อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 11 วันที่ 21 พ.ค.61

อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 11 วันที่ 21 พ.ค.61

หลวงพิชัยไม่พอใจโต้ว่าหยามกันเกินไปแล้ว คนอย่างท่านเจ้าคุณของตนรบทัพจับศึกมาไม่น้อยกว่าท่านเจ้าคุณดอก แต่ที่เตือนก็เพราะเห็นผิดพิกล เราทำศึกจะประมาทในอุบายได้อย่างไร

พระยาเพชรบุรีโมโหหันมองทหารคนสนิทของตน ทหารคนนั้นชักปืนยิงใส่พระยาเพชรบุรีทันที พระยาเพชรบุรีเพียงแต่ผงะ ที่หน้าอกมีแผลเพียงเล็กน้อย พันหาญตะลึงพึมพำว่า วิชาอยู่ยงคงกระพันไม่ด้อยกว่าพี่ขุนทองเลย... พระยาเพชรบุรีหันมองพระยาตาก ถามว่า

“เห็นแล้วกระมังท่านเจ้าคุณ คนอย่างกระผมไม่ว่ากลศึกใดก็ไม่เคยกลัว ครารบทัพมังมหานรธา กระผมก็รบด้วยตัวเองยันจนพวกมันพ้นเมืองเพชรบุรีไป แล้วการรบทางน้ำที่กระผมชำนาญที่สุดจะต้องกลัวกระไร”



“เช่นนั้นก็ตามใจท่านเจ้าคุณเถิด แต่โค้งน้ำข้างหน้าทำเลเป็นจุดบอดนัก หากซุ่มเรือไว้ยากจะมองเห็น ท่านเจ้าคุณต้องระวังให้มากไว้”

พระยาเพชรบุรีไม่สนใจ หันไปชักดาบต่อหน้าทหารของตน ทหารโห่ร้องกึกก้องทันที พระยาตากเห็นพระยาเพชรบุรีกำลังย่ามใจเช่นนั้นก็ยิ่งกังวล

พระยาเพชรบุรีนำทหารโห่ร้องบุกเข้าใส่ทัพของเนเมียวสีหบดีที่ลอยลำอยู่กลางคลอง ทัพพระยาตากอยู่บนฝั่งเฝ้าดูอย่างกังวล พลันเนเมียวสีหบดีก็สั่งทัพให้ถอย กองเรือของเนเมียวสีหบดีกลับลำถอยทันทีเพื่อล่อให้พระยาเพชรบุรีตาม พระยาตากเห็นดังนั้นสั่งโบกธงให้พระยาเพชรบุรีถอย

“มันหนีแล้ว เร่งฝีพายเข้าไปตัดหัวเนเมียวสีหบดีให้จงได้” พระยาเพชรบุรีฮึกเหิมเต็มที่ ทหารติงว่าบนฝั่งยกธงให้ถอยก็ด่า “พวกตาขาวไม่ต้องไปสนใจเร่งฝีพายเข้าไป”

แต่ขณะทหารของพระยาเพชรบุรีโห่ร้องตามทหารของเนเมียวสีหบดีไปนั้น ถูกเรือของอังวะลำหนึ่งจู่โจม ขว้างหม้อดินที่บรรจุดินปืนใส่เรือของพระยาเพชรบุรี ทำให้พระยาเพชรบุรีตายคาที่

ทันใดนั้นเสียงทหารอังวะก็โห่ร้องขึ้น ทัพอังวะที่นำโดยมังมหานรธาก็บุกตะลุยใส่ทัพพระยาตาก เสียงมังมหานรธาตะโกนอย่างฮึกเหิม “ฆ่ามัน...ฆ่าให้หมด”

“ถอยทัพ” พระยาตากชักม้าถอยทันทีเพื่อไม่ให้ทหารเสียหายมากกว่านี้ หลวงพิชัยตะโกนให้ทหารระวังหลังให้ท่านเจ้าคุณ ทหารพระยาตากถอยทัพอย่างเป็นระเบียบตามที่ได้ฝึกมาอย่างดี

ooooooo

เมื่อพระยาตากกลับถึงค่าย ก็ถูกขุนนางตามมาด่าอย่างเกรี้ยวกราดต่อหน้าหลวงพิชัย พันหาญ ม่วงและทหารของพระยาตากเอง หาว่าพระยาเพชรบุรีตายเพราะพระยาตากไม่ยอมออกรบ

พระยาตากอ่อนใจที่จะเถียง บอกว่าเมื่อพระเดช พระคุณจะให้ตนผิดตนก็ต้องผิด แต่ผู้ที่อยู่ในศึกทุกคนย่อมประจักษ์แก่สายตาดีว่าความจริงเป็นเช่นไร แลย่อมตัดสินเองได้ ขุนนางตัดบทว่าตนคร้านที่จะเถียง ให้พระยาตากเตรียมตัวเข้าชี้แจงเรื่องนี้ที่อโยธยาเถิด ขู่ว่า “เป็นทหาร ให้รบแล้วไม่รบ มีโทษสถานใดก็คงรู้ดี”

เมื่อขุนนางขี่ม้ากลับไปแล้ว พันหาญถามพระยาตากว่าจะเข้าอโยธยาเพื่อชี้แจงหรือไม่ พระยาตากขอคิดดูก่อนเพลานี้ยังคิดไม่ได้ ทันใดนั้น เยื้อนก็เดินเข้ามาหาพระยาตาก บอกว่า

“ขืนเข้าไปในอโยธยา ก็เท่ากับเอาคอไปขึ้นเขียงเสียเท่านั้น คิดรึว่าผู้ลากมากดีในอโยธยาจะยอมฟังเหตุผล” เยื้อนบอกว่าถึงตนจะไม่ชอบท่านเจ้าคุณที่ร่วมมือกับขันทองล่ามโซ่ตน แต่ท่านเจ้าคุณก็ดูแลตนดีไม่ให้ใครมารังคัดรังแกตนได้ บอกว่า “ข้อนี้ฉันก็สำนึกอยู่ จึงอยากจะเตือนเอาไว้ เจ้าคุณพ่อฉันก็ต้องตายเพราะผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่พวกนี้ล่ะ จะมีผู้ใดรู้น้ำใจพวกมันดีเท่าฉันอีกเล่า”

“นังเยื้อนพูดถูกนะขอรับ ที่เราต้องแพ้วันนี้ ก็ เพราะพวกขุนนางผู้ใหญ่หวังเอาหน้า บีบให้ท่านเจ้าคุณกับเจ้าคุณเพชรบุรีออกศึกทั้งที่เสียเปรียบมากนัก ฉะนั้นไม่ว่าท่านเจ้าคุณจะอธิบายอย่างไร คนพวกนี้ก็ต้องหาว่าท่านเจ้าคุณผิดไว้ก่อน หาไม่ก็เท่ากับยอมรับว่าตัวเองวางแผนผิดเสียเท่านั้น” หลวงพิชัยเอ่ย

ขันทองหงุดหงิดใจมาก คุยกับพระยากำแหงว่าถ้าพระยาตากแพ้เพราะประมาทก็ควรต้องโทษ แต่นี่มันใช่รึ พระยากำแหงตอบหน้าเครียดว่าถึงตนจะชอบท่านเจ้าคุณอยู่มากแต่ข้อนี้ตนไม่เห็นด้วย ท่านเจ้าคุณได้รับคำสั่งให้ออกรบก็ต้องรบ ไม่ควรถอยทัพโดยพลการ ขันทองฟังแล้วถามว่า

“แม้ว่ารบแล้วจะต้องตายโดยหาประโยชน์อันใดไม่ได้น่ะหรือเจ้าคะ การบุกตีวันนี้ มันผิดหลักพิชัยสงครามแต่ต้นอยู่แล้ว คนสั่งก็ไม่ได้ไปรบเองแล้วจะลงโทษกันเช่นนี้ ต่อไปใครจะมีกำลังใจสู้เพื่ออโยธยากันเล่า”

หลวงศรีมะโนราชที่แค้นขันทองอยู่แล้ว ยิ้มเยาะแขวะว่าพูดราวกับรู้พิชัยสงครามจนถ่องแท้เทียว ถ้าตนไม่รู้มาก่อนคงนึกว่าเป็นจารบุรุษปลอมตัวเข้ามาเป็นแน่ แม้สิ่งที่หลวงศรีมะโนราชพูดจะเป็นความจริง แต่ขันทองก็มิได้สะทกสะท้านเพราะไม่มีใครเชื่อ ซ้ำหลวงศรีมะโนราชยังถูกขุนรักษ์เทวาประชดว่า

“เก่งเหลือเกินเจ้าค่า ข้าศึกบุกตีเมืองทุกวันคุณหลวงยังมีแก่ใจหาช่องป้ายสีคนกันเองได้อีกนะเจ้าคะ”

หลวงศรีมะโนราชไม่พอใจ จึงขอตัวกับพระยากำแหงไปทำราชการก่อน ขุนรักษ์เทวาค้อนใส่อย่างหมั่นไส้แล้วหันอ้อนอ่อยพระยากำแหง ถูกพระยากำแหงตาเขียวใส่เลยแหยเดินเลี่ยงไปอีกคน

“ที่ออกพระถามว่าถ้ารู้ว่าต้องไปตายจะรบหรือไม่ ฉันยืนยันว่าฉันจะรบ เพราะศักดิ์ศรีของฉันคือการสู้จนตัวตาย ไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว” พระยากำแหงหันมาโต้ขันทอง

“การสู้จนตัวตายได้ศักดิ์ศรี แต่การเก็บชีวิตไว้ ยังได้กอบกู้สิ่งที่เสียไปคืนมานะเจ้าคะ”

พระยากำแหงเถียงไม่ขึ้น จึงเดินเลี่ยงไปเงียบๆ ส่วนขันทองก็ถอนใจด้วยความเป็นห่วงพระยาตาก

ooooooo

ม่วงรู้ว่าตนจะไม่ได้กลับอโยธยาอีก วันนี้จึงมาเยี่ยมบ้านพร้อมกับแมงเม่า ม่วงฝากติ่นกับผลให้ดูแลมิ่ง ติ่นกับผลรับปากว่าจะเอาชีวิตเข้าแลกถ้ามีใครมาทำร้ายท่านเศรษฐี ม่วงจึงเรียกอินกับสุ่นไปบอกความจริงว่า

“ท่านเจ้าคุณถูกตำหนิที่ไม่ออกรบ จึงตัดสินใจไม่กลับเข้าอโยธยาอีก เพราะถ้ากลับเข้ามาก็ต้องมารับโทษ จึงขอรบป้องกันอโยธยาอยู่ภายนอกจะเป็นคุณกว่า ฉันก็ต้องอยู่ด้วย”

บอกอินกับสุ่นที่ฟังแล้วตกใจว่า “ที่ฉันเป็นห่วงมากที่สุดตอนนี้ก็คือ เกิดความวุ่นวายขึ้นในเมืองอโยธยาหรือร้ายหนักก็คือเสียเมือง เมื่อฉันกลับมาดูแลทุกคนไม่ได้แล้ว ก็มีแต่ต้องพึ่งอ้ายติ่นกับอ้ายผลให้พาทุกคนหนีไป เรื่องเส้นทางหรือแผนการต่างๆฉันกำชับพวกมันไว้แล้ว แต่ก็ต้องฝากแม่สองคนด้วย”

อินน้ำตาคลอ ม่วงยอมรับว่าตนเห็นแก่ตัว แต่หากเลือกได้ตนก็อยากให้เรามีกันสามคนเช่นนี้ตลอดไป แม่ทั้งสองคนอย่าถือโทษโกรธตนเลยนะ อินตอบหนักแน่นน้ำตาคลอเต็มตาว่า

“พี่ม่วงอย่าห่วงเลยจ้ะ พวกเราสองคนจะช่วยกันดูแลพ่อกับน้าชื่น แลรอพี่กลับมาหาพวกเรานะจ๊ะ”

ม่วงยิ้มอย่างซึ้งใจ ก่อนจะกอดทั้งอินและสุ่นไว้ ทั้งสามกอดกันด้วยความรักและเข้าใจกัน

ฝ่ายขันทองรอแมงเม่าเพื่อกลับวังด้วยกัน แมงเม่าหน้าเศร้าถามว่าตนจะไม่ได้ออกจากวังมาหาทุกคนอีกหรือ

“ใช่ จนกว่าจะเสร็จศึก เพราะเพลานี้ก็ชัดเจนแล้วว่าน้ำหลากไม่อาจถอยทัพอังวะได้เหมือนที่ผ่านมา อีก ฉะนั้นเมื่อน้ำลดและเข้าหน้าแล้งเมื่อใด อังวะคงเร่งบุกหนักกว่าเดิม หากเข้าระยะปืนใหญ่ได้ คงระดมยิงปืนใหญ่ไม่เว้นวัน การออกมาข้างนอกถือว่าอันตรายนัก”

แมงเม่าพยักหน้าเศร้าๆ ขันทองถามว่า “เจ้าจะหนีหรือไม่ หากเจ้าจะหนีออกจากอโยธยาฉันพอจะพาเจ้าหนีไปได้ เรื่องพ่อเจ้าก็มีพ่อม่วงคอยจัดการอยู่ ไม่...”

“ไม่หนีเจ้าค่ะ” แมงเม่าสวนไปทั้งที่ขันทองพูดไม่ทันจบ “ฉันรู้ว่าออกพระหวังดี แต่เสด็จพระองค์หญิงทรงมีบุญคุณกับฉันนัก ฉันไม่อาจทิ้งพระองค์ได้เจ้าค่ะ...แต่ออกพระควรหนีไปนะเจ้าคะ ด้วยปัญญาแลฝีมือของออกพระคงเอาตัวรอดได้ไม่ยาก แลเรื่องพระยาพลเทพก็ต้องถือว่าเราแพ้แก่พวกคนคดไปแล้ว ออกพระยิ่งไม่มีห่วงใดต้องกังวลอีก”

ขันทองบ่นงึมงำว่าก็ห่วงเจ้าน่ะแหละ แมงเม่าได้ยินแว่วๆ แต่พอถามขันทองกลับหาว่าเจ้าหูเฝื่อน ตัดบทว่า “ฉันไม่หนีดอกไม่รู้จะไปที่ใด เมื่อเจ้าไม่ไปฉันไม่ไป ก็เลิกพูดเรื่องนี้ กลับวังเถิด”

แมงเม่ากับขันทองไปแก้เชือกผูกเรือ แมงเม่าหันกลับไปมองเรือนของพ่อด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยเป็นห่วงแต่ไม่กล้าบอกพ่อว่าจากไปคราวนี้จะไม่ได้ออกมาพบกันอีกแล้ว

ooooooo

อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 11 วันที่ 21 พ.ค.61

ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว บทประพันธ์โดย วรรณวรรธน์
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว บทโทรทัศน์โดย เอกลิขิต
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว กำกับการแสดงโดย กิตติศักดิ์ ชีวาสัจจาสกุล
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ผลิตโดย บริษัท ทีวีซีน จำกัด
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ออกอากาศทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ