อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 4 วันที่ 24 เม.ย.61

อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 4 วันที่ 24 เม.ย.61

แมงเม่าเข้าไปกราบกรมขุนวิมลแต่เช้า

สารภาพว่ายังหาทางแก้กลบทไม่ได้ กรมขุนวิมลถามว่า จะยอมแพ้แล้วหรือ เจ้าจอมอำพันเองก็ถอนใจว่า

ตนก็สิ้นปัญญาแล้วเหมือนกัน

แต่พอกรมขุนวิมลให้คุณท้าวโสภาไปเชิญ

เจ้าจอมเพ็ญมา แมงเม่าก็รีบบอกว่าตนยังไม่ยอมแพ้

แต่ขอเวลาอีกกึ่งวัน ถ้าบ่ายแล้วยังแก้กลบทไม่ได้ก็จะ



ยอมแพ้ ยอมรับว่า

“กลบทนี้ยากเย็น เพราะไม่รู้ตัวใบ้เจ้าค่ะ หากเราจับได้ว่าตัวใบ้คือกระไร หม่อมฉันมั่นใจว่าสามารถแก้ได้เจ้าค่ะ”

กรมขุนวิมลย้ำว่า “ถ้าถึงกำหนดแล้วเจ้าจะบ่ายเบี่ยงอีกไม่ได้นะ มิเช่นนั้นจะเสื่อมเสียมาถึงฉันด้วย”

“เพคะ” แมงเม่าสีหน้าแววตามุ่งมั่นมาก

แมงเม่าออกไปหน้าตำหนักเจอขันทองมารอรับ แล้ว ขันทองบ่นว่าไม่มีกระไรอยู่ในหัวแม้แต่น้อยยังกล้าไปทูลขอเวลาท่านอีก ถามว่าคิดมาทั้งคืนมีสงสัยที่ใดบ้าง แมงเม่าบอกว่ารูปดอกบัว เชื่อว่าดอกบัวต้องบอกใบ้

ถึงกระไรสักอย่างแต่คิดไม่ออก

แมงเม่าพูดไม่ทันจบท้องก็ร้องโครกครากทำเจ้าตัวขายหน้ามาก แก้เกี่ยวว่ามัวแต่จดจ่อกับการแก้กลบทไม่รู้สึกหิวแต่พอเข้าเฝ้าเสร็จก็หิวขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ ขันทองจึงพามากินอาหารที่เรือน และแกล้งใช้ให้เยื้อน

ออกไปซื้อเครื่องหอม

เมื่อแมงเม่ากินอาหารอิ่มแล้ว ขันทองถามว่า อีกไม่นานก็จะเพลแล้ว ขอเวลากรมขุนท่านไว้ถึงบ่ายไม่ใช่หรือ แมงเม่าถามว่าออกหลวงมีกระไรจะพูดก็พูดมาเถอะ ขันทองถามว่าจะให้ตนช่วยหรือไม่ มีข้อแม้ว่า

“ถ้าตกลงก็ต้องสัญญามาก่อนว่าจะไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกใคร แลห้ามมิให้ใครรู้เด็ดขาดว่าฉันช่วยเจ้า”

แมงเม่ารีบรับคำและเอากลอนกลบทออกมาให้ขันทองดู ขันทองถามว่าเจ้าเห็นกระไรในกระดาษ แมงเม่าบอกว่าเห็นตารางกลีบดอกบัว ขันทองยิ้มบอกว่าแต่ตนเห็นแต่ตารางหมากรุก

ขันทองชี้ให้เห็นว่า “ดูให้ดี กลอักษรบางอันเจ้าโจทย์ตั้งขึ้นมาก็เพื่อเป็นกลลวงแต่แรก หากมองภาพก็ย่อมหลงที่กล” แมงเม่าฉุกคิดได้บอกว่าดอกบัวเป็นตัวหลอก จุดที่บอกใบ้คือตารางหมากรุก

ขันทองชมว่าฉลาด อธิบายว่าหมากรุกแต่ละตัวมีทางเดินของมันเอง หลักใหญ่ของกลอักษรคือถอดตัวซ้ำ ย้ำตัวเดินหน้า ย้ำถอยหลัง พ้องบังคับ ครุ ลหุ

ในที่สุดแมงเม่าก็ถอดกลบทได้ เมื่อนำกลับไป อธิบายให้กรมขุนวิมลฟัง โดยมีเจ้าจอมอำพันกับเจ้าจอมเพ็ญฟังอยู่ด้วย กรมขุนวิมลยิ้มพอใจอ่านออกเสียง

ให้ฟังกัน...

“พรโพยมแจ่มแจ้ง โพยมพร

แผ้วผ่องกลางอัมพร ผ่องแผ้ว

ดาษดาวดาสลอน ดาวดาษ

ล้อมแวดดาวเดือนแพร้ว แวดล้อมเดือนดาว”

กรมขุนวิมลชมว่าเก่งมาก ส่วนเจ้าจอมเพ็ญ

ฟังแล้วเจ็บใจแต่แสร้งยิ้มชมว่าเก่งมาก ฉุกคิดได้ถามว่า

“บุตรสาวเจ้าของโรงกระดาษ เจ้าคงเป็นแม่แมงเม่าที่เสด็จท่านทรงเอ็นดูให้ใช้พระนามกระมัง”

พอแมงเม่ารับว่าใช่ เจ้าจอมเพ็ญทำเป็นยิ้มหวานแต่ในใจคิดว่า ในที่สุดก็เจอตัวคนที่ได้กลักและหนังสือลับไปแล้วอย่างง่ายดาย

เมื่อได้เวลา ขันทองมารับแมงเม่ากลับ ข้าหลวงบอกว่าแมงเม่าเพิ่งออกไปกับเจ้าจอมเพ็ญเมื่อครู่นี้เอง เพราะเจ้าจอมเพ็ญพอใจที่แมงเม่าแก้กลอักษรได้จึง

พาไปประทานรางวัลให้

เจ้าจอมเพ็ญให้จัดขนมหวานทั้งทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทองให้แมงเม่าบอกให้กินเสีย ขนมหวานพวกนี้ไม่ใช่จะหากินได้ง่ายๆ นอกจากนี้ยังเอากระจกจากเมืองฝาหรั่งให้เป็นรางวัลที่แก้กลบทของตนได้

แมงเม่าชะงักเมื่อเห็นด้านหลังกระจกแกะสลักเป็นรูปลายผีเสื้อลายเดียวกับที่อยู่บนกลัก เจ้าจอมเพ็ญบอกว่าลายผีเสื้อนี้เป็นลายประจำตัวของตน ของใช้ทุกชิ้นของตนก็สลักลายนี้ไว้

เจ้าจอมเพ็ญยื้อแมงเม่าไว้คุยเหมือนเมตตามาก แต่แท้จริงมีแผนการบางอย่าง นั่นคือให้เลื่อนแอบไปที่เรือนคุณท้าวโสภาที่แมงเม่าพัก เข้าไปค้นในห้องหมายจะพบสิ่งที่ต้องการแต่ไม่ได้อะไร ซ้ำยังถูกเป้ามาเจอเลยต้องแก้ตัวพัลวัน แต่ทั้งเป้าและคุณท้าวโสภาไม่เชื่อเลยสักนิด

ขันทองยังยืนกระวนกระวายอยู่หน้าตำหนักเจ้าจอมเพ็ญไม่กล้าเข้าไปเพราะมีโขลนเฝ้าอยู่และเจ้าจอมสั่งห้ามทุกคนเข้า จึงต้องรออยู่ข้างนอก

แมงเม่าออกมาเจอ บอกว่าออกหลวงอย่าห่วง

ตนเลยเจ้าจอมไม่ได้โกรธเคืองที่ตนแก้กลบทได้ หากยัง

ประทานกระจกฝาหรั่งมาเป็นรางวัลให้อีก พลางเอากระจกออกมาอวด ขันทองบอกว่าอย่าเข้าใจผิดว่าตนห่วงใย

ที่มารับเพราะกรมขุนวิมลท่านสั่งไว้

แมงเม่าตีแขนขันทองเบาๆบอกว่าห่วงก็ไม่เห็นเป็นไร ถูกขันทองเตือนว่า

“เจ้าเป็นหญิงไม่ควรแตะต้องเนื้อตัวชาย”

“แต่ออกหลวงไม่ใช่ผู้...” แมงเม่าหยุดกึกยกมือไหว้ “ขอประทานโทษเจ้าค่ะ” ขันทองบอกว่าถึงพูดตนก็ ไม่โกรธ แมงเม่าสัญญาว่าต่อไปจะแก้ไขความปากไวของตนไม่ทำให้ออกหลวงไม่สบายใจแล้วเดินกลับด้วยกัน

ooooooo

พระยาพลเทพตกใจที่แมงเม่าแก้กลบทได้

ซ้ำนางเลื่อนยังไปค้นห้องพักของแมงเม่าที่เรือนคุณท้าวโสภาไม่ได้อะไรอีก เจ้าจอมเพ็ญคาดว่าของอาจจะอยู่ที่เรือนแมงเม่ามากกว่า

เจ้าจอมเพ็ญกังวลว่าแมงเม่าแก้กลบทของพระยาพลเทพได้ก็จะแก้กลบทในหนังสือลับได้ ครั้นจะฆ่าเสียก็เกรงกรมขุนวิมล ถามว่าท่านเจ้าคุณเห็นควร

ทำอย่างไร พระยาพลเทพเห็นควรหาแผนไว้สำหรับการนี้

คืนนี้แมงเม่าเอาลายผีเสื้อบนกระจกเทียบกับบนกลักให้ม่วงดูว่าเหมือนกัน แมงเม่าเชื่อว่าเจ้าจอมเพ็ญต้องเกี่ยวข้องกับการตายของเจ้าคุณสีหะราชเดชะเป็นแน่ ม่วงตกใจกลัวแมงเม่าจะได้รับอันตรายบอกให้ทำลายกลักนี้เสีย แมงเม่าฟังแล้วเครียดหนัก

เช้านี้ออกพระราชาข่านเอายาลดกำหนัดมาให้ขันทองกินเพราะจะมีการเสด็จประพาสป่า ฝ่ายในจะตามเสด็จด้วยเกรงขันทองจะควบคุมตัวเองไม่ได้ ขันทองไม่อยากกินเพราะกินแล้วอาเจียนเวียนหัว

จะทำงานไม่ได้ และหากตามหมอมารักษาความก็จะแตกอีก

ออกพระราชาข่านไม่พอใจบอกขันทองว่า ทำตามที่พูดก็แล้วกัน ถ้าดีแต่ปากระวังคอบนบ่าไว้เถิด พูดเสร็จเห็นเยื้อนฟังอยู่ก็ตกใจเดินกระแทกเท้าลงเรือนไป ขันทองถามแน่นว่าเรื่องที่ตนให้ไปจัดการ เรียบร้อยไหม แน่นบอกว่าเรียบร้อยแค่สับเปลี่ยนให้ขันทองออกไปซื้อของที่นอกวังและสืบหาหลักฐานจากลูกสาวเศรษฐีมิ่ง

ขันทองมั่นใจว่า การที่พระยาพลเทพจะฆ่าพันหาญปิดปาก เพราะเป็นลูกน้องเก่าของพ่อก็มิพักต้องสงสัยว่าต้องเกี่ยวกับการตายของพ่อแน่นอน และคงไม่ต้องตีความอะไรอีกว่าไส้ศึกของอังวะในศึกอลองพญาเป็นใคร และของที่พระยาพลเทพอยากได้นักหนาจากแมงเม่าก็ไม่พ้นต้องเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกเช่นกัน

แน่นติงว่าวิสัยหญิงจะเก็บสิ่งที่ตนไม่ต้องการไว้หรือ ยิ่งรู้ว่าจะเป็นภัยแก่ตนก็น่าจะทิ้งไปเสียนานแล้ว

“ไม่ดอก เจ้าแมงเม่าไม่เหมือนหญิงอื่นใดที่ข้าเคยพบ ถ้าไม่รู้ว่าของที่ตนได้ไปคือกระไร เจ้าแมงเม่าไม่มีทางทิ้งไปเป็นอันขาด” ขันทองมั่นใจ

ooooooo

ฝ่ายพระยากำแหง วันนี้เอารางวัลของกรมขุนวิมลและบรรดาเจ้าจอมที่อยู่ในฝ่ายเดียวกันไปมอบให้แมงเม่าที่เรือน

เศรษฐีมิ่งตื่นเต้นดีใจมากที่ไพร่อย่างตนมีพระยามาเยือนถึงเรือน ซ้ำพูดเป็นนัยฝากตัวเป็นเขยด้วย มิ่งถึงกับเพ้อว่าถ้าแมงเม่าออกเรือนไปคงไม่แคล้วได้เป็นคุณหญิงที่สาวที่สุดในอโยธยา

ฝ่ายแมงเม่าก็ยิ้มแย้มแจ่มใสจนทุกคนคิดว่ามีใจให้พระยากำแหงเช่นกัน แต่ที่แท้แมงเม่าอึดอัดกังวลที่พูดดีด้วยเพราะท่านดีกับตนก่อน

แต่แมงเม่าก็อารมณ์ดีขึ้นมาทันทีเมื่อขันทองที่ไปซื้อของเสร็จแล้วพายเรือมาที่เรือนมิ่งเพราะยังไม่อยากกลับวัง แมงเม่าเห็นขันทองใส่ชุดชาวบ้านและยังใส่งอบก็ถึงกับขำกิ๊ก...

แมงเม่าลงเรือที่ขันทองพายไปในคลองที่เงียบสงบ พลางเล่าว่าตนไม่ได้ผ่านคลองนี้มานานแล้วนับแต่ถูกดักทำร้ายคราวก่อน ดีแต่ว่ามีคนมาช่วยไว้เลยรอดมาได้ ตนอยากจะลากคอพวกมันไปตีตรวนแต่มีเหตุสำคัญบางอย่างทำให้จำต้องนิ่งเสียเพราะไม่ได้เกี่ยวกับชีวิตตนคนเดียว แต่อาจรวมถึงชีวิตของตระกูลตนทั้งหมดก็เป็นได้

ขณะแมงเม่ากำลังจะเล่าต่อก็เห็นสิ่งหนึ่งลอยมาตุ๊บป่องๆ ขันทองใช้พายพลิกดูกลายเป็นศพชายคนหนึ่ง แมงเม่าตกใจสุดขีดโผกอดซุกหน้ากับอกขันทองแน่น ขันทองตกใจที่เห็นศพ แต่ตกใจและประหม่ายิ่งกว่าที่ถูกแมงเม่ากอดซบอก!

เพื่อมิให้กระทบถึงขันทอง แมงเม่าจึงไปแจ้งพบศพที่กรมเวียงแต่เพียงผู้เดียว พระยากำแหงเจอแมงเม่าที่กรมเวียงจึงพามาส่งที่เรือน ระหว่างทางแมงเม่าถามว่าท่านรู้จักผู้ตายหรือไม่ พระยากำแหงบอกว่าไม่รู้จัก คงจะเป็นพวกนักเลงหัวไม้ฆ่ากันเอง

แต่พอกลับมาประชุมที่ทิมมหาดเล็ก พระยากำแหงแจ้งว่าได้รับคำยืนยันจากกรมเวียงและกลาโหมว่าคือศพของหมื่นชำนาญไพรสนธ์ อุปนิกขิตที่กลาโหมที่ส่งเป็นสายอยู่ทางหัวเมืองด้านตะวันตกมานานปี แลเพิ่งกลับอโยธยาเมื่อบ่ายนี้เอง

พระยากำแหงพิเคราะห์ว่าการตายของหมื่นชำนาญเป็นไปได้ที่ว่าเพราะฐานะอุปนิกขิตถูกเปิดเผย พระยากำแหงย้ำปรามว่าขันทีเป็นกลุ่มเดียวที่จารบุรุษจะลอบเข้ามาได้โดยง่ายพลางปรายตาไปทางขันทอง แต่ขันทองก็สงบนิ่งหน้าเฉยไร้พิรุธ

เจ้าจอมเพ็ญบอกขันทองว่าไปประพาสป่าครั้งนี้ตนจะไปด้วย เพราะเกรงคนอื่นจะแย่งเอาหน้าและให้ขันทองชักชวนแมงเม่าไปด้วยเพราะฝ่ายในเราคงมีการประชันกลบทกันเหมือนทุกคราว แมงเม่าเฉลียวคิดว่า

เหตุใดกรมขุนวิมลจึงไม่ชักชวนเอง แต่มิ่งกับชื่นเห็นว่าเจ้าจอมท่านชวนมาก็อย่าบิดพลิ้ว หาไม่จะเป็นการไม่เคารพ แมงเม่าจึงไม่มีทางบ่ายเบี่ยง

7-8 วันต่อมา ที่หน้าตำหนักเจ้าจอมเพ็ญ ขบวนตามเสด็จประพาสของเจ้าจอมเพ็ญก็เคลื่อนออกจาก

หน้าตำหนักเจ้าจอมเพ็ญอย่างยิ่งใหญ่อลังการ เจ้าจอมเพ็ญนั่งเสลี่ยงไปราวกับนางพญา...

ooooooo
ในป่าที่ไม่ไกลจากอยุธยามากนัก...กระโจม

ของฝ่ายในอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ที่เพิงพักชั่วคราว ออกพระราชาข่านกำลังประชุมจัดงานและวางกำลังกันอยู่

ออกพระราชาข่านให้ขุนรักษ์เทวาคอยประสานกับทุกฝ่าย หลวงศรีมะโนราช ขุนเทพชำนาญ ขุนเทพรักษา ให้คอยดูที่หลับที่นอนและการอยู่กินของเหล่าโขลน

แลข้าหลวงทุกคน ส่วนหลวงศรีขันทินกับขุนจิตใจภักดิ์

ให้ตามเสด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวคอยถวายรับใช้

หลวงศรีมะโนราช ขุนเทพชำนาญและขุนเทพรักษาไม่พอใจที่คราวก่อนหลวงศรีขันทินก็ตามเสด็จแล้ว

คราวนี้ก็น่าจะเปลี่ยนบ้าง ขุนรักษ์เทวารำคาญบ่นว่าเรื่องเล็กน้อยเพียงนี้ไม่รู้จะแย่งกันไปเพื่อกระไร

หลวงศรีมะโนราชขอความเป็นธรรมแก่พวกตนบ้าง ขันทองจึงเสนอว่าเช่นนั้นตนอยู่ดูแลฝ่ายในเองก็ได้

“ไม่ได้ คำสั่งต้องเป็นคำสั่ง” ออกพระราชาข่านเสียงเฉียบขาดทั้งที่ไอโขลกๆ ขณะนั้นเองโขลนคนหนึ่ง

เข้ามาบอกว่า กรมขุนวิมลให้มาตามพ่อปันหยีเข้าเฝ้า บอกว่าทรงอยากให้พ่อปันหยีเป็นคนดูแลความเรียบร้อยของฝ่ายใน

กรมขุนวิมลบอกขันทองว่าทรงเป็นห่วงแมงเม่า เพราะจู่ๆแม่เพ็ญก็ให้แมงเม่ามาด้วย แต่แม่เพ็ญไม่ได้ทำผิดอะไร จะห้ามก็ไม่ได้ จึงขอฝากคุณหลวงด้วย แต่ระวังอย่าให้เจ้าแมงเม่าไปที่ฝ่ายหน้าเด็ดขาด

เจ้าจอมอำพันหัวเราะคิก ติงว่าเสด็จทรงห่วงแมงเม่าเหลือเกิน อันที่จริงน่าจะถามเจ้าตัวก่อน แม่แมงเม่าอาจจะอยากเป็นหม่อมห้ามก็ได้

“ถ้าอยากเป็นจริง ฉันถวายไปเสียนานแล้ว ฉันเห็นเจ้าตัวดีนี่มาแต่เล็กแต่น้อย ทำไมจะไม่รู้นิสัย ถ้าลองไม่รักแล้วอย่าหวังเลยว่าเจ้าตัวดีจะยอมลงให้”

“พิกลหญิงนัก มีแต่คนเขาอยากมีบุญวาสนาเช่นนี้ แม่คนนี้มีโอกาสอันดีอยู่ใกล้ตัวกลับไม่อยากได้”

กรมขุนวิมลนึกถึงตัวเองที่เป็นชายาพระเจ้าอุทุมพร แต่พอพระเจ้าอุทุมพรบวชก็ถูกถวายให้มาเป็นชายาพระเจ้าเอกทัศน์แทน เอ่ยหน้าเศร้าว่า

“บุญวาสนาอาจมิได้ทำให้เป็นสุขเสมอไปทุกคนดอก บางคราการได้ตามใจตัวเอง อาจเป็นสุขมากกว่าก็เป็นได้ ฉันจึงอยากให้เจ้าแมงเม่าได้เลือกด้วยตัวเองมากกว่า” แล้วฝากขันทองให้ช่วยดูแลด้วย

ฝ่ายออกพระราชาข่านไม่พอใจที่ขันทองไม่ไปตามเสด็จด้วย เกรงว่าขันทองไปอยู่กับฝ่ายในแล้วจะก่อเรื่อง แน่นรีบช่วยพูดว่า ตนอยู่ด้วยอีกคนแลกินยาตามที่สั่งแล้ว ออกพระไม่ต้องกลัว ตนจะดูแลเอง

“ถ้าจะไม่ให้ข้ากลัว ก็มีแต่พวกเอ็งไสหัวออกจากวังไปเท่านั้นแหละ” ไอโขลกๆแต่ยังไม่วายบ่น ก่อนเดินเลี่ยงไปว่า “กลางป่าเขา ท่ามกลางผู้หญิงมากมาย...ข้าอุตส่าห์ให้พวกเอ็งตามเสด็จจะได้หมดเรื่องแล้ว ก็ยังมีเหตุเช่นนี้อีก”

แน่นบ่นว่านับวันออกพระท่านจะกลัวมากขึ้นทุกทีจนตนอึดอัดไปหมดแล้ว ขันทองเห็นใจว่าท่านทุกข์กับเรื่องนี้มานานอย่าไปโทษท่านเลย ถามว่าแล้วเรื่องที่ตนบอกไปจัดการแล้วหรือยัง แน่นคุยโวว่า

“มีหรือจะไม่เรียบร้อย อันที่จริงได้ดูแลฝ่ายในก็ถือเป็นโชคดี งานนี้คงง่ายดายกว่าที่คิดได้มากทีเดียว”

ขณะแมงเม่าตามเจ้าจอมเพ็ญไปนั้น จมื่นศรีสรรักษ์ให้กล้าทำทีไปซื้อกระดาษจากมิ่งจำนวนมาก

ในเวลาอันสั้น ทางโรงงานจึงต้องเกณฑ์บ่าวไพร่ในเรือนทั้งหมดมาเร่งทั้งวันทั้งคืน

จมื่นศรีสรรักษ์พอใจมาก กล้าติงว่าคุณพระไม่น่าจะต้องเสียเงินถึงยี่สิบชั่งเลย เราแกล้งทำเป็นโจรปล้นบ้านมันเพื่อกลบเกลื่อนการค้นหาของก็ได้

“ถ้าไม่มีบารมีกรมขุนวิมลคุ้มกะลาหัว ข้าก็อยากจะทำอย่างนั้นเหมือนกันล่ะวะ ช่างเถิด อย่างไรเสียถ้าได้สิ่งที่ข้าต้องการมาก็คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม”จมื่นศรีสรรักษ์กระหยิ่มยิ้มย่อง

ooooooo

ในป่า...ขันทองไปยืนรอหน้ากระโจมแมงเม่าเพื่อพาไปอาบน้ำ แต่พอเห็นแมงเม่านุ่งกระโจมอกมีผ้าคลุมไหล่ออกมา ขันทองก็ออกพิรุธเขินจนเมินไปทางอื่น

แมงเม่าเห็นอาการขันทองก็นึกสนุกเดินไปดักให้ดูหน้าตนอีก ขันทองทำเสียงดุว่าจะอาบน้ำหรือไม่ถ้าไม่อาบตนจะได้ไปทำอย่างอื่น แมงเม่าจึงเดินตามขันทองไปอย่างจับสังเกต

ที่มุมหนึ่ง แน่นแอบดูอยู่ยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน กำลังจะแอบเข้าไปในกระโจมแมงเม่าเพื่อค้นหากลัก กลับถูกเลื่อนย่องตัดหน้าเข้าไปเสียก่อน แน่นพึมพำหงุดหงิด

“โดนตัดหน้าเสียได้”

ที่ริมลำธาร...ขุนรักษ์เทวาถอดเสื้อบรรจงแขวนไว้กับกิ่งไม้ เห็นขันทองก็ชวนอาบน้ำด้วยกัน ขันทองบอกว่าตนมาดูแมงเม่าตามรับสั่งของกรมขุนวิมล

ขุนรักษ์เทวามองดูอย่างเสียดาย

ขันทองเร่งให้แมงเม่าอาบน้ำ ค่ำแล้วน้ำจะเย็นเดี๋ยวจะเจ็บไข้ได้ป่วย แมงเม่าไม่ทันลงอาบน้ำก็มีเสียงเอะอะของข้าหลวงที่กำลังอาบน้ำว่ามีคนแอบดู

ตนอาบน้ำ ขันทองมองไปเห็นกิ่งไม้ไหวๆจึงวิ่งตามไป แมงเม่าเห็นดังนั้นจึงคว้าเสื้อของขุนรักษ์เทวาสวม

ทับกระโจมอกไม่ให้โป๊วิ่งตามขันทองไป

ขันทองตามทหารสองคนที่มาแอบดูนางข้าหลวงอาบน้ำ สั่งยอมให้จับเสียแต่โดยดี ทหารไม่ยอมให้จับ

กลัวจะได้รับโทษหนัก ขันทองจึงใช้สไบของตนเป็นอาวุธสู้กับทหารทั้งสอง สะบัดสไบรัดและเตะต่อยจนทหารทั้งสองสลบไป

ขันทองจัดการทหารทั้งสองได้อย่างแข็งแรงสวยงามด้วยสไบและแม่ไม้มวยไทย พอหันมาเห็นแมงเม่าที่ตามมามองตะลึงอยู่ ขันทองกระอักกระอ่วนใจที่แมงเม่ามารู้ว่าตนมีฝีมือการต่อสู้โดยบังเอิญ

ooooooo

เจ้าจอมเพ็ญหงุดหงิดมากที่เลื่อนแอบเข้ากระโจมของแมงเม่าแล้วค้นไม่เจออะไร

“มันไปอาบน้ำ ทั้งเนื้อทั้งตัวมีผ้าพันกายไม่กี่ผืน ย่อมไม่สามารถซ่อนกระไรได้ ถ้ายังไม่เจออีกก็แสดงว่ามันไม่ได้เก็บของไว้ที่ตัวมันแน่” เจ้าจอมเพ็ญคิดเครียด เลื่อนเสนอให้ไปค้นที่เรือน “ข้ากับท่านเจ้าคุณพลเทพวางแผนไว้หมดแล้ว ระหว่างที่ตัวนังเด็กนั่นอยู่ที่นี่ คุณพระนายน้องข้าก็เตรียมการค้นเรือนมันอยู่ อย่างไรเราก็ต้องเจอ” เจ้าจอมเพ็ญจิกตาน่ากลัว

อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 4 วันที่ 24 เม.ย.61

ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว บทประพันธ์โดย วรรณวรรธน์
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว บทโทรทัศน์โดย เอกลิขิต
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว กำกับการแสดงโดย กิตติศักดิ์ ชีวาสัจจาสกุล
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ผลิตโดย บริษัท ทีวีซีน จำกัด
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ออกอากาศทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ