อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 13 วันที่ 29 พ.ค.61

อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 13 วันที่ 29 พ.ค.61

พระยาตากสวนทันที “ไม่ได้ การเกณฑ์ผู้คนนั้นเป็นดาบสองคม หากเขาไม่เต็มใจก็จะพาลรบพุ่งไม่เต็มมือ ทำให้เสียมากกว่าได้ และในสมัยสมเด็จพระนารายณ์เป็นเจ้า อโยธยารุ่งเรืองยิ่งใหญ่ได้ก็ด้วยกองอาสาทั้งสิ้นหาใช่การเกณฑ์ผู้คนไม่”

ขณะนั้นเองมีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาในค่าย ม่วงเห็นมิ่งปะปนมากับชาวบ้านก็พุ่งไปหาด้วยความดีใจเป็นที่สุด เมื่อทักทายทุกคนแล้ว ม่วงถามถึงสุ่น ติ่นบอกว่าสุ่นเสียสละตัวเองเพื่อช่วยพวกเราจากอ้ายกล้า มิ่งพูดอย่างรู้สึกผิดว่า เพราะตนเอาแต่รังเกียจแม่สุ่นจึงไม่เคยคิดจะดูแลปกป้อง แต่สุดท้ายถ้าไม่ได้แม่สุ่นช่วยเอาไว้ พ่อก็คงตายแล้ว



ม่วงเป็นห่วงสุ่นมาก ทุกคนมองม่วงอย่างสงสาร เห็นใจ

ooooooo

มังมหานรธาป่วยหนัก ไข้ขึ้นสูงจนไม่ได้สติ ผู้บรรยายอธิบายเหตุการณ์ขณะนั้นว่า...

“ในช่วงนี้เอง ได้เกิดเหตุการณ์สำคัญขึ้นอีกครั้ง เมื่อมังมหานรธาที่ล้มป่วยมานานได้เสียชีวิตลง เป็นผลให้ดุลอำนาจในกองทัพของอังวะเปลี่ยนไป”

เนเมียวสีหบดีนำกำลังทหารพร้อมอาวุธบุกเข้าในกระโจมของมังมหานรธา ขณะที่พวกขุนพลสามคนกำลังประชุมกันอยู่เพื่อเลือกคนขึ้นมาเป็นแม่ทัพฝ่ายใต้แทนมังมหานรธา

เนเมียวสีหบดีประกาศว่านับแต่นี้ทัพฝ่ายใต้ต้องเชื่อฟังคำสั่งตนแต่เพียงผู้เดียว ถูกขุนพลคนหนึ่งหัวเราะเยาะว่าเจ้าลูกครึ่งล้านนา เจ้าไม่ใช่สายเลือดอังวะแท้ แค่เป็นแม่ทัพฝ่ายเหนือก็เกินวาสนาแล้ว คิดจะอยู่เหนือพวกเราอีกรึ ถูกเนเมียวสีหบดีชักดาบชี้หน้าด่ากราด

“อ้ายกบฏ พระพุทธเจ้าอยู่หัวทรงแต่งตั้งข้ากับ

มังมหานรธาให้มีศักดิ์เสมอกัน เมื่อสิ้นท่านมังมหานรธาแล้ว ข้าคือผู้มีอำนาจสูงสุด มันผู้ใดคิดยกผู้อื่นเสมอด้วยข้า ถือว่าขัดต่อพระบรมราชโองการ โทษประหารเจ็ดชั่วโคตร” ขุนพลทั้งสามหน้าเสีย เนเมียวสีหบดียิ้มพอใจ เก็บดาบประกาศเสียงเฉียบขาดว่า

“พวกเจ้าจงฟัง นับแต่นี้ทัพทั้งสองจะรวมเป็นหนึ่งไม่แบ่งฝ่ายเหนือฝ่ายใต้อีก มีเพียงจุดมุ่งหมายเดียวคือ ทำลายอโยธยาให้สิ้น”

ooooooo

“หลังจากเนเมียวสีหบดีได้อำนาจเด็ดขาด ก็บุกโจมตีกรุงศรีอยุธยาหนักกว่าที่ผ่านมา พร้อมกับลอบขุดอุโมงค์ใต้ดินต่อไปโดยมีจุดประสงค์เพื่อทำลายกำแพงเมืองของกรุงศรีอยุธยานั่นเอง”

กระสุนปืนใหญ่เข้ามาตกในเขตพระราชฐานเกิดไฟไหม้ ขุนรักษ์เทวามาบอกขันทองมีกระสุนไปตกที่ตำหนักของกรมขุนวิมล ขันทองจึงรีบไปดู

เมื่อไปถึงทางเดินภายในวังเจอเป้าวิ่งมาบอกว่าตำหนักเสียหายเล็กน้อย แต่แมงเม่าถูกสะเก็ดปืน

นอนบาดเจ็บอยู่พลางชี้ทางให้ ขันทองบอกเป้าให้ไปหาที่ปลอดภัยหลบก่อนตนจะไปดูแมงเม่าเองไม่ต้องห่วง ขันทองวิ่งพลางตะโกนเรียกแมงเม่า เมื่อเจอก็พาไปที่ตึกเล็กๆภายในวัง

ดูแล้วพูดอย่างโล่งใจว่าแม่เป้าบอกว่าถูกสะเก็ดปืน ตนใจหายหมด ที่แท้ก็แค่ขาแพลง แมงเม่าเล่าว่าจู่ๆลูกปืนใหญ่หล่นใส่ตำหนักแล้วตนก็ล้มลง จะให้แม่เป้าคิดอย่างไรเล่า

แมงเม่าถามว่าอโยธยาจะยันได้อีกนานเท่าใดหรือ พวกที่ตำหนักบอกว่าแม่ทัพอังวะตายไปหนึ่ง พวกมันจะถอยแล้ว แต่ตนไม่คิดเช่นนั้น ขันทองเห็นด้วย แต่จะยันได้อีกนานเท่าใดนั้นตนตอบไม่ได้ เราได้เปรียบที่กำแพงสูงแลแข็งแรงนัก เรื่องเสบียงอาหารแม้ว่าพวกไพร่จะขัดสนอยู่แต่ทหารยังมีกินบริบูรณ์ ตนเชื่อว่า

“ถ้ายันกันไปเช่นนี้ อีกปีหนึ่งฉันก็ว่ายันได้ เพียงแต่ถ้าฉันเป็นแม่ทัพอังวะ คงไม่รอถึงปีดอก”

เห็นแมงเม่าเศร้าขันทองถามว่ากลัวรึ แมงเม่าไม่ตอบแต่กลับถามว่า

“ถ้าฉันต้องบาดเจ็บ คุณพระยังจะอยู่ใกล้ๆคอยดูแลฉันอย่างนี้หรือไม่เจ้าคะ” ขันทองยิ้มบอกว่าเจ้าก็รู้ว่าฉันไม่มีวันทอดทิ้งเจ้า แมงเม่าก็ตอบทันทีว่า “เช่นนั้น ฉันก็ไม่กลัวเจ้าค่ะ”

ทั้งสองสบตากันนิ่ง ไม่มีคำพูดใดๆ แต่แววตาเปี่ยมด้วยความห่วงใยและผูกพันซึ่งกันและกัน

กรมขุนวิมลดีใจมากที่เห็นแมงเม่าปลอดภัยกลับมา กล่าวอย่างรู้สึกผิดว่า

“ฉันมันโง่นัก เอาแต่ทำเรื่องไม่ควรทำ ทั้งที่เรื่องบ้านเมืองเป็นของทุกคนอย่างที่เจ้าว่าแต่ฉันไม่ใส่ใจ กว่าจะรู้ตัวก็สายเกินแก้แล้ว”

ooooooo

ในกระโจมพระยาตากที่ค่ายระยอง พระยาตากกำลังเอาแผนที่มาอธิบายกับหลวงพิชัย ม่วง และพันหาญว่า

“เรารวบรวมกำลังได้เมื่อไร ฉันจะต่อเรือล่องกลับไปอโยธยา พวกอังวะวางกำลังแน่นหนาอยู่ทางบกแต่ทางน้ำนั้นไม่ใคร่ใส่ใจเท่าใด เราน่าจะบุกโจมตีได้โดยง่าย”

“แผนการท่านเจ้าคุณนั้นดีนัก” หลวงพิชัยเอ่ย แต่ติงว่ากำลังเรามีน้อยและที่มีอยู่ก็เป็นชาวบ้านที่มาหลบภัยเป็นส่วนใหญ่ ที่พร้อมจะสู้มีแค่สองสามพันเอง ม่วงถามว่าเราจะไม่เกณฑ์ผู้คนมาเป็นทหารจริงหรือ

“ไม่ ระยะยาวแล้วจะมีแต่เสียมากกว่าได้ เพราะอังวะเกณฑ์ทหารในหัวเมืองฉานไม่ใช่ดอกรึ ถึงต้องทำศึกกับจีน”

มิ่งที่ฟังอยู่เอ่ยขึ้นอย่างกลัวๆกล้าๆว่า “นับแต่โบราณมาผู้คนล้วนสวามิภักดิ์ต่อผู้มีบุญญาธิการ หากท่านเจ้าคุณแสดงให้เห็นว่ามีบุญ ก็จะมีผู้เข้ามาอยู่ด้วยเป็นอันมากด้วยความเต็มใจขอรับ”

พระยาตากตกใจถามว่าจะให้ตนตั้งตัวเป็นเจ้ารึ พันหาญเห็นด้วยว่าเป็นวิธีที่ดี การจะพิสูจน์บุญได้ก็มีแต่ตั้งตนเป็นเจ้าเท่านั้น ถ้ามีผู้เชื่อถือในบุญ

ของท่านเจ้าคุณก็จะมีผู้สวามิภักดิ์มากขึ้นโดยไม่ต้องเกณฑ์ทหาร

พระยาตากถามว่าพระพุทธเจ้าอยู่หัวยังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ตนทำเช่นนั้นไม่เท่ากับกบฏหรือ ม่วงบอกว่ามีคนตั้งตนเป็นเจ้านับสิบกลุ่มแล้ว ท่านเจ้าคุณทำบ้างก็ไม่เห็นเป็นกระไร

“คนอื่นอยากเป็นกบฏก็เป็นไป แต่ไม่ใช่ฉัน” พระยาตากยืนยัน

“แต่มันจำเป็นนะขอรับ ถ้าไม่ทำเราก็จะไม่มีกำลังพอที่จะกู้บ้านกู้เมือง ขอท่านเจ้าคุณเห็นแก่ส่วนรวมด้วยเถิดขอรับ” หลวงพิชัยติง พระยาตากคิดอยู่ครู่ใหญ่ก่อนตัดสินใจทำในสิ่งที่ไม่อยากทำแต่จำเป็นต้องทำว่า

“เอาเช่นนี้เถิด ฉันจะตั้งตนขึ้นเพียงแค่ชั้น

พระบรมวงศานุวงศ์เท่านั้น เพื่อที่จะได้ไม่เสมอด้วยพระพุทธเจ้าอยู่หัว ฉันยอมได้เท่านี้”

“เพียงเท่านี้ก็พอแล้วขอรับ” ม่วงดีใจมาก

รุ่งเช้าที่ลานกว้างในค่ายพระยาตากที่ระยอง พระยาตากเดินเข้าปะรำพิธีที่ทำขึ้นอย่างง่ายๆ มีภิกษุ 9 รูปสวดมนต์ให้ศีลให้พรอยู่ในปะรำพิธี พระยาตากเดินไปคุกเข่ากราบพระ แล้วไปยืนที่โต๊ะหมู่บูชา พนมมือ กล่าวด้วยเสียงอันดังทรงพลังว่า

“ตัวข้าพเจ้า พระยาตาก ขอตั้งจิตอธิษฐานต่อเทพยดาฟ้าดิน แลสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งปวงว่าการตั้งตนขึ้นเป็นพระบรมวงศานุวงศ์ก็เพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีให้

คนไท แลทำนุบำรุงพุทธศาสนาให้จำเริญรุ่งเรืองสืบไปจนครบห้าพันปี เพื่อที่สมณชีพราหมณ์จะได้ปฏิบัติกิจอันควรอันชอบ และจะขอถวายแผ่นดินที่กอบกู้มาได้ในภายหน้าเป็นพุทธบูชาให้เห็นเป็นประจักษ์ ขอเทพเทวาโปรดเป็นพยาน”

ทันใดนั้นเกิดพายุพัดแรงไปทั่วบริเวณ ต้นตาลคู่ขนาดใหญ่สองต้นถูกลมหมุนจนม้วนไขว้พันกันเป็นเกลียว และทันใดพายุก็หยุดหมุน สงบราวกับไม่เคยเกิดพายุเลย แต่ต้นตาลก็ยังพันกันเป็นเกลียวไม่คลายออก

ผู้คนพากันตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พลันมิ่งก็ชูมือขึ้นตะโกนก้อง

“เจ้าตาก...เจ้าตาก...เจ้าตาก...”

แล้วทุกคนก็ตะโกนตามมิ่งจนเสียงกึกก้องไปทั่วบริเวณ

พระยาตากชักดาบจากฝักชูขึ้นฟ้าอย่างสง่างาม เป็นการประกาศตนต่อหน้าทหารหาญทั้งปวง

ooooooo

1 เดือนผ่านไป...

ที่กำแพงกรุงศรีอยุธยา เนเมียวสีหบดีขี่ม้ามาถึง เมื่อทหารรายงานว่าเราขุดถึงฐานกำแพงอโยธยาแล้ว กำลังรอคำสั่งจากท่านแม่ทัพอยู่ เนเมียวสีหบดี

สั่งเฉียบขาดทันที

“เผา”

อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 13 วันที่ 29 พ.ค.61

ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว บทประพันธ์โดย วรรณวรรธน์
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว บทโทรทัศน์โดย เอกลิขิต
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว กำกับการแสดงโดย กิตติศักดิ์ ชีวาสัจจาสกุล
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ผลิตโดย บริษัท ทีวีซีน จำกัด
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ออกอากาศทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ