อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 10 วันที่ 15 พ.ค.61

อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 10 วันที่ 15 พ.ค.61

“พวกเรามาอโยธยานานเดือน วันทั้งวันได้แต่ฝึกปรือ พอออกรบคราแรกจึงฮึกเหิมนัก แต่ยังไม่ใช่เพียงเท่านี้ดอก” พระยาตากสีหน้ามั่นใจมาก

หลวงพิชัยกับพันหาญเห็นนายกองพม่านั่งอยู่บนหลังม้าบัญชาการรบ หลวงพิชัยบุกเข้าไปทันที พันหาญตะโกนสั่งทหาร “ตามคุณหลวงไป”

หลวงพิชัยกับพันหาญนำทหารบุกเข้าฆ่านายกองอังวะตายคาหลังม้า ม่วงเห็นนายกองอังวะตายก็ฮึกเหิมเฮลั่น พระยาตากชักดาบออกตะโกน “บุก!”



พวกทหารอังวะเห็นนายกองของตนตายก็พากันขวัญเสียหนีแตกกระเจิง

ผ่านไปสองสามวัน พระยากำแหงมาเล่าข่าวการสู้รบให้ขันทอง หลวงศรีมะโนราช และขุนรักษ์เทวาฟังที่มุมหนึ่งในวังอย่างออกรส ขุนรักษ์เทวาถามว่ากำลังน้อยกว่าเช่นนี้แล้วจะเอาชนะอังวะได้หรือ

“อย่ากังวลไปเลยท่านขุน ตอนนี้ท่านเจ้าคุณพลเทพกำลังรวบรวมกำลังคน คาดว่าคงได้ไม่ต่ำกว่าหกหมื่น ทัพมังมหานรธามีเพียงสามหมื่น ไม่มีทางสู้กับอโยธยาได้ดอก” พระยากำแหงตอบอย่างมั่นใจ

“ก่อนหน้านี้เราก็มีกำลังมากกว่ามาตลอดไม่ใช่หรือเจ้าคะ แต่สุดท้ายอังวะก็บุกมาถึงนนทบุรีจนได้ แลทัพของเนเมียวสีหบดีก็ยังมาไม่ถึง หากได้มาเพิ่มอีก ดีฉันเกรงว่าเราจะต้านไม่อยู่เจ้าค่ะ” ขันทองติง

หลวงศรีมะโนราชพูดกระแนะกระแหนขันทองตลอดเวลาจนขุนรักษ์เทวาเตือนสติว่า ถ้าออกพระศรีไม่เอาเรื่องเอาราวป่านนี้คงไม่ได้ออกมารับตำแหน่งเดิมเร็วเช่นนี้ดอก “ไม่รู้ว่าระหว่างงูเห่ากับคุณหลวงอย่างใดไม่รู้คุณมากกว่ากัน” หลวงศรีมะโนราชโมโหลุกสะบัดออกไป

ขันทองขอบพระคุณท่านเจ้าคุณที่เอาข่าวมาเล่าให้ฟังและขอตัวไปทำงานก่อน พระยากำแหงมองตามขันทองไปด้วยความสงสัยอยู่ตลอดเวลา

ooooooo

ขันทองขอตัวแล้วแยกออกมา ระหว่างเดินมารู้ตัวว่าถูกพระยากำแหงสะกดรอยตามก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ แต่มาเจอแมงเม่าที่กำลังตามหาจะบอกเรื่องกลักเพื่อหาทางถอดกลบทให้ได้

แมงเม่าดีใจรีบเข้าไปทักบอกว่าตั้งใจจะบอกความลับบางอย่างให้รู้ ขันทองรู้ว่าพระยากำแหงจับตาดูอยู่จึงวางหน้าเฉยเมยจนแมงเม่าถามว่าเป็นกระไร

“ฉันมีงานมากนัก เอาไว้วันอื่นเถิด” ขันทองตอบหน้าขรึม

แมงเม่าก็ยังตามบอกว่าเรื่องนี้สำคัญมาก จนขันทองดุว่าบอกว่าวันอื่นอย่างไรเล่า แมงเม่างอนบอกว่าช่างเถิดตนไม่อยากบอกแล้ว เดินตุปัดตุป่องไปทันที ขันทองมองตามอย่างเสียดายโอกาสที่คอยมานาน

แต่แมงเม่าเดินมาได้ครู่เดียวก็เจอเป้าเดินมาอย่างร้อนใจ บอกว่าเสด็จพระองค์หญิงทรงประชวรอาการประหลาดนัก เพลานี้ทรุดหนักจนทรงลุกขึ้นไม่ได้แล้ว

ที่ทางเดินในวัง ขันทองเดินคุยมากับขุนรักษ์เทวาที่เล่าอาการของกรมขุนวิมลว่า เห็นหมอบอกว่าเป็นโรคเกี่ยวกับพระยกนะ ขันทองขออย่าให้เป็นกระไรมากเลย มิเช่นนั้นฝ่ายในคงลุกเป็นไฟแน่ อดกังวลไม่ได้ถามว่าแล้วเช่นนี้ข้าหลวงของตำหนักก็คงต้องอยู่เฝ้าอาการตลอดน่ะสิ

ขุนรักษ์เทวาบอกว่าก็ต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว ทำให้ขันทองยิ่งเสียดายที่ไม่ได้รู้ความลับจากแมงเม่า และอีกนานเท่าไรจึงจะได้เจอกันอีกก็ไม่อาจรู้ได้

เมื่อเสด็จพระองค์หญิงประชวร ทั้งคุณท้าวโสภา แมงเม่าและเป้าต่างเฝ้าปรนนิบัติอย่างห่วงใยจนพระองค์หญิงซาบซึ้งเอ่ยกับทุกคนว่า “ขอบน้ำใจทุกคน ถ้าไม่ได้พวกเจ้า ครานี้ฉันคงไม่รอดเป็นแน่”

คุณท้าวกับเป้าต่างบอกว่าไม่เป็นกระไรดอก ขอให้เสด็จต้องหายประชวรอยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรพวกตนไปอีกนานเท่านาน ส่วนแมงเม่าพูดอย่างซาบซึ้งว่า

“พระคุณที่เสด็จมีแม้หม่อมฉันตายแล้วเกิดใหม่อีกสิบอีกร้อยชาติก็คงใช้ไม่หมด อย่าว่าแต่ถวายรับใช้เพียงเท่านี้เลยเพคะ ต่อให้ตายแทนหม่อมฉันก็ทำได้เพคะ”

เสด็จพระองค์หญิงมองทุกคนอย่างตื้นตันใจจนน้ำตาคลอ...

ฝ่ายเจ้าจอมเพ็ญติดตามข่าวการประชวรของกรมขุนวิมลอย่างใจจดจ่อ เมื่อรู้จากเลื่อนว่าอาการทรงดีขึ้นมากแล้วก็เซ็ง เลื่อนถามว่าจะไปเยี่ยมพระองค์หญิงหรือไม่

“ก็ต้องไปซี ขืนไม่ไปก็น่าเกลียด แลคงถูกนังอำพันค่อนแคะอีก” พูดเสียงห้วนแล้วจะเดินเลี่ยงไป เลื่อนรีบบอกว่าคุณพระนายยังไม่มาทำราชการเลย เจ้าจอมเพ็ญหน้าเสียเพราะนับแต่วันที่ทะเลาะกันก็ยังไม่เจอกันเลย

เจ้าจอมเพ็ญจึงไปหาที่เรือน องุ่นภรรยาจมื่นศรีสรรักษ์ดีใจที่เจ้าจอมมา บอกว่าคุณพระเอาแต่กินสุรายาเมา

เจ้าจอมเพ็ญเข้าไปหาจมื่นศรีสรรักษ์เพียงลำพัง กันขันทองกับเลื่อนไว้ข้างนอกโดยอ้างว่าคุณพระนายเป็นน้องชายในไส้ตนอยากคุยกับน้องตามลำพัง แม้แต่องุ่นก็ถูกกันให้อยู่นอกห้อง

จมื่นศรีสรรักษ์ดื่มจนเมาแต่พอเห็นพี่สาวมาก็รีบลุกขึ้นนั่งบอกว่า ที่ตนต้องเมาแบบนี้เพราะอยากลืมว่าคนที่ตนรักและเคารพที่สุดในชีวิตเป็นคนทุรยศขายแผ่นดิน พูดอย่างอัดอั้นจนน้ำตาคลอว่า

“ถ้าทำได้ กระผมจะขอไม่มีสติมารับรู้ความจริงข้อนี้อีกเลยจะดีกว่า”

เจ้าจอมเพ็ญเรียก “พ่อเพิ่ม” เหมือนจะเตือนให้ระลึกถึงความหลังเมื่อครั้งยังเป็นไพร่ที่สิ้นบุญพ่อแม่คุ้มกะลาหัว เตือนสติว่า

“หากพี่ไม่ตะเกียกตะกายก็คงไม่มีวันนี้ เมื่อมีแล้วพี่ก็ต้องรักษามันเอาไว้ แลการเป็นแม่หยั่วเมือง ก็เป็นทางเดียวที่พี่จะไม่ต้องสูญเสียทุกอย่างไป”

“เป็นแม่หยั่วเมืองด้วยการแต่งตั้งจากอังวะ ด้วยการเนรคุณพระพุทธเจ้าอยู่หัวหรือขอรับ”

“พี่ไม่ได้เนรคุณ ทางอังวะสัญญาแล้วว่าพระพุทธเจ้าอยู่หัวยังทรงครองอโยธยาต่อไป เพียงแต่ต้องเป็นเมืองขึ้นเมืองออกแก่อังวะเท่านั้น แลพี่มีลูกเมื่อใด ลูกพี่ก็จะกู้อโยธยากลับมาเอง เราเพียงแต่ยอมเป็นเมืองขึ้นเพื่อเลี่ยงเคราะห์ร้ายอันเกิดแต่ดวงเมืองเท่านั้น”

จมื่นศรีสรรักษ์ยิ้มเยาะทั้งน้ำตาถามว่า ตามคำทำนายของอ้ายขรัวเถื่อนนั่นหรือ เจ้าจอมเพ็ญไม่พอใจบอกว่าถ้าเจ้าไม่เชื่อก็ตามใจเถิด แต่เจ้าต้องเชื่อพี่ เพราะพี่ไม่เคยหวังร้ายต่อเจ้า ลูบหัวน้องชายบอกว่า

“พ่อเพิ่ม เรามีกันสองคนพี่น้อง พี่สบาย เจ้าก็สบายด้วย เจ้าอย่าทำเช่นนี้ให้พี่ต้องลำบากยากใจอีกเลย”

“แต่หากเลือกได้ กระผมขออยู่อย่างลำบากยากแค้นดีกว่าสุขสบายบนคำสาปแช่งที่ทุรยศเนรคุณแผ่นดิน” จมื่นศรีสรรักษ์ขบกรามแน่น ทั้งรักทั้งแค้นเจ้าจอมเพ็ญอย่างที่สุด เจ้าจอมผละไปอย่างไม่ได้ดั่งใจ

ขณะเดินหงุดหงิดออกมา สวนกับแมงเม่าที่เดินคุยกับเป้ามาไม่ทันระวังตัวเกือบชนกับเจ้าจอมเพ็ญ

ดีที่หลบทันหวุดหวิด แต่เจ้าจอมเพ็ญถือเป็นเหตุหาเรื่องว่าถูกแมงเม่าชน สั่งเลื่อนให้จับตัวไปลงโทษเดี๋ยวนี้

ขันทองที่เดินตามมาขัดขึ้นว่านางผู้นี้เป็นข้าหลวงของเสด็จพระองค์หญิง ถึงทำผิดจริงก็ต้องส่งตัวให้เสด็จพระองค์หญิงตัดสินโทษ หากเจ้าจอมตัดสินเองเกรงจะเป็นการผิดกฎฝ่ายในเสียเอง

“ออกพระศรีเตือนฉันเช่นนี้ก็ดีแล้ว จะได้รู้กัน ว่าเสด็จพระองค์หญิงจะตัดสินอย่างไร” เจ้าจอมเพ็ญยิ้มร้าย

ooooooo

เจ้าจอมเพ็ญไปนั่งบีบน้ำตาขอความเป็นธรรมกับกรมขุนวิมลว่าตนถูกแมงเม่าจาบจ้วงให้เสียศักดิ์ เจ้าจอมอำพันติงว่าตนยังไม่เคยเห็นพระองค์หญิงทรงเอาเรื่องกับใครด้วยสาเหตุเล็กน้อยเช่นนี้มาก่อนเลยกลายเป็นโต้เถียงกันระหว่างเจ้าจอมเพ็ญกับเจ้าจอมอำพันที่เหมือนดั่งขมิ้นกับปูนกันมาตลอด จนกรมขุนวิมลต้องขัดขึ้นว่าอย่าเถียงกันเลย คนตำหนักตนผิดตนก็ต้องรับผิดชอบ แต่จะฟังความข้างเดียวไม่ได้ หันไปถามแมงเม่าว่า ขวางทางและชนตัวแม่เพ็ญจริงหรือไม่

แมงเม่ายอมรับว่าขวางทางจริงเพราะตนไม่ทันระวังให้ดี แต่ตนไม่ได้กระทบกระทั่งถูกแม้ชายสไบของเจ้าจอมเพ็ญเลย เลื่อนเสนอหน้าทันทีว่าตนเห็นชนจนเจ้าจอมเซ ยังจะบอกว่าไม่ได้ชนอีก เป้ายืนยันว่าตนเห็นคาตาเหมือนกันว่าไม่ได้ชน คุณท้าวเสนอว่าข้าหลวงสองตำหนักให้การไม่ตรงกันเช่นนี้ก็ต้องถามคนกลาง

อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 10 วันที่ 15 พ.ค.61

ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว บทประพันธ์โดย วรรณวรรธน์
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว บทโทรทัศน์โดย เอกลิขิต
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว กำกับการแสดงโดย กิตติศักดิ์ ชีวาสัจจาสกุล
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ผลิตโดย บริษัท ทีวีซีน จำกัด
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ออกอากาศทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ