อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 10 วันที่ 14 พ.ค.61
เวลานั้น...พระเจ้ามังระ อะแซหวุ่นกี้และขุนนางประชุมกันเครียด ทหารรายงานว่ากองทัพจีนมีมากกว่าเรานัก เราจึงทำได้แค่ตั้งรับ เวลานี้กองทัพจีนค่อยๆรุกเข้ามาแล้ว ขุนนางผู้หนึ่งกลัวมากเสนอว่าเราคงต้านทานไม่ได้ ขอให้ยอมอ่อนข้อต่อจีนเถิด“มีผู้ใดคิดจะให้ข้ายอมแพ้อีกหรือไม่” พระเจ้ามังระตวาดก้อง อะแซหวุ่นกี้เสนอว่าแม้พวกหัวเมืองจะสวามิภักดิ์ต่อจีนแต่ตนก็มั่นใจว่าเรารับมือได้ พระเจ้ามังระถามอะแซหวุ่นกี้ว่ามีแผนการอย่างไรให้ว่ามา
“แม้กำลังเราน้อยแต่ได้เปรียบทางชัยภูมิ จึงชอบที่จะรบแบบกองโจรเพื่อตัดกำลังข้าศึก แลระหว่างนี้ก็ให้มังมหานรธากับเนเมียวสีหบดียกทัพกลับมารวมกับกำลังที่เราเกณฑ์เพิ่มในอังวะ น่าจะเอาชัยได้” พระเจ้ามังระไม่ยอมเด็ดขาดที่จะให้ถอนกำลังจากการตีอโยธยา ประกาศว่า “เมื่อข้าตัดสินใจรบกับอโยธยาก็ไม่คิดจะถอยทัพกลับจนกว่าจะได้ชัย” วิเคราะห์กำลังที่จีนจะส่งมาและผลได้ผลเสียที่จีนจะได้รับแล้วเชื่อว่าอย่างมากจีนก็ส่งกำลังมาได้ไม่เกินสิบหมื่น แล้วเหตุใดเราจะต้านไม่ได้
อะแซหวุ่นกี้คิดตามและชื่นชมในพระปรีชาของพระเจ้ามังระ พระเจ้ามังระจึงประกาศให้อะแซหวุ่นกี้เป็นทัพหน้า พระองค์จะเป็นทัพหลวงยกตามไป ประกาศอหังการสมกับเป็นผู้นำว่า
“พวกเราจะแสดงให้เมืองจีนที่ยิ่งใหญ่เห็นว่าคนอังวะไม่เคยเกรงกลัวผู้ใดทั้งสิ้น”
ฝ่ายพระยากำแหงคุยอารมณ์ดีกับขันทองว่าพระเสื้อเมืองทรงเมืองปกปกรักษาอโยธยาจริงๆ อังวะเข้ามาในเขตอโยธยานับปีแต่ยังไม่ถึงกำแพงเลย
ขันทองติงว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองก็ดีอยู่ แต่จะหวังพึ่งเทวดาฟ้าดินอย่างเดียวไม่ได้ อังวะเปิดศึกกับจีนมาเป็นแรมเดือน ทัพของเนเมียวสีหบดีกับมังมหานรธาก็ยังไม่ได้ยกทัพกลับ ไม่แน่ว่าอาจจะทำศึกต่อก็ได้ พระยากำแหงมั่นใจว่าอย่างไรก็ไม่พ้นจากนี้ได้ คุณพระกังวลเกินไปแล้ว
ทันใดนั้นเป้าวิ่งเข้ามาบอกขันทองว่าแมงเม่าตกต้นไม้ให้รีบไปดู ขันทองไม่ทันทำอะไรพระยากำแหงก็วิ่งอ้าวนำหน้าไปแล้ว ขันทองชักสีหน้าเล็กน้อย เป้าสังเกตเห็นรู้สึกแปลกใจ
ooooooo
พระยากำแหงพุ่งเข้าไปหาแมงเม่าด้วยความเป็นห่วง ขันทองตามมาถึงบอกให้รีบพากลับไปที่เรือนก่อนตนจะตามหมอให้เอง พระยากำแหงอุ้มแมงเม่าขึ้นทันที ขันทองมองอย่างนึกไม่ถึง อารมณ์หึงพุ่งขึ้นไม่รู้ตัว
แมงเม่าถูกพาไปไว้ที่เตียงในห้องนอน คุณท้าวโสภาเข้ามาตำหนิความทโมนของแมงเม่า แมงเม่าบอกว่าตนเห็นลูกนกตกลงมาจึงปีนเอาขึ้นไปไว้ในรังและพลัดตกลงมา
พระยากำแหงชิงทำคะแนนกับแมงเม่า อุ้มมาถึงห้องพักแล้วยังแก้ตัวให้แมงเม่าที่ถูกคุณท้าวดุ และจะไปเตรียมสำรับมาให้
ขันทองมองดูพระยากำแหงอย่างหมั่นไส้หึงหวง พูดเหน็บจนแมงเม่ารำคาญ บอกพระยากำแหงว่าตนถูกออกพระประชดประชันมาก ชะรอยจะหึงหวงท่านเจ้าคุณเสียก็ไม่รู้ พระยากำแหงจึงรีบไปเตรียมสำรับ
ทั้งหมดนี้อยู่ในความสังเกตของเป้า รู้สึกท่าทางของขันทองกับแมงเม่าแปลกๆต่อกัน แต่ไม่ติดใจกระไรนัก จนแมงเม่าบอกให้ช่วยกราบทูลเสด็จพระองค์หญิงเรื่องตนด้วย คืนนี้ตนคงไปถวายรับใช้ไม่ได้แล้ว เป้าบอกว่าไม่ต้องห่วงพักรักษาตัวให้หายก่อนเถอะ
“นับแต่ถวายตัวเป็นข้าหลวง คืนนี้คงเป็นคืนแรกที่ฉันได้...อยู่คนเดียว จะว่าไปขาแพลงคราวนี้ก็มีคุณเช่นกัน” แมงเม่ายิ้มอย่างมีแผนการในใจ
แมงเม่าพยายามถอดกลบทจากกลัก ตั้งแต่กลางวันจนถึงเย็นก็ถอดไม่ออก ถอนใจพึมพำ
“ศึกษาเพิ่มเติมมาไม่น้อยก็ยังถอดไม่ได้ หรือต้องเล่าความลับนี้ให้ออกพระศรีจริงๆ”
ooooooo
จมื่นศรีสรรักษ์ไปหาเจ้าจอมเพ็ญที่ตำหนัก เลื่อนแจ้งว่าหม่อมแม่ไม่ใคร่สบายจึงนอนเร็ว ถามว่าคุณพระนายจะรอหรือจะฝากคำพูดไว้ก็ได้ จมื่นศรี-สรรักษ์จึงกลับแต่ฉุกคิดว่าบางทีเจ้าจอมอาจมีความลับไม่อยากให้ตนรู้ก็ได้
คืนนี้จมื่นศรีสรรักษ์จึงสะกดรอยตามเจ้าจอมเพ็ญไปที่กระท่อมกลางป่าของขรัวเถื่อน ได้ยินพระยาพลเทพและเจ้าจอมเพ็ญคุยกับขรัวเถื่อน ขรัวเถื่อนยืนยันว่าอังวะต้องรบจนแตกหักกับอโยธยาแน่ เจ้าจอมเพ็ญถามว่าแล้วสัญญาที่ทางอังวะรับปากไว้กับขรัวตาจะไม่บิดพลิ้วแน่หรือ ขรัวเถื่อนยืนยันว่าไม่บิดพลิ้วแน่ ขอแต่ให้เจ้าจอมคอยส่งข่าวให้อังวะเหมือนที่แล้วมาก็พอ
จมื่นศรีสรรักษ์แค้นใจเมื่อรู้ว่าเจ้าจอมเพ็ญทุรยศต่อบ้านเมืองเป็นไส้ศึกให้อังวะ เจ้าจอมเพ็ญร้องไห้เจ็บใจที่ถูกหาว่าทุรยศต่อบ้านเมือง แก้ตัวว่าตนเพียงแต่เอาตัวรอดเท่านั้น จมื่นศรีสรรักษ์จะไปฆ่าขรัวเถื่อน
เจ้าจอมเพ็ญบอกว่าคุณพระนายก็รู้ว่าขรัวตามีความสำคัญกับตนเพียงใด หากฆ่าขรัวตาแล้วตนก็เหมือนคนตาบอด เช่นนั้นก็ฆ่าตนเสียด้วยเลย จมื่นศรีสรรักษ์สำนึกในบุญคุณที่เจ้าจอมเลี้ยงตนมาแต่เล็กจนโตไม่อาจทำได้
เจ้าจอมเพ็ญบอกว่าเมื่อทำร้ายตนไม่ได้ก็อย่ามาขวาง ถ้าคุณพระนายฆ่าขรัวตาเมื่อใด ตนก็จะฆ่าตัวตายต่อหน้าให้รู้กันไปว่าเจ้ารักอโยธยาหรือพี่มากกว่ากัน ในที่สุด
จมื่นศรีสรรักษ์ก็ได้แต่แค้นจนน้ำตาไหลที่พี่ที่ตนรักที่สุดกลับเป็นคนขายชาติทำลายบ้านเมืองที่ตนรักที่สุดเช่นกัน
ooooooo
เจ้าจอมเพ็ญบอกพระยาพลเทพที่ถามว่าคุณพระนายว่าอย่างไรว่า น้องชายตนรู้ว่าควรพูดอย่างไรอย่าห่วงเลย และบอกว่าจะกลับตำหนัก ให้คนไปส่งด้วย
ขุนแผลงฤทธิ์มองตามเจ้าจอมเพ็ญไปจนลับตาแล้วเอ่ยกับพระยาพลเทพว่า คนตายเท่านั้นที่พูดไม่ได้ ท่านเจ้าคุณสั่งมาคำเดียวตนจะไปปิดปากคุณพระนายศรีเอง
“ไม่ได้ เรายังจำเป็นต้องใช้งานเจ้าจอมเพ็ญอยู่จะแตกหักตอนนี้ก็เสียการใหญ่ เอาไว้รอเสร็จงานก่อนเถิด ข้าจะกำจัดมันทิ้งทั้งพี่ทั้งน้อง” พระยาพลเทพแววตาอำมหิต
ส่วนการสู้รบนั้น ปรากฏว่า...
“ในเดือนกันยายน พุทธศักราช 2308 หลังจากที่กองทัพของอังวะได้ตระเตรียมเสบียงและมีความพร้อมในด้านต่างๆ เนเมียวสีหบดีได้ยกกองทัพออกจากลำปางทั้งทางบกและทางน้ำ โดยทางน้ำได้ล่องเรือมาตามแม่น้ำวัง แต่ด้วยเป็นช่วงหน้าฝน ทำให้การเคลื่อนทัพเป็นไปด้วยความยากลำบากและต้องต่อสู้กับชุมนุมต่างๆของชาวบ้านที่รวมตัวกัน ทำให้เคลื่อนทัพได้ล่าช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้...”
ตรงข้ามกับกองทัพฝ่ายใต้ของมังมหานรธา ที่เคลื่อนทัพในเดือนตุลาคมปีเดียวกัน โดยมังมหา–นรธราแบ่งทัพเป็นสามทัพ ทัพหนึ่งเข้าโจมตีด่านเจดีย์สามองค์ ทัพที่สองอ้อมไปทางตะนาวศรีแล้ววกกลับขึ้นมา ทัพที่สามเข้าโจมตีเมืองกาญจนบุรี โดยฝ่ายอยุธยาคาดการณ์ผิด คิดว่ามังมหานรธาจะยกทัพเข้าโจมตีทางอ่าวไทยเหมือนครั้งแรก ทำให้เสียเมืองกาญจนบุรีไปอย่างง่ายดาย และเกิดความสับสนขึ้น จนทั้งสามทัพของมังมหานรธามาบรรจบกันได้ที่นนทบุรี ห่างจากกรุงศรีอยุธยาเพียงหกสิบกิโลเมตรเท่านั้น
ooooooo
ข่าวอังวะรุกเข้ามาถึงนนทบุรีสร้างความตื่นตระหนกแก่ชาวบ้านยิ่งนัก ทุกคนเตรียมเก็บเสบียงอาหารไว้ในหน้าศึกสงคราม มิ่งก็สั่งให้เอาปลาและเนื้อมาทำเค็มเก็บไว้ หมิ่นก็พยายามรั้งคนมาเที่ยวโรงรับชำเราเพื่อหารายได้
แต่สุ่นเป็นห่วงม่วงมาก รำพึงรำพันด้วยความห่วงใย
“ข้าศึกมาถึงแล้ว พี่ม่วงของฉันจะเป็นอย่างไรบ้าง....”
ooooooo
พระยาตากนำทหารเข้าต่อสู้กับพวกอังวะ โดยมีหลวงพิชัยอาสา พันหาญและม่วง นำทหารบุกตะลุยอย่างดุเดือด
“ทหารเมืองตากช่างเข้มแข็งนัก กำลังเราน้อยกว่าข้าศึกถึงกึ่งหนึ่งแต่กลับสู้ราวกับคนเท่ากัน” ขุนนางผู้หนึ่งเอ่ยกับพระยาตาก
“พวกเรามาอโยธยานานเดือน วันทั้งวันได้แต่ฝึกปรือ พอออกรบคราแรกจึงฮึกเหิมนัก แต่ยังไม่ใช่เพียงเท่านี้ดอก” พระยาตากสีหน้ามั่นใจมาก
อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 10 วันที่ 14 พ.ค.61
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว บทประพันธ์โดย วรรณวรรธน์ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว บทโทรทัศน์โดย เอกลิขิต
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว กำกับการแสดงโดย กิตติศักดิ์ ชีวาสัจจาสกุล
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ผลิตโดย บริษัท ทีวีซีน จำกัด
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ออกอากาศทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ