พาคุณน้าบารมีมา เขามากับพริม”
ได้ยินอย่างนั้นลุงดำทรุดฮวบร้องไห้โฮ คิดว่าพริมรู้เรื่องที่บารมีเป็นพ่อแล้ว ฟูมฟายขอโทษต่อวิญญาณของพาพรที่รักษาความลับไว้ไม่ได้ ตนสมควรตาย ภูรีขอร้องอย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้ บารมียังไม่รู้เรื่องนี้ เจ้าตัวตามมาสมทบพอดีถามว่าไม่รู้เรื่องอะไร ภูรียังไม่ทันจะตอบ
ลุงดำไล่ตะเพิดบารมีไปให้พ้น อย่ามายุ่งกับพริม บารมีสงสัยทำไมจะยุ่งไม่ได้ ลุงดำไม่พอใจเข้าไปกระชากคอเสื้อเขา ภูรีกับอินทัชต้องช่วยกันห้ามไว้
“พวกเอ็งปล่อยข้า ข้าจะเอามันออกไป บอกให้ ปล่อยไงล่ะ” ลุงดำสะบัดหนีแรงไปหน่อยตัวเองเสียหลักล้มโครมลงไปกับพื้น หลับไปด้วยความเมากรนคร่อกๆ สองหนุ่มต้องช่วยกันหิ้วปีกแกกลับไปนอนบ้าน แล้วถึงย้อนกลับมาหาบารมีอีกครั้ง ท่านรู้สึกได้ว่ามีเรื่องบางอย่างที่ภูรีปิดบังจึงขอให้พูดมาตรงๆจะดีกว่า
“คุณน้ามากับผมเถอะครับ ผมจะพาคุณน้าไปเจอใครคนหนึ่ง” ภูรีว่าแล้วเดินนำบารมีออกไป ไม่นานนัก ทั้งคู่มาถึงเจดีย์เก็บอัฐิของพาพร บารมีเห็นรูปที่ติดอยู่ด้านหน้าเจดีย์ถึงกับใจหายไม่คิดว่าความตายจะมาพรากเธอไปจากเขา ค่อยๆเอื้อมมือไปแตะที่รูป ก่อนจะร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายใคร...
ในที่สุดพริมกับปริตาหาตัววีรีเจอ เธอนอนหมดสติอยู่ท้ายซอยต้องให้ชายชาวบ้านคนหนึ่งอุ้มมาส่ง ปริตารีบเอาผ้าขนหนูกับอ่างน้ำอุ่นเอามาเช็ดเนื้อตัวให้วีรี
พริมแปลกใจที่เห็นรถภูรีจอดอยู่แต่เจ้าของรถหายไป...
หลังบารมีหายเศร้าจากการสูญเสียผู้หญิงที่ตัวเองรักไป ภูรีเล่าเรื่องน่ายินดีว่าพริมเป็นลูกของท่านที่เกิดกับพาพร ลุงดำเล่าให้ตนฟังว่าวันที่พาพรเลิกกับบารมีก็พบว่าตัวเองตั้งท้อง แต่เธอเลือกที่จะไม่บอกท่านเพราะไม่อยากให้ลำบากใจ บารมีเข่าอ่อนแทบทรงตัวไม่อยู่ ภูรีต้องช่วยประคองเอาไว้
ครั้นตั้งหลักได้ บารมีรีบออกจากวัดจะไปบอกพริมถึงข่าวดีนี้ ภูรีตามมาห้ามไว้ ขอร้องอย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้ให้เธอรู้ เขารู้ว่าท่านอยากจะดูแลพริมไม่อยากให้ต้องลำบากอีกต่อไป แต่ขอให้คิดดูให้ดีๆก่อนว่าครอบครัวของท่านจะทำใจกับเรื่องนี้ได้หรือ โดยเฉพาะพัชรา และเท่าที่เขารู้จักพริมมา ถ้าเธอรู้ว่าตัวเองไปสร้างความลำบากให้ชีวิตใคร เธอจะเลือกเป็นฝ่ายไป บารมีขอความเห็นจากภูรีว่าควรจะทำอย่างไร
“ทำให้คุณน้าพัชรา วิกกี้ พงศกร แน่ใจว่าจะไม่มีใครมาแย่งความรักของคุณน้าไปจากพวกเขา เพื่อที่สักวันพวกเขาจะเต็มใจยอมรับคุณพริมเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว”...
บารมีอึดอัดใจมากทั้งที่พริมอยู่แค่เอื้อมแต่ไม่สามารถเปิดเผยตัวว่าเป็นพ่อ ภูรีได้แต่ยิ้มเป็นกำลังใจให้
ooooooo
อ่านละคร เสน่ห์รักนางซิน ตอนที่ 8 วันที่ 6 พ.ค.61
บทประพันธ์โดย จันทริกากำกับการแสดงโดย สมจริง ศรีสุภาพ
ผลิตโดย บริษัท กู๊ด ฟิลลิ่ง จำกัด
ช่องออกอากาศ สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ