อ่านละคร เสน่ห์รักนางซิน ตอนที่ 7 วันที่ 4 พ.ค.61
ลุงดำเห็นพริมอมทุกข์ตั้งแต่กลับจากสอนวิกกี้ตัดรองเท้า ถามว่าเป็นอะไรก็ไม่ยอมบอก ด้วยความเป็นห่วงแกก็เลยโทร.นัดให้ภูรีออกมาหาแถวซอยบ้านพริมเพื่อถามว่าพัชราทำอะไรพริมถึงได้หน้าเศร้าอมทุกข์แบบนี้ ภูรีโกหกว่าไม่ได้ทำอะไร เธอลืมเอาหุ่นรองเท้าไปก็เลยอดสอน ลุงดำไม่ติดใจอะไรภูรีแอบถอนใจโล่งอก“ลุงดำหมดธุระจะถามผมแล้วใช่ไหมครับ ผมขอตัวกลับก่อนนะ” ภูรีขยับจะไป ลุงดำตะคอกใส่ ใครบอกว่าธุระของเราจบแล้ว ตนกับเขายังมีเรื่องสำคัญต้องเคลียร์กัน แล้วลากแขนเขาออกมาอีกมุมหนึ่ง ปริตากับบุสกรถือถุงกระสอบสีรุ้งมากันคนละใบ เห็นลุงดำลากแขนภูรีไปหลบหลังต้นไม้ท่าทางมีพิรุธ รีบตามไปดู เห็นลุงดำกวาดตามองไปรอบๆ เหมือนจะดูให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้นจึงผลุบไปหลังต้นไม้ต่อว่าภูรีที่พาวิกกี้มาสนิทกับพริม สองสาวขาเผือกตามเข้าไปแอบฟังใกล้ๆกว่าจะย่องมาถึงจุดที่ได้ยินทั้งคู่คุยกัน ไคลแมกซ์สำคัญเลยไปแล้ว สองสาวจึงได้ยินลุงดำบ่นว่าไม่น่าบอกความลับกับภูรีเลย
“ลุงดำครับผมยังยืนยันว่าผมไม่คิดจะบอกความลับของเราให้ใครรู้ ผมแค่อยากช่วยทำให้อะไรๆมันดีขึ้น”
“แล้วถ้ามันไม่ดีขึ้นอย่างที่เอ็งคิดล่ะ เอ็งรู้ใช่ไหมว่าคนที่จะเดือดร้อนที่สุดคือใคร เอ็งไม่สงสารมันเหรอ”
ลุงดำกำลังจะพูดชื่อพริม แต่ท้องเจ้ากรรมของบุสกรส่งเสียงประท้วงเนื่องจากไม่มีอะไรตกถึงท้องตั้งแต่เที่ยง ลุงดำได้ยินรีบเดินมาดูกลัวจะมีใครแอบฟังแต่ไม่เจอใคร จึงหันกลับมาทางภูรี
“ข้าหมดธุระกับเอ็งแล้วแต่เอ็งจงฟังให้ดี ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อขัดขวางความหวังดีของเอ็ง คนอย่างไอ้ดำตายได้ แต่เสียสัจจะไม่ได้” พูดจบลุงดำผละไป ปริตากับบุสกรที่ยืนแอบตัวลีบอยู่พากันโล่งอก...
ครู่ต่อมา บุสกรกับปริตานำเรื่องนี้ไปเล่าให้พริมฟัง เธอเองก็อยากรู้เหมือนเพื่อนๆว่าความลับที่ว่าคืออะไร และใครต้องเดือดร้อนถ้ามีคนรู้ความลับนี้ แต่พอบุสกรแนะให้พริมโทร.ไปถามภูรีให้รู้เรื่องไปเลย เธอกลับคำไม่สนใจจะรู้เรื่องนี้อีก แถมแกล้งหาวง่วงนอน แล้วลุกออกไปเลย บุสกรงงทีเมื่อก่อนเห็นอยากจะคุยกับภูรีนักหนา ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ไปได้...ภูรียังคงส่งไลน์มาอวยพรให้พริมฝันดี เธอพยายามตัดใจปิดมือถือหนี...
ฝ่ายปริตาพันขาแว่นตาที่เกือบจะหักด้วยเทปกาวเสร็จก็ควานหามือถือไปตามโซฟาเจอซุกอยู่ใต้หมอน หยิบขึ้นมาดูเห็นสายมิสคอลจากอินทัช 3 สาย ครั้นจะโทร.กลับก็เห็นว่าดึกแล้วไว้พรุ่งนี้ค่อยโทร.
ooooooo
ทันทีที่ได้เงินจากพ่อมาตั้งบริษัท คนแรกที่ภควัต อยากให้มาทำงานด้วยก็คือบุสกรนั่นเอง เขาตามมาเสนองานหัวหน้าครีเอทีฟให้เธอถึงบ้านเด็กกำพร้า มีเงินเดือนสตาร์ตห้าหมื่นบาท มีสวัสดิการทุกอย่างที่เธอต้องการและอาจจะมีรถประจำตำแหน่งให้อีกด้วย เธอจะยังไม่ให้คำตอบเขาจนกว่าจะทำเรื่องหนึ่งให้ก่อน
“ฉันอยากรู้ว่าคุณภูเพื่อนคุณกับลุงดำมีความลับอะไรกัน”
ภควัตตกลงจะไปหาคำตอบมาให้เธอเอง แล้วรีบโทร.ถามอินทัชว่ารู้เรื่องนี้บ้างไหม เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ภูรีไม่เคยเล่าอะไรให้ฟัง ภควัตย้ำไม่ได้โกหกใช่ไหม อินทัชชักเคืองถ้าไม่เชื่อจะมาถามทำไม แล้วขอปรึกษาอะไรเพื่อนหน่อย ถ้าเรารู้สึกผิดกับใครบางคนเราควรทำอย่างไร ภควัตแนะให้ขอโทษไปตรงๆ พร้อมกับดอกไม้ช่อโตๆสักช่อ ว่าแต่ใครคนนั้นของเขาคือใคร อินทัชรับรองว่าไม่ใช่พริม
“ก็ลองเป็นสิเจอกันแน่ สรุปว่าแกไม่รู้เรื่องภูกับลุงดำแน่นะ เออแค่นี้แหละ”...
ในเวลาไล่เลี่ยกัน บารมีบังเอิญมีธุระแถวถนนเจริญรัถ ก็เลยจะแวะไปหาพริมที่บ้านเพื่อขอโทษเรื่องเมื่อวานด้วยตัวเอง แต่ไม่รู้ว่าบ้านอยู่ตรงไหนจึงโทร.ไปหาภูรีให้บอกทางให้หน่อย เขาหน้าตาตื่น พยายาม หลอกล่อไม่ให้บารมีไปที่นั่น แต่ท่านยืนกรานถึงพริมจะไม่อยู่บ้านก็จะเอาของฝากไปทิ้งไว้ให้
“เอาอย่างนี้ดีไหมครับคุณน้า ที่หน้าปากซอยมีร้านกาแฟ คุณน้าเข้าไปคอยผมสักครู่ ไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็ถึง แล้วเจอกันครับ” ภูรีวางสายคว้ากระเป๋าเงิน มือถือ กุญแจรถ พุ่งออกจากห้องทำงานแต่เกิดมีงานด่วนเข้ามา คุยงานจนเสร็จภูรีถึงได้วิ่งหน้าตั้งมาที่รถ เจอภควัตที่กำลังจะมาถามเรื่องความลับของเขากับลุงดำพอดี
“เอาไว้ก่อนนะ ฉันมีธุระต้องรีบไป” ภูรียังไม่ทันจะสตาร์ตรถ บารมีโทร.มาบอกว่าไม่ต้องมาแล้วท่านเจอพริมกับปริตาแถวนั้นพอดีก็เลยรับขึ้นรถมาด้วยกันกำลังจะไปบ้านเธอ ภูรีตกใจแทบช็อก พอตั้งสติได้ขอพูดสายกับพริมหน่อย ท่านส่งมือถือให้เธอแล้วหันไปสั่งคนรถให้จอดรถก่อน
ภูรีขอร้องพริมอย่าให้คุณน้าบารมีเข้าบ้านเธอเด็ดขาด แล้วจะดีกับทุกคนโดยเฉพาะเธอ แต่เธอไม่ฟัง หากเขาห่วงเรื่องที่พัชรากับวิกกี้จะเข้าใจผิดก็ไม่ต้องห่วงเพราะบารมีบอกกับเธอแล้วว่าไม่เป็นไร จากนั้นเธอวางสายไปเลย ภูรีไม่รู้จะทำอย่างไร รีบโทร.หาลุงดำให้ช่วย แต่เขาเมาหลับไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์
ภควัตมาแย่งมือถือไปจากมือภูรี ซักอีกว่าเขากับลุงดำมีความลับอะไรกัน เขาขอร้องอย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้ เขาต้องหาทางห้ามไม่ให้บารมีไปบ้านพริมเพราะมันเกี่ยวกับความลับของเขากับลุงดำ ภควัตรู้ว่าใครจะช่วยเรื่องนี้ให้เขาได้ แล้วโทร.ไปขอความช่วยเหลือจากอินทัชซึ่งไม่ทำให้ผิดหวัง เขาลงทุนวิ่งมาขวางรถของบารมีได้ทัน กันไม่ให้ไปถึงบ้านพริม แล้วแกล้งล้มลงไปชักดิ้นชักงอราวกับถูกรถชน
“พาผมไปโรงพยาบาล ผมจะไปโรงพยาบาล” อินทัชร้องเอะอะ
ooooooo
หลังหมอตรวจอาการอินทัชเรียบร้อย ทุกคนพากันแปลกใจที่เขาไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน ภูรีกับภควัตที่ตามมาสมทบแก้ตัวแทนเพื่อนว่า
เขาเป็นคนขี้ตกใจแบบนี้เอง ทุกคนพยักหน้ารับรู้ไม่ติดใจอะไรอีก
มือถือของปริตามีสายเรียกเข้า เธอขอตัวออกไปรับสายข้างนอก อินทัชอยากคุยกับเธอเรื่องคืนนั้น รีบตามออกไป พริมเห็นอินทัชปลอดภัยก็ขอตัวกลับ บารมีเสนอตัวจะไปส่งเธอ เพราะเรายังมีเรื่องต้องคุยกัน
พริมยังไม่ทันจะตอบรับ ภูรีรีบเสนอให้คุยกันที่นี่เลย ข้างล่างมีร้านกาแฟ ใกล้เวลาเลิกงานแล้ว รถจะติดมาก บารมีจะได้ไม่ต้องเทียวไปเทียวมา ส่วนหน้าที่ไปส่งพริมกับปริตา ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเขาเอง เพราะเขาต้องพาอินทัชกลับไปเอารถซึ่งจอดอยู่แถวบ้านพริมอยู่แล้ว ทั้งคู่ตกลงใจทำตามที่ภูรีเสนอ...
อินทัชรอจนปริตาคุยธุระเสร็จจึงเข้าไปขอโทษเรื่องที่ทำตัวไม่สุภาพกับเธอคืนนั้น ปริตาไม่ถือโทษโกรธอะไรเขา เธอเข้าใจว่าเขาเมา อินทัชแปลกใจถ้าไม่โกรธแล้วทำไมไม่รับสายเขา ปริตาเพิ่งนึกได้ว่าเขาโทร.มา เธอจะโทร.กลับตั้งแต่เมื่อคืนแต่เห็นดึกแล้ว จะไว้โทร.หาตอนเช้าแต่ลืมไปเลย
“อย่าถือสาผู้หญิงสมองปลาทองอย่างริตาเลยนะคะ”...
ขณะที่อินทัชเคลียร์เรื่องคาใจกับปริตาได้เรียบร้อย บารมีขอโทษพริมแทนลูกเมียของเขาด้วย เขาไม่ว่าถ้าเธอจะโกรธพวกนั้น แต่อย่าเกลียดเป็นพอ ที่สำคัญเขาไม่อยากให้เธอกับวิกกี้เป็นศัตรูกันด้วยเรื่องผู้ชาย พริมไม่พอใจนิดๆ ยืนยันว่าไม่ได้คิดจะแย่งภูรีไปจากวิกกี้ บารมีเชื่อที่เธอพูด สองคนคุยกันด้วยไมตรีจิตอันดี
ภูรีที่ยืนอยู่กับภควัตมองภาพพริมกับบารมีคุยกันด้วยความรู้สึกดีที่เห็นความสัมพันธ์พ่อลูกเป็นไปในทางที่ดี สักพักอินทัชเดินยิ้มเข้ามา ภควัต มองเหล่ไปทำอะไรมาถึงได้อารมณ์ดีอย่างนี้ เขาได้แต่ยิ้มๆ
“เรื่องของฉันไม่น่าสนใจเท่าเรื่องสองคนนั้น หรอก เล่ามาสิภู ความลับของแกกับลุงดำเกี่ยวข้องกับสองคนนั้นมันเป็นยังไง” อินทัชมองภูรีอย่างรอคำตอบ เขานิ่งคิดอยู่อึดใจก่อนจะเล่าความจริงให้ฟัง สองเพื่อนซี้ตกใจที่รู้ว่าบารมีเป็นพ่อแท้ๆที่พลัดพรากจากกันของพริม ภควัตยังไม่ปักใจเชื่อนัก ลุงดำอาจจะเมาจนจำอะไรเลอะเลือนก็ได้ ภูรียืนยันว่าไม่มั่ว ตนเจอบารมีไปที่บ้านพริมกับตาตัวเอง
“และลุงดำก็พูดถึงคุณน้าบารมีกับคุณน้าพัชราได้ถูกต้องทุกอย่าง”
อินทัชไม่เข้าใจถ้าอย่างนั้นทำไมภูรีถึงไม่บอกเรื่องนี้ให้พริมรู้ไปเลย เธอจะได้ดีใจที่ได้เจอพ่อที่ตามหาสักที เขากลัวครอบครัวของบารมีจะไม่ยอมรับเธอ ภควัตกร้าวรับไม่ได้ก็ต้องรับให้ได้ แล้วตัดสินใจจะไปบอกพริมว่าพ่อที่เธอตามหาอยู่ตรงหน้าแค่มือเอื้อม ภูรีร้องห้ามเสียงหลงไม่ให้ทำอย่างนั้น
“แต่แกอาจจะทำให้คุณพริมทุกข์มากกว่าเดิม เชื่อฉันเถอะ ฉันรู้ดีว่าการไม่ได้รับการยอมรับจากครอบครัวใหม่ของพ่อแม่ มันรู้สึกอย่างไร”
ภควัตยอมล้มเลิกความคิดที่จะบอกพริมเรื่องพ่อเพราะรู้ดีว่ากว่าภูรีจะพิสูจน์ให้ทางครอบครัวของมิสเตอร์พีเห็นว่าเขากับแม่ไม่ได้จะมาชุบมือเปิบธุรกิจของครอบครัวเขาไป เหนื่อยใจเหนื่อยกายแค่ไหน และนับเป็นโชคดีของเขาที่มิสเตอร์พีกล้าหาญพอที่จะไม่ให้ใครมายุ่งกับภูรีกับแม่ ไม่รู้ว่าบารมีจะมีความกล้าพอขนาดนั้นไหม ขอให้ภควัตคิดดูก็แล้วกันว่าพริมจะต้องเจอกับอะไรบ้าง
ooooooo
คุยกับบารมีเสร็จ พริมไม่ยอมให้ภูรีไปส่งบ้าน อ้างมีธุระจะต้องไปซื้อของกับปริตา แล้วคว้ามือเธอออกไปเลย อินทัชต้องกลับไปเอารถที่จอดไว้ใกล้บ้าน
พริมก็เลยรีบวิ่งตามสองสาว ภควัตตั้งข้อสังเกตหากผู้หญิงปฏิเสธความช่วยเหลือกะทันหัน แสดงว่าเธอมีเรื่องค้างคาใจ แล้วถามภูรีไปทำอะไรให้พริมไม่พอใจหรือเปล่า
เขาไม่เข้าใจทำไมต้องโทษเขาด้วย ภควัตยืนยันว่าไม่ได้ทำ อินทัชก็เปล่าจึงเหลือเขาแค่คนเดียว
ภูรีไม่ตอบ ได้แต่มองตามพริมที่เดินจากไปกับปริตาอย่างไม่สบายใจ ด้านอินทัชคลาดกับสองสาว พยายามกวาดตามองหาก็ไม่เจอ จึงโทร.ให้ภควัตวนรถมารับ เขากลับวางหูใส่หน้าตาเฉย...
ตั้งแต่มีเรื่องกันวันนั้น ภูรีไม่โทร.หาวิกกี้อีกเลย เธอโทร.ไปเขาก็ไม่รับสาย ไลน์ไปหาก็ไม่ตอบ เธอกลุ้มใจมากไม่เป็นอันกินอันนอน ขังตัวเองอยู่แต่ในห้อง บารมีเป็นห่วงลูกจึงเข้าไปถามว่าเป็นอะไร รอภูรีอยู่หรือ ท่านเพิ่งไปเจอเขามา วิกกี้ตื่นเต้นแล้วเขาถามถึงเธอบ้างไหม เขายังโกรธเธอมากไหม
“เขาไม่พูดถึงลูกเลย...วิกกี้ ถ้าลูกอยากให้ผู้ชายอย่างภูรีรัก ลูกต้องไม่ทำตัวไร้ค่าไปวันๆแบบนี้”
“แล้วคุณพ่อจะให้วิกกี้ทำอะไรล่ะคะ”
บารมีแนะให้ทำอะไรก็ได้ที่จะสร้างคุณค่าให้ตัวเอง วันนี้ท่านเจอพริมมาด้วย ยิ่งได้อยู่ใกล้เธอท่านยิ่งไม่แปลกใจถ้าภูรีจะรักผู้หญิงคนนี้ วิกกี้โวยวายว่าภูรีเป็นของเธอ บารมีชี้ให้เห็นว่าไม่มีใครเป็นของใครได้ ถ้าใจของภูรีไม่ได้รักเธอ ต่อให้เธอไล่ผู้หญิงไปหมดโลกเขาก็ไม่รักเธออยู่ดี และเขาจะยิ่งโกรธยิ่งเกลียดที่เธอไปขวางความรักของเขากับผู้หญิงที่เขารัก เธอทนได้หรือที่จะเป็นคนน่ารังเกียจของเขา วิกกี้นิ่งอึ้งไม่ตอบ...
อินทัชลงจากแท็กซี่กำลังจะเดินไปที่รถของตัวเองซึ่งจอดอยู่ในซอยบ้านพริม เจอปริตาเดินสวนออกมาถามว่าจะไปไหนจะไปส่งให้ เธอส่ายหน้าไม่รบกวนดีกว่า นั่งรถเมล์ไปครู่เดียวก็ถึง แล้วขยับแว่นที่ขาข้างหนึ่งเกเพราะมันจะร่วง เขาร้องทักแว่นขาหักหรือ แล้วพันเทปไว้อย่างนั้นถนัดหรือ เธอชินแล้ว ขืนต้องเปลี่ยนแว่นทุกครั้งที่ทำหัก ปีหนึ่งๆเธอคงต้องเปลี่ยนไม่ต่ำกว่ายี่สิบอัน อินทัชคิดอะไรออก
“งั้นไปเปลี่ยนเป็นแบบอื่นดูไหมครับ ผมขอเป็นสปอนเซอร์ให้เอง ถือว่าชดเชยความผิดที่ผมทำกับคุณไว้ พรุ่งนี้วันหยุดให้ผมมารับคุณนะครับ”
ooooooo
วันรุ่งขึ้น อินทัชมารับปริตาไปใส่คอนแทคเลนส์แทนแว่นตาที่ชอบหัก ใส่แรกๆยังไม่คุ้นเธอรู้สึกเหมือนยังไม่เข้าที่ อินทัชก็เลยยื่นหน้าเข้าไปดูให้ น้ำหวานผ่านมาเห็นพอดีเข้ามาทักทายเขาสบายดีไหม โทร.ไปทำไมไม่รับสาย เขาไม่ค่อยว่าง น้ำหวานสวนทันทีไม่ว่างหรือไม่อยากรับกันแน่ แล้วมองปริตาเขม็ง
“นี่คุณริตาเพื่อนผม คุณริตาครับนี่น้ำหวาน” อินทัชไม่ได้ให้ความสำคัญกับฐานะของน้ำหวานทำให้เธอไม่พอใจ แนะนำตัวเองกับปริตาว่าเป็นแฟนเก่าของเขา แล้วหันไปดราม่าใส่เขาจะขอคุยด้วยเป็นการส่วนตัวสักห้านาที อินทัชไม่สะดวกคุยด้วยแล้วคว้ามือปริตาเดินหนี น้ำหวานไม่รามือตามไปติดๆ ปริตาไม่เข้าใจทำไมเขาถึงต้องหนีเธอราวกับหนีเจ้าหนี้ เขาสู้หน้าเธอไม่ได้ กลัวความโกรธที่เธอทิ้งเขาไปจะให้เขาทำตัวไม่ดี
“ผมยอมเป็นคนโง่ แต่ผมจะไม่ยอมเป็นคนเลว”
น้ำหวานยังตามมาวอแวไม่เลิก ปริตาปราดไปยืนประจันหน้า ไล่เธอไปให้พ้น ในเมื่อเธอทิ้งอินทัชไปแล้วจะยุ่งกับเขาทำไมอีก นิสัยไม่ดี น้ำหวานไม่พอใจคว้าแก้วน้ำอัดลมจากคนที่เดินผ่านมาสาดหน้าปริตา อินทัชไวทายาดดึงเธอหลบทัน น้ำเปรอะพื้นไปหมด น้ำหวาน ชี้หน้าปริตาทีหน้าทีหลังอย่ามาทำเก่งกับตนอีก แล้วขยับจะไป ปริตาตามไปขวางหน้า ในเมื่อเธอทำพื้นเลอะก็ต้องรับผิดชอบทำความสะอาดให้หมด
ไม่พูดเปล่า ปริตาเอาไม้ม็อปจากมือแม่บ้านยัดใส่มือน้ำหวาน ขู่ถ้าไม่ทำความสะอาดจะไปแจ้งตำรวจฐานทำร้ายร่างกาย แต่ถ้าเธอยอมทำเราจบกันตรงนี้ แม่บ้านกับผู้คนแถวนั้นตบมือให้ปริตากึกก้อง น้ำหวานหนีไม่ออกก้มหน้ารับกรรมที่ตัวเองก่อ การต่อสู้เพื่อความถูกต้องของปริตาได้ใจอินทัชเต็มๆ รีบหลบมาโทร.บอกภูรีว่าเจอแม่ของลูกแล้ว ภูรีสงสัยว่าใคร พอรู้ว่าเป็นปริตาก็ยินดีกับเขาด้วย ทั้งคู่ดูเหมาะสมกันดี
“ขอบใจเพื่อนมากและขอบใจที่แกยอมรับสารภาพว่าแกรักคุณพริม ฉันถึงได้เดินทางมาพบหัวใจอีกครึ่งดวงที่หายไป” ขณะอินทัชพร่ำเพ้ออยู่นั้น ป้าเพ็ญแม่บ้านของเขาเข้ามาแจ้งว่าวิกกี้มาพบ เขาฝากให้ป้าไปบอกเธอให้รอสักครู่เขาติดสายอยู่ ระหว่างที่ป้าเพ็ญนำข้อความมาแจ้ง วิกกี้ถือโอกาสถามแม่บ้านว่าภูรีเคยพาผู้หญิงมาที่นี่บ้างไหม ป้าเพ็ญตอบตามความจริงว่าเคยพาคุณพริมกับคุณปริตามาที่นี่ มาส่งคุณทัชซึ่งเมามาก
“นอนค้างหรือเปล่า”
ป้าเพ็ญไม่ค่อยชอบน้ำเสียงที่วิกกี้ถามนัก แต่ก็ตอบว่าเปล่า เธอหาว่าป้าโกหก ภูรีมาทันได้ยินพอดี ช่วยยืนยันคำพูดของป้าเพ็ญว่าเป็นความจริง ป้าเพ็ญมองวิกกี้ไม่ค่อยพอใจนักก่อนจะถอยออกมา วิกกี้ตัดพ้อทำไมเขาถึงไม่โทร.หาเธอบ้าง ส่งข้อความไปก็ไม่ตอบ เขาอ้างว่ายุ่ง เธอไม่เชื่อที่เขาพูด
“พี่ภูโกรธวิกกี้เรื่องนัง...เอ่อ คุณพริม พี่ภูบอกวิกกี้สิคะว่าพี่ภูโกรธวิกกี้ใช่ไหม”
ภูรีไม่ได้โกรธแต่ผิดหวัง พริมอุตส่าห์ปรารถนาดีอยากจะถ่ายทอดวิชาตัดรองเท้าให้แต่วิกกี้กลับทำลายมัน เธอสารภาพที่ทำไปแบบนั้นเพราะหึงเขาไม่อยากให้นังนั่นมายุ่งกับพี่ภูของเธอ เขายืนกรานว่าเราสองคนเป็นได้แค่พี่น้องกันเท่านั้น คิดว่าเธอเข้าใจข้อนี้แล้วเสียอีก
วิกกี้เริ่มสติแตกไม่ยอมเป็นแค่พี่น้อง ฟูมฟายว่ารักเขามาก ชีวิตนี้ขาดเขาไม่ได้แล้วเข้ามาจะจูบ เขาดันเธอออกห่าง สั่งให้หยุดทำแบบนี้แต่เธอไม่ฟัง ภูรีก็เลยเดินหนี...
พัชรากำลังโมโหที่พงศกรใช้เงินเป็นเบี้ย ยอดเงินเรียกเก็บค่าบัตรเครดิตเป็นเงินหลายแสนบาท จะตามไปเอาเรื่องลูกชาย วิกกี้ร้องไห้ฟูมฟายเข้ามาจะขอคำปรึกษาเรื่องภูรี ก็เลยโดนแม่ไล่ตะเพิด เธอยิ่งเสียใจหนักวิ่งออกมาทั้งน้ำตา บารมีตามมาดึงตัวไว้ถามว่าเกิดอะไรขึ้น
“พี่ภูบอกว่าพี่ภูไม่รักวิกกี้ วิกกี้ต้องทำยังไง พี่ภูถึงจะรักวิกกี้ขึ้นมาได้บ้าง”
บารมีมีวิธีหากวิกกี้อยากเอาชนะใจภูรี จะต้องทำให้เขาเห็นว่าเธอเปลี่ยนไปแล้ว ดังนั้นเธอต้องกลับไปเรียนตัดรองเท้ากับพริมเพื่อทำให้ภูรีเห็นว่าเธอสำนึกผิดในสิ่งที่เคยทำไม่ดีกับพริมไว้และจะได้เป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าเธอไม่ได้จงเกลียดจงชังพริม เท่านี้เธอก็จะได้ใจภูรีกลับมาแล้ว นอกจากนี้เธอยังต้องตั้งใจเรียนกับพริม ตัดรองเท้าให้เป็น เปิดร้านรองเท้าที่ลูกต้องการให้ได้
“ก็ได้ค่ะ วิกกี้จะลองเชื่อตามที่คุณพ่อแนะนำแต่วิกกี้ไม่แน่ใจว่าพริมจะกล้ากลับมาสอนวิกกี้อีกไหม”
ผู้เป็นพ่อก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน จึงต้องหาตัวช่วยโดยโทร.ไปขอร้องภูรี
ooooooo
ภูรีเห็นด้วยอยู่แล้วที่วิกกี้จะกลับไปเรียนตัดรองเท้ากับพริมเพราะอยากให้ทั้งคู่ทำความรู้จักกันให้มากขึ้น จึงช่วยคุยกับพริมให้ด้วยความเต็มใจ หลังจากคิดตริตรองไม่นาน พริมตกลงจะกลับไปสอนตัดรองเท้าให้วิกกี้
แต่มีข้อแม้ วิกกี้ต้องพันหุ่นรองเท้าด้วยกระดาษกาวให้หมดทุกข้าง โดยที่พริมสอนวิธีทำให้ภูรีเอาไปสอนวิกกี้ต่ออีกทอดหนึ่ง ที่เธอต้องให้ลูกศิษย์ทำเพราะนี่เป็นขั้นตอนแรกของการฝึกตัดรองเท้าตามตำราครอบครัวของเธอ พัชรารู้เรื่องนี้เข้า สั่งให้ภูรีเอาหุ่นรองเท้าพวกนี้ออกไปจากบ้านของตน แล้วฝากเขาไปบอกมันด้วยว่าคนที่บ้านนี้ไม่มีใครอยากเรียนกับมัน วิกกี้ยืนยันจะเรียนตัดรองเท้ากับพริม
“ถึงเวลาแล้วที่วิกกี้ต้องโตสักที ไม่ใช่ทำตัวเป็นลูกแหง่เกาะคุณพ่อคุณแม่กินไปทั้งชีวิตอยู่แบบนี้ วิกกี้จะตัดรองเท้าให้เป็น จะทำให้ทุกคนภูมิใจในตัววิกกี้ค่ะ”
บารมีดีใจกับการตัดสินใจของลูก ภูรียิ้มให้วิกกี้แทนคำชื่นชมขณะที่พัชราดูจะไม่ค่อยพอใจนัก ครั้นเธอรู้ว่าบารมีเป็นคนสนับสนุนให้ลูกกลับไปเรียนตัดรองเท้ากับพริมก็อาละวาดใส่ เขาอ้างว่าที่ทำอย่างนั้นหวังจะให้ลูกกับพริมได้เป็นเพื่อนกัน และเขาเชื่อว่าพริมจะเปลี่ยนวิกกี้ได้ พัชรารู้จักลูกสาวตัวเองดีไม่มีวันไปญาติดีกับนังนั่น ถ้าไม่เชื่อจะพนันกันก็ได้ บารมีอยากรู้ว่าพัชราจะใช้อะไรเป็นเดิมพัน
“คำขอโทษจากปากของคุณ ว่าคุณรู้สึกผิดที่เคยทิ้งฉันไปเกลือกกลั้วกับของต่ำอย่างนังพาพร แต่ถ้าฉันแพ้ ฉันจะยอมขอโทษคุณที่ฉันไปทำให้มันรู้ตัวว่ามันเป็นใคร ฉันเป็นใคร”
“ตกลง” บารมีรับคำท้าโดยไม่ลังเล...
อีกมุมหนึ่งในห้องรับแขก วิกกี้ขอโทษภูรีที่ทำตัวไม่น่ารัก และขอบคุณเขาที่ให้โอกาสเธอปรับปรุงตัวใหม่เพื่อจะได้กลับไปเป็นน้องสาวของเขาเหมือนเดิม ภูรีขอให้คราวนี้เธอจงตั้งใจเรียน เขาจะคอยเป็นกำลังใจให้ แล้วขอตัวกลับไปประชุมก่อน พอเขาลับสายตาเท่านั้น สีหน้ายิ้มแย้มของเธอเปลี่ยนเป็นร้ายกาจทันที...
ในเมื่อบุสกรอยากได้คำตอบว่าลุงดำกับภูรีมีความลับอะไรกัน ภควัตก็เลยจัดให้ แต่งเรื่องว่าลุงดำอยากทำงานที่ P.PAUL เธอหรี่ตามองอย่างไม่เชื่อนัก เขาไล่ให้ไปถามลุงดำได้เลย
“ผมเอาคำตอบมาให้คุณแล้ว ตกลงทำงานกับผมนะ”
บุสกรตอบตกลง ภควัตดีใจมากอุ้มเธอหมุนไปรอบๆ เสื้อเธอเลิกขึ้นทำให้แขนของเขาสัมผัสกับเนื้อเนียนทำเอาเคลิ้มเผลอลูบไล้ไปมา บุสกรรู้สึกตัวต่อยหน้าเขา แต่ภควัตคว้ามือไว้ทัน เตือนเธอว่าขืนทำรุนแรงกับเขาจะเป็นตัวอย่างไม่ดีให้น้องที่อยู่ในบ้านเด็กกำพร้า แทนที่จะหยุด เธอจับเขาทุ่มลงพื้นเป็นการสอนวิชาป้องกันตัวไปในตัว ภควัตไม่รอช้าติดต่อบริษัทของเพื่อนที่ต้องการจะโปรโมตสินค้าโดยเสนอราคาจัดงานต่ำสุดๆ
มีอยู่รายหนึ่งตกลงจะจ้างเขา ภควัตดีใจมากรีบมาบอกข่าวดีให้บุสกรรับรู้ พร้อมกับสั่งให้หาทีมงานด่วน เลือกเอาแต่คนเก่งๆจะได้เป็นดรีมทีม ส่วนเขาจะเข้าไปคุยงานกับลูกค้าเอง
ooooooo
ด้วยงบที่จำกัดทำให้ดรีมทีมที่บุสกรจัดหามาให้ไม่เป็นไปอย่างที่ภควัตหวัง เขาอยากได้คนเก่งที่สุดเพื่อจะได้ทำงานให้ออกมาดีที่สุด ลูกค้ารายอื่นที่เห็นงานอีเวนต์ของเราจะได้แห่กันมาจ้างเรา ขาดทุนไม่ว่า งานแรกของเราต้องออกมาดีที่สุด บุสกรยืนยันว่าคนที่หามาให้ ทำงานลุล่วงได้อย่างที่เขาต้องการ
“แต่ผมเป็นเจ้าของบริษัท ผมมีสิทธิ์สั่งคุณและตอนนี้ผมขอสั่งให้คุณไปหาทีมงานมาใหม่” ภควัตสั่งเสียงกร้าว บุสกรไม่มีทางเลือกจำต้องทำตามที่เขาว่า...
สายวันเดียวกัน บารมีถ่ายรูปการบ้านของวิกกี้ส่งมาให้พริมดูว่าใช้ได้หรือยัง เธอพิจารณาแล้วเห็นว่าการเว้นช่องห่างของสกอตเทปมากเกินไปต้องแก้ไขให้ชิดกว่านี้ ที่ทำไปแล้วก็ให้แล้วไป บารมีขอให้เธอถ่ายตัวอย่างการพันหุ่นเท้าของเธอมาให้ดู พริมทำตามที่เขาร้องขอแล้วส่งไปทางไลน์ รูปตัวอย่างการพันหุ่นเท้าที่พริมส่งมาให้ติดภาพแบบร่างรองเท้าที่พ่อพริมวาดไว้บางส่วนมาด้วยแต่ไม่ชัดเพราะอยู่ไกล
อ่านละคร เสน่ห์รักนางซิน ตอนที่ 7 วันที่ 4 พ.ค.61
บทประพันธ์โดย จันทริกากำกับการแสดงโดย สมจริง ศรีสุภาพ
ผลิตโดย บริษัท กู๊ด ฟิลลิ่ง จำกัด
ช่องออกอากาศ สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ