อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 8 วันที่ 4 พ.ค.61

อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 8 วันที่ 4 พ.ค.61

“วันนี้เป็นวันดีมีแต่เรื่องดีจริงๆ นอกจากใกล้จะได้ชัยในเชิงกลอนต่อกรมขุนวิมลแล้ว ยังสิ้นกังวลเรื่องกลักอีกด้วย” พระยาพลเทพติงว่าเรื่องกลักยังวางใจทั้งสิบส่วนไม่ได้ดอก เพราะเป็นเพียงคำพูดจากปากคนเมาเท่านั้น จมื่นศรีสรรักษ์ส่ายหน้าระอา พูดเหน็บเบาๆ ว่าถึงขั้นนี้แล้วยังไม่ยอมเชื่อ ตนก็จนใจแล้ว แลไม่รู้จะไปหากลักมาทำลายซ้ำให้ท่านขุนวางใจได้อย่างไร

เจ้าจอมเพ็ญและจมื่นศรีสรรักษ์พากันยิ้มขำๆ แต่พระยาพลเทพกลับหน้าบึ้งที่ถูกเหน็บ เจ้าจอมเพ็ญจึงเปลี่ยนเรื่องถามว่าการศึกอังวะเป็นอย่างไรบ้าง พระยาพลเทพบอกว่ายังยั้งทัพอยู่ที่ลำปางกับทวาย จะเคลื่อนมาเมื่อใดตนไม่ทราบ แต่ก็ได้สั่งจัดเตรียมป้องกันไว้แล้ว ถามว่าเจ้าจอมสงสัยสิ่งใดหรือ



“หลังจากเรารบแพ้คราก่อน ฝ่ายในก็เริ่มมีการพูดคุยเรื่องนี้กันบ้างแล้ว แม้ส่วนใหญ่จะเชื่อว่าอังวะจะแพ้บุญบารมีของอโยธยาอีกครา แต่ฉันก็ไม่อยากประมาท”

จมื่นศรีสรรักษ์ชักสีหน้าไม่พอใจทันที ถามเสียงกระด้างว่า

“หมายความว่าอย่างไรขอรับ ‘ไม่อยากประมาท’ คุณพี่กับท่านเจ้าคุณคงไม่ได้คิดจะส่งสาส์นยอมแพ้อีกนะขอรับ”

พระยาพลเทพแก้ต่างให้เจ้าจอมเพ็ญว่าไม่มีใครอยากยอมแพ้เป็นเมืองขึ้นให้เสียราศีดอก เจ้าจอมเพ็ญเพียงแต่พูดเผื่อไว้เท่านั้น จมื่นศรีสรรักษ์ถามว่าทำไมต้องเผื่อ ถ้าพวกอังวะมันดีจริงคงยกมาล้อมอโยธยาเหมือนคราพระเจ้าอลองพญาแล้ว ไม่ยั้งทัพอยู่เช่นนี้ดอก เลยถูกเจ้าจอมเพ็ญดักคอว่า

“แต่เจ้าก็พ่ายแพ้จนต้องซมซานหนีมันกลับมาแล้วไม่ใช่รึ”

“กระผมแพ้จริง แลหวาดกลัวพวกมันนัก แต่กระผมไม่มีวันยอมแพ้ขอรับ” จมื่นศรีสรรักษ์ตอบโต้อย่างมีอารมณ์ เจ้าจอมเพ็ญตัดบทอย่างหงุดหงิดว่า

“เอาเถิดๆ พี่เองก็หวังเป็นแม่หยั่วเมือง หากอโยธยาตกเป็นเมืองขึ้น ตำแหน่งแม่หยั่วเมืองคงหมองนักพี่จะไม่ทำอีกก็แล้วกัน”

จมื่นศรีสรรักษ์สีหน้าผ่อนคลายเมื่อพี่สาวรับปากเช่นนั้น พระยาพลเทพเบ้ปากอย่างหมั่นไส้ความรักชาติของจมื่นศรีสรรักษ์มาก

ooooooo

วันนี้เป้าที่ถนัดเรื่องทำสำรับกับข้าว ทำอาหารไปตั้งไว้เต็มโต๊ะบ้านขันทองจนเยื้อนหมั่นไส้พูดแขวะ แมงเม่าสงสัยว่าทำไมเยื้อนต้องพูดแขวะตนตลอดเวลา แต่แม้นที่เพิ่งมาอยู่ดูออก ติงเยื้อนว่า

“คุณพระท่านเป็นคนดีมีเมตตา แลยังรูปงามอีกด้วย แต่ถึงอย่างไรท่านก็เป็นขันที เอ็งอย่าฝันเฟื่องเลยวะ”

“เอ็งไม่รู้กระไร ขันทีก็เป็นคน ต้องการความสุขไม่ต่างกันดอก...แลข้าก็รู้ว่าควรทำอย่างไรให้คุณพระมีความสุข” เยื้อนเดินเชิดไปอย่างถือดี

หลังอาหารมื้อใหญ่ ขันทองเดินนำแมงเม่าเข้าไปในห้องหนังสือ อ่านกลบทที่แมงเม่าต้องแก้แล้วเอ่ยว่า มิน่าถึงแก้ไม่ได้ ขันทองอธิบายว่ากลบทเช่นนี้มีวิธีแก้หลายทาง บรรยายแล้วบอกว่าดูเพียงเท่านี้ยังไม่รู้ดอกว่าต้องใช้วิธีใดบ้าง เพราะกลบทพวกนี้มักไม่ค่อยบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร หากแต่ถ่ายทอดกันปากต่อปาก

แมงเม่ากระตือรือร้นจะให้สอน ขันทองเห็นว่าหากแมงเม่าเอาไปไขสาส์นลับได้ด้วยตัวเองตนก็จะได้ประโยชน์จึงจะสอนให้ทีละกล จากนั้นให้ไปแก้เอง

ขันทองแนะนำการแก้กลบทแล้วให้ไปลองทำดู ใบ้ให้ว่านี่เป็นกลบทไทยนับสาม ถ้าแมงเม่าแก้ได้ก็น่าจะแก้กลบทของเจ้าจอมเพ็ญได้ แมงเม่าทำตามที่ขันทองแนะนำ ไม่นานก็ถอดได้ ขันทองให้ทำต่อไปแล้วตนจะตรวจให้ แล้วเอาอีกอันให้ไปฝึกหัดต่อที่เรือน เสร็จแล้วค่อยเอามาให้ตรวจ

รุ่งขึ้นหลังจากกรมขุนวิมลเอากลอนที่แมงเม่าแก้ถวายพระพุทธเจ้าอยู่หัวแล้วท่านทรงพอพระทัยมากกรมขุนวิมลจึงให้เบี้ยถุงหนึ่งแก่แมงเม่าเป็นรางวัล

คุณท้าวโสภากระหยิ่มยิ้มย่องว่าเช่นนี้ต่อไปเจ้าจอมเพ็ญคงไม่กล้ามาราวีอีกแล้ว แต่เจ้าจอมอำพันเชื่อว่าเจ้าจอมเพ็ญคงหยุดเหิมเกริมไปอีกนาน แต่เรื่องที่จะไม่กล้าอีกแล้ว ตนไม่เชื่อดอก

“ถึงจะมาอีกก็สู้บุญของเสด็จไม่ได้ดอกเจ้าค่ะ เหมือนพวกอังวะที่ไม่เจียมตัวยกทัพมาคราใดก็พ่ายแพ้กลับไปครานั้นอย่างไรเล่าเพคะ”

คุณท้าวโสภากับเจ้าจอมอำพันหัวเราะชอบใจกัน กรมขุนวิมลยิ้มแย้มอย่างเชื่อว่ายังไงกรุงศรีอยุธยาก็ต้องชนะ เพราะเทวดาคุ้มครองมีบุญเหนือกว่ามาก แต่แมงเม่ากลับเครียด พูดไม่ออก แต่ลึกๆแล้วเชื่อว่าเทวดาจะช่วยก็ต่อเมื่อช่วยตัวเองก่อน

ooooooo

ฝ่ายพระยาพลเทพคุยกับเจ้าจอมเพ็ญอย่างเคร่งเครียด นึกไม่ถึงว่าฝ่ายกรมขุนวิมลจะแก้กลบทนี้ได้ เจ้าจอมเพ็ญก็โมโหเพราะขายหน้าต่อหน้าพระที่นั่งถึงสองครั้ง บ่นว่าตนไม่น่าเชื่อท่านเจ้าคุณที่คุยใหญ่คุยโตว่าในเชิงอักษรไม่มีใครสู้

เจ้าจอมเพ็ญยิ่งตกใจเมื่อพระยาพลเทพบอกว่ากลบทที่ตนให้ไปคราวนี้มีพื้นฐานเช่นเดียวกับที่ตนเขียนไปให้อังวะ ถ้าเด็กนี่มันแก้ได้ก็อาจจะแก้กลในกลักได้เช่นกัน เจ้าจอมเพ็ญถามว่าคุณพระนายบอกว่ามันทำลายกลักไปแล้ว เราก็ไม่มีกระไรต้องกลัวแล้วไม่ใช่หรือ

“กระผมบอกแล้วอย่างไรว่ายังไงก็วางใจไม่ได้ เจ้าจอมจะค่อนขอดว่ากระผมขี้ระแวงอย่างไรก็เถิด แต่คนรอบคอบเท่านั้นถึงจะอยู่รอด”

เจ้าจอมเพ็ญฟังพระยาพลเทพพูดแล้วเริ่มกลัวไปด้วย

แมงเม่าเอาเบี้ยรางวัลที่ได้จากกรมขุนวิมลมาให้ติ่นเอาไปแบ่งปันกัน เพราะโรงงานกระดาษของพ่อขายได้น้อยทำให้เดือดร้อนกันไปด้วย เอาเบี้ยนี้ไปแบ่งกันเผื่อจะประทังได้บ้าง ยังความซึ้งใจแก่พวกบ่าวไพร่ยิ่งนัก

เมื่อกลับเข้าห้อง แมงเม่าเห็นถุงกระดาษที่ขันทองเขียนโจทย์กลบทให้จึงหยิบขึ้นมาดูอย่างอยากรู้ว่าจะยากแค่ไหน ก็เห็นเศษกระดาษอีกแผ่น แมงเม่าสงสัยว่าเขียนโจทย์มาให้แก้แล้วยังจะเขียนใส่เศษกระดาษมาทำไมอีก แต่พอแมงเม่าแก้กลบทในเศษกระดาษได้ก็เขิน คล้ายมีเสียงกระซิบของขันทองอยู่ข้างหูว่า

“เมื่อเวลามาบำราศให้คลาดรัก สงวนศักดิ์ไว้ให้งามเถิดทรามสงวน

คิดเสงี่ยมเจียมพักตร์แต่พอควร ใครสงวนไม่เท่านวลสงวนกาย”

แมงเม่าจำได้ว่าเป็นเพลงยาวเจ้าฟ้ากุ้ง สงสัยว่าขันทองส่งมาเกี้ยวตน แต่ก็แย้งตัวเองอย่างสับสนว่า...เขาเป็นขันทีนี่นา

ooooooo

ขันทองดูบัญชีค่าใช้จ่ายที่ขุนเทพชำนาญกับขุนเทพรักษาส่งมาให้ตรวจ พบว่ามากเกินไป คราวนี้ จะยอมให้แต่คราวหน้าจะยอมให้เพียงหกส่วนเท่านั้น ขุนเทพรักษาโมโหโต้ว่าแค่นั้นจะไปพออะไร

แน่นแย้งว่าถ้าใช้จ่ายกันในทิมทำไมจะไม่พอ เว้นแต่จะแบ่งให้คนข้างนอกช่วยใช้ ขุนเทพรักษาไม่พอใจที่ถูกตัดค่าใช้จ่ายจะไม่พอเลี้ยงลูกสวาท ขุนเทพชำนาญบอกว่าถึงอย่างไรก็ต้องอดทนจนกว่าจะถึงวันของเรา

แน่นบอกขันทองว่าขุนเทพรักษาเลี้ยงลูกสวาทอย่าหวังเลยว่าประหยัดค่าใช้จ่ายได้ ขันทองบอกแน่นว่าเวลานี้ตนระวังตัวมากไม่ให้ใครจับผิดได้ จึงไม่อยากหาเรื่องร้ายให้ผู้อื่นจับผิดมากขึ้น คิดถึงการใหญ่เอาไว้ก่อน

แต่แล้วขันทองก็ถูกเยื้อนยั่วจนเคลิ้ม เยื้อนลูบคลำยั่วยวน จับได้ว่าขันทองมิใช่ขันทีหากแต่เป็นชายแท้ ขันทองตกใจเพราะนั่นหมายถึงหัวหลุดจากบ่า คิดจะฆ่าเยื้อนปิดปากแต่ก็ฆ่าไม่ลง ไล่เยื้อนไปให้พ้น เยื้อนหนีตายไปเจอหลวงศรีมะโนราชจึงเล่าให้ฟังและขอให้ช่วยตนด้วย

หลวงศรีมะโนราชพาเยื้อนไปที่เรือนพบกับขุนเทพชำนาญและขุนเทพรักษาให้เยื้อนเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง เยื้อนกลัวตายมากอ้อนวอนว่าตนรู้ความลับนี้ หากออกพระศรีขันทินไม่ตายไหนเลยตนจะนอนตาหลับได้

ทั้งหมดจึงไปที่เรือนพระยาพลเทพ ให้เยื้อนเล่าและยืนยันสิ่งที่ตนได้พบมา พระยาพลเทพสาแก่ใจที่พบลู่ทางจะเล่นงานขันทอง รับปากว่าจะให้มีการสอบสวนเรื่องนี้และเยื้อนจะต้องไปเป็นพยาน หลวงศรีมะโนราชจึงฝากเยื้อนไว้ที่เรือนพระยาพลเทพเพื่อความปลอดภัย

พระยาพลเทพและขุนแผลงฤทธิ์สอบถามเยื้อนยังรู้ว่าแมงเม่าชอบไปปรึกษาหารือเรื่องกลบทของเจ้าจอมเพ็ญกับขันทอง พระยาพลเทพถึงกับตบเข่าฉาดโพล่งว่า “อย่างนี้นี่เล่า” บอกกับขุนแผลงฤทธิ์ว่า

“เห็นทีเราจะนิ่งนอนใจอีกไม่ได้แล้ว ฉันต้องรู้ให้จงได้ว่ากลักยังมีอยู่หรือถูกทำลายไปแล้วกันแน่ท่านขุนมีแผนการใดหรือไม่”

กล้าเสนอว่าตนมี ขอให้ตนได้รับใช้ท่านเจ้าคุณด้วยเถิด เพราะนับแต่มาอยู่กับท่านยังไม่ได้ทำสิ่งใดเป็นการทดแทนคุณเลย

ฝ่ายขันทองก็ให้แน่นสืบการเคลื่อนไหวของเยื้อน เมื่อรู้ว่าไปอยู่เรือนพระยาพลเทพก็บอกแน่นว่า เรื่องนี้เป็นความผิดของตน ฉะนั้นก็ขอให้ตนได้แก้ไขมันด้วยตัวเองเถิด

ooooooo

เมื่อชื่นกับมิ่งรู้เรื่องม่วงกับอินก็เป็นห่วงม่วงจะติดเชื้อโรคให้อับอาย หรือสถานหนักก็อาจจะตาย ไม่อยากให้ม่วงไปที่โรงรับชำเราอีก แมงเม่าก็หว่านล้อมให้ม่วงคุยกับอินมากกว่าการตั้งแง่ใส่กัน

แมงเม่าเอ่ยปากขอกลักคืนจากม่วงเพื่อจะมาแก้กลบท ม่วงกลัวแมงเม่าได้รับอันตรายไม่อยากให้ แมงเม่ารับปากว่าขอเวลาสามวันตนจะไม่ออกจากเรือนไปไหนเลย ถ้ายังแก้กลบทไม่ได้ก็จะคืนกลักให้ม่วงตามเดิม

ที่เรือนพระยาพลเทพ วันนี้จัดเลี้ยงอย่างเต็มที่ ขุนแผลงฤทธิ์พูดให้ได้ยินทั่วกันว่ากินให้เต็มที่ แต่อย่าเมาเดี๋ยวจะเสียการของท่านเจ้าคุณ

จมื่นศรีสรรักษ์รับจอกขนาดใหญ่มาแต่ดื่มนิดเดียวก็ทำหน้าเหยเก เยื้อนรับไปดื่มแทนรวดเดียวหมดและอ่อยจมื่นศรีสรรักษ์อย่างออกนอกหน้า แต่จมื่นไม่กล้ายุ่งเพราะเมียดุ

ม่วงไปโรงรับชำเราตามปกติ สุ่นปรนนิบัติเอากับแกล้มมาวางบอกว่าอยากได้อะไรอีกจะหามาให้ พลางหยิบป้อนม่วง แต่ถูกกล้ายื่นหน้ามาอ้าปากรับแทน

ม่วงโมโหตบโต๊ะปังด่าว่าไอ้คนหนีคุก จะจับส่งกรมเวียงให้ดู

กล้าสั่งลูกน้องลงมือทันที ม่วงถูกรุมแต่ก็สู้สุดฤทธิ์และมีฝีมือกว่า พวกกล้าจึงทำอะไรไม่ได้มากนัก กล้าจึงหันไปแทงสุ่นจนล้ม ม่วงรีบเข้าไปประคองสุ่น ถูกกล้าใส่ความทันทีว่าม่วงฆ่าสุ่น หมิ่นกลัวกล้า ตะโกนว่าม่วงฆ่าสุ่น กล้าบอกลูกน้องว่าได้ยินไหมอ้ายม่วงฆ่าสุ่น ให้จับส่งกรมเวียงเร็ว

ม่วงถูกรุมจึงยกโต๊ะทุ่มใส่พวกกล้าเปิดทางหนีไป

ฝ่ายเยื้อนรับจอกใหญ่จากจมื่นศรีสรรักษ์มาดื่มรวดเดียวหมด หมายเมาให้จมื่นประคอง แต่จมื่นกลัวเมียดุไม่กล้า เยื้อนร้อนรุ่มจึงไปที่ท่าน้ำบ้านพระยาพลเทพเพื่อเอาน้ำลูบหน้าลูบตัวให้สร่างเมา

แต่ขณะกำลังก้มวักน้ำลูบหน้า ก็ถูกขันทองในชุดรัดกุมที่ซุ่มอยู่ดึงตัวลงน้ำไปทันที...

ooooooo

ม่วงกระเซอะกระเซิงหนีไป ไม่นานกล้าก็นำลูกน้องตามไปทันและฟันม่วงแต่ม่วงหลบทันถีบกล้าเซไปชนลูกน้องล้มทับกันระนาว แล้วม่วงก็หนีไป

กล้าถูกจมื่นศรีสรรักษ์ ขุนแผลงฤทธิ์ และลูกน้องพระยาพลเทพถีบล้มหงายล้มคว่ำด้วยความโมโหที่ทำตามแผนของตัวเองแท้ๆแต่ก็ยังพลาดให้ม่วงหนีไปได้ กล้ายกมือไหว้ปลกๆ แก้ตัวว่าแม้จะจับตัวม่วงไม่ได้ แต่ตนก็ใส่ร้ายว่าม่วงฆ่าสุ่น เพียงเท่านี้เราก็มีข้ออ้างค้นเรือนและบีบให้แมงเม่าคืนกลักให้เราได้ตามแผนแล้ว

จมื่นศรีสรรักษ์คล้อยตามกล้า ขุนแผลงฤทธิ์นิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วสั่งทุกคนให้ตามตนไป

แมงเม่ากับอินเดินคุยกันมาถึงห้องนอนม่วง

พอผลักประตูเข้าไปก็ตกใจแทบช็อก เมื่อเห็นม่วงในสภาพถูกฟันที่แขนเลือดเกรอะกรังกำลังปีนหน้าต่างเข้ามา

อินจะไปตามหมอ ม่วงรีบห้ามบอกให้รีบปิดประตูเสีย

ม่วงเล่าว่ากล้าฆ่าสุ่นแล้วใส่ร้ายว่าตนฆ่า หมายจะใช้เหตุนี้เล่นงานตนและกระทบถึงทุกคนด้วย ตนคงอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว ที่กลับมาเพื่อจะบอกให้ทุกคนระวังตัวไว้ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงมิ่งเอะอะไม่พอใจว่า

“เฮ้ย ขึ้นมาได้อย่างไรวะ อ้ายกล้า นี่เอ็งรึ... จะทำกระไร”

แมงเม่าได้ยินก็คิดหาทางช่วยม่วงทันที

มิ่ง ชื่น และพวกบ่าวไพร่ต่างกลัวความโหดเหี้ยมของพวกกล้าที่บุกขึ้นมา ชื่นไหว้วอนว่าจะเอาอะไรก็เอาไปแต่อย่าทำร้ายพวกตนเลย ขุนแผลงฤทธิ์ตวาดว่าพวกตนไม่ใช่โจรแต่เป็นขุนนาง มิ่งถามว่าเป็นขุนนางแล้วมารังแกพวกเราทำไม พวกตนทำกระไรผิดหรือ

จมื่นศรีสรรักษ์บอกว่าม่วงฆ่าสุ่น มีพยานรู้เห็น มิ่งโต้ว่าม่วงไม่มีวันฆ่าคน ต้องมีการเข้าใจผิดกันเป็นแน่ ชี้ไปที่กล้าบอกว่า “คนต้องโทษตัวจริงคืออ้ายกล้าคนนี้ต่างหาก เหตุใดพวกคุณพระถึงไม่จับมันเล่า”

“ข้าจะจับมันหรือไม่มันเรื่องของข้า แต่เพลานี้ข้าจะจับอ้ายม่วงลูกชายเอ็งก่อน” จมื่นศรีสรรักษ์ตะคอกมิ่ง แล้วสั่งลูกน้อง “ค้น!”

กล้านำลูกน้องค้นทันที เจออินอยู่ในห้องม่วง

มันถามว่า “ผัวเอ็งฆ่าผู้หญิงโรงรับชำเราตายรู้บ้างหรือไม่”

“โกหก เอ็งเป็นคนทำแต่ใส่ร้ายพี่ม่วงต่างหาก”

กล้าหัวเราะลั่นอย่างสะใจบอกว่าม่วงกลับมาที่นี่จริงๆ ตะคอกถามอินว่ามันอยู่ที่ใดบอกมา อินยืนยันว่าตนไม่รู้ กล้าเห็นหีบใบใหญ่จึงสั่งลูกน้องค้น อินหน้าซีดเผือดเพราะม่วงซ่อนอยู่ในหีบ ม่วงเองก็เตรียมเปิดหีบออกมาสู้ แต่ขณะที่กล้าเงื้อดาบหมายแทงให้ม่วงตายคาหีบนั่นเอง ก็มีเสียงลูกน้องร้องบอกว่า

อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 8 วันที่ 4 พ.ค.61

ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว บทประพันธ์โดย วรรณวรรธน์
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว บทโทรทัศน์โดย เอกลิขิต
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว กำกับการแสดงโดย กิตติศักดิ์ ชีวาสัจจาสกุล
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ผลิตโดย บริษัท ทีวีซีน จำกัด
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ออกอากาศทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ