อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 7 วันที่ 2 พ.ค.61
แมงเม่าเดินเที่ยวกับพระยากำแหงครู่เดียวก็จะกลับ พระยากำแหงจะไปส่งแต่ถูกดำนำลูกน้องเข้าล้อมกรอบ พระยากำแหงสู้ปกป้องแมงเม่าแต่ถูกดำเอาผงสีขาวซัดเข้าตาทำให้ต่อสู้ไม่ถนัด ขันทองตามมาทันจึงเข้าสู้กับดำ ดำเห็นฝีมือการต่อสู้ของขันทองจึงหนีไป แต่ถูกขันทองไล่จับได้คาดคั้นถามว่าเอาผู้หญิงไปไว้ที่ไหนกล้าผลักแมงเม่าเข้าไปในห้องที่ขังอินอยู่ก่อนแล้วเดินห่ามเข้าหาแมงเม่า ถูกแมงเม่าปรามาสว่าถ้าต้องเป็นเมียตนขอเป็นเมียลูกน้องกล้าดีกว่า กล้าถามว่ามันมีดีอย่างไร แมงเม่าเย้ยว่า คนที่ดีแต่ปากสั่งคนอื่นแล้วคอยหลบอยู่ข้างหลัง ตนควรจะเป็นเมียรึ ท้ากล้าว่าแสดงให้ตนเห็นแล้วตนจะยอมเป็นเมีย
กล้าโมโหถามว่าจะให้ตนทำอย่างไร แมงเม่าบอกให้เอียงหูมาจะบอกให้ กล้าหลงกลเอียงหูเข้าไป แมงเม่าฉวยโอกาสดึงมีดจากเอวกล้าจะจ้วงแทง แต่ถูกลูกน้องกล้าดึงไว้บิดจนมีดหลุดจากมือ กล้ายิ่งแค้นด่าแมงเม่า “นังสารเลว” แล้วย่างสามขุมเข้าหา
ขันทองตามมาต่อสู้กับลูกน้องกล้าที่กำลังรุมกันจะปล้ำอินจนตายหมดทุกคนแล้วรีบเข้าไปดูอิน เห็นเพียงแต่สลบเพราะตกใจก็ตรงไปยังกระท่อมที่กล้ากำลังจะปล้ำแมงเม่า กล้ากำดินซัดใส่หน้าขันทองแล้วหนีไป
ขันทองมองแมงเม่าที่กำลังตระหนกทั้งรักและสงสาร แมงเม่าที่ดูแก่นแก้วเจ้าเล่ห์แต่ที่แท้ก็คือเด็กสาวคนหนึ่งเท่านั้น ขันทองดึงแมงเม่าเข้าไปกอดปลอบ เผลอใจจูบเบาๆ
เยื้อนตามมาเห็นภาพบาดตานั้นพอดี กำหมัดกัดฟันด้วยความริษยาหึงหวง ส่วนแมงเม่ากับขันทองเมื่อรู้สึกตัวต่างจึงผละจากกันด้วยความกระอักกระอ่วนใจ
เมื่อทุกคนกลับถึงเรือนมิ่งอย่างปลอดภัย ขันทองขอตัวกลับ สุ่นขอตัวกลับเช่นกัน ม่วงบอกให้ติ่นไปส่งสุ่น พระยากำแหงขอบน้ำใจขันทองที่ช่วยตนไว้และขอตัวกลับ พูดด้วยสีหน้าดุดันน่ากลัวว่ามีเรื่องต้องสะสางไม่อยากให้ข้ามคืน
ooooooo
ดึกคืนนี้ ตำรวจจากกรมวังจำนวนมาก บ้างถือคบเพลิง บ้างถืออาวุธครบมือเข้าล้อมเรือนกล้าไว้ พันแกว่นพ่อของกล้าออกมารับหน้า เมื่อรู้ว่าตำรวจกรมวังมาจับกล้าก็บอกว่ายังไม่กลับ ถ้ากลับแล้วจะแจ้งไป
พระยากำแหงตะคอกว่า “มุสา” หัวหน้าตำรวจสั่งค้นทันที เกิดการปะทะกันแต่พันแกว่นกับลูกน้องสู้ไม่ได้จึงถูกจับทั้งหมด
ขณะตำรวจบุกเข้าไป กล้าปีนหน้าต่างหนีไปได้ พระยากำแหงตะโกนให้รีบตามแต่จับตัวกล้าไม่ได้ ม่วงกลับเรือนพร้อมรอยถลอกปอกเปิก อินทำแผลให้ ม่วงคำรามแค้นที่จับตัวกล้าไม่ได้ว่า
“พูดแล้วเจ็บใจ มันทำร้ายคนที่ข้ารักถึงสองคน แต่กลับเอาเลือดหัวมันมาล้างตีนให้สมแค้นไม่ได้”
อินฟังแล้วรู้สึกดีที่ม่วงถือว่าตนเป็นคนที่รัก พูดอย่างรู้สึกผิดว่าตนทำหน้าที่เมียให้ไม่ได้ หากม่วงจะมีเมียน้อยก็ไม่ว่ากระไร ม่วงติงว่าพ่อกับน้าชื่นคงไม่ยอม เปลี่ยนเรื่องถามว่าแมงเม่าเป็นอย่างไรบ้าง อินบอกว่าตั้งแต่เข้ามาตนยังไม่เห็น คงอยู่ในห้องกระมัง
แมงเม่าเก็บตัวอยู่ในห้อง คิดถึงแต่เรื่องที่ถูกขันทองจูบจนต้องดึงสติกลับมา เตือนตัวเองว่า
“ออกพระเป็นขันที คงทำไปเพียงเพราะความสงสารเท่านั้น” แต่ก็ยังว้าวุ่นใจไม่หาย
ฝ่ายขันทองก็คิดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด โกรธตัวเองที่ไม่ยับยั้งชั่งใจ ตำหนิตัวเองว่า
“อ้ายหน้าโง่ หน้าที่เอ็งยังทำไม่สำเร็จ ยังจะหาเรื่องใส่ตัวอีก”
เยื้อนผ่านมาได้ยินถามว่าคุณพระบ่นอะไร ถามประชดว่า คาดว่าพร่ำบ่นถึงแม่ลูกสาวเศรษฐีโรงกระดาษอยู่กระมัง ขันทองทั้งตกใจและโมโหเดินเลี่ยงไป เยื้อนเดินไปดักหน้าบอกว่าตนตามไปถ้าไม่เห็นกับตาก็ไม่อยากเชื่อ เพื่อจะหยุดเยื้อน ขันทองขู่ก่อนเดินออกไปว่า
“ถ้าเจ้ายังไม่เลิกคิดในสิ่งที่ไม่ควรคิด ฉันก็จำต้องขายเจ้าออกไป เลือกเอาเถิด”
เยื้อนเจ็บใจที่โดนขู่ แต่หลวงศรีมะโนราชได้ยินแทรกเข้ามาถามว่าตนช่วยให้เยื้อนสมหวังได้ ต้องการหรือไม่เล่า เยื้อนสนใจมาก
คืนนี้ที่เรือนหลวงศรีมะโนราช เยื้อนนั่งคุกเข่ากับพื้น ในขณะที่หลวงศรีมะโนราช ขุนเทพชำนาญ และขุนเทพรักษากำลังคุยกัน หลวงศรีมะโนราชไม่ติดใจขันทองแต่สนใจแมงเม่า ขุนเทพชำนาญฉุกคิดได้ถามว่า
“คุณหลวงจะใช้เหตุนี้ยุให้อ้ายศรีขันทินผิดใจกับออกญาวังหรือเจ้าคะ”
หลวงศรีมะโนราชหัวเราะชอบใจบอกว่าถ้าผิดใจถึงขั้นถูกถอดจากหัวหน้าขันทียิ่งดี ส่วนพ่อแม่ผู้หญิงก็คงต้องเร่งให้ลูกสาวออกเรือนกับออกญาวังเท่านั้นเอง เช่นนี้แล้วทั้งเยื้อนและตนก็ได้ประโยชน์ด้วยกันทั้งคู่ เยื้อนดีใจที่ขจัดแมงเม่าออกไปได้ ท่ามกลางสายตาสมเพชของหลวงศรีมะโนราชที่หลอกเยื้อนได้ง่ายดาย
ooooooo
บ่ายนี้ที่ทิมมหาดเล็ก หลวงศรีมะโนราช ขุนเทพชำนาญ และขุนเทพรักษา ไปยุยงพระยากำแหงเรื่องขันทองชอบพอกับแมงเม่า พระยากำแหงหัวเราะเยาะ ขำๆ ถามว่าขันทีอย่างออกพระศรีน่ะหรือชอบพอกับแมงเม่า
ทั้งหลวงศรีมะโนราชและท่านขุนทั้งสองช่วยกันยืนยันและรับรองว่าข้อมูลนี้ไม่ผิดพลาดแน่ เรื่องนี้ก็กันไว้ดีกว่าแก้ พระยากำแหงพูดยิ้มๆอย่างรู้ทันว่า
“คุณหลวง ฉันได้ยินมาเช่นกันว่าคุณหลวงหมายตาตำแหน่งหัวหน้าขันทีมานานแล้ว เพลาที่ออกพระราชาข่านสิ้น คุณหลวงก็ได้รับการคาดหมายจะได้ขึ้นตำแหน่งนี้มากกว่าผู้ใดไม่ใช่รึ พูดตรงๆ อย่าดึงเอาฉันเข้าไปเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งของพวกท่านเลย”
ทั้งหลวงศรีมะโนราช ขุนเทพชำนาญ และขุนเทพรักษา ต่างพยายามยกเหตุผลมาอ้างทั้งหากว่าเรื่องนี้เป็นจริงจะมีอันตรายต่อบ้านเมือง ทั้งเรื่องขันทีที่ชอบผู้หญิงนั้นพิกลนัก หวั่นใจว่าจะไม่ใช่ขันทีจริง ทั้งเรื่องที่เคยมีคนปลอมเป็นขันทีเข้ามาในวังแล้ว เวลานี้มีศึก สงครามจารบุรุษที่เข้ามาสืบข่าวคราวเป็นสิ่งที่ประมาทไม่ได้
พระยากำแหงถูกยุงยงเป่าหูอย่างหนัก แม้จะไม่ปักใจอะไรแต่ก็อดคิดไม่ได้
เมื่อหลวงศรีมะโนราช ขุนเทพชำนาญ และขุนเทพรักษาออกจากทิมมหาดเล็กเดินคุยกันมา ขุนเทพรักษาถามหลวงศรีมะโนราชว่า คุณหลวงเชื่อได้อย่างไรว่าอ้ายศรีขันทินไม่ใช่ขันทีจริง เรื่องนี้คอขาดบาดตายนัก ไม่น่าจะรู้ได้ง่ายๆเลย หลวงศรีมะโนราชยิ้มขำๆบอกว่า
“เจ้านี่ก็ซื่อนัก อ้ายศรีขันทินมีหนังสือรับรองจากเมืองโต้ระกี่ แลผ่านการตรวจตราจากพระราชาข่านมาแล้ว ครานั้นออกญาวังตรวจความเป็นชายก็มีเครื่องเพศของมันมายืนยัน จะไม่ใช่ขันทีได้อย่างไร”
ขุนเทพรักษาร้องอ้าว...งงๆ ขุนเทพชำนาญยิ้มขำๆ อธิบายว่า
“คุณหลวงเพียงแต่หาเรื่องใส่ร้ายเท่านั้น ในเมื่อยุยงให้ออกญาวังหึงหวงไม่ได้ ก็ต้องยุว่ามันเป็นจารบุรุษอย่างไรเล่า” ขุนเทพรักษาถามว่าแล้วออกญาวังจะเชื่อหรือ หลวงศรีมะโนราชยิ้มเจ้าเล่ห์บอกว่า
“คราแรกไม่เชื่อ แต่ถ้าหลายคราเข้าก็ไม่แน่ดอก หินแกร่งเพียงใด โดนน้ำหยดทุกวันยังกร่อนได้ อย่าว่าแต่หัวใจคนเลย”
ooooooo
เย็นวันนี้ที่ริมแม่น้ำ สายลับของอังวะสามคนกำลังรอจังหวะจะเก็บกระทงที่ตามมาตั้งแต่เมื่อคืน เพื่อไม่ให้ผิดสังเกต เมื่อได้โอกาสเหมาะ สายลับคนหนึ่งเก็บกระทงใบใหญ่ที่สวยงามประณีตของเจ้าจอมเพ็ญขึ้นมา
เป็นกระทงตามที่ได้แจ้งมา เมื่อเอาใบไม้ที่ประดับออกจึงพบว่ามีช่องเล็กๆซ่อนอยู่ใต้ใบไม้ จึงเอานิ้วคีบกลักเล็กๆออกมา เป็นกลักมีสัญลักษณ์รูปผีเสื้อติดอยู่ เหมือนกลักที่แมงเม่าได้มาไม่มีผิด
สายลับดีใจบอกว่ารีบเอาไปให้ท่านแม่ทัพเถิด แล้วรีบเดินออกจากตรงนั้นไป
คืนเดียวกันบนเรือนพระยาพลเทพ...พระยาพลเทพ จมื่นศรีสรรักษ์ ขุนแผลงฤทธิ์ นั่งอยู่ กล้าในสภาพทรุดโทรมนั่งคุกเข่าพนมมือแต้อยู่ที่พื้น
จมื่นศรีสรรักษ์เล่าว่าเจอกล้าหนีกรมเวียงไปซ่อนในป่าช้า ตอนตนไปเจอกล้ากำลังแย่งข้าวหมากินอยู่ จึงพามาเช็ดหน้าเช็ดตาพอจะเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาบ้างจึงพามาพบท่านเจ้าคุณ
กล้าสาบานว่าจะรับใช้ท่านเจ้าคุณไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ขอท่านเจ้าคุณได้โปรดช่วยพ่อตนอีกสักคนเถิด พระยาพลเทพบอกว่าเรื่องนั้นเป็นเรื่องเล็ก เวลานี้มีการเปลี่ยนกฎหมายใช้การปรับและยึดทรัพย์แทนการลงโทษได้ พ่อของกล้าก็เพียงแต่เสียเงินทองเป็นค่าปรับเท่านี้ก็พ้นผิด
ขุนแผลงฤทธิ์ชี้ว่ากล้าไม่มีทรัพย์สมบัติเหมือนพ่อให้ปรับ ฉะนั้นต้องอยู่รับใช้ท่านเจ้าคุณที่นี่ อย่าออกไปเพ่นพ่าน จมื่นศรีสรรักษ์บอกว่าเตือนแล้วว่าสักวันกล้าต้องตายเพราะผู้หญิง ผิดปากเสียเมื่อไหร่
“พุทโธ่...คุณพระนายขอรับ อันที่จริงเรื่องจะไม่เป็นเช่นนี้เลย แลอ้ายออกญาวังก็คงเป็นผีเฝ้าทางไปแล้ว ถ้าอ้ายขันทีนั่นมันไม่เข้ามาขวาง”
“ขันทีรึ” จมื่นศรีสรรักษ์พึมพำถาม
“ขอรับ กระผมได้ยินนังแมงเม่าเรียก ‘ออกพระศรี’ ดูการแต่งกายแล้วเป็นขันทีในราชสำนักเป็นแน่ขอรับ”
ขุนแผลงฤทธิ์ถามว่าพระศรีขันทินน่ะรึ หน้าตาราวกับตุ๊กตาฝาหรั่ง จะมีปัญญากระไรมาเล่นงานเอ็งได้ กล้ายกมือท่วมหัวสาบานว่าตนพูดจริง เป็นฝีมือของขันทีนี่จริงๆ พระยาพลเทพเอ่ยอย่างกังวลว่า
“ถ้าเป็นจริงอย่างที่อ้ายกล้าพูดก็นับว่าพิกลอยู่ พวกขันทีไม่น่ามีฝีมือในเชิงต่อสู้เช่นนี้ได้ ฉันไม่ชอบอยู่อย่างหวาดระแวง เห็นทีต้องพิสูจน์ให้รู้แน่ ถึงจะข่มตาหลับลงได้”
“พิสูจน์อย่างไรหรือขอรับ” จมื่นศรีสรรักษ์ถาม แต่พระยาพลเทพยังนิ่งอย่างใช้ความคิด...
ooooooo
เช้าวันรุ่งขึ้น พระยาพลเทพ จมื่นศรีสรรักษ์ และขุนแผลงฤทธิ์ก็ไปเป่าหูพระยากำแหงเรื่องสงสัยขันทองเป็นจารบุรุษปลอมเป็นขันที พระยากำแหงตกใจที่เมื่อวานเพิ่งฟังเรื่องนี้จากหลวงศรีมะโนราชมา
แต่พระยากำแหงยังไม่เชื่อ เพราะออกพระราชาข่านเห็นหลักฐานและยืนยันมาแล้ว ขุนแผลงฤทธิ์อ้างว่าออกพระราชาข่านเห็นแต่เครื่องเพศ ไม่เห็นกับตาว่าตอนจริงหรือไม่ เพลานี้มีศึกสงครามเราก็ไม่ควรประมาท
“ขุนแผลงฤทธิ์พูดถูก ในฐานะที่ฉันได้สิทธิ์ขาดให้ดูแลทุกอย่างในช่วงที่บ้านเมืองมีศึก ฉันขอสั่งให้ท่านเจ้าคุณสืบหาความจริงเรื่องนี้มาให้จงได้” พระยาพลเทพได้ช่องสั่งทันที
พระยากำแหงทักท้วงว่าเวลานี้คุณพระศรีไม่ใช่ขันทีชั้นผู้น้อยที่ตนจะบังคับเอาโดยอำนาจได้ ถ้าผิดพลาดไปจะกระเทือนขวัญและกำลังใจของฝ่ายในได้
“ถ้าเช่นนั้น กระผมมีแผนที่จะพิสูจน์ความเป็นชายของออกพระศรีโดยที่ไม่มีผู้ใดรู้เห็นขอรับ” จมื่นศรีสรรักษ์เสนอ
แผนของจมื่นศรีสรรักษ์คือ ขอให้เจ้าจอมเพ็ญจัดงานเลี้ยงในวันเริ่มต้นเดือนอ้ายของปี ซึ่งแม้ไม่ใช่วันปีใหม่ของชาววัง แต่ชาวบ้านร้านตลาดก็ถือเป็นวันเริ่มต้นปีเพราะเห็นว่าทำงานเหนื่อยมาทั้งปี แต่เมื่อคุยลำพังกับจมื่นศรีสรรักษ์ เจ้าจอมเพ็ญปรามว่า
“ที่พี่ยอมจัดงานเลี้ยงครานี้ให้ ก็เพราะคุณพระนายมาขอดอกนะ แต่อย่าพิเรนทร์ให้มากนักเล่า นึกถึงหน้าพี่บ้าง ลำพังคุณพระนายคงไม่สงสัยเท่าใดดอกกระมังน่าจะเป็นท่านเจ้าคุณพลเทพมากกว่า นิสัยขี้ระแวงเช่นนี้จะกี่ปีก็ไม่เคยหายเลยจริงๆ พลอยทำให้พี่ต้องวุ่นวายไปด้วย”
ในงานเลี้ยง ขุนแผลงฤทธิ์และจมื่นศรีสรรักษ์รุมกันมอมเหล้าขันทองเมามายจนต้องหิ้วปีกไปส่งเรือนพัก เยื้อนกับแม้นตกใจไม่เคยเห็นขันทองเป็นเช่นนี้ จะเข้าไปประคองเข้าบ้านก็ถูกจมื่นศรีสรรักษ์ตวาดไม่ให้ยุ่ง ขุนแผลงฤทธิ์ก็ไล่ให้ไปต้มยาแก้เมา กันไม่ให้เยื้อนกับแม้นรู้แผนของตน
แต่พอเยื้อนกับแม้นไป ขุนแผลงฤทธิ์ก็ปล่อยขันทองทิ้งทันที เชิญท่านเจ้าคุณตรวจสอบความเป็นชายให้เรียบร้อยเถิด จมื่นศรีสรรักษ์ก็ยิ้มแหยบอกพระยากำแหงว่า ตนขอไปช่วยท่านขุนคุมพวกเยื้อนกับแม้นไม่ให้ขึ้นมาวุ่นวาย แล้วจมื่นศรีสรรักษ์ก็เลี่ยงไปอีกคน
พระยากำแหงมองทั้งสองอย่างเบื่อหน่ายแล้วหันประคองขันทอง ขันทองทำท่าพะอืดพะอมจะอ้วก พระยากำแหงสีหน้าเหยเกรีบประคองขันทองไปอ้วกที่หน้ามุขอย่างทุลักทุเล
ooooooo
แมงเม่าเอากระดาษอย่างดีที่ทำจากไม้ทางเหนือซึ่งเวลานี้หาไม่ได้แล้วไปให้กรมขุนวิมลเนื่องในวันปีใหม่ กรมขุนวิมลนึกได้บอกคุณท้าวโสภาว่าวันดีเช่นนี้ก็น่าจะมีสินน้ำใจเล็กๆน้อยๆให้คนที่ทำงานรับใช้พวกเราบ้าง คุณท้าวบอกว่าจัดการให้แล้ว เหลือแต่ออกพระศรีขันทินเท่านั้นที่ยังไม่ได้ให้เพราะโดนฉกตัวไปก่อน
กรมขุนวิมลจึงให้แมงเม่าเอาไปให้ แมงเม่าที่ยังไม่หายตระหนกประหม่าจากที่ถูกขันทองจูบสะดุ้งกระอัก กระอ่วนใจจึงขอให้เป้าไปเป็นเพื่อน
พระยากำแหงกำลังปลุกปล้ำจะถอดกางเกงของขันทองเพื่อพิสูจน์ว่าถูกตอนแล้วจริงหรือไม่ ขันทองกำลังฝันว่าถูกขโมยถอดจีวรจึงดิ้นรนขัดขืน พระยากำแหงขึ้นคร่อมใช้สองมือกดมือขันทองไว้ เป็นจังหวะที่แมงเม่ากับเป้ามาเห็นพอดี ทั้งสองตกใจวิ่งหนีลงจากเรือนทันที
พระยากำแหงตกใจรีบตามมาบอกว่าไม่ใช่...ไม่ได้เป็นอย่างที่เจ้าเห็น ในขณะที่ขันทองยังนอนยิ้มอยู่เพราะความเมา
เจ้าจอมเพ็ญหงุดหงิดที่พระยาพลเทพทำพลาดตนจะพลอยเสื่อมเสียไปด้วย ตำหนิพระยาพลเทพว่านิสัยขี้ระแวงอย่างนี้ใครอยู่ใกล้ด้วยก็เหนื่อยกันไปหมด พระยาพลเทพเบี่ยงเบนว่าเรื่องนี้เอาไว้ก่อนเถิด ถามเรื่องกลักขึ้นมาว่า ผ่านเวลามาพอสมควรแล้วแมงเม่าน่าจะตายใจพอที่เราจะชิงกลักกลับมาได้แล้ว
ขุนแผลงฤทธิ์บอกว่ากล้าเสนอแผนว่า แมงเม่าสนิทกับม่วงมาก ไม่แน่ว่าม่วงอาจจะรู้เรื่องนี้ก็เป็นได้ พระยาพลเทพว่าแผนนี้เข้าทีแต่จะสืบอย่างไรเล่า จมื่นศรีสรรักษ์เสนอว่า
“อ้ายม่วงติดพันอีสุ่นหญิงที่โรงรับชำเราของออกญาหมิ่นขอรับ เราอาจจะใช้อีสุ่นให้เป็นคุณแก่เราได้”
“บังเอิญแท้ อ้ายหมิ่นก็เป็นคนของเรา คงจัดการไม่ยากกระมังท่านเจ้าคุณ” เจ้าจอมเพ็ญยิ้มพอใจ
ที่เรือนขันทอง เยื้อนต้มยาช่วยสร่างเมามาให้ขันทองดื่มโดยมีแน่นคอยดูแลและสมน้ำหน้าขันทองที่รู้ว่าตัวเองคออ่อนแล้วยังฝืนดื่มเข้าไปอีก พลางเอายาอีกห่อให้เยื้อนบอกว่าพรุ่งนี้คุณพระอาจจะปวดหัวหนัก ให้เอายานี้ต้มให้กินสักชามกันไว้ก่อน เยื้อนรับยาแล้วรีบออกไป
ขันทองรู้ว่าเป็นอุบายที่แน่นจะกันเยื้อนออกไปถามว่ามีกระไรหรือ แน่นบอกว่าออกญาวังคงสงสัยอะไรสักอย่างจึงอยากพิสูจน์ความเป็นชายของขันทองขึ้นมาอีก ขันทองบอกว่าต่อไปตนจะระวังให้มากขึ้น
“ดีแล้ว...เพราะข้าเพิ่งได้ข่าวจากน้าหาญมา ยังไม่รู้ว่าข่าวนี้จะดีหรือร้ายเลย ถ้าเอ็งไม่ระวังตัวให้ดีหัวเอ็งกับข้าอาจจะไม่ได้อยู่บนบ่าอีก” ขันทองถามเครียดว่าข่าวกระไรรึ “พระยาตาก คุมทหารจากเมืองตาก มาถึงอโยธยาแล้ว”
ขันทองตกใจไม่คิดว่าพระยาตากจะทิ้งเมืองของตัวเองมาช่วยอโยธยารบในเวลานี้
ooooooo
พระยาตากนำกำลังทหารมาช่วยอโยธยาห้าร้อยคน ขุนแผลงฤทธิ์กลับให้พระยาตากนำกำลังไปตั้งทัพที่นอกกำแพงเมือง หากมีคำสั่งใดถึงท่านตนจะให้คนไปกราบเรียนเอง
พระยาตากยิ้มเล็กน้อยหันไปพูดกับพระยาพลเทพว่า
“ทหารเพียงเล็กน้อยของกระผมสร้างความกังวลให้อโยธยาถึงเพียงนี้เชียวหรือขอรับ”
พระยาพลเทพบอกว่าไม่ใช่ไม่ไว้ใจท่านเจ้าคุณ แต่ทหารของท่านมีลูกน้องเก่าของเสือขุนทองมาด้วยสันดานโจรตนจะเชื่อใจคงไม่ได้ พระยาตากจึงไปตั้งทัพที่นอกกำแพงเมืองตามที่พระยาพลเทพต้องการ
เวลาเดียวกัน พันหาญก็ได้เล่าเรื่องขันทองให้พระยาตากฟัง เมื่อพันหาญมาบอกขันทอง ขันทองตกใจมาก พันหาญยอมรับว่า
“น้ารู้ว่าน้าทำไม่ถูกที่เอาความลับสำคัญของพวกเราไปบอกท่านเจ้าคุณ แต่ยิ่งน้ารับใช้ท่านเจ้าคุณนานเท่าใด ก็ยิ่งนับถือในตัวท่านมากขึ้นเท่านั้น การถูกเรียกตัวมาอโยธยาครานี้ น้าเห็นว่าจะร้ายมากกว่าดี จึงจำเป็นต้องกราบเรียนให้ท่านเจ้าคุณทราบไว้ ท่านจะได้ระวังตัว”
พันหาญถามว่าขันทองจะออกไปพบท่านเจ้าคุณได้หรือไม่ ตนอยากให้ไปพบเพื่อปรึกษากัน ได้พูดคุยกับท่านอาจจะเหมือนได้เดินออกจากที่มืดมาสู่ที่สว่างก็ได้
เมื่อขันทองลอบไปพบเจ้าพระยาตากที่ย่านร้านค้า หลวงพิชัยบอกว่าท่านเจ้าคุณติดใจเรื่องพระยาพลเทพ ถามขันทองว่า “คุณพระมั่นใจหรือไม่ว่าคนผู้นี้ทุรยศต่ออโยธยา”
“เจ้าคุณพลเทพมีส่วนในการตายของพ่อกระผมเป็นแน่ แลเหตุนั้นน่าจะเป็นเพราะการทรยศต่ออโยธยาในศึกพระเจ้าอลองพญา แต่กระผมยังต้องหาหลักฐานมายืนยันก่อน ส่วนศึกนี้จะเป็นเช่นนั้นอีกหรือไม่ ยังไม่อาจทราบได้ขอรับ”
“เป็นแน่ ทั้งการวางแผน ตั้งทัพแลยุทธวิธีล้วนประหลาดชอบกลนัก ถ้าไม่ใช่ทำไปเพื่อให้อโยธยาเสียเปรียบอังวะแล้วจะทำเพื่อกระไร” หลวงพิชัยไม่พอใจมาก
“อโยธยามีจุดอ่อนมากมาย เหมือนสนิมเกิดจากเนื้อในเหล็ก ถึงมีพระยาพลเทพก็ใช่จะพ้นภัยไปได้ แต่เราก็ต้องหาหลักฐานมาจัดการพระยาพลเทพก่อน แล้วจึงค่อยแก้ไขส่วนอื่นต่อไป” พระยาตากชี้แนะ
อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 7 วันที่ 2 พ.ค.61
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว บทประพันธ์โดย วรรณวรรธน์ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว บทโทรทัศน์โดย เอกลิขิต
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว กำกับการแสดงโดย กิตติศักดิ์ ชีวาสัจจาสกุล
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ผลิตโดย บริษัท ทีวีซีน จำกัด
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ออกอากาศทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ