อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 9 วันที่ 13 พ.ค.61

อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 9 วันที่ 13 พ.ค.61

จมื่นศรีสรรักษ์เห็นเพชรนิลจินดาเต็มหีบก็ตื่นเต้นดีใจมาก แต่พอเจ้าจอมเพ็ญบอกคืนนี้ให้คุณพระนายเอาไปถวายให้ขรัวเถื่อนแทนตนด้วย จมื่นศรีสรรักษ์ตกใจถามว่าคุณพี่จะยกให้อ้ายสมีนั่นรึ เจ้าจอมเพ็ญปรามว่าเรียกขรัวท่านเช่นนี้ระวังนรกจะกินกบาล

จมื่นศรีสรรักษ์ขอเจ้าจอมอย่าบังคับให้ตนนับถือขรัวเถื่อนนั่นเป็นพระด้วยเลย เจ้าจอมตัดบทว่าถึงอย่างไรตนก็ต้องทำบุญ ถ้าคุณพระนายไม่เอาไปให้ ตนก็ต้องไปเอง ย้ำว่า

“นี่ดีเท่าใดแล้ว ที่เสด็จพระองค์ชายทรงประทานมาให้ เราไม่ต้องเสียแม้แต่เบี้ยเดียว”



จมื่นศรีสรรักษ์ถามว่าถ้าแมงเม่าบิดพลิ้วไม่ยอมเป็นห้าม พระองค์เจ้าเชษฐ์จะไม่ทวงของกำนัลคืนรึ เจ้าจอมเพ็ญบอกว่าเรื่องนี้ตนได้เตรียมการป้องกันไว้หมดแล้ว

เจ้าจอมเพ็ญให้เลื่อนไปรับตัวแมงเม่าที่ตำหนักกรมขุนวิมล พอเปิดประตูเข้าไปก็สะดุดเชือกขึงดักที่แมงเม่าขึงไว้ที่ประตูหัวคะมำกระแทกพื้น เลื่อนร้องโอดโอยจะเอาเรื่องแมงเม่า แต่ถูกขันทองเข้าขวางบอกว่าตนจะรีบมารับพาห้ามไปถวายเสด็จพระองค์เจ้าเชษฐ์ตามหน้าที่ ไล่เลื่อนให้ออกไป เดี๋ยวช้าจะเสียฤกษ์และมีโทษ

พอเลื่อนออกไป ขันทองก็สั่งแมงเม่าให้ถอดผ้านุ่งออก แล้วใช้กฤชที่พกมากรีดแขนตัวเอง  เอาผ้านุ่งที่แมงเม่าถอดออกซับเลือดที่แขนจนผ้านุ่งแดงฉาน

ฝ่ายพระองค์เจ้าเชษฐ์กระหยิ่มยิ้มย่องเร่งเตรียมห้องไว้รับแมงเม่า ใกล้จะได้ฤกษ์แล้ว แต่ข้าหลวงเข้ามารายงานว่าพระศรีขันทิน พระยากำแหง และแม่เลื่อนมาขอเข้าเฝ้าก็ยิ้มสมใจว่ามาก่อนฤกษ์เสียอีก

แต่พอขันทองเอาผ้านุ่งของแมงเม่าคลี่ให้ดูรอยเลือด พระองค์เจ้าเชษฐ์ก็หันตะคอกเลื่อนทันที

“อีโง่! หญิงมีระดูวันถวายตัวย่อมแสดงว่าเป็นกาลกิณีกับกู ยังจะเอาตัวมาได้อีกรึ” พลางโทษว่า “มิน่าเล่า ถึงได้มีอุปสรรคมากมาย ที่แท้เทพยดาฟ้าดินก็ไม่อยากให้กูรับอีตัวเสนียดมาเป็นเมียนี่เอง”

พระยากำแหงดีใจจนกลั้นยิ้มไม่อยู่ พระองค์เจ้าเชษฐ์ตะคอกว่ายิ้มกระไร น่าขำนักรึ พระยากำแหงพนมมือไหว้บอกว่าดีใจที่ความอัปมงคลมิได้แปดเปื้อนพระองค์ พระองค์เจ้าเชษฐ์รู้ว่าถูกประชดแต่ก็ทำอะไรพระยากำแหงไม่ได้เพราะไม่ใช่ทาส เลยสะบัดไปอย่างฉุนเฉียว ขันทองโล่งอกที่ช่วยแมงเม่าไว้ได้

ฝ่ายเจ้าจอมเพ็ญโมโหปาหมอนอิงใส่เลื่อนเมื่อเข้าไปรายงาน ด่าลั่น

“อีหน้าโง่ ข้าสู้อุตส่าห์ให้เอ็งไปคุมมันก็เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดคิดเช่นนี้ มันมีระดูก็ช่างปะไร เอ็งบังคับให้มันถวายตัวได้ก็พอ หากพระองค์ชายทรงพบว่ามันมีระดูด้วยพระองค์เองก็มีแต่จะรังเกียจเดียดฉันท์ แลตัวมันก็คงตกต่ำไม่ได้ผุดได้เกิดเพราะยกให้ชายใดก็ไม่มีใครรับ”

เลื่อนกลัวมากยกมือไหว้ว่า “บ่าวผิดไปแล้วจะให้บ่าวแก้ตัวอย่างไร บ่าวพร้อมทำทุกอย่างเจ้าค่ะ”

“อีลูกเศรษฐีโรงกระดาษ มันกล้าลองดีกับข้า ถ้ามันไม่พินาศฉิบหายลงไปก็อย่ามานับถือกันเลย”

เจ้าจอมเพ็ญจิกตาเหี้ยม ฝังแค้น

ooooooo

เมื่อขันทองกลับถึงเรือน แม้นรายงานว่าแมงเม่ามารออยู่นานแล้ว ขันทองเข้าไปถามว่ามาทำกระไรมืดค่ำแล้วไม่กลัวถูกดุเอาหรืออย่างไร แมงเม่าบอกว่าไม่กลัวเพราะขออนุญาตเสด็จพระองค์หญิงท่านแล้ว

“ท่านทรงดีพระทัยนักที่ออกพระช่วยฉัน แลยังประทานยารักษาแผลมาให้ด้วยเจ้าค่ะ เอ่อ...แล้วแผลของออกพระเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ” แมงเม่าจับที่ต้นแขนถูกแผลพอดี ขันทองเจ็บจนร้อง แมงเม่ารีบปล่อย

ระหว่างที่แมงเม่าทำแผลให้ ขันทองถามว่านึกอย่างไรถึงได้กราบทูลความจริงต่อเสด็จพระองค์หญิง รู้มิใช่หรือว่าทำเช่นนี้มีความผิด แมงเม่ายิ้มแป้นแล้นบอกว่ารู้ แต่ท่านทรงเมตตาตน ถึงผิดอย่างไรก็ทรงไม่ว่ากระไรหากจะช่วยตนได้ แลยังถือว่าออกพระมีความดีความชอบอีกด้วย

ขันทองบอกว่าที่ตนถามเรื่องเสด็จพระองค์หญิงเพราะไม่คิดว่า “ท่านจะทรงเมตตาให้เจ้ามาดูแลฉัน เสด็จไม่กลัวเจ้าเสื่อมเสียรึ”

 “เสด็จพระองค์หญิงนะเจ้าคะ ไม่ใช่คุณท้าวโสภา ท่านทรงแยกแยะได้ ออกพระมีคุณกับฉัน แลเป็นขันทีไม่ใช่ชายปลอมตัวมาเหมือนท่านขุนจิต จะเป็นกระไรเล่าเจ้าคะ” ขันทองถามว่าแล้วถ้าตนเป็นอย่างขุน

จิตใจภักดิ์เล่า แมงเม่ายิ้มหน้าเป็นบอกว่า “อย่าเป็นเลยเจ้าค่ะ มิเช่นนั้นฉันคงวางสีหน้าไม่ถูก อย่างแค่ทำแผลให้ชายที่ไม่ใช่ญาติฉันก็ไม่รู้จะทำได้หรือไม่ อึดอัดใจกันเสียเปล่าๆ ออกพระศรีเป็นเช่นนี้ดีแล้ว เราจะได้เป็นมิตรกันตลอดไปอย่างไรเล่าเจ้าคะ”

ขันทองฟังแล้วเศร้า ขณะนี้ได้อยู่ใกล้กับแมงเม่ามากก็จริง แต่เพราะความลับที่ตนมีอยู่ทำให้เหมือนยิ่งห่างไกลกันมากขึ้นทุกที...

ooooooo

เพราะพระองค์เจ้าเชษฐ์ถือว่าแมงเม่าเป็นกาลกิณีกับตนจึงไล่ครอบครัวมิ่งออกจากตำหนักคืนนั้นเลย แม้จะต้องเดินทางกลับเรือนกันเหน็ดเหนื่อย แต่มิ่งถือว่าการที่แมงเม่าไม่ต้องถวายตัวก็เป็นบุญถึงที่สุดแล้ว

แต่ขณะเดินขึ้นเรือนนั่นเอง จู่ๆสุ่นก็เดินมาหา ทำเอาทุกคนตกใจนึกว่าผีหลอกเพราะคิดว่าสุ่นตายไปแล้ว แต่อินร้องบอกมิ่งว่าดูให้ดี แม่สุ่นมีเงาด้วย พอมิ่งเพ่งมองเห็นสุ่นมีเงาจริงๆ จึงเชื่อว่าสุ่นไม่ใช่ผี สุ่นบอกว่าตนถูกแทงจริงแต่ยังไม่ตาย รักษาตัวจนค่อยยังชั่วจึงมาถามข่าวพี่ม่วงว่าเป็นอย่างไรบ้าง มิ่งยังแค้นและรังเกียจสุ่น ด่าอีอัปรีย์ หากลูกชายตนไม่ไปติดพันสุ่นพวกตนก็ไม่ต้องตกทุกข์ได้ยากถึงเพียงนี้

มิ่งไม่ยอมบอกข่าวม่วงและยังไล่ไสหัวไปให้พ้น สุ่นยืนนิ่งไม่กล้าเถียง แต่อินยืนมองสุ่นด้วยความสงสารเห็นใจ จนเมื่อเดินมาส่งสุ่น อินจึงบอกว่ามีคนมาส่งข่าวว่าม่วงปลอดภัย รู้เพียงเท่านี้สุ่นก็ดีใจแล้ว ฉุกคิดได้บอกอินว่า ตนไม่คู่ควรจะห่วงใยม่วงเลยด้วยซ้ำ

อินบอกว่าม่วงรักใคร่แม่สุ่นนัก และแม่สุ่นก็ห่วงใยม่วงมาก สุ่นยิ้มเศร้าบอกว่า หญิงเดียวที่ม่วงรักก็มีแต่แม่อินเท่านั้น อินไม่เชื่อ สุ่นกุมมืออินไว้พูดจากใจว่า

“เชื่อฉันเถิด ฉันรู้จักพี่ม่วงดี หากแต่พี่ม่วงก็เข้าใจว่าแม่อินไม่มีใจให้เช่นกันเรื่องมันถึงได้วุ่นวายมาจนป่านฉะนี้ วันหน้าได้เจอพี่ม่วงก็ลองพูดคุยกันตรงๆเถิดจ้ะ ฉันเชื่อว่าต้องเข้าใจกันได้”

“ถ้าได้เจอกันอีกอย่างแม่สุ่นว่าก็คงดี แต่บ้านเมืองเป็นเช่นนี้ฉันจะได้เจอพี่ม่วงเมื่อใดยังไม่รู้เลย” อินเข้าใจม่วงจากการบอกเล่าของสุ่น แต่คิดถึงเหตุการณ์บ้านเมืองแล้วก็หน้าเศร้าอย่างสิ้นหวัง

ooooooo

วันนี้พระยาตากกับหลวงพิชัยอาสาขี่ม้ากลับจากอโยธาถึงค่าย พันหาญรีบเข้าไปถามว่าเข้าไปอโยธยามีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง

“อโยธยาไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงดอก แต่ฉัน ได้ข่าวสำคัญจากสายในอังวะมา บางทีอโยธยาอาจจะไม่ต้องทำศึกแล้ว”

ม่วงถามว่าเป็นไปได้อย่างไร อังวะรุกรานเรา มาเป็นแรมปี จู่ๆจะเลิกได้อย่างไร หลวงพิชัยบอกว่า ถ้าอังวะต้องรับศึกใหญ่ก็อาจถอนทัพกลับไปได้ทุกเมื่อ ม่วงถามว่าจะมีแว่นแคว้นใดกล้าก่อศึกใหญ่กับอังวะได้อีกหรือ

“มีสิ ถ้าแว่นแคว้นนั้นคือเมืองจีนอย่างไรเล่า” พระยาตากตอบทันที

ผ่านมาเพียงเดือนเศษ ทหารจีนไว้เปียของ ราชวงศ์ชิงก็บุกเข้าโจมตีกองทัพอังวะที่ทุ่งโล่ง  ทั้งสองฝ่ายสู้กันอย่างดุเดือด ท่ามกลางเสียงผู้บรรยายว่า...

“ในปีพุทธศักราช 2308 สืบเนื่องจากการเกณฑ์ทหารในหัวเมืองฉานไปปราบทวายและเชียงใหม่ ต่อเนื่องมาถึงการรบกับกรุงศรีอยุธยา ทำให้เจ้าฟ้าหัวเมืองฉานทั้งหลายไม่พอใจจึงพากันไปฟ้องร้องต่อจักรพรรดิเฉียนหลงแห่งราชวงศ์ชิง จักรพรรดิเฉียนหลงจึงมีพระบัญชาให้ยกกองทัพเข้าโจมตีดินแดนของอังวะ นับเป็นการเริ่มต้นสงครามระหว่างจีนกับอังวะ ซึ่งกินเวลานานกว่าสี่ปีและมีผลกระทบมาถึงกรุงศรีอยุธยาและกรุงธนบุรีในเวลาต่อมา”

เวลานั้น...พระเจ้ามังระ อะแซหวุ่นกี้และขุนนางประชุมกันเครียด ทหารรายงานว่ากองทัพจีนมีมากกว่าเรานัก เราจึงทำได้แค่ตั้งรับ เวลานี้กองทัพจีนค่อยๆรุกเข้ามาแล้ว ขุนนางผู้หนึ่งกลัวมากเสนอว่าเราคงต้านทานไม่ได้ ขอให้ยอมอ่อนข้อต่อจีนเถิด

อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 9 วันที่ 13 พ.ค.61

ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว บทประพันธ์โดย วรรณวรรธน์
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว บทโทรทัศน์โดย เอกลิขิต
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว กำกับการแสดงโดย กิตติศักดิ์ ชีวาสัจจาสกุล
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ผลิตโดย บริษัท ทีวีซีน จำกัด
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ออกอากาศทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ