My Hero วีรบุรุษสุดที่รัก มาตุภูมิแห่งหัวใจ ตอนที่ 6 วันที่ 31 พ.ค.61

อ่านละคร My Hero วีรบุรุษสุดที่รัก มาตุภูมิแห่งหัวใจ ตอนที่ 6 วันที่ 31 พ.ค.61

“พวกเราลาหยุดเพื่อจะไปหามึงที่เชียงใหม่ไง กูต้องฝากงานคนอื่น ไอ้อิสร์ต้องออกจากป่า ไอ้พัสต้องยกเลิกคลาสสอน ไอ้คินแคนเซิลบิน ทุกคนลางานกะทันหันก็เพราะเป็นห่วงมึง แล้วมึงมาพูดยังงี้เหรอวะ... ถ้ามึงต้องการความสงบ วันหลังมึงก็ไปวัดสิ มาที่นี่ทำไม”

เบนปัดมือโขงออกกระชากเสียงประชด

“เออ...กูขอโทษ กูผิดเอง กูผิดทุกอย่าง กูมันห่วย ไม่ได้เรื่อง พ่อกูถึงต้องตายไง เพราะกูมันห่วย!”



“เออ พูดออกมา รู้สึกยังไงพูดออกมาให้หมด เพราะมึงยังมีหน้าที่ต้องกลับไปทำงาน งานปราบปรามยาเสพติดยังรอมึงอยู่” พัสกรผลักอกเบนออกไป

“กูไม่กลับไปเป็นทหารอีกแล้ว” ทุกคนร้องหา! พูดอะไรนะ “กูจะไม่กลับไปเป็นทหารอีกแล้ว” เบนตอบย้ำแล้วเดินแยกไป พัสกรกับโขงช็อก มองหน้ากันว่าจะเอายังไงดี

พัสกรเล่าให้ครูจันทราฟัง อคินขอให้ครูช่วยพูดให้เบนเปลี่ยนใจด้วย โขงติงว่าพูดไปตอนนี้เบนก็ไม่มีสติรับฟังหรอก ให้เบนสงบใจสักพักแล้วค่อยคุยจะดีกว่า

“ครูเห็นด้วยกับโขง ไหนๆพวกเธอก็ลางานมาแล้ว ช่วงนี้ก็พยายามชวนเบนคุยหรือพาไปเที่ยวเล่นให้ผ่อนคลายหน่อยก็ดีนะ”

ฟังครูจันทราแล้ว โขง พัสกร อคินและอิสร์มองหน้ากันไปมา พัสกรถามว่า “ทำอะไรดีวะ”

ooooooo

วันนี้ทุนอูเอาดอกไม้ไปเยี่ยมนุนุ ขณะคุยกับนุนุอยู่นั้น ทหารเข้ามารายงานว่ามีคนบุกรุก ทุนอูกำชับนุนุให้อยู่แต่ในนี้ไม่ต้องออกไป แล้ววิ่งออกไปกับทหารทันที

ที่แท้ดีนบังคับทหารแสนปุระให้พามาที่นี่ บอกทุนอูว่าอาวุธพร้อมแล้ว เครื่องบินได้สนามบินที่จะเอามาลงเคลียร์แล้ว จะโอนเงินเมื่อไหร่ ทุนอูบอกว่าเจ้าแก้วอินกำลังจะเอาเงินกลับมา

ดีนผลักอกทุนอูถามว่าหมายความว่าไง ยังไม่ได้เงินหรือ แล้วที่คุยดิบดีว่าไม่พลาดมันคืออะไร!! ทุนอูยืนยันว่าไม่ใช่ไม่ได้ แต่ต้องรอ ดีนถามว่าจะให้รออีกนานแค่ไหนดีนโมโหชกหน้าทุนอูทันที แต่ทุนอูหลบและสวนกลับ

ดีนยิ่งโมโหถามว่า “มึงชกกูเหรอ!!!” แล้วจะพุ่งเข้าใส่ถูกลูกน้องทุนอูกรูเข้าขวางเอาปืนจ่อ ดีนเลยควักระเบิดออกมาขู่

นุนุออกมาใช้น้ำเย็นเข้าลูบดีกว่า เราไม่ได้อยากผิดพลาดแต่มันเกิดขึ้นแล้ว ตอนนี้เราควรจะรวมกันมากกว่า จะมาทะเลาะกันเอง ถามดีนว่า

“หรือคุณอยากจะให้อาวุธของคุณค้างสต๊อก ถ้าถูกเขาตรวจสอบขึ้นมา คุณจะไม่ได้ทั้งเงินและยังเสียอาวุธด้วย”

ดีนชมว่านุนุฉลาดกว่าทุนอูเยอะเลย นุนุบอกว่าเขาต้องจัดการเพื่อนของเขา ดีนถามว่าเบนหรือ

“ใช่ เขาเป็นสายของกองทัพไทยและเป็นคนทำให้แผนการของเราผิดพลาด ตอนนี้เขารู้ข้อมูลของเราทุกคนดี โดยเฉพาะเรื่องของคุณ เขารู้ว่าคุณอยู่ร่วมขบวนการกับเรา และคงรู้เรื่องของฉัน ของท่านนายพล และของคุณอีกหลายเรื่อง คุณว่ามันปลอดภัยไหมที่จะปล่อยเขาไป เขาแค้นคุณจนอยากฆ่าคุณไม่ใช่เหรอ คิดว่าเขาจะปล่อยคุณไปไหม”

“เธอกำลังจะหลอกใช้ฉันไปจัดการไอ้เบน”

“ไม่ได้หลอก แต่ในระหว่างที่รอเจ้าพี่เอาเงินกลับมา คุณควรจะช่วยเราจัดการศัตรูของคุณ ไม่ให้มันมาขัดขวางงานของเราได้อีก จัดการคนคนเดียว ทำได้ไหมล่ะ” นุนุถามอย่างท้าทาย

ดีนปรามว่าอย่าสบประมาทตน นุนุบอกว่าตนแค่อยากรู้ว่าเขาจะเก่งกว่านายพลแค่ไหน สมควรหรือเปล่าที่ตนจะเปลี่ยนใจมามองเขา

“หึๆ แล้วจะรู้ว่าเธอปรามาสผิดคน” ดีนเข้าประชิดนุนุจนแทบจะจูบกัน นุนุไม่พอใจเดินออกไปเลย

ooooooo

จู่ๆทุนอูก็ได้รับหนังสือจากรัฐบาลกลางเรียกให้ไปรายงานตัว ทุนอูดูหนังสือแล้วบอกนุนุว่าหนังสือถูกส่งมาสามวันแล้ว วันนี้คือวันสุดท้ายที่เขากำหนดให้ไป นุนุถามว่ามีเรื่องอะไร ทำไมจู่ๆก็เรียกตัว ทุนอูก็ไม่รู้

“หรือเขาจะรู้เรื่องที่คุณมาช่วยแสนปุระแล้ว ต้องเป็นฝีมือของมาดามเมย์ทูเอแน่ มาดามแค้นที่ถูกหลอกเลยไปฟ้องรัฐเรื่องของคุณ เขาถึงออกหนังสือตามตัวคุณทันที”

นุนุกระชากหนังสือไปฉีกทิ้ง บอกทุนอูว่าไม่ต้องไป ถ้าเขาไปก็จะไม่ได้กลับมาแน่ ทุนอูเกรงว่าถ้าตนไม่ไปจะยิ่งเป็นการชัดเจนว่าตนช่วยแสนปุระจริง นุนุบอกว่า “ช่างมัน”

“ไม่ได้ เพราะมันอาจเป็นเหตุให้เขานำกองกำลังเข้าปราบปรามแสนปุระทันที ถ้ารัฐบาลกลางเคลื่อนไหวตอนนี้ ตอนที่เราไม่มีอาวุธอะไรเลย เราแพ้แน่ แต่ถ้าฉันไป ฉันอาจถ่วงเวลาได้อีกสักพัก ให้มีเวลาพอที่

เจ้าแก้วอินจะกลับมา พอที่แสนปะรุจะได้อาวุธจากดีน” แล้วทุนอูก็ฉุกคิดว่า “หรือมันอาจจะเป็นเรื่องอื่น ไม่ใช่เรื่องที่เราคิดก็ได้”

ทุนอูกำลังจะขึ้นรถไป นุนุตามมาส่ง เขาบอกนุนุว่าให้อยู่ที่นี่ คอยตามข่าวเจ้าแก้วอิน ถ้าเขาทำสำเร็จให้รีบติดต่อดีนเรื่องส่งอาวุธทันที แล้วจากนั้นก็ทำตามแผน เจ้าแก้วอินและทหารรู้อยู่แล้วว่าต้องทำอะไร



“คุณต้องกลับมา” นุนุคว้ามือทุนอูกำชับ “ถ้าคุณไม่กลับ ดิฉันจะเป็นเมียดีน”

“ฉันจะกลับมา” ทุนอูรับปากหนักแน่น

 ooooooo

รถของทุนอูถูกรถที่วิ่งสวนมาสองคันหักขวางถนนห่างกันประมาณ 20 เมตร แล้วฝ่ายนั้นก็มีคนเดินมาโยนกระเป๋าใส่นามบัตรให้ พร้อมกับบอกว่า “รัฐบาลส่งพวกเรามา”

ทุนอูโยนกระเป๋านามบัตรคืน ถามว่าต้องการอะไร เขาตอบว่าเราได้รับคำสั่งให้มาอำนวยความสะดวกให้ท่านนายพลไปรายงานตัวโดยราบรื่น ทุนอูรู้ทัน บอกว่าตนไปเองได้

“มันเป็นคำสั่งครับ เชิญ” น้ำเสียงและท่าทีคนของรัฐบาลเปลี่ยนไปทันที ทุนอูทำเป็นยอมแต่พอเดินไปถึงรถของรัฐบาลที่จอดอยู่ ทุนอูก็จับคนของรัฐบาลไว้เป็นโล่ควักปืนออกมายิงใส่พวกที่เหลือเร็วจนพวกนั้นตั้งตัวไม่ทัน ไม่กล้ายิงโต้ตอบกลัวถูกพวกเดียวกัน ทุนอูยิงไปถอยไป คนของรัฐบาลร้องบอกกัน “ตามๆๆ” แต่ถูกทุนอูยิงสกัดแล้วเอาระเบิดจากตัวประกันโยนใส่พวกนั้น

เสียงระเบิดตูม คนของรัฐบาลหลบกันวุ่น แต่พอควันระเบิดจาง ทุนอูก็หายไปแล้ว แต่ทุนอูก็ถูกคนของรัฐบาล 6 คนกระจายกันล้อม ทุนอูยิงสู้จนกระสุนหมดแต่ก็แย่งปืนจากคนของรัฐบาลมายิงต่อสู้และวิ่งหนีไป

ทุนอูวิ่งมาเจอหน้าผาตัด แม้จะมีประสบการณ์โชกโชนและชำนาญภูมิประเทศแต่ก็จำนนในภูมิประเทศที่เสียเปรียบ แต่ทุนอูใช่เล่ห์เหลี่ยมหลอกล่อเตะพวกมันกระเด็นแล้วกลิ้งตกหน้าผา ดีที่มือคว้าแง่งหินไว้ได้ ในที่สุดก็ดึงตัวเองขึ้นไปได้ในสภาพเลือดท่วมตัว ลุกยืนมองศพคนของรัฐบาลที่ระเกะระกะ

ooooooo

พลตำรวจเอกมงคล กับพันเอกธนาผู้บังคับการกรมรบพิเศษที่ 3 และพันโทเอกชัยผู้บังคับกองปฏิบัติการพิเศษ ฉก.90 กรมรบพิเศษที่ 3 เดินคุยกันมาในบริเวณกระทรวงกลาโหม มงคลกล่าวว่า

“จริงๆแล้วเรื่องนี้อาจจะไม่เกิดขึ้นถ้าบิ๊กยะฟังกันบ้าง แต่นี่ท่านเล่นเปลี่ยนการตัดสินใจโดยพลการ ไม่เปิดโอกาสให้พวกเราได้ทักท้วงเลย”

ธนาว่าทางกองทัพและกลาโหมคงเข้าใจว่าทุกอย่างมันนอกเหนือการควบคุม เอกชัยก็ว่าพวกแสนปุระล้ำเรามากเกินไปแล้ว

“ผมยินดีช่วยเรื่องนี้ทุกอย่าง ผมจะไม่ปล่อยให้การตายของบิ๊กยะสูญเปล่า เราจะต้องเอาตัวเจ้าแก้วอินและคนที่ร่วมขบวนการค้ายาทั้งหมดมารับโทษให้ได้”

ธนาขอบคุณ เอกชัยเสนอให้เดินออกทางด้านหลังดีกว่าถ้าไม่อยากเจอนักข่าว พอแยกกัน มงคลหันมาก็แปลกใจเมื่อเห็นเมธัสในชุดตำรวจยืนรออยู่ เมธัสบอกว่าตนมารายงานตัว รู้ว่าพ่อจะมาช่วงบ่ายเลยรอพบ มงคลถามว่าเขามารายงานตัวเรื่องอะไร เมธัสบอกว่าเรื่องทำไมตนจึงพาทีมไปช่วยบิ๊กยะได้ทัน ใครสั่งการ ตนบอกไปว่าเป็นคำสั่งของบิ๊กยะโดยตรง มงคลอึ้งถามว่าทำไมเขาจึงสั่งโดยตรง

“บิ๊กยะน่าจะรู้ว่ามีสายของพวกค้ายาอยู่ในกลุ่มของเรา กลัวแผนจะรั่วไหล เลยสั่งการตรงมาที่ผม” พูดแล้วเห็นพ่อหน้าซีด ถามว่า “พ่อเป็นอะไรหรือเปล่าครับ”

เมธัสส่งมงคลที่หน้าบ้านบอกว่าตนไม่อยากเข้าไปเพราะอยู่อพาร์ตเมนต์เล็กๆจนชินแล้ว เข้าไปแล้วรู้สึกแปลก มงคลถามว่าเขากลัวอะไร เมธัสไม่ตอบแต่เล่าถึงความภูมิใจในอาชีพตำรวจของพ่อที่แม่เล่าให้ฟังทุกวัน ย้ำว่า

“แม่ชื่นชมและภูมิใจในตัวพ่อมาก และมันก็ถูกส่งต่อมาถึงผม มันทำให้ผมอยากเป็นตำรวจเหมือนพ่อ” มงคลถามว่าพูดถึงแม่ทำไม “ผมแค่อยากให้พ่อรู้ว่าสิ่งที่พ่อทำมันมีความหมายกับผมมาก” มงคลบอก

เขามีอะไรให้พูดมาตรงๆเลยดีกว่า เมธัสอึกอักทั้งกลัวคำตอบและกลัวความจริงที่โหดร้าย แต่ก็กลั้นใจถาม

“พ่อยังคงเป็นพ่อที่ผมกับแม่ภูมิใจได้อยู่หรือเปล่า ผมยังสามารถเดินเข้าบ้านหลังนี้ได้อย่างภาคภูมิใจว่ามันเกิดจากน้ำพักน้ำแรงของพ่อ ไม่ใช่เพราะทุจริตใครมา! ใช่ไหมครับ!!”

มงคลนิ่ง เมธัสขอให้พ่อตอบ มงคลตอบไม่มองหน้าว่า

“ถ้าแกชินกับอพาร์ตเมนต์เล็กๆไปแล้ว ก็กลับไปอยู่อพาร์ตเมนต์ของแกเถอะ”

มงคลตอบแล้วเดินเข้าบ้านไปเลย เมธัสอึ้ง เพราะมันเป็นคำตอบที่ชัดเจนแล้ว

ooooooo

ที่เชียงใหม่ วันนี้สายลับของทางการไปพบอติศักดิ์ แจ้งข่าวสำคัญแล้วอติศักดิ์ถามว่าเจ้าแก้วอินอยู่ไหน สายบอกว่ายังไม่แน่ชัดแต่ลือว่าน่าจะอยู่ฝั่งไทย

พอแยกกันอติศักดิ์ก็ถูกคนต่างด้าวคนหนึ่งจงใจวิ่งชนอย่างแรงจนล้มไปด้วยกัน คนต่างด้าวลุกขึ้นจะวิ่งต่อถูกอติศักดิ์คว้าตัวไว้ พอเห็นหน้าชัดๆ อติศักดิ์อุทานตะลึง

“เธอ!”

ที่แท้คือนิลานั่นเอง เธอร้องให้ช่วยด้วย อติศักดิ์เห็นตำรวจวิ่งตามมาเขาจึงถอดหมวกเธอและสยายผมลงมาปรกหน้าเอาแจ็กเกตของตัวเองคลุมให้ ดันเธอติดกำแพงแล้วตะโกนด่า

“บอกแล้วให้เลี้ยงลูก ดันไปมีชู้ กูตบเสียดีไหม”

ตำรวจเห็นเป็นเรื่องครอบครัวจึงวิ่งเลยไป อติศักดิ์พานิลาไปนั่งในรถแล้วถามว่าทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ นิลาบอกว่าตนอยู่ที่แสนปุระไม่ได้แล้วเพราะเอาจุดพักยาให้เขา จึงหนีมาเรื่อยจนมาพบเขา ขอบคุณที่ช่วยตนเพราะถ้าพวกแสนปุระจับตัวไปได้พวกเขาต้องฆ่าตนแน่

นิลาขอลงเพราะนัดพ่อไว้ว่าถ้าพลัดหลงกันให้มาเจอกันที่นี่ แล้วนิลาก็ลงไปนั่งที่ขอบทาง ครู่เดียวผิ่วก็วิ่งมา พ่อลูกกอดกันด้วยความดีใจที่หนีรอดมาได้ แต่พอเห็นอติศักดิ์รู้ว่าเป็นทหารไทย ผิ่วก็แค้นท้าให้จับเลยเพราะตนไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว ไปไหนก็ถูกรังเกียจ ตนอยากกลับไปอยู่กับเจ้าแก้วอิน นิลาถามว่าแล้วตนล่ะ

ผิ่วบอกให้กลับไปด้วยกัน ถ้านิลาไม่ชอบสิ่งที่เจ้าแก้วอินทำก็อย่าไปยุ่ง แล้วเดินไป บอกว่าจะให้พวกทหารไทยจับส่งกลับบ้าน นิลาขอร้องพ่อว่าอย่าไป แต่ผิ่วเดินดุ่มไปแล้ว นิลาได้แต่ทรุดร้องไห้อยู่ตรงนั้น

อติศักดิ์สงสารนิลาและชื่นชมในความกล้าหาญของเธอ ถามว่าเธอจะทำอย่างไรต่อไป จะไปอยู่ที่ไหน

นิลานิ่งไปอึดใจ โพล่งถามว่า “ฉันไปอยู่ด้วย ได้ไหม” ทำเอาอติศักดิ์เหวอไปเลย

อวัศยารู้จากอติศักดิ์ว่าเบนไปอยู่บ้านครูจันทรา เธอไปหาเบนที่นั่น ขณะนั่งคุยกันอติศักดิ์โทร.หาอวัศยาและขอคุยกับเบน แต่เบนรับโทรศัพท์ไปกดทิ้ง บอกอวัศยาว่าถ้ามันโทร.มาอีกบอกว่าพี่ไม่อยากคุย

อวัศยาหว่านล้อมว่าอติศักดิ์อาจจะมีเรื่องภารกิจที่เบนจะต้องไปรับทราบ ก็ได้รับคำตอบที่ตกใจมากว่า

“พี่จะไม่กลับไปทำงานนั้นอีกแล้ว...พี่จะลาออกจากทหาร”

ครูจันทราก็เฝ้าลุ้นว่าอวัศยาจะทำให้เบนเปลี่ยนใจได้ไหม แต่อวัศยาก็ไม่สามารถเปลี่ยนใจเบนได้ ซ้ำเขายังบอกว่าไม่มีตนสักคนประเทศก็ไม่ล่มสลายหรอก เมื่อครูจันทรารู้ก็ปลอบใจอวัศยาว่า

“ไม่เป็นไร ให้เวลาเบนสักพัก แล้วครูจะลองคุยดู”

ooooooo

มงคลไปที่โรงไม้เจอทุนอูอยู่ที่นั่น ทุนอูบอกว่ารัฐบาลรู้เรื่องที่เขาช่วยแสนปุระกู้ชาติ โชคดีที่ตนหนีข้ามฝั่งมาได้และเจ้าของโรงไม้ที่ตนเคยช่วยเหลือให้หลบซ่อนตัวที่นี่ไปก่อน ส่วนเจ้าแก้วอินยังไม่ได้ข่าวอะไรเลย

“คุณควรรีบตามหาเจ้าแก้วอินให้เจอ หรือไม่ก็รีบหาทางขนส่งอาวุธกันในช่วงนี้ เพราะกองทัพไทยกำลังวุ่นวายกับเรื่องงานศพของบิ๊กยะและเบนก็ถอดใจที่จะเป็นทหารแล้ว...ไอ้เบนเป็นนายทหารฝีมือดีที่เชี่ยวชาญงานชายแดนแสนปุระที่สุดของกองทัพ ถ้าไม่มีมันสักคนก็เป็นโอกาสของเรา”

ทุนอูถามว่าแน่ใจได้อย่างไรว่าไม่ได้ถูกเบนหลอก มงคลถามว่าแล้วจะให้ตนทำยังไง ทุนอูพูดเป็นนัยว่าคนที่เรามั่นใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าไม่หลอกเราคือคนตาย จ้องหน้าถามว่า “จัดการให้หน่อยได้ไหม”

เช้านี้ขณะครูจันทรากับป้านิดกำลังรอใส่บาตรพระอยู่ เบนก็เดินเมาเป๋กลับมา ครูจันทราตำหนิพวก เพื่อนๆที่ไม่ดูแลเบน ทุกคนบอกว่าติดงาน และเชื่อว่าเบนไม่ปล่อยตัวเองกลับไปเสียคนอย่างที่ผ่านมา

เตชินีมาถึงพอดีเห็นสภาพเบนแล้วต่อว่าครูจันทราที่ปล่อยให้ดื่มจนเมา ครูบอกว่าเบนกำลังเสียใจให้เวลาเขาสักพักเถอะ เตชินีบอกว่าขนาดเบนจะออกจากทหารตนก็ยังไม่รู้ว่าควรจะพูดกับเขาอย่างไรจึงต้องมาพึ่งครู ครูจันทราโน้มน้าวเตชินีว่า

“งานของเบนเป็นงานที่ต้องใช้หัวใจและความศรัทธา สองสิ่งนี้เท่านั้นที่จะช่วยให้เขารอดปลอดภัย...ถ้าเบนไม่มีมันแล้ว อย่าให้เบนไปเสี่ยงเลยค่ะ”

เตชินีฟังแล้วพูดไม่ออก

ooooooo

อวัศยาพยายามที่จะช่วยเบน วันนี้เธอนัดเขาไปช็อปปิ้งกันในห้าง นอกจากซื้อเสื้อผ้าของตัวเองโดยพยายามให้เบนมีส่วนช่วยเลือก เธอยังคะยั้นคะยอให้เขาซื้อหุ่นยนต์การ์ตูนของเล่นที่เขาชอบในวัยเด็กด้วย

 ระหว่างช็อปปิ้งอวัศยาชวนคุยจนเบนรู้สึกผ่อนคลาย ชวนไปทานอาหารและดูหนังกัน แต่เบนกลับนั่งหลับในโรงหนัง

 เมื่อเดินกลับมาขึ้นรถ อวัศยาบอกว่าตนไม่ได้มาเดินเล่นห้างอย่างนี้นานมาก แต่คิดว่าเขาน่าจะนานกว่าใช่ไหม เบนบอกว่าใช่ ขนาดขึ้นบันไดเลื่อนยังขาสั่นเลย

แล้วก็มีเหตุระทึกเกิดขึ้นเมื่อตำรวจไล่จับเด็กแว้นที่วิ่งหนีมาตามบันไดลานจอดรถ เบนเข้าช่วยตำรวจโดยสัญชาตญาณ ไล่จับเด็กแว้นส่งตำรวจ เบนเห็นอาการเด็กแว้นรู้ว่าเป็นเด็กติดยา ตำรวจบอกว่าเป็นผู้ขายด้วย เบนฟังแล้วสะเทือนใจ เขากลับบ้านอย่างหดหู่ อวัศยาจึงชวนไปเที่ยวเมืองจันท์กันไปดูโรงงานอัญมณีที่บ้าน เผื่อเขาอยากช็อปพลอยสวยๆให้ตนสักเม็ด บอกเบนให้พักผ่อนเสียพรุ่งนี้จะมารับ

เบนถามว่าทำไมเธอเลือกเป็นดีไซเนอร์ ชอบหรือเพราะเป็นกิจการที่บ้าน เธอบอกว่าตอนเด็กๆชอบเพราะสวย เก๋ เท่ แต่ตอนนี้คิดต่างว่า

“ประเทศเรามีพลอยคุณภาพเยี่ยมกับช่างฝีมือที่เก่งและมันทำให้ตลาดอัญมณีไทยเป็นที่สนใจของโลกได้ หมอกถือว่านี่คือการทำเพื่อประเทศชาติในแบบของพ่อ” เบนฟังแล้วบอกว่า

“คนทุกคนสามารถทำเพื่อประเทศได้ในแบบของตัวเอง”

พอส่งเบนแล้ว อวัศยาทิ้งตัวพิงพนักที่นั่ง พึมพำอย่างเหนื่อยใจว่า

“ทำไมหน้าที่นี้มันยากยังงี้....”

ooooooo

เมื่อเบนกลับไปที่บ้านครูจันทรา ปรากฏว่าเพื่อนๆนั่งรอกันอยู่ทั้งๆที่ทุกคนก็มีงานต้องไปทำ เบนถามครูจันทราว่ามีอะไรหรือ

ครูจันทราให้เบนอ่านเรียงความของตัวเองที่เขียนตอนเด็กเรื่องฮีโร่ของฉัน ให้เพื่อนๆฟัง

ในเรียงความของเตชัสเขียนชื่นชมอิสริยะพ่อของตนว่า “ท่านเป็นนายทหารที่ปฏิบัติงานลับเพื่อต่อต้านยาเสพติดมาตั้งแต่เริ่มรับราชการ ถึงตอนนี้จะมาบัญชาการแล้วแต่ท่านก็ยังไม่หยุดทำสงครามกับยาเสพติด... ผมไม่แปลกใจที่ใครๆก็ชื่นชมท่าน ยกย่องท่านเป็นฮีโร่แต่คงมีไม่กี่คนที่รู้ว่าชีวิตท่านต้องเสียสละอะไรบ้าง”

เตชัสบรรยายถึงครอบครัวของท่านที่ไม่อาจเปิดเผยแก่สังคมได้ ลูกชายก็ถูกส่งไปอยู่เมืองแอลเอท่านจะได้ทำงานสะดวก แต่มารู้อีกทีลูกชายก็ไปคบกับลูกชายหัวหน้าแก๊งค้ายาและอาวุธที่แอลเอแล้ว ท่านห้ามก็ไม่ฟัง แม้จะเสียใจแต่สำหรับท่านแล้วครอบครัวเป็นเรื่องท้ายๆในลิสต์ลำดับความสำคัญอยู่แล้ว

จนเมื่อเบนกลับมาท่านก็ได้พาไปรู้จักกับคำว่า มาตุภูมิ เบนสรุปในตอนท้ายว่า

“ในฐานะประชาชน ผมขอบอกว่าท่าน...พันเอกอิสริยะ ภักดีณรงค์ นายทหารที่เสียสละได้ทุกอย่างในชีวิต เสียสละความสุขของคนที่รักเพื่อความสุขของคนที่ไม่รู้จัก คงไม่มีใครประเสริฐเท่านี้อีกแล้ว แต่ในฐานะของลูกชาย...ท่านไม่ใช่...ท่านไม่ใช่ฮีโร่ของลูกชาย เพราะท่านทำลายความสุขทุกอย่างในชีวิตเขา”

อ่านละคร My Hero วีรบุรุษสุดที่รัก มาตุภูมิแห่งหัวใจ ตอนที่ 6 วันที่ 31 พ.ค.61

ละครเรื่อง My Hero วีรบุรุษสุดที่รัก มาตุภูมิแห่งหัวใจ ผลิตโดยบริษัท ชลลัมพี โปรดั๊กชั่น จำกัด
ละครเรื่อง My Hero วีรบุรุษสุดที่รัก มาตุภูมิแห่งหัวใจ บทประพันธ์โดย มณีจันทร์
ละครเรื่อง My Hero วีรบุรุษสุดที่รัก มาตุภูมิแห่งหัวใจ บทโทรทัศน์โดย ศักดิ์ชาย เกียรติปัญญาโอภาส
ละครเรื่อง My Hero วีรบุรุษสุดที่รัก มาตุภูมิแห่งหัวใจ กำกับการแสดงโดย ตระกูล อรุณสวัสดิ์
ละครเรื่อง My Hero วีรบุรุษสุดที่รัก มาตุภูมิแห่งหัวใจ ออกอากาศทาง สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ