อ่านละคร เสน่ห์รักนางซิน ตอนที่ 5 วันที่ 29 เม.ย.61

อ่านละคร เสน่ห์รักนางซิน ตอนที่ 5 วันที่ 29 เม.ย.61

สามสาวตกใจแทบช็อกที่จุดไต้ตำตอ โดยเฉพาะปริตาที่รับเรื่องเซอร์ไพรส์ไม่ไหวเป็นลมไปเลย พริมตั้งสติได้เข้ามากราบขอโทษปรีชาที่แอบอ้างเป็นหลานสาวและถือวิสาสะพาคนอื่นเข้ามาพักที่นี่ ท่านไม่ถือโทษโกรธ อะไรเธอไม่ต้องคิดมาก ตรงกันข้ามท่านต้องขอบใจเธอด้วยซ้ำที่ทำให้ภูรียอมเข้ามาเหยียบที่นี่ แล้วนี่เขาได้ขึ้น ไปข้างบนห้องที่ติดกับห้องนอนของท่านหรือเปล่า พริมส่ายหน้าแทนคำตอบ ปรีชาบ่นอุบ

“น่าเสียดาย แต่ไม่เป็นไร เก็บไว้เซอร์ไพรส์เขาทีเดียว”



พริมคุยกับปรีชาเสร็จก็ออกไปหาคนอื่นที่ยังรออยู่นอกตัวตึก ขอคุยกับภูรีเป็นการส่วนตัว จากนั้นเดินนำเขาไปที่สวนสวยข้างบ้าน ต่อว่าเขาทำไมต้องปิดบังตัวเองด้วย เขาแค่อยากรู้ว่าเธอกับเพื่อนเป็นใคร ถึงเอาบัตรเชิญของพ่อเข้าไปในงาน พริมตัดพ้อ น่าจะถามกันตรงๆ

สองคนพยายามจะเคลียร์ปัญหาคาใจกัน แต่ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์ ภูรีทนไม่ไหวดึงพริมมากอด ทีแรกเธอขัดขืน แต่สุดท้ายก็ปล่อยให้เขากอด เพราะนี่จะเป็นกอดสุดท้ายของเราสองคน ภูรียังอยากจะเป็นนายถั่วพูของเธอแล้วปาดน้ำตาให้ ขอให้เธอลืมทุกอย่าง กลับมาเป็นเหมือนตอนที่เราอยู่บนเกาะได้ไหม ตอนนั้นเขามีความสุขมากเวลาที่อยู่กับเธอ พริมผลักเขาออกห่าง

“ทำไมคุณพูดแบบนี้ ฉันเชื่อแล้วว่าการที่ P.PAUL รักคนอื่นเป็นแค่คำโฆษณา เพราะความจริงแล้วผู้บริหารใหญ่ของ P.PAUL ไม่เคยรักใครเลย ทั้งพ่อตัวเอง ทั้งผู้หญิงที่คุณเลือกมาเป็นคู่หมั้น คุณถึงกล้าทำลายศักดิ์ศรีของเธอด้วยการมาให้ความหวังกับผู้หญิงอื่น”

ภูรีตัดพ้อเราคงจะโกหกกันมากเกินไปเธอถึงไม่ไว้ใจเขา พริมยอมรับว่าใช่ จากนี้ไปเราอย่าเจอกันอีกเลย เธอจะลืมทุกอย่างและจะลืมด้วยว่าเคยศรัทธา P.PAUL มากแค่ไหน แล้วเดินจากไปทั้งน้ำตา

ooooooo

ระหว่างเก็บข้าวของเตรียมกลับกรุงเทพฯ พริมขอโทษเพื่อนรักทั้งสองคนด้วย ความฝันที่ไม่รู้จักเจียมตัวของตนทำให้ตนยอมทำเรื่องบ้าๆจนเพื่อนต้องเดือดร้อนไปด้วยแล้วร้องไห้ออกมาอีก บุสกรปลอบว่าไม่ต้องคิดมาก เราแค่ยอมรับความจริง แล้วเดินหน้าต่อไปเท่านั้นเอง...

หลังจากสามสาวไปกันแล้ว อินทัช ภควัต และภูรีก็ขอตัวกลับเช่นกัน ปรีชาชวนสามหนุ่มค้างที่นี่อีกสักคืน ภูรีไม่ว่าง มีธุระต้องกลับไปจัดการหลายเรื่อง แล้วไปนั่งรอที่รถ โดยมีภควัตตามออกไป อินทัชเห็นสีหน้าผิดหวังของปรีชาจึงเข้ามาปลอบว่าอย่าคิดมาก

ภูรีไม่ได้โกหกเพราะไม่อยากอยู่ใกล้ท่าน

“แต่ภูมีเรื่องต้องกลับไปจัดการเยอะจริงๆโดยเฉพาะเรื่องนายหัวชนะ”คำพูดของอินทัชทำเอาปรีชาหูผึ่ง...

คนที่อินทัชพูดถึงตกใจแทบช็อกเมื่อสมุนเข้ามารายงานว่า เพื่อนของภควัตที่นายหัวชนะสั่งให้ไปกำจัดพร้อมกับหญิงสาวคนนั้นเป็นลูกชายของปรีชา สมุนพูดไม่ทันขาดคำ ปรีชาโทร.เข้ามือถือของนายหัวชนะ ต่อว่าเขาที่เอาปืนไล่ยิงลูกชายกับว่าที่ลูกสะใภ้ของตน

นายหัวชนะซึ่งดูท่าทางจะเกรงบารมีของอีกฝ่ายมาก รีบ ขอโทษขอโพยยกใหญ่ ไม่รู้มาก่อนว่าภูรีเป็นลูกของท่าน ปรีชาจะไม่ถือสากับเหตุการณ์ครั้งนี้

“แต่ผมหวังว่านายหัวจะไม่ไปสร้างความเดือดร้อนให้พวกเขาอีก”...

ทางด้านปรีชาเอาของที่ระลึกจากการท่องเที่ยวครั้งล่าสุดไปเก็บไว้ที่ห้องเก็บของที่ระลึกโดยไม่ลืมติดป้ายกำกับไว้ว่าเป็นของที่ระลึกจากที่ไหน ได้มาเมื่อไหร่ แล้วมองไปรอบๆห้องอย่างมีความสุข...

พริมเข็ดขยาดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถึงขั้นประกาศยุติความฝันจะไม่ทำรองเท้าอีก แม้จะเป็นสิ่งที่ตัวเองรักก็ตาม เพราะตอนนี้เวลาที่นึกถึงรองเท้า เธอจะนึกถึงคำพูดของพัชราที่บอกว่าความฝันของเธอทำให้เธอกลายเป็นตัวตลกในสายตาคนอื่น บุสกรขอร้องอย่าไปสนใจแค่ลมปากคน

“แต่ฉันเจ็บ...เจ็บมากจริงๆ ฉันขอเวลาลืมมันให้ได้ก่อนนะ แล้วฉันจะกลับมาเป็นพริมคนเดิม”

บุสกรสงสัยถ้าพริมไม่ทำรองเท้าแล้วจะทำมาหากินอะไร สมัยนี้ยิ่งหางานยากๆอยู่ด้วย...

พริมไม่เกี่ยงงานทำได้ทุกอย่างขอแค่เป็นงานสุจริต ลุยสมัครไปทั่ว งานที่ได้ทำแต่ละอย่างไม่เข้าทางเธอ เหมือนที่ทำรองเท้า แต่ในเมื่อยังทำใจไม่ได้เธอจะไม่ยอมแตะต้องรองเท้าอีก

อินทัชซึ่งคอยตามข่าวคราวของพริมเห็นงานที่เธอทำแต่ละอย่างไม่เหมาะกับเธอ อุตส่าห์ให้คนไปติดต่อจ้างทำรองเท้าสองพันคู่หวังจะให้เธอกลับมาทำงานที่ชอบ เธอปฏิเสธหน้าตาเฉย ทั้งลุงดำช่างทำพื้นรองเท้าคู่ใจเธอกับบุสกรพยายามอ้อนวอนให้เธอรับงานจะได้ไม่ต้องไปทำงานที่ไม่ถนัด เธอยังยืนกรานไม่ทำ...

ภูรีรู้เรื่องที่อินทัชให้คนไปจ้างพริมทำรองเท้าแต่เธอปฏิเสธก็แปลกใจ นี่เขายังติดต่อกับพวกนี้อยู่อีก อินทัชพยักหน้ารับคำ ขอร้องให้ภูรีช่วยคิดหน่อยว่าทำอย่างไรจะให้พริมกลับมาทำรองเท้า ทำในสิ่งที่เธอรัก ภูรีเป็นห่วงเธอเช่นกันแต่ทำเป็นปากแข็ง เธอจะทำหรือไม่ทำ ทำไมอินทัชต้องเดือดร้อนด้วย

 “ฉันรู้สึกผิดที่มีส่วนร่วมทำให้คุณพริมดับความฝันตัวเอง”

“ฝันใครก็ฝันมัน ถ้าเจ้าตัวเขาเลือกที่จะไม่ฝัน เราก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก” ภูรีทำเหมือนไม่แคร์

ooooooo

ด้วยความบังเอิญอย่างเหลือเชื่อ ภูรีกับวิกกี้มาเดินเที่ยวห้างฯหรูแห่งหนึ่ง เจอพริมกับพวกที่มารับจ๊อบขายผลิตภัณฑ์อาหารเสริมนมผึ้ง โดยที่เธอจะต้องแต่งตัวในชุดกระโปรงรัดรูป แถมต้องเต้นเพื่อเรียกให้คนสนใจซื้อสินค้า ภูรีเห็นสภาพเธอแล้วอดสงสารและเห็นใจไม่ได้

พริมเห็นทั้งคู่เดินเข้ามาที่บูธรีบเดินหนีไปเข้าห้องน้ำ วิกกี้คิดว่าเธอยังโกรธเรื่องพงศกรก็เลยไม่อยากเห็นหน้าพวกเรา ภูรีอยากเจอเธอมากออกอุบายให้วิกกี้ไปรอที่ร้านอาหารก่อน ขอคุยโทรศัพท์เรื่องงานสักครู่แล้วจะตามไป วิกกี้ทำตามที่เขาว่าโดยไม่ติดใจสงสัย ภูรีเดินตามพริมมาที่ห้องน้ำ เจอเธอถูกชายสองคนลวนลามรีบเข้าไปช่วย แล้วพาเธอไปซื้อเสื้อคลุมมาให้สวมทับเพราะชุดที่เธอใส่ยั่วยวนมาก แล้วส่งนามบัตรใบหนึ่งให้

“นามบัตรคุณจอนนี่ผู้จัดการ P.PAUL ประจำประเทศไทย โทร.ไปสมัครงานกับเขา บอกว่าผมแนะนำมา”

“เก็บนามบัตรไว้แนะนำคนอื่นเถอะค่ะ ฉันไม่ได้อยากทำงานที่ P.PAUL แล้ว”

ภูรีขอร้องให้เลิกประชดตัวเองได้แล้ว ทำแบบนี้มันไม่ฉลาด พริมยืนกรานว่าไม่สนใจแถมสั่งเขาไม่ต้องมายุ่งกับเธออีก แล้วผละจากไป เขาได้แต่มองตามเหนื่อยใจ...

การเจอพริมครั้งนี้ทำให้ภูรีทนอยู่นิ่งเฉยต่อไปไม่ไหว ชวนภควัตกับอินทัชมาแข่งขันกัน ใครทำให้เธอยอมกลับมาทำรองเท้าได้เป็นคู่แรกคนนั้นชนะ...

คืนนี้บารมีฝันร้ายอีกแล้ว ครั้งนี้เขาเห็นหน้าผู้หญิงที่วิ่งหนีเปลวไฟชัดเจนว่าคือพาพรแม่ของพริม เขาสะดุ้งตื่นหายใจหอบเหนื่อย มองไปรอบๆเห็นพัชรานอนอยู่ข้างๆหันหลังให้ เขาห่มผ้าให้เธอแล้วลงไปข้างล่าง จะหาเครื่องดื่มเพื่อให้ลืมฝันร้าย วิกกี้เปิดประตูบ้านเข้ามาเจอพ่อนั่งอยู่คนเดียวมืดๆร้องทักป่านนี้แล้วยังไม่นอนอีกหรือ ท่านนอนไม่หลับก็เลยลงมาหาอะไรดื่ม

“คุณพ่อคะ วันนี้วิกกี้เจอคุณพริม วิกกี้สงสารเธอเวลาอยู่ต่อหน้าวิกกี้กับภู เธอดูอึดอัดเหมือนมีอะไรค้างคาอยู่ในใจ วิกกี้ว่าคงเป็นเพราะเธออายที่พงศ์เคยทำไม่ดีไว้กับเธอ”

บารมีตกใจว่าลูกพูดเรื่องอะไร วิกกี้ถึงบางอ้อทันที ที่แท้คุณแม่ก็ไม่ได้เล่าเรื่องพริมให้พ่อฟัง บารมีเหนื่อยใจกับพัชราที่เอาแต่ปกป้องลูกชายในทางที่ผิด สั่งให้วิกกี้เล่ามาให้หมดว่าพงศกรไปทำอะไรเอาไว้ บารมีฟังวีรกรรมชั่วของลูกชายแล้ว อยากจะบ้าตาย เพิ่งก่อเรื่องไว้ที่อเมริกา ยังกลับมาทำเรื่องเลวทรามนี่อีก แล้วผู้หญิงคนนั้นไม่เอาเรื่องเลยหรือ วิกกี้ส่ายหน้า เจอหน้ากันพริมคอยหลบตนกับภูรีด้วยซ้ำ

“เธอคงอาย ทั้งที่วิกกี้ต่างหากที่เป็นฝ่ายต้องอายที่มีน้องชายนิสัยไม่ดี”

“วิกกี้หาทางติดต่อผู้หญิงคนนั้นให้พ่อได้ไหม พ่ออยากเจอ”

ooooooo

พริมแวะมาหาลุงดำที่บ้านพร้อมกับข้าวกล่องติดมือมาฝาก เจอแกเมายังไม่สร่างนั่งคอพับกอดขวดเหล้าอยู่ พอเห็นเธอมาเท่านั้น ลุงดำคว้าหุ่นรูปเท้าสำหรับขึ้นแบบรองเท้าปาใส่ แถมด่าว่าเธอสาดเสียเทเสีย เนื่องจากยังแค้นใจไม่หายที่เธอไม่ยอมรับออเดอร์รองเท้า

“นังคนไม่รักดี ไม่รักอาชีพ แม่เอ็งอุตส่าห์สอนวิชาให้ตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย แต่เอ็งกลับทอดทิ้ง ถ้าวิญญาณแม่เอ็งรับรู้มันต้องนอนตายตาไม่หลับ นังลูกทรพี” ลุงดำด่าเป็นชุด พริมพยายามจะอธิบายถึงสาเหตุที่ทำแบบนั้นแต่เขาไม่ฟัง ด้วยฤทธิ์เหล้าลุงดำพูดเรื่อยเปื่อยไปถึงตอนที่พาพรรักกับหัวหน้าเก่าของเขาซึ่งเป็นพ่อของพริม แล้วรู้สึกตัวว่าพูดมากไปจึงหยุดดื้อๆ

“พ่อของพริม...พ่อพริมเคยเป็นหัวหน้าของลุงเหรอ ทำไมลุงไม่เคยพูดให้พริมฟังเลย”

ลุงดำทำเป็นง่วงนอนกลบเกลื่อน แล้วลุกหนี พริมตามมาคาดคั้นให้บอกว่าพ่อของเธอเป็นใคร เขาอ้างว่าไม่รู้ เธอไม่เชื่อ ลุงรู้จักกับแม่ของเธอมาตั้งแต่เธอยังไม่เกิด ต้องเคยเห็นหน้าพ่อของเธอแน่ๆ ขอร้องให้เล่าเรื่องพ่อให้ฟัง แล้วตีหน้าเศร้าจะร้องไห้ ลุงดำไม่ใจอ่อน ยืนกรานว่าไม่รู้เรื่อง แล้วอยู่ๆบ้านก็หมุน เขาต้องวิ่งไปอาเจียน พริมตามไปช่วยลูบหลังให้ ครั้นวิ่งไปเอาน้ำมาให้บ้วนปาก กลับมาอีกทีลุงดำหลับฟุบไปแล้ว...

ในเวลาต่อมา พริมนำเรื่องที่ลุงดำพูดถึงพ่อว่าเป็นเจ้านายเก่าของเขาตอนที่ทำงานเป็น รปภ.อยู่ที่ห้างไดม่อน มาเล่าให้ปริตากับบุสกรฟัง พริมพยายามคาดคั้นให้ลุงดำ บอกว่าพ่อเป็นใคร แต่เขากลับบอกว่าไม่รู้ เท่าที่เธอจำได้ลุงดำเคยทำงานเป็น รปภ.ที่ห้างไดม่อน แต่ตอนนี้ห้างฯปิดไปแล้ว พริมก็เลยไม่รู้ว่าจะไปสืบต่อที่ไหน...

ที่ออฟฟิศของบริษัท P.PAUL สาขาประเทศไทยซึ่งตั้งอยู่บนชั้น 10 ของอาคารที่ทำการบริษัทอินทัช อินดัสทรี ขณะที่ภูรีกับอินทัชกำลังเดินดูความเรียบร้อย ภควัตแวะมาชวนอินทัชไปเป็นเพื่อน เพราะเขากำลังจะไปทำคะแนนกับพริม อินทัชสงสัยจะเอาตนไปทำไม เขาอยากให้อินทัชไปช่วยกันปริตากับบุสกรออกจากเธอ เขาจะได้มีเวลาส่วนตัวกับเธอเพื่อกล่อมให้เธอกลับมาทำรองเท้าเหมือนเดิม

“แกจะทำอะไรก็ระวังด้วยแล้วกัน อย่าลืมว่าแกมีน้องรักอยู่ในกรุงเทพฯหลายคน เกิดไปเจอคุณพริมเข้า เขาจะยิ่งโกรธพวกเรา” คำเตือนของภูรีทำให้ภควัตไม่ค่อยพอใจนัก

“เก็บเวลาของแกไว้ทำใจตอนแพ้ฉันดีกว่า ยังไงคุณพริมก็ต้องยอมกลับมาทำสิ่งที่เธอรักเพราะฉัน”

ooooooo

มอสออกาไนเซอร์เอาของที่ซื้อไว้สำหรับแต่งบูธขายน้ำพริกมาฝากไว้ที่บ้านพริม แล้ววานให้ปริตากับบุสกรช่วยกันขนเข้าบ้าน ส่วนตัวเองลากแขนพริมไปคุยอีกมุมหนึ่งเพื่อแจ้งให้เธอทราบว่าบารมีเรียกไปพบ และต้องการให้ไปเร็วที่สุด ถ้าจะให้ดีควรจะไปวันนี้เลย พริมติดต้องไปช่วยมอสคิดคอนเซปต์งาน

“ไม่ต้องห่วงจ้ะ เรื่องงานปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพี่กับนังสองคนนี้ น้องพริมไปทำธุระให้สบายใจเถอะ” ว่าแล้วมอสดึงแฟ้มเอกสารผลงานตัวเองออกจากกระเป๋ายัดใส่มือพริม ไหนๆไปแล้วฝากเธอเอาแฟ้มงานของตนติดไม้ติดมือไปวางบนโต๊ะคุณบารมีให้ด้วย เผื่อท่านมีงานเหลือๆโยนมาให้...

พริมค้นในกูเกิลดูภาพข่าวย้อนหลังพบว่า

ห้างไดม่อนที่ปิดตัวลงไปแล้วเป็นของครอบครัวบารมี   จึงตั้งใจจะไปพบกับท่านที่ออฟฟิศวันนี้เลย  เผื่อจะได้ข้อมูลเกี่ยวกับพ่อของเธอเพิ่มเติมโดยไม่ลืมเอาแบบร่างรองเท้าที่พ่อวาดให้แม่ติดตัวไปด้วย ระหว่างที่พริมกำลังข้ามถนนจะไปที่ออฟฟิศของบารมี มอสโทร.มาหา เธอหยุดเดินรีบควานหามือถือในกระเป๋า ไม่ทันดูว่าหยุดอยู่บนถนน รถของภูรีแล่นมาพอดีกระแทกเบรกตัวโก่ง

เสียงเบรกทำให้เธอตกใจโดดหลบ เสียหลักล้มลงข้อศอกกระแทกพื้นเลือดไหล ภูรีลงจากรถเข้าไปถามเธอว่าเป็นอย่างไรบ้าง พริมเงยหน้าขึ้นมาเจอเขาถึงกับอึ้งไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีก บอกว่าไม่เป็นไร เขาไม่สนใจหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับเลือดที่ข้อศอกให้

วิกกี้ที่ยืนรอภูรีมารับได้ยินเสียงเบรกรีบเข้าไปดู เห็นพริมมีเลือดออกเชิญเธอเข้าไปทำแผลข้างในก่อน

ครู่ต่อมา พริมมานั่งอยู่ในห้องรับแขกของออฟฟิศบารมี พยายามทำแผลที่ข้อศอกแต่ไม่ถนัด ภูรีเปิดประตูเข้ามาเห็นเธอเก้ๆกังๆ อาสาจะช่วยทำแผลให้ พริมยกแขนหลบ ขืนให้เขาทำ วิกกี้มาเห็นจะเข้าใจผิด

“วิกกี้ไม่ใช่คนใจแคบ...วิกกี้บอกผมว่าคุณมาพบคุณน้าบารมี รู้หรือยังว่าคุณน้าไม่อยู่ ออกไปหาลูกค้า”

“งั้นฉันกลับเลยดีกว่า” ว่าแล้วพริมขยับจะไป

ภูรีคว้าแขนเธอไว้ต่างฝ่ายต่างชะงัก มองสบตากันนิ่งงัน พริมได้สติก่อน ดึงแขนตัวเองออก ภูรีขอร้องอย่าเพิ่งไปยังทำแผลให้เธอไม่เสร็จ พริมยอมนั่งลงอย่างเดิม ปล่อยให้เขาทำแผลให้ โดยที่ทั้งคู่มองสบตากันเป็นระยะๆ

พัชราเดินคุยงานมากับสมรเห็นภูรีทำแผลให้

พริมอยู่ในห้องรับแขกก็ชักสีหน้าไม่พอใจ เป็นจังหวะเดียวกับวิกกี้เดินถือโทรศัพท์จะไปหาภูรี เจอแม่ที่หน้าห้องรับแขกพอดี พัชราถามเสียงเขียวว่าไปไหนมา เธอไปโทรศัพท์เลื่อนร้านอาหารที่จองไว้จะไปกินข้าวกับภูรี แต่เกิดอุบัติเหตุเสียก่อน พัชราอยากรู้ว่าพริมมาทำอะไรที่นี่ วิกกี้อึกอักไม่รู้จะตอบอย่างไร

“วิกกี้รู้ใช่ไหมว่าแม่ไม่ชอบคนโกหก”

ooooooo

เมื่อได้รู้เรื่องราวทั้งหมดจากวิกกี้ พัชราเข้าไปในห้องรับแขก ภูรีทำแผลให้พริมเสร็จพอดี พัชราบอกให้เขาไปหาวิกกี้ซึ่งรออยู่ที่ห้องทำงานของตน จะขอคุยกับพริมสักครู่หนึ่งก่อน ภูรีมองพริมด้วยความเป็นห่วงก่อนจะออกจากห้อง พอได้อยู่กันตามลำพัง พริมถามว่ามีธุระอะไรจะคุยกับตนหรือ

เป็นอย่างที่พริมหวั่นใจ พัชรากล่าวหาเธอว่าหากินจากลูกชายของตนไม่สำเร็จก็เลยเปลี่ยนแผนให้ว่าที่ลูกเขยของตนขับรถชนคิดจะเรียกค่าเสียหาย พริมโกรธแต่ต้องข่มอารมณ์เอาไว้ ปล่อยให้ถูกว่าอยู่ฝ่ายเดียวได้สักพัก เริ่มทนไม่ไหวลุกหนีออกมา พัชราไม่ยอมปล่อยให้เธอลอยนวล  ตามไปเอาเรื่องอีก สั่งให้พริมหยุด เสียงโวยวายของพัชราทำให้พนักงานทั้งออฟฟิศหันมอง

เสียงเอะอะทำให้วิกกี้กับภูรีเดินกลับมาดู เห็นพริมเดินตรงไปที่ลิฟต์ เขารีบเดินตาม วิกกี้รีบตามเขาไป

อีกทอดหนึ่ง จังหวะที่พริมเดินมาถึงโถงหน้าลิฟต์ บารมีกับเลขาฯเดินออกมาจากลิฟต์ตัวหนึ่งพอดี บารมีเห็นใบหน้างดงามของเธอทำให้เขานึกถึงใครบางคนขึ้นมาถึงกับหยุดกึก พัชราเห็นสามีตัวเองมองพริมไม่วางตาก็ไม่พอใจ จับแขนเธอเหวี่ยงร่างกระเด็นไปเข้าอ้อมกอดภูรีที่เดินมากับวิกกี้ ถึงกับร้องโอ๊ยลั่น

“สำออย...วิกกี้พาภูกลับไปที่ห้อง”

วิกกี้ไม่กล้าได้แต่ยืนมอง พริมรีบผละออกจากอ้อมกอดของภูรี บารมีขอร้องพัชราให้ใจเย็นๆ ค่อยพูดค่อยจากัน  ไม่อายคนอื่นบ้างหรือ เธอไม่มีอะไรต้องอาย คนที่ควรจะอายต้องเป็นนังนี่ แล้วประกาศห้ามพริม

มาที่ออฟฟิศนี่อีก วิกกี้ออกตัวว่าเป็นคนพาเธอมาเอง ครั้นบารมีรู้ว่าพริมเป็นผู้หญิงที่พงศกรทำมิดีมิร้ายสั่งให้เลขาฯเอาสมุดเช็คมาให้ เพื่อแสดงความรับผิดชอบในฐานะที่เป็นพ่อของพงศกร พัชราไม่ยอมให้เขาให้เงินพริม

“ถ้ามีใครทำไม่ดีกับลูกสาวเรา เราก็คงไม่ยอมเหมือนกัน” ว่าแล้วบารมีเอาปากกาจะกรอกตัวเลขลงในเช็ค พัชราแย่งไปกรอกเอง แล้วเขียนจำนวนเงินลงไป 1,000 บาท แล้วยื่นเช็คให้พริมรับไปจะได้ไสหัวไปให้พ้นๆ

“แต่พริมคิดว่าหนึ่งพันบาทไม่พอค่ะ พริมต้องการหนึ่งแสนบาท”

พัชราไม่ยอมจ่ายให้ ถ้าอยากได้ก็ให้ไปฟ้องเอาเอง ในเมื่อท้าทายกันเธอยินดีจัดให้ เดี๋ยวนี้มีมูลนิธิที่พร้อมช่วยเหลือสตรีที่ถูกรังแกหลายมูลนิธิโดยที่เธอไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย และเธอยังมีพยานบุคคลที่จะช่วยยืนยันความผิดของพงศกรอีกด้วย พัชรายิ้มเย้ย ขืนใครมาเป็นพยานให้จะลากคอเข้าคุกให้หมด

“ผมเป็นพยานให้คุณพริมได้ครับ” ภูรีออกหน้า พัชราโวยวายทำไมถึงเห็นคนอื่นดีกว่าตน เขาไม่ได้เห็นใครดีกว่าใคร แค่หวังดีกับพงศกร เขาเองอยู่ในเหตุการณ์ด้วยรู้เห็นทุกอย่าง

“ถ้ามีใครเข้าข้างพงศ์ให้พ้นจากความผิด พงศ์จะ ไม่เรียนรู้ เขาอาจจะไปทำแบบนั้นกับผู้หญิงอื่นอีก”

บารมีชิงตัดบท สั่งให้วิกกี้พาพัชราเข้าห้องไปก่อน พัชราก้าวมายืนประจันหน้ากับพริมตะคอกใส่ว่า

คิดผิดที่ริอ่านจะเป็นศัตรูกับตน แล้วเดินเชิดออกไป บารมีเซ็นเช็คให้พริมหนึ่งแสนบาทตามที่เธอต้องการ พร้อมกับขอโทษเธอแทนลูกชายตัวเองอีกครั้ง พริมไหว้เขา แล้วรับเช็คไป บารมีมองตามเธอที่เดินจากไปอย่างไม่วางตาเพราะคุ้นหน้าเหลือเกิน ภูรีเห็นอาการของเขาก็อดสงสัยไม่ได้...

ฝ่ายพัชราเดินปึงปังเข้ามาในห้องทำงาน วิกกี้ที่ตามเข้ามาขอร้องท่านอย่าไปโกรธพริมเลย พัชราแว้ดใส่ให้เลิกเข้าข้างมันสักที ไม่เห็นหรือว่าภูรีเองก็เข้าข้างมัน วิกกี้เห็นด้วยกับที่เขาพูด พัชราปรี๊ดแตกตบเธอเต็มแรง

“ถ้าแกยังโง่อยู่แบบนี้ สักวันแกจะโดนมันแย่งภูไป”...

บารมียังนึกถึงใบหน้าของพริมไม่เลิกช่างละม้ายใครคนหนึ่งมาก พลันภาพในอดีตเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว ผุดเข้ามาในความทรงจำของเขา ตอนนั้นเป็นครั้งแรกที่ได้เจอกับพาพรซึ่งมีร้านตัดเย็บรองเท้าร้านเล็กๆ

และเขายังได้เจอกับลุงดำอีกด้วย บารมีนึกถึงอดีตก็ยิ่งเศร้า ไม่รู้ป่านนี้พาพรจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร...

พริมเอาเงินที่ได้จากบารมีแบ่งออกเป็นสองส่วนเท่าๆกัน ส่วนแรกยกให้ปริตาเอาไว้เป็นค่ายากับค่ารักษาพยาบาลพ่อของเธอ ส่วนที่สองพริมยกให้บุสกรไว้เป็นค่าซ่อมหลังคาบ้านครู บุสกรแปลกใจในเมื่อพริมไม่อยาก ได้เงินจากทางนั้น แล้วไปรับมาทำไมให้เขาดูถูก

“ต่อให้ฉันไม่รับ เขาก็ไม่ได้มองฉันดีขึ้น สู้ฉันรับมาทำประโยชน์ให้คนอื่นต่อไม่ดีกว่าเหรอ”

ooooooo

อ่านละคร เสน่ห์รักนางซิน ตอนที่ 5 วันที่ 29 เม.ย.61

บทประพันธ์โดย จันทริกา
กำกับการแสดงโดย สมจริง ศรีสุภาพ
ผลิตโดย บริษัท กู๊ด ฟิลลิ่ง จำกัด
ช่องออกอากาศ สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ