อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 8 วันที่ 6 พ.ค.61

อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 8 วันที่ 6 พ.ค.61

เมื่อเอากลักไปให้เจ้าจอมเพ็ญดู เจ้าจอมบอกว่าไม่ผิดแน่ พระยาพลเทพติงว่าสิ้นกังวลไปได้กึ่งหนึ่งเท่านั้น ตนต้องขอดูสาส์นลับในกลักก่อนว่าใช่ของจริงหรือไม่ ขุนแผลงฤทธิ์รีบยื่นให้ดู

พระยาพลเทพคลี่กระดาษในกลักออกกวาดตาดูก็หน้าเครียดทันทีบอกว่า แค่อ่านผ่านๆยังรู้ว่าเป็นเพลงยาวเกี้ยวหญิงเท่านั้น ด่าจมื่นศรีสรรักษ์กับขุนแผลงฤทธิ์ว่า “พวกเจ้าสองคนโง่เง่าเอามาได้อย่างไร”

เจ้าจอมเพ็ญรับกระดาษจากพระยาพลเทพไปอ่าน ตกใจยืนยันว่าไม่ผิดแน่ เพราะสาส์นลับมีเพียงวรรคเดียวแต่นี่มีถึงสี่วรรค ของปลอมชัดๆ แล้วขยำกระดาษทิ้งอย่างฉุนเฉียว



จมื่นศรีสรรักษ์กับขุนแผลงฤทธิ์หน้าเสียแก้ตัวว่านังเด็กนั่นเอามาให้กับมือเราก็คิดว่าเป็นของจริง ขุนแผลงฤทธิ์แค้นมาก บอกว่าตนจะไปเค้นคอเด็กนั่นเอง คราวนี้จะให้มันมอบของจริงออกมาให้ได้

“อยากหัวขาดก็ไปเลย เพลานี้มันอยู่กับกรมขุนวิมล อย่าว่าเค้นคอเลย จับชายสไบมันให้ได้ก่อนเถิด”

“นังแมงเม่า เมื่อเอ็งกล้าหลอกข้า ข้าก็จะทำให้เอ็งไม่เป็นสุขอีกเลยในชาตินี้” เจ้าจอมเพ็ญอาฆาต

แมงเม่าอยู่ที่เรือนคุณท้าวโสภา เพ่งมองกระดาษสาส์นลับด้วยสีหน้าเคร่งเครียดที่กระดาษแผ่นนี้ทำให้ครอบครัวตนต้องหายนะเช่นนี้ ตนจึงต้องเก็บมันไว้

ขณะนั้นเองเป้ามาบอกว่าเสด็จท่านทรงให้หา มีเรื่องดีน่ะ

แมงเม่าไปกราบกรมขุนวิมล เอ่ยอย่างซาบซึ้งที่ท่านจะรับตนไว้เป็นข้าหลวงและยังช่วยพ่อกับครอบครัวตนอีกด้วย

“คนที่ช่วยพ่อเจ้าคือออกพระศรีต่างหาก ฉันเพียงแต่รับครอบครัวเจ้าไว้ในอุปถัมภ์ จะได้ไม่มีคนกล้ารังแกอีก” แล้วบอกคุณท้าวโสภาว่า “นับแต่นี้ เรื่องฝึกสอนเจ้าแมงเม่าฉันยกให้เป็นหน้าที่คุณท้าวก็แล้วกันนะ”

กรมขุนวิมลปรามแมงเม่าว่าต่อไปจะทำตามใจตนเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว เป็นข้าหลวงฝ่ายในก็ต้องทำตามกฎของฝ่ายใน แมงเม่ารับคำว่าจะทำตามรับสั่งทุกประการ

ทันใดนั้นพระองค์เจ้าเชษฐ์เดินเข้ามาเอ่ยยิ้มแย้มว่าตนคงไม่หูฝาดกระมังที่ได้ยินแมงเม่าบอกว่าจะทำตามที่เสด็จพระองค์หญิงรับสั่งทุกประการ ทุกคนหันมองพระองค์เจ้าเชษฐ์อึ้ง และก้มกราบตามธรรมเนียม

ooooooo

คุณท้าวโสภา พวกข้าหลวง แมงเม่า และเป้ากราบพระองค์เจ้าเชษฐ์ตามธรรมเนียม แล้วพระองค์เจ้าเชษฐ์ไหว้กรมขุนวิมล ท่านรับไหว้และเชิญประทับ พอนั่งลงบนตั่งพระองค์เจ้าเชษฐ์ก็หันพูดกับแมงเม่าทันที

“ฉันรู้เรื่องเจ้าหมดแล้ว อย่ากลัวไปเลย จงอยู่ที่นี่ให้จำเร็ญสุขเถิด เรื่องที่เกิดขึ้นจะมีการไต่สวนทวนความเป็นแน่ ไม่ปล่อยให้เงียบหายดอก” ยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนพูดอีกว่า “แต่ข้าหลวงของเสด็จพระองค์หญิงก็ต้องทำตามรับสั่งทุกประการอย่างที่เจ้ารับปากไปเมื่อครู่”

เป้าเป็นห่วงแมงเม่าถามดักว่าคงไม่ได้หมายความว่าจะขอแม่แมงเม่าไปเป็นห้ามเหมือนที่ทรงขอข้าหลวงคนอื่นดอกนะเพคะ เลยถูกคุณท้าวโสภาดุว่าเป็นเด็กเป็นเล็กพูดจาสู่รู้อย่างนี้ได้อย่างไร พอเป้าขอประทานโทษ คุณท้าวโสภาก็พูดตีกันช่วยแมงเม่าว่า

“ใช่ว่าข้าหลวงทุกคนจะถวายตัวเป็นห้ามได้ต้องขัดเกลาอีกมาก อย่างน้อยๆก็อีกหลายปี เพลานั้นถ้าวาสนาไม่ถึง ออกจากราชการไปเสียก่อนก็คงช่วยเหลือกระไรไม่ได้”

“เจ้าตัวดีของฉันต้องฝึกปรือขัดเกลาอีกมากอย่างที่คุณท้าวว่าจริง ถ้ากระนั้นก็มาอยู่กับฉันที่ตำหนักเสียเลยดีกว่า เพลานอนก็นอนกับฉัน จะได้หัดได้ฝึกกันไปถนัดมือหน่อย ดีหรือไม่เจ้าตัวดี”

กรมขุนวิมลช่วยกันแมงเม่าไว้ใกล้ตัวอย่างแข็งแรง พระองค์เจ้าเชษฐ์ฟังแล้วถอนใจพรวดอย่างไม่สบอารมณ์ แต่แมงเม่ารีบกราบกรมขุนวิมล ทั้งที่ลึกๆในใจแอบกังวลเพราะตนอยากใช้เวลานี้แก้กลบท

ตกเย็นพระองค์เจ้าเชษฐ์ไปบ่นกับเจ้าจอมเพ็ญที่ตำหนักว่า

“เสียทีเจ้าจอมช่วยส่งข่าวให้แล้ว เสด็จพระองค์หญิงกลับมาทรงกันไว้อีก ช่างน่ารำคาญใจนัก”

เจ้าจอมเพ็ญขออย่าขุ่นพระทัยไปเลย โอกาสยังมีอีกมาก แมงเม่าเป็นข้าหลวงอยู่ในวังก็เหมือนลูกไก่อยู่ในกำมือ ปลาอยู่ในข้อง เพียงรอจังหวะเหมาะสมเท่านั้น

“จริงเพคะ แม่หญิงแมงเม่ากำลังตกทุกข์ได้ยาก หากเสด็จทรงเมตตาสักเล็กน้อย ขี้คร้านจะถวายตัวเป็นห้ามโดยไม่ต้องร้องขอ” เลื่อนสาระแน

พระองค์เจ้าเชษฐ์หัวเราะชอบใจบอกว่าเลื่อนพูดถูกใจ ถ้าได้แม่แมงเม่ามาเป็นห้ามจริงจะให้รางวัลเป็นบำเหน็จปาก เลื่อนยิ้มหน้าบานรีบเอ่ย “เป็นพระกรุณาเพคะ” แต่พอพระองค์เจ้าเชษฐ์เดินเลี่ยงไป เลื่อนก็นินทาทันทีว่าทรงเจ้าชู้เหลือเกิน มีห้ามมากมายจนนับนิ้วไม่ถ้วนแล้วยังจะรั้นเอานังเด็กนั่นอีก ไม่ได้กึ่งเดือนก็คงเบื่อและทิ้งขว้างเหมือนที่แล้วมา

“ยิ่งเบื่อในคืนเดียวได้ยิ่งดี เด็กนั่นจะได้เห็นนรก สมกับที่มันกล้าเหิมเกริมกับข้า” เจ้าจอมเพ็ญยิ้มร้าย

ooooooo

เยื้อนถูกนำตัวไปไว้ที่ค่ายพระยาตาก ถูกตีตรวนที่เท้ากันหนีและให้คอยรับใช้ถือถาดอาหารและน้ำมาให้พวกทหารที่ซ้อมดาบกิน

ไอ้ลอย ทหารคนหนึ่งทำกรุ้มกริ่มกับเยื้อน ถูกหลวงพิชัยปรามว่า “ท่านเจ้าคุณสั่งห้ามไว้ว่าอย่างไร” ไอ้ลอยขอประทานโทษหน้าจ๋อย พันหาญบอกเยื้อนว่าไม่ต้องกลัว ที่นี่ไม่มีใครทำกระไรเจ้า เยื้อนย้อนว่าอย่างตนไม่ได้กลัวผู้ชาย กลัวก็แต่พวกชายไม่ใช่ชายจับมากักขังเท่านั้น พันหาญเดินเข้ามาถามเยื้อนว่า

“ถึงพวกข้าจะกักขังเอ็ง แลใช้โซ่ตรวนล่ามเอ็งไว้ แต่ก็ยังดีกว่าที่เอ็งต้องตายเป็นผีเฝ้าคลองไม่ใช่รึ”

เหตุเกิดเมื่อคืน...ที่ขันทองไปลักพาตัวเยื้อนเพราะรู้ความลับว่าตนมิได้เป็นขันทีจริง ขณะเยื้อนเมาและไปวักน้ำลูบหน้าที่ท่าน้ำ ขันทองจะฆ่าเยื้อนแต่ทำไม่ลง จึงเอาไปฝากไว้ที่ค่ายพระยาตากจนกว่างานจารบุรุษของตนจะเสร็จสิ้น

พระยาตากรับไว้ใช้ในค่ายทหาร ประกาศให้ทุกคนรับรู้ว่า

“ข้าขอสั่งพวกเอ็งทุกคน ไม่ให้ทำร้ายหรือข่มเหงน้ำใจมันเป็นอันขาด ใครฝ่าฝืนมีโทษเท่ากับขัดวินัย ตัดหัวสถานเดียว” ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งพระยาตากแม้แต่คนเดียว

แต่เยื้อนเถียงอย่างเจ็บใจว่า “ถึงไม่เป็นฝีเฝ้าคลอง แต่ก็ต้องเป็นผีเฝ้าทุ่งอยู่ดี พวกอังวะบุกมาคราใด คิดรึว่าคนเพียงเท่านี้จะสู้มันได้”

หลวงพิชัยโกรธว่าเยื้อนพูดจาไม่เป็นมงคล ถ้าไม่ติดว่าต้องดูแลมันน่าเอาไปทิ้งกลางป่านัก พันหาญขอประทานโทษที่ตนกับหลานชายนำความยุ่งยากมาให้

“ไม่เป็นกระไรดอก ฉันก็บ่นไปอย่างนั้น อันที่จริงฉันชอบพอนิสัยใจคอของพ่อขันทองนัก คนใจอ่อนมีเมตตาเช่นนี้กลับต้องมาเป็นจารบุรุษที่เสี่ยงตายอยู่ทุกฝีก้าว มันน่านับถือน้ำใจนัก แลฉันจะไม่ช่วยเหลือได้อย่างไรเล่า”

ขณะนั้นเองทหารเข้ามารายงานว่ากองตระเวนเจอคนเจ็บและพามารักษาที่กระโจม ท่านเจ้าคุณให้มาตามไปปรึกษา หลวงพิชัยกับพันหาญจึงไปที่กระโจม

พอพันหาญไปเห็นก็จำได้ทันทีว่าคือม่วง หลวงพิชัยรู้ว่าพันหาญรู้จักและม่วงไม่ใช่โจรผู้ร้ายมาจากไหนแต่เป็นลูกชายเจ้าของโรงกระดาษก็รับตัวเอาไว้เป็นกำลังช่วยสู้ศึกอีกคนหนึ่ง พระยาตากเห็นด้วย ต่างมองม่วงที่ยังนอนหมดสติอยู่อย่างห่วงใย

ที่แท้สุ่นยังไม่ตาย หมิ่นพอกยารักษาแผลที่ท้องให้จนอาการดีขึ้น บอกสุ่นว่าหายแล้วต้องตั้งใจรับแขก แต่ท้องเป็นแผลราคาคงตกลงมาก ต้องรับแขกเพิ่มอีกสองเท่าถึงจะคุ้มกับที่ตนเสียไป

สุ่นถามข่าวม่วง หมิ่นบอกไม่ตายดอก แต่ถึงตายตนก็ไม่สนเพราะ “ค่าของอ้ายม่วงก็แค่ของต่อรองเพื่อที่ออกญาพลเทพได้สิ่งที่ต้องการเท่านั้น เมื่อได้แล้ว ก็สุดแต่บุญแต่กรรมล่ะวะว่าออกญาจะเก็บมันไว้หรือไม่”

สุ่นน้ำตาค่อยๆไหลลงอาบแก้ม ห่วงใยม่วงเป็นที่สุด พึมพำก่อนหลับตาลง “พี่ม่วง...”

แต่ที่กระโจม...ม่วงฟื้นแล้วบอกพันหาญทั้งที่ยังลุกไม่ขึ้นว่าอยากกราบเท้าท่านเจ้าคุณกับคุณหลวงเหลือเกิน แต่แค่พยุงตัวนั่งยังลำบาก หากหายดีเมื่อใดขอให้ได้ทดแทนบุญคุณด้วยเถิด

อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 8 วันที่ 6 พ.ค.61

ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว บทประพันธ์โดย วรรณวรรธน์
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว บทโทรทัศน์โดย เอกลิขิต
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว กำกับการแสดงโดย กิตติศักดิ์ ชีวาสัจจาสกุล
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ผลิตโดย บริษัท ทีวีซีน จำกัด
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ออกอากาศทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ