อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 12 วันที่ 24 พ.ค.61
สถานการณ์ในกรุงศรีอยุธยาเวลานี้ เป็นดังคำบรรยายที่ว่า“หลังจากหมดหน้าฝน น้ำลดลง กองทัพอังวะก็โหมตีกรุงศรีอยุธยาหนักกว่าเดิม และในที่สุดสิ่งที่กรุงศรีอยุธยาหวาดกลัวมากที่สุดก็มาถึง เมื่ออังวะสามารถเข้าไปตั้งค่ายในระยะปืนใหญ่ได้สำเร็จและเตรียมจะระดมยิงปืนใหญ่เข้ามาในกรุงศรีอยุธยา”
ผ่านไป 3-4 เดือน ในค่ายพระยาตากเต็มไปด้วยทหารบาดเจ็บที่ขนกันมาทั้งคืน แม้แต่เยื้อนก็ต้องมาทำแผลให้ทหาร พันหาญกล่าวกับหลวงพิชัยอย่างเครียดหนักว่า
“พวกอังวะมันตั้งค่ายในระยะปืนใหญ่ได้แล้ว อีกไม่นานก็คงขนปืนใหญ่ขึ้นบนเชิงเทินแล้วยิงใส่อโยธยาทั้งวันทั้งคืน แล้วเราจะทำอย่างไรกันต่อดีขอรับคุณหลวง”
“เราขาดทั้งคน ทั้งอาวุธ แลต้องทำตามแผนการโง่เง่าของพระเดชพระคุณในอโยธยาอีก ต้านศึกมาได้ถึงขนาดนี้ก็ถือว่าเก่งมากแล้ว จะเกิดกระไรขึ้นต่อไปก็สุดแต่เวรแต่กรรมเถิด” หลวงพิชัยเอ่ยอย่างท้อแท้
พระยาตากมองลูกน้องแต่ละคนสีหน้าเคร่งเครียด ในที่สุดก็ถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจ พระยาตากสั่งปลดโซ่เยื้อน พร้อมกับยื่นถุงเงินให้บอกเยื้อนว่าเอ็งเป็นอิสระแล้ว พรุ่งนี้ให้หนีไปเสีย แต่อย่ากลับเข้ามาในอโยธยาอีกมันอันตราย หลวงพิชัยถามว่าท่านเจ้าคุณจะหนีหรือ
“ใช่ ฉันเคยบอกคุณหลวงว่าจะสู้เพื่ออโยธยาจนกว่าจะสิ้นหวัง มาบัดนี้ก็ไม่เหลือความหวังอันใดอีกแล้ว เพลานี้อโยธยาแตกได้ทุกเมื่อ” ม่วงขอติดตามท่านเจ้าคุณไป ไม่ให้มันผู้ใดมาทำอันตรายท่านเป็นอันขาด พระยาตากขอบน้ำใจม่วง บอกว่า “ฉันไม่ได้หนีเพื่อเอาตัวรอดดอก แลพ่อม่วงก็อย่าสู้เพื่อฉัน แต่จงสู้เพื่อตัวเองเถิด...ฉันไปครานี้ก็เพื่อรอวันที่จะกลับมากู้บ้าน
กู้เมือง แม้ฉันจะสิ้นหวังในอโยธยาแล้ว แต่ฉันไม่เคยหมดหวังในคนไท ตราบใดคำว่า ‘ไท’ ยังหมายถึง ‘อิสรภาพ’ แล้วไซร้ มิว่าผู้ใดก็อย่าหมายกดขี่ข่มเหงคนไทไปได้ตลอดเลย”
พระยาตากสีหน้ามุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวไม่ยอมแพ้เด็ดขาด
ooooooo
หลังจากเลื่อนตายไปแล้วสี่เดือน เจ้าจอมเพ็ญจึงมาตีหน้าเศร้าเสียใจและโกรธแค้นว่าเลื่อนไม่ซื่อ กระทำการชั่วช้า ขอเสด็จพระองค์หญิงโปรดประทานอภัยให้ตนด้วยเถิด
เจ้าจอมอำพันหมั่นไส้แขวะว่ามาเสียใจเอาป่านนี้ไม่ช้าไปหน่อยรึ เจ้าจอมเพ็ญอ้างว่าตนอับอายที่เกิดเรื่องเช่นนี้ ไม่กล้าสู้หน้าผู้ใด กว่าจะทำใจออกจากตำหนักได้ ก็ล่วงเลยมานานเดือน
พอดีแมงเม่ายกของว่างเข้ามา กรมขุนวิมลบอกให้เจ้าจอมเพ็ญลองชิมดู ขันทองจึงหยิบจานของว่างให้เจ้าจอมเพ็ญ แต่ด้วยความแค้นที่อัดแน่นจนระงับไม่อยู่ทำให้ขันทองมือสั่นเทาจนทำจานของว่างตกพื้น ขันทองหน้าเสียที่มีพิรุธรีบขอประทานโทษ อ้างว่าไม่ใคร่สบาย หูตาพร่ามัว มือไม้ไม่ค่อยมีแรง
เป้าจะมาเก็บกวาด แมงเม่าถามขันทองว่าไหวหรือไม่ มีกระไรให้ช่วยไหม ขันทองปฏิเสธและฝืนยิ้มให้แต่พอออกจากตำหนักไปที่มุมหนึ่งในวัง ขันทองก็ชกต้นไม้ระบายอารมณ์ คำรามเจ็บใจ
“คนฆ่าแม่อยู่ตรงหน้า กลับต้องรับใช้มันอีก” ขันทองจะชกต้นไม้อีก
ขณะนั้นเองขุนรักษ์เทวาเข้ามาจากข้างหลังจับบ่าขันทองไว้ ขันทองตกใจหันไปบีบคอทันที พอรู้ตัวก็ปล่อย ขุนรักษ์เทวาสำลักไอโขลกๆ ตัดพ้อต่อว่าเง้างอน แล้วจึงบอกข่าวดีแก่ขันทองว่า
“พวกทหารฝ่ายหน้าแจ้งมาว่ามังมหานรธาแม่ทัพอังวะกำลังล้มป่วยหนัก มิแน่ว่าอาจจะถอนทัพกลับเหมือนคราศึกพระเจ้าอลองพญาก็เป็นได้”
ขันทองฟังแล้วคิดต่อไปว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นอีกในภายหน้า
เวลาเดียวกันเนเมียวสีหบดีไปหามังมหานรธาที่กระโจมในค่าย ปั้นยิ้มถามว่าเป็นอย่างไรบ้างท่านแม่ทัพ มังมหานรธาชำเลืองมองประชดว่า
“คงต้องทำให้ท่านผิดหวัง เพราะข้ายังไม่ตาย”
“ข้ารู้ว่าท่านไม่ชอบข้า แลที่ผ่านมาเราสองคนก็แย่งความดีความชอบกันมาตลอด แต่ข้าก็นับถือในตัวท่านนัก นอกจากอะแซหวุ่นกี้แล้วจะหาผู้ใดในแผ่นดินพุกามชาญศึกเท่าท่านเป็นไม่มี”
มังมหานรธายิ้มอย่างรู้ทัน บอกว่า “ท่านเองก็พิชิตทั้งล้านนา ล้านช้าง และบังคับบัญชาทหารเด็ดขาด หาได้ด้อยไปกว่าข้าไม่ อย่าถ่อมตัวนักเลย มีกระไรก็พูดมาตรงๆเถิด”
“ข้าอยากได้ปัญญาท่านในการตีอโยธยา แม้เราจะเข้าล้อมจนอยู่ในระยะปืนใหญ่แล้ว แต่อโยธยายังอุดมสมบูรณ์นัก กำแพงเมืองก็แข็งแรงมั่นคง ลำพังแต่ยิงปืนใหญ่เข้าไปเห็นทียังไม่อาจเอาชัยได้”
มังมหานรธราว่าเหตุใดต้องบอกให้เนเมียวสีหบดี มีความดีความชอบกว่าตน เนเมียวสีหบดีพูดยิ้มๆว่า
“เพราะเพลานี้ มีข้าคนเดียวที่ทำตามแผนการของท่านได้น่ะสิ บอกมาเถิด เราจำต้องเร่งจบศึกนี้ให้เร็วที่สุดเพื่อกลับไปช่วยอังวะรบกับจีน...หรือท่านไม่ห่วงอังวะเสียแล้ว”
เนเมียวสีหบดีพูดดักคอจนมังมหานรธานิ่งไปก่อนจะถอนใจออกมาอย่างทำใจ...บอกเนเมียวสีหบดีว่า
“ท่านจงสร้างค่ายใหม่ 27 ค่าย ล้อมพระนครรวมถึงเพนียดวัดสามพิหาร วัดมณฑป วัดนางปลื้ม แลวัดศรีโพธ์ เพื่อที่จะได้ยิงปืนใหญ่เข้าอโยธยาอย่างแม่นยำยิ่งขึ้น แต่การยิงปืนใหญ่เป็นตัวหลอก แท้จริงคือการขุดอุโมงค์ 5 แห่งด้านหัวรอ ขุดไปจนถึงฐานรากของกำแพงเมืองอโยธยาใช้ไฟเผาฐานรากจนกำแพงเมืองอโยธยาทรุดลงมา แล้วบุกเข้าไป”
ooooooo
ฝ่ายเจ้าจอมเพ็ญกลัวแต่จะไม่ได้เป็นแม่หยั่วเมือง พระยาพลเทพบอกว่าอย่ากังวลไปเลย อังวะเตรียมการมาครานี้นานนัก เรื่องจะถอยทัพง่ายๆเป็นไม่มี แม้จะเสียแม่ทัพไปก็ตามเถิด
“ฉันได้ยินท่านเจ้าคุณพูดเช่นนี้ก็ค่อยวางใจ กับเรื่องนี้ฉันลงทุนไปโขอยู่ หากถอยทัพกลับตอนนี้ก็เท่ากับเสียทั้งต้นทั้งดอก ขาดทุนหนักนัก” เจ้าจอมเพ็ญพูดอย่าง โล่งใจ จมื่นศรีสรรักษ์ยิ้มหยันพูดประชดว่า
“จะหาผู้ใดยินดีกับการสิ้นแผ่นดิน เสียบ้านเสียเมือง เท่ากับคุณพี่เจ้าจอมแลท่านเจ้าคุณเป็นไม่มีอีกแล้ว เป็นบุญของกระผมเหลือเกิน ที่ได้เห็นสิ่งที่หาดูยากเช่นนี้”
เจ้าจอมเพ็ญกับพระยาพลเทพมองหน้าจมื่นศรีสรรักษ์อย่างไม่พอใจ จมื่นลอยหน้าเดินลงจากเรือนไปอย่างไม่แยแส เจ้าจอมเพ็ญจึงกลับเรือนบอกพระยาพลเทพ ว่ามีกระไรก็ส่งข่าวกันบ้าง
เมื่อเจ้าจอมเพ็ญเดินตามจมื่นศรีสรรักษ์ไปแล้ว พระยาพลเทพ ขุนแผลงฤทธิ์และกล้ามองตามอย่างเยาะหยัน ขุนแผลงฤทธิ์ยิ้มร้ายเอ่ยแก่พระยาพลเทพว่า
“หากรู้ว่าผู้ที่ได้ประโยชน์มากที่สุดในเรื่องนี้คือท่านเจ้าคุณ นังหญิงโลภมากผู้นี้คงอกแตกตาย”
“ก็สมควรตายอยู่แล้ว” พระยาพลเทพเบ้ปากอย่างดูถูก “วันๆเพ้อฝันแต่จะเป็นแม่หยั่วเมือง ใครกันจะให้หญิงโง่แลโลภมากอย่างนี้ได้ขึ้นเป็นใหญ่ ผู้เดียวที่จะได้ขึ้นนั่งใต้เศวตฉัตรอโยธยาก็คือข้าผู้นี้เท่านั้น”
พระยาพลเทพกระหยิ่มยิ้มลำพองใจนัก
ooooooo
เจ้าจอมเพ็ญเร่งฝีเท้าจนทันจมื่นศรีสรรักษ์ พุ่งไปขวางหน้าน้องชาย ถามเสียงขุ่นว่า “กี่คราแล้วที่คุณพระนายกระทบกระแทกแดกดันพี่เช่นนี้ คิดเสียบ้างสิ ว่าพี่สบาย คุณพระนายก็สบายด้วย แล้วเหตุใดต้องคอยแข็งข้อกับพี่”
“สบาย...” จมื่นศรีสรรักษ์ยิ้มเยาะ “สิ้นแผ่นดิน สิ้นศักดิ์ศรี ต้องเป็นขี้ข้าคนต่างด้าวท้าวต่างเมืองน่ะหรือขอรับ กระผมคงวาสนาไม่ถึง เพราะยังไม่เห็นว่าจะสบายไปได้อย่างไร”
“หยุดต่อปากต่อคำพี่เสียทีเถิดคุณพระนาย พี่บอกแล้วว่าอดทนอีกไม่นานลูกพี่ก็จะกู้ทุกอย่างกลับคืนมา แต่ระหว่างนั้นอำนาจวาสนาทั้งมวลก็เป็นของเรา
ทั้งสองคนพี่น้อง พี่จะตั้งคุณพระนายขึ้นเป็นวังหน้าก็ยังได้ หรือคุณพระนายไม่อยากเป็น”
“วังหน้า” จมื่นศรีสรรักษ์หัวเราะเยาะ “วังหน้าที่ไม่มีแผ่นดินของตัวเองน่ะหรือขอรับ ก็คงไม่ต่างจากวังหน้าในละเม็งละครกระมัง เอาเถิดขอรับ กระผมจะรอหลานของกระผมลงมาจุติก็แล้วกัน พูดเช่นนี้คงเข้าหูคุณพี่ขึ้นบ้าง”
พูดแล้วจมื่นศรีสรรักษ์ขอตัวไปเรียกบ่าวไพร่มารับเจ้าจอมเพ็ญเพราะตัวเองก็อยากไปให้พ้นๆเหมือนกัน
ooooooo
อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 12 วันที่ 24 พ.ค.61
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว บทประพันธ์โดย วรรณวรรธน์ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว บทโทรทัศน์โดย เอกลิขิต
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว กำกับการแสดงโดย กิตติศักดิ์ ชีวาสัจจาสกุล
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ผลิตโดย บริษัท ทีวีซีน จำกัด
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ออกอากาศทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ