อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 11 วันที่ 20 พ.ค.61

อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 11 วันที่ 20 พ.ค.61

“หากเทวดาท่านมีฤทธิ์ถึงเพียงนั้นก็คงไม่ต้องมีดาบแล้วละเพคะ”

บ่ายนี้ขณะแมงเม่านั่งเครียดอยู่ในสวนคนเดียว ขันทองเข้ามาถามว่าไม่ไปร่วมฉลองวันมหาสงกรานต์รึกำลังสนุกเชียว แมงเม่าถามหน้านิ่งว่าสงกรานต์แปลว่ากระไรเจ้าคะ ขันทองแปลกใจแต่ก็ตอบว่า

“สงกรานต์แปลว่า ‘ย้าย’ หมายถึงพระอาทิตย์ย้ายราศีซึ่งมีทุกเดือนแต่ถือว่าการย้ายเข้าราศีเมษสำคัญที่สุด จึงเรียกว่า ‘มหาสงกรานต์’ ถือว่าเป็นวันปีใหม่ของคนไท”

“ไม่ใช่ของคนไทเจ้าค่ะ” แมงเม่าสวนทันควัน แววตาแข็งกร้าวจนขันทองแปลกใจ “คำว่า ‘สงกรานต์’ ยังไม่ใช่คำไทเสียด้วยซ้ำ ปีใหม่ไทอยู่เดือนอ้ายมิใช่เดือนห้า ปีใหม่เดือนห้าเป็นปีใหม่ของผู้ดีกรุงศรีเท่านั้น พวกผู้ดีถึงได้รื่นเริงกัน ขณะที่พวกไพร่ได้กินคมดาบคมหอกของอังวะแทนข้าว”



“เกิดอะไรขึ้นรึเจ้า” ขันทองไม่คิดว่าแมงเม่าจะเก็บกดขนาดนี้ แมงเม่าน้ำตาค่อยๆไหลออกมา พูดทั้งน้ำตาว่า “ฉันคับแค้นใจเจ้าค่ะ บ้านเมืองลุกเป็นไฟ คนไทส่วนหนึ่งเอาเลือดทาแผ่นดินแต่อีกส่วนกลับเฉลิมฉลองโดยไม่รู้สึกรู้สาราวกับอยู่กันคนละแผ่นดิน ทั้งที่จริงห่างกันแค่กำแพงกั้นเท่านั้น”

แมงเม่าน้ำตาไหลพรากอย่างสุดกลั้น ขันทองมองอย่างเข้าใจความรู้สึก แมงเม่าพูดทั้งที่น้ำตายังไหลพรากๆ “ทำไมเจ้าคะ ทั้งที่หากกรุงแตกก็ต้องลำบากได้ยากด้วยกันทั้งนั้น เหตุใดยังเห็นแก่ตัวอยู่ได้”

ขันทองดึงแมงเม่าเข้าไปกอดแน่นด้วยความเข้าใจและเห็นใจ แมงเม่ากอดตอบร้องไห้ออกมาอย่างที่ใจอยากร้องให้สมกับที่เก็บกดมานาน

ooooooo

ผ่านมาอีก 2–3 เดือน สถานการณ์เป็นดั่งคำบรรยายที่ว่า...

“ในขณะเดียวกันนั้น สงครามระหว่างกรุงอังวะกับจีนก็ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งสองฝ่ายต่างผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะอยู่หลายครั้ง ไม่มีฝ่ายใดที่กำชัยชนะได้โดยเด็ดขาด”

ค่ำนี้ที่กระโจมพระเจ้ามังระ พระเจ้ามังระโมโหลุกขึ้นยืนต่อหน้าอะแซหวุ่นกี้และเหล่าขุนนางประกาศก้อง

“ข้าบอกแล้วว่าจะไม่มีการเรียกทัพที่ตีอโยธยากลับจนกว่าจะเสร็จศึก เหตุใดจึงพูดเช่นนี้อีก”

พวกขุนนางหันมองกันตาปริบๆ แล้วหันไปมองอะแซหวุ่นกี้เป็นเชิงให้ช่วยพูด อะแซหวุ่นกี้เห็นสีหน้าของพวกขุนนางก็เข้าใจ ตัดสินใจพนมมือขึ้น

“ขอเดชะ พระอาญาไม่พ้นเกล้า ด้วยที่ประชุมขุนนางเห็นตรงกันว่าเราไม่อาจเอาชัยทัพจีนได้โดยเด็ดขาด เว้นแต่จะเรียกทัพที่ตีอโยธยามาช่วยเสริมเท่านั้น ส่วนการตีอโยธยานั้นเราอาจรออีกสักสองสามปีก็ยังได้ด้วยอโยธยานั้นอ่อนแอนักพระพุทธเจ้าข้า”

พระเจ้ามังระหงุดหงิดที่อะแซหวุ่นกี้เห็นดีกับพวกขุนนาง เสียงดังใส่ว่าเราเตรียมการสะสมกำลังถึงหนึ่งปีและอโยธยาก็กำลังเหมือนผลไม้สุกงอมรอร่วงหล่นเท่านั้น ถามว่า

“หากทิ้งไปแล้วเจ้าจะรับประกันได้อย่างไรว่าอีกสองสามปีของเจ้า อโยธยาจะยังอ่อนแออยู่”

“แต่นี่ก็ใกล้จะถึงฤดูน้ำหลากแล้ว ทัพทั้งสองยังไม่อาจตีหักเข้าไปได้ ถึงอย่างไรก็ต้องถอยทัพอยู่ดี”

“กลยุทธ์สี่ร้อยกว่าปีใช้มาแต่สร้างอโยธยา หากแก้ไขไม่ได้ยังจะเรียนพิชัยสงครามไปเพื่อกระไร”

“เช่นนี้เถิดพระพุทธเจ้าข้า หากพระองค์ทรงแก้กลของธรรมชาติได้ ปวงข้าพระพุทธเจ้าก็พร้อมอาสาสู้ศึกจีนจนกว่าชีวิตจะหาไม่ แลจะไม่ขอให้เรียกทัพมาช่วยจนกว่าจะสิ้นศึกอโยธยาพระพุทธเจ้าค่ะ”

พระเจ้ามังระระเบิดหัวเราะบอกว่ามีแต่อะแซหวุ่นกี้ที่กล้าท้าทาย ตนจะแสดงให้ครูท่านเห็นเอง แล้วสั่ง

“ก่อนน้ำหลากให้ทัพของมังมหานรธากับเนเมียวสีหบดีเร่งหาที่ดอนเพื่อตั้งค่ายแล้วขนเสบียงอาหารกับอาวุธขึ้นไปเก็บไว้รวมทั้งจงทำแพจำนวนมากแล้วผูกติดกันให้เหมือนเกาะลอยน้ำ เพื่อที่จะได้อาศัยเพลาน้ำท่วม รอจนน้ำลดเมื่อใดก็ทำการศึกเพื่อพิชิตอโยธยาต่อไปทันที”

พระเจ้ามังระเชิดหน้ายิ้มอย่างมั่นใจในยุทธวิธีของตน

ooooooo

หนึ่งเดือนต่อมา...กองทัพเรือของพระยาตากและกองทัพเรือของพระยาเพชรบุรี ก็รบกับทหารเรือของเนเมียวสีหบดีอย่างดุเดือดกลางคลอง ทั้งสองฝ่ายใช้เรือพายและเรือแจวเข้ารบกัน

เนเมียวสีหบดีอยู่ที่เรืออีกลำที่ห่างออกไป ดูการสู้รบอย่างเคร่งเครียด มองไปบนฝั่งเห็นมังมหานรธานั่งอยู่บนหลังม้าดูการสู้รบอย่างสบายอารมณ์กับทหารของตน เนเมียวสีหบดีเห็นแล้วยิ่งเครียดว่าถ้าแพ้ต่อหน้ามังมหานรธายิ่งเสียหน้า พลันก็ตะโกนลั่น

“บุกเข้าไปอีก พวกมันมีน้อยกว่าต้องกลัวอันใด เสริมกำลังเข้าไป”

ทหารส่วนหนึ่งแจวเรือเข้าไปเสริมทันที มังมหานรธาเห็นแล้วยิ้มขำพึมพำ “ใจร้อนเสียจริง”

พระยาตากขึ้นยืนที่หัวเรือใช้ดาบฟันพวกอังวะตกคลองล้มตายไปมากมาย เรือของหลวงพิชัย พันหาญและม่วงก็รุกจนพวกอังวะต้องแจวเรือหนีตายไป เนเมียวสีหบดี เห็นทหารของตนแพ้ก็สบถอย่างเจ็บใจ “โธ่โว้ย” ส่วน

มังมหานรธาสั่งทหารของตนว่า “ผลการสู้รบวันนี้รู้แล้ว...กลับ” พลางขี่ม้าพาทหารของตนกลับค่ายไป

สถานการณ์สู้รบในคลอง...พระยาตากกับพวกยังต่อสู้กับอังวะต่อไปอย่างดุเดือดกล้าหาญ ทัพของพระยาเพชรบุรีก็เล่นงานทัพเรืออังวะจนแตกพ่ายถอยร่นไปเช่นกัน

ooooooo

เย็นนี้พระยาตากถูกเรียกเข้าวัง ขณะเดินคุยกับขันทองและพระยากำแหงนั้น พระยากำแหงชื่นชมพระยาตากกับทหารกล้าเมืองตากว่า เพิ่งเห็นตัวจริงท่านวันนี้ช่างดูองอาจกล้าหาญสมคำเล่าลือจริงๆ

พระยาตากกล่าวอย่างถ่อมตัวว่าตนก็ทำได้แค่รบพุ่งต้านทานเท่านั้นไม่นับว่ามีความสามารถกระไรดอก ถูกเรียกเข้าวังวันนี้ยังไม่รู้จะถูกตำหนิกระไรบ้าง พระยากำแหงบอกว่าศึกครานี้ท่านเจ้าคุณกับเจ้าคุณเพชรบุรีมีความชอบคงเรียกมารับบำเหน็จมากกว่า มองพระยาตากเอ่ยอย่างชื่นชมว่า

“หากอโยธยามีทหารเช่นนี้มากๆ จะต้องกลัวอันใดกับพวกอังวะกัน จริงหรือไม่คุณพระ”

“จริงเจ้าค่ะ” ขันทองตอบ แต่พออยู่กับพระยาตากลำพังก็พูดอย่างสังหรณ์ใจว่า “ขออย่าให้เกิดเรื่องขึ้นอีกเลยท่านเจ้าคุณ”

เมื่อเข้าประชุมที่ศาลาในวัง ปรากฏว่าพระยาตากกับพระยาเพชรบุรีถูกเรียกเข้ามารับงานจากขุนนางจำนวนหนึ่งให้บุกไปตีค่ายของเนเมียวสีหบดี พระยาตากตกใจแต่พระยาเพชรบุรีกลับบอกอย่างลิงโลดว่า

“กระผมรอคำสั่งนี้มานาน...อย่างห่วงเลย แม้วันพรุ่งนี้จะไม่ถึงกับตัดหัวเนเมียวสีหบดีแต่ก็จะแสดงให้เห็นว่าคนไทมิใช่จะรังแกกันได้โดยง่าย”

พระยาตากเห็นว่าเสี่ยงเกินไปเพราะค่ายของเนเมียวสีหบดีมีทหารมากและอยู่ในชัยภูมิได้เปรียบ พระยาเพชรบุรีไม่พอใจถามว่ายังไม่ทันรบเหตุใดจึงพูดจาบั่นทอนขวัญตัวเองเช่นนั่นเล่า พวกขุนนางก็พากันหน้าขึงปรามาสพระยาตากว่านี่หรือทหารเมืองตาก คราก่อนก็ยิงปืนใหญ่โดยพลการ ครานี้ก็คิดจะขัดคำสั่งอีก

ขุนนางพากันส่ายหน้าหัวเราะเยาะ กดดันพระยาตากอย่างหนัก

ooooooo

รุ่งเช้าขณะที่พระยาตาก พระยาเพชรบุรี หลวงพิชัย พันหาญ และทหาร กำลังตั้งแถวเตรียมพร้อมรบอยู่ ม่วงที่ไปสืบข่าวขี่ม้ากลับมารายงานว่า เนเมียวสีหบดีนำทัพเรือมาด้วยตัวเอง ธูปไหม้หมดดอกก็คงมาถึง

พระยาเพชรบุรีตบเข่าฉาดสะใจที่เนเมียวสีหบดีไม่ตั้งรับและคุมทัพมาด้วยตัวเองเช่นนี้ หากตัดหัวได้ก็เท่ากับจบศึกทันที บอกพระยาตากว่าตนจะคุมทัพไปเอง ให้ท่านเจ้าคุณคุมทัพบุกไปที่ค่ายของมันกระหนาบทั้งสองด้าน พูดอย่างย่ามใจว่า “ดูทีรึว่ามันจะรอดไปได้”

แต่พระยาตากวิเคราะห์ว่าเนเมียวสีหบดีกำลังมากกว่าและชัยภูมิก็ได้เปรียบ แต่กลับบุกมาด้วยตัวเองเช่นนี้เห็นจะเป็นอุบาย ตนเห็นว่าเราดูท่าทีก่อนอย่าเพิ่งบุกเข้าไปเลย

พระยาเพชรบุรีโมโหหาว่าเมื่อวานให้รบก็อิดออด ถ้ากลัวนักก็กลับไปนอนห่มผ้าเถิดท่านเจ้าคุณ

หลวงพิชัยไม่พอใจโต้ว่าหยามกันเกินไปแล้ว คนอย่างท่านเจ้าคุณของตนรบทัพจับศึกมาไม่น้อยกว่าท่านเจ้าคุณดอก แต่ที่เตือนก็เพราะเห็นผิดพิกล เราทำศึกจะประมาทในอุบายได้อย่างไร

อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 11 วันที่ 20 พ.ค.61

ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว บทประพันธ์โดย วรรณวรรธน์
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว บทโทรทัศน์โดย เอกลิขิต
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว กำกับการแสดงโดย กิตติศักดิ์ ชีวาสัจจาสกุล
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ผลิตโดย บริษัท ทีวีซีน จำกัด
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ออกอากาศทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ