อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 3 วันที่ 21 เม.ย.61

อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 3 วันที่ 21 เม.ย.61

“มิบังควรยกทัพพระเจ้าข้า” เสียงอะแซหวุ่นกี้แย้งขึ้น พระเจ้ามังระถามว่าเหตุใดถึงเห็นว่าไม่ควรยกทัพ “แม้เราจะสิ้นศึกในแล้วแต่อาณาประชาราษฎร์ยังอ่อนล้าจากการทำศึกมานานปี จึงควรให้พักผ่อนฟื้นกำลังมากกว่าเร่งทำศึกต่อ อีกประเทศอังวะเราได้เปรียบอโยธยาอยู่ห้าข้อ  จึงไม่จำเป็นต้องออกศึกในเพลานี้พระพุทธเจ้าข้า”

พระเจ้ามังระถามว่าห้าข้อมีกระไรบ้าง ข้อหนึ่งอะแซหวุ่นกี้เปรียบเทียบให้เห็นข้อได้เปรียบและเสียเปรียบในการปกครองประเทศว่าอังวะได้เปรียบอโยธยาอยู่มาก ข้อสอง ขุนนางอโยธยาเกณฑ์แรงงานไปเพื่อประโยชน์ส่วนตน จึงทำให้เสื่อมทรุดเป็นช่องทางให้เกิดการฉ้อราษฎร์บังหลวงยิ่งขึ้นไปอีก ข้อสาม เหล่าขุนนางของ อโยธยาชิงดีชิงเด่นแบ่งพรรคแบ่งพวกกันมากขึ้น ทำให้อโยธยาอ่อนแอลงทุกที ข้อสี่ อโยธยาเก็บภาษีไม่เป็นธรรม แม้แต่ผักบุ้งก็ยังเก็บภาษี ทำให้ราษฎรเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า



พระเจ้ามังระชมว่าพิเคราะห์ได้ดี ถามว่าแล้วข้อห้าเล่า อะแซหวุ่นกี้ยิ้มเจ้าเล่ห์ทันที...

“นับแต่ศึกคราก่อนเราก็มีไส้ศึกฝังตัวอยู่ในอโยธยา แลทุกวันนี้ก็ยังทำหน้าที่ไส้ศึกให้เราอย่างดี กล่าวได้ว่าเรารู้ความเป็นไปของอโยธยากระจ่างดั่งนิ้วในฝ่ามือพระพุทธเจ้าข้า”

พระเจ้ามังระถูกใจการพิเคราะห์ของอะแซหวุ่นกี้มากยิ่งเชื่อมั่นว่าถึงคราวรบจริงต้องชนะแน่นอน

ooooooo

ที่ตำหนักกรมขุนวิมล เจ้าจอมอำพันกำลังถอดกลบทของเจ้าจอมเพ็ญหน้าดำคร่ำเครียด แต่กลบทคราวนี้ยากมากเพราะเจ้าจอมเพ็ญให้พระยาพลเทพช่วยทำให้พวกกรมขุนวิมลมืดแปดด้านไม่รู้จะถอดยังไง

เจ้าจอมเพ็ญนั่งดูอยู่อย่างสะใจซ้ำเยาะเย้ยเจ้าจอมอำพัน ถามกรมขุนวิมลว่าจะให้ตนเฉลยดีไหม กรมขุนวิมลขอแก้ก่อน ถ้าแก้ไม่ได้ก็จะยอมแพ้ เจ้าจอมเพ็ญ ทำทีลูบท้องทูลลากลับเพราะพระพุทธเจ้าในครรภ์คงไม่ทรงโปรดให้นั่งหรือยืนนานๆ

เมื่อเจ้าจอมเพ็ญไปแล้ว กรมขุนวิมลปรารภกับเจ้าจอมอำพันว่ากลบทของเจ้าจอมเพ็ญครานี้พิสดารนักเห็นทีคงต้องยอมแพ้ แต่เจ้าจอมอำพันเห็นความเหิมเกริมของเจ้าจอมเพ็ญแล้วบอกว่าเราจะยอมแพ้มิได้เด็ดขาด ฉุกคิดถึงแมงเม่าว่าเป็นคนมีไหวพริบ น่าจะแก้กลบทนี้ได้

กรมขุนวิมลจึงให้หลวงศรีมะโนราชไปรับเข้าทางท้ายวัง เกรงว่าหากเจ้านายพระองค์ใดเห็นเข้าจะต้องพระทัยเพราะแมงเม่ายิ่งโตยิ่งงาม

หลวงศรีมะโนราชไปถึงบ้านมิ่ง พวกทาสหญิงแอบดู ถูกหลวงศรีมะโนราชตวาดว่าดูกระไร เห็นตนเป็นตัวประหลาดหรืออย่างไร แมงเม่าไม่พอใจที่หลวงศรีมะโนราชมาตวาดคนของตน จำได้ว่าออกหลวงผู้นี้เคยใช้หางกระเบนเฆี่ยนผลและเกือบเฆี่ยนตนด้วย จึงแกล้งทำเป็นปวดท้องกะทันหัน เห็นทีจะเข้าเฝ้ากรมขุนท่านมิได้เสียแล้ว บอกอินให้หากระดาษกับพู่กันให้ที ตนจะเขียนหนังสือขอประทานอภัยกรมขุนท่าน

กรมขุนวิมลอ่านจดหมายของแมงเม่าที่เขียนฟ้องว่า...หลวงศรีมะโนราชดุร้าย ตะคอกพ่อและบ่าวไพร่ในเรือนตนอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน ตนจึงไม่กล้ามาเฝ้าเสด็จด้วย ขอเสด็จทรงโปรดประทานอภัยให้ด้วย

กรมขุนวิมลอ่านจดหมายแล้วจึงให้หลวงศรีขันทินไปรับแมงเม่าแทน แมงเม่ามาเห็นบทกลอนแล้วบอกว่าพิสดารเหลือเกิน กรมขุนวิมลบอกว่าไม่เร่งรัด หากจำเป็นต้องค้างก็ฝากคุณท้าวโสภาด้วย แต่คุณท้าวโสภามีเวรที่ตำหนักแดงจึงไหว้วานหลวงศรีขันทินไปแทน

ระหว่างนั้นเจ้าจอมอำพันคุยกับกรมขุนวิมลเรื่องเจ้าคุณสีหะราชเดชะมาตายที่ท้ายวัง พอแมงเม่ารู้ว่าคนที่ให้กลักตนเป็นพระยาที่มีคดีติดตัวก็ยิ่งกังวล

ระหว่างทางที่ขันทองพาแมงเม่าไปส่งที่เรือนคุณท้าวโสภา เจอพวกโขลนหญิงที่เป็นตำรวจวังพากัน หัวเราะคิกคักทักขันทองว่า “พ่อปันหยี วันนี้มาถึงที่นี่เชียวหรือจ๊ะ”

ขันทองโดนแซวก็เขิน แมงเม่าตะลึงแล้วทวนขำๆ “พ่อปันหยี” ฉายาน่ารักของขันทอง พลันก็ทำหน้ากระอักกระอ่วนบอกขันทองว่าปวดเบาจะราดอยู่แล้ว ขันทองจึงพาไปที่ “ศรีสำราญ” สถานที่ให้คนที่อยู่ในวังปลดทุกข์หนักทุกข์เบา

ขณะนั้นเองพวกข้าหลวงเห็นขันทองก็รีบเข้าไปหาด้วยความตื่นเต้น ถามว่าคุณหลวงปันหยีมาที่นี่ได้อย่างไร ขันทองบอกว่าตนพาแมงเม่าคนของกรมขุนวิมลมาส่ง พลางเร่งแมงเม่าให้รีบเข้าศรีสำราญเสีย

“วุ้ย แม่คนนี้ก็มีบุญนะเจ้าคะ คุณหลวงปันหยีถึงกับต้องมาคอยหน้าศรีสำราญด้วยตัวเอง”

“ดีนะเจ้าคะที่คุณหลวงเป็นขันที หากเป็นชายแท้แต่ต้องมายืนอยู่หน้าศรีสำราญเช่นนี้ จะเอาหน้าไปไว้ที่ใด แทรกแผ่นดินหนียังน้อยเกินไปเลยเจ้าค่ะ” อีกคนแซวแล้วหัวเราะกันคิกคัก ขันทองฟังแล้วอายมาก

ooooooo

ขันทองพาแมงเม่ามาฝากไว้กับเป้า ข้าหลวงที่มีหน้าที่รับใช้คุณท้าวโสภา เป้าจัดห้องให้แมงเม่าแล้วจึงไปยกสำรับมาให้

แมงเม่าถอดกลบทไม่ได้จึงออกจากห้องบอกเป้าว่าจะไปเดินเล่น เป้างงมากที่ค่ำมืดอย่างนี้แมงเม่าจะไปเดินเล่น เพราะไม่มีใครทำกัน แมงเม่าหัวเราะบอกว่าถือว่าตนทำเป็นคนแรกก็แล้วกัน เป้ามองงงๆแต่ลึกๆแล้วก็นึกชมความกล้าคิดกล้าทำของแมงเม่า

ขันทองออกจากเรือนพักเดินไปตามทางเดินในวังถูกพระยากำแหงยกดาบฟันทั้งฝัก แต่ขันทองรับไว้ทัน พระยากำแหงบอกว่าเห็นเงาตะคุ่ม นึกว่าโจรเลยฟัน ขันทองแกล้งทำเป็นเจ็บนิ้วที่ถูกฟัน

ขณะนั้นเองมีเสียงเหมือนของตกน้ำ ขันทองบอกว่าเสียงมาจากอ่างแก้ว พวกทหารขวัญหนีดีฝ่อ เชื่อว่าเป็นผีคุณท้าวสาลิกามาฆ่าตัวตายให้คนเห็นอีกแล้ว เพราะลือกันว่าผีสาลิกาเฮี้ยนนัก

พระยากำแหงปรามว่าที่นี่เป็นพระบรมมหาราชวังผีที่ไหนจะกล้าเข้ามา แล้วเดินนำไปดู พระกำแหงกวาดตามองไปบอกว่าไม่เห็นมีอะไร แต่ทหารเห็นเงาเป็นร่างหญิงผมยาวสยายอยู่ริมอ่างแก้วยิ่งตกใจกลัว ขันทองแย่งตะเกียงจากทหารส่องไปที่ “ผีผู้หญิง” จึงเห็นเป็นแมงเม่า!

แมงเม่าบอกว่าตนแก้กลบทไม่ออกเลยมาเดินเล่นแลเห็นสระใหญ่อยู่ก็เลยนั่งคิดต่อ แลปาก้อนหินลงสระไปเล่นๆ มิได้มีเจตนาให้ผู้ใดหวาดกลัว

ขันทองดุว่าที่นี่ไม่ใช่เรือนของเจ้าที่จะออกมาเดินทอดน่องตามใจชอบดึกดื่น พระยากำแหงต้องตาความงามน่ารักของแมงเม่า ช่วยแก้ให้ว่าแม่หญิงผู้นี้ไม่รู้กฎระเบียบในวังอย่าดุเลย แล้วหันไปยิ้มบอกแมงเม่า

“แต่ต่อไปเจ้าก็อย่าทำเช่นนี้อีก หากไปเจอพวกทหารยามเข้าจะถูกลงโทษเอา”

“ไม่กล้าแล้วเจ้าค่ะท่านเจ้าคุณ” แล้วหันมองขันทองหน้าง้ำพูดเหน็บ “โดนดุด่าราวกับไปฆ่าใครตาย ฉันเข็ดแล้วล่ะเจ้าค่ะ” ขันทองถามว่าก็แล้วมันควรโดนดุหรือไม่เล่า “ไม่ควรเจ้าค่ะ ท่านเจ้าคุณยังพูดกับฉันดีๆเลย คุณหลวงก็ควรจะพูดกับฉันดีๆบ้าง ฉันทำไปเพราะไม่รู้ นะเจ้าคะ จะโกรธเคืองกระไรนักหนา...พ่อปันหยีเอ๊ย...”

แมงเม่าเรียกล้อขันทองจนพระยากำแหงถึงกับกลั้นขำไม่อยู่ แมงเม่าเห็นพระยากำแหงขำก็พลอยขำไปด้วย ขันทองถลึงตาไม่พอใจแต่พูดไม่ออก พระยากำแหงกลั้นขำบอกว่า

“ไม่มีกระไรแล้ว เจ้ากลับเรือนคุณท้าวโสภาเถิด เอ่อ...แลหากอยากเดินเล่นเช่นนี้ก็บอกฉันได้ ฉันจะเดินเป็นเพื่อน จะได้ไม่วุ่นวายเช่นนี้อีก”

แมงเม่าไหว้ขอบพระคุณแล้วเดินเลี่ยงไป ขันทองเดินตามไป พระยากำแหงมองตามด้วยแววตากรุ้มกริ่มที่แมงเม่าไม่เพียงแต่สวย น่ารัก หากยังมีชีวิตชีวาอย่างที่ตนไม่เคยเจอมาก่อนด้วย...

ระหว่างเดินกลับเรือนคุณท้าวโสภา ขันทองเดินลิ่วไม่รอ แมงเม่าตัดพ้อว่าเดินมืดๆแบบนี้ตนล้มหัวร้างข้างแตกไปคุณหลวงจะ...

ขันทองหยุดกะทันหันแมงเม่าเลยชนเข้าอย่างจังบ่น “อุ๊ย...หยุดก็ไม่บอก”

“ฉันไม่เคยพบเคยเห็นหญิงใดเจื้อยแจ้วช่างจำนรรจาอย่างเจ้ามาก่อน ฉันสงสัยนักว่าถ้าเจ้าเลิกพูดแล้วตามมาเงียบๆจะอกแตกตายหรือกระไร” แมงเม่าขำกิ๊ก เลยโดนดุซ้ำ “ฉันไม่ได้พูดให้เห็นเป็นเรื่องขำ เจ้าจะหัวเราะทำกระไร”

แมงเม่าเปลี่ยนเป็นยิ้มบอกว่ากลัวคุณหลวงโกรธ เอ่ยยอกย้อนล้อเลียนว่า “ฉันก็ไม่เคยพบเห็นผู้ใดโกรธเคืองได้น่าเอ็นดูเท่าคุณหลวงมาก่อนเลยเจ้าค่ะ”

“ยังจะมาย้อนอีกรึ ฉันโกรธก็เพราะสิ่งที่เจ้าทำน่ะแหละ”

อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 3 วันที่ 21 เม.ย.61

ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว บทประพันธ์โดย วรรณวรรธน์
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว บทโทรทัศน์โดย เอกลิขิต
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว กำกับการแสดงโดย กิตติศักดิ์ ชีวาสัจจาสกุล
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ผลิตโดย บริษัท ทีวีซีน จำกัด
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ออกอากาศทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ