อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 3 วันที่ 20 เม.ย.61

อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 3 วันที่ 20 เม.ย.61

“มิได้ดอกเจ้าค่ะ อีนังนี่มันไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนแล้ว ได้หม่อมแม่เมตตาชุบเลี้ยงไว้มันก็ต้องตอบแทนบุญคุณตามแต่หม่อมแม่จะบัญชา แต่นี่นอกจากมันจะเนรคุณแล้วยังคิดฆ่าตัวตายให้เป็นเสนียดอีก รู้ทั้งรู้ว่าหม่อมแม่เกลียดคนฆ่าตัวตายมาแต่ครั้งคุณท้าวสาลิกาแล้ว ยังกล้าทำอีก”

ขันทองได้ยินเลื่อนพูดถึงแม่ก็สะดุดใจ แต่ปั้นหน้าถามว่าคุณท้าวสาลิกาเป็นใครกัน

“โอ๊ย เรื่องของคนชั่วช้าสารเลว คุณหลวงไม่เคยได้ยินก็ถือว่าเป็นบุญแล้วเจ้าค่ะ...ลอบทำเรื่องชั่วจนต้องกระโดดอ่างแก้วฆ่าตัวตายยังไม่พอ ยังทำให้โคตรเหง้าเดือดร้อนอีก ช่างเลวนัก”



ขันทองขบกรามแน่นที่เลื่อนด่าแม่ตนถึงขนาดนี้แต่จำต้องนิ่งไว้ เมื่อเดินแยกออกมาจึงเตือนตัวเองว่า

“อดทนไว้ ยังมีการใหญ่รออยู่ข้างหน้า”

แต่แล้วขันทองก็ชะงักเมื่อเห็นเจ้าจอมเพ็ญกับพระยาพลเทพเดินเข้าไปในห้องหนังสือแล้วปิดประตู ทั้งที่กฎของฝ่ายในห้ามชายหญิงอยู่ด้วยกันในที่ลับตาแสดงว่าต้องมีเรื่องสำคัญแน่จึงฝ่าฝืนกฎเยี่ยงนี้

เจ้าจอมเพ็ญจะให้พระยาพลเทพช่วยแต่งกลบทเอาให้พิสดารจนแม่อำพันกับเสด็จพระองค์หญิงถอดไม่ได้ แต่พระยาพลเทพติงว่าอย่าใส่ใจเรื่องนั้นเลย ตนมีเรื่องเจ้าคุณสีหะราชเดชะมาบอก เจ้าจอมเพ็ญบอกว่ารู้แล้วตายแล้วมิใช่หรือ

พระยาพลเทพบอกว่าตายแล้วก็จริงแต่เรายังไม่ได้หนังสือ คาดว่าเจ้าคุณอาจให้หนังสือนั้นแก่ผู้อื่น เล่าให้ฟังว่า

“คาดว่าก่อนตาย เจ้าคุณสีหะราชเดชะอาจจะให้หนังสือนั้นแก่ผู้อื่นไป แลเหตุนี้เกิดขึ้นที่ท้ายวัง กระผมจึงอยากขอบารมีเจ้าจอมให้ช่วยส่งคนออกสืบว่าผู้นั้นเป็นใคร แลมาทำกระไรที่ท้ายวังขอรับ” เจ้าจอมถามว่าอ้ายคนนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร มีตำหนิผิดแปลกกระไรบ้าง “รูปร่างหน้าตา กระผมไม่แจ้งนัก รู้แต่เป็นหญิง แต่แต่งกายคล้ายชายขอรับ”

ooooooo

หลายสัปดาห์ต่อมา จมื่นศรีสรรักษ์ให้กล้าล่องเรือมาตามคลองเพื่อไปดูตัวแมงเม่าที่กล้าสืบมาได้ว่าหญิงที่มีลักษณะเดียวกันนั้นคือแมงเม่ามาขอเฝ้ากรมขุนวิมล แลที่แต่งกายเยี่ยงชายก็เพื่อหนีการดูตัว

กล้าชี้ให้ดูแมงเม่าที่เดินอยู่ จมื่นศรีสรรักษ์ส่องกล้องดูคิดว่าน่าจะใช่ กล้าได้ทีอาสาลงมือทันที ถูกจมื่นศรีสรรักษ์ปรามาสว่า “คราก่อนข้าให้คนไปช่วยเอ็ง เอ็งยังถูกมีดปักไหล่กลับมา แล้วข้าจะไว้ใจเอ็งให้ทำงานสำคัญอย่างนี้ได้รึ” เห็นกล้าหน้าจ๋อยจึงบอกว่า “แต่ถ้าข้าได้ของแล้ว เอ็งจะเอามันไปทำกระไรก็เอาไป” กล้าดีใจไหว้ขอบพระคุณทันที

แมงเม่าอยากปรึกษาความลับกับม่วง แต่กึ่งเดือนมานี้ไม่เห็นหน้ากันเลย ถามอินจึงรู้ว่าม่วงถูกลอบทำร้ายคราวก่อนจึงไปเช่าเรือนอยู่ข้างนอกเพราะกว่าจะกลับจากโรงรับชำเราก็ดึกโข เกรงจะถูกดักทำร้ายเอาอีก แมงเม่า

ถามถึงเรือนเช่าของม่วง อินถามว่าถามทำไม อย่ามีเรื่อง มีราวกันอีกเลย

“ที่ฉันถามเพราะฉันมีเรื่องสำคัญจะปรึกษากับพี่ม่วง แลเรื่องนี้จะให้คนอื่นรู้ไม่ได้เป็นอันขาด”

แม่งเม่าจึงให้ติ่นกับผลพาไป แต่ระหว่างทางถูกกล้าพาพวกที่มีผ้าขาวม้าโพกหน้าเอาเรือมาขวาง อึดใจเดียวขุนแผลงฤทธิ์กับลูกน้องที่มีผ้าโพกหน้าก็มาสมทบ

แมงเม่ากับติ่นและผลตกใจไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นสู้กันสุดฤทธิ์แต่ถูกพวกขุนแผลงฤทธิ์ที่พวกมากกว่าลากขึ้นฝั่งไปหาจมื่นศรีสรรักษ์ที่ยืนดูอยู่ จมื่นศรีสรรักษ์ถามว่า

“ของที่เอ็งได้จากอ้ายคนที่ตายท้ายวังอยู่ไหน”

แมงเม่าจึงรู้ว่าเรื่องมาถึงตัวแล้วแต่ก็ทำไขสือว่าของอะไร ตนไม่รู้จักกับคนตายมีหรือเขาจะให้ของแก่คนแปลกหน้า จมื่นศรีสรรักษ์เห็นคล้อย ถามกล้าว่าหรือเราจะเข้าใจผิด กล้าโพล่งว่าอย่าไปฟังให้ค้นตัวเลย

แต่กล้าไม่ทันค้นตัวแมงเม่า พันหาญก็นำกำลังมาต่อสู้กับพวกขุนแผลงฤทธิ์ทันที กล้าถูกแมงเม่าตีเข่าเข้าที่ท้องทรุดลงแล้วหนีไป ผลกับติ่นเห็นดังนั้นวิ่งตามไปทันที แต่กล้าก็ยังวิ่งตามไปถูกแมงเม่าใช้นิ้วทิ่มตาจนทรุดดึงผ้าโพกหน้ากล้าออก แมงเม่าตกใจเมื่อเห็นว่าเป็นกล้า ถีบยอดอกกล้าจนทรุด ติ่นกับผลไปช่วยรุมซ้ำแล้วพากันหนีไป กล้าตามไปอีกเลยถูกแมงเม่า

ใช้ผ้าขาวม้ารัดคอและติ่นกับผลก็เข้าไปรุมกล้าทันที

ฝ่ายขุนแผลงฤทธิ์ก็สู้กับพวกพันหาญ ได้ยินเสียงจมื่นศรีสรรักษ์ร้องขอความช่วยเหลือจึงนำกำลังเข้าไปพาหนี  พันหาญมองพวกขุนแผลงฤทธิ์เครียดที่ฝีมือ

เหนือกว่าที่ตนคิดไว้มาก

ooooooo

แมงเม่าไปพบม่วงที่เรือนเช่าแห่งหนึ่ง เล่าเหตุการณ์ ให้ม่วงฟัง ม่วงแค้นมากให้แมงเม่าพาไปเดี๋ยวนี้ จะไปเอาเลือดหัวมันมาล้างตีนแมงเม่าให้ได้

แมงเม่าบอกว่าป่านนี้มันหนีไปที่ใดแล้วก็ไม่รู้ แลพ่อก็ร่ำๆจะส่งตนเข้าวัง หากรู้เรื่องนี้เข้าคงจับส่งเข้าวังคืนนี้เลย บอกม่วงว่าที่ตนมาหาพี่เพราะมีเรื่องสำคัญกว่านั้นมาก พอเล่าให้ฟัง ม่วงเครียดเตือนว่า เรื่องนี้ยิ่งกว่ารับเผือกร้อนอีก ไปเอามาได้อย่างไรกัน

แมงเม่าบอกว่าพวกที่ตามหาสิ่งนั้นอยู่ก็คงมิใช่คนดี มิเช่นนั้นก็คงไม่ร่วมมือกับกล้าทำเรื่องชั่วเช่นนี้ดอก ถามม่วงว่า “พี่ว่ามันพิกลหรือไม่ที่คนฆ่าฟันแย่งชิงกระดาษเปล่าเช่นนี้”

ม่วงบอกว่านั่นมิใช่กระดาษเปล่า แต่กระดาษแผ่นนี้มีไส้ในที่มีกระดาษแปะทับอยู่สองด้าน แล้วม่วงก็แกะกระดาษที่ทับอยู่ออก แมงเม่าตะลึงเมื่อเห็นกระดาษไส้ในเขียนไว้ว่า



ธุรกิจโฆษณา

inRead invented by Teads

“หังวฉวาลทหงขสาปหักสะ”

แม้แมงเม่าจะชำนาญกลอนกลบท แต่อ่านแล้วบอกม่วงว่า

“กลบทต้องวางตัวอักษรแลมีบทต่อไปให้เทียบเคียงได้มิว่าอ่านเดินหน้าถอยหลัง รูปมาตราสระสัมผัส ครุ ลหุ หรือรูปวรรณยุกต์ลงซ้ำ แต่ที่เขียนนี่ไม่มีทางอ่านด้วยวิธีใดได้เลย” ม่วงบอกว่ามันต้องมี เพียงแต่เราไม่รู้

เท่านั้น มิเช่นนั้นคงไม่แย่งชิงถึงฆ่าฟันกันดอก “ฉันจะกราบทูลเรื่องนี้ให้กรมขุนท่านทราบดีหรือไม่พี่ แลจะได้ถวายกลักนี้ให้ท่านด้วย”

ม่วงเกรงว่าหากเป็นความลับสำคัญของบ้านเมืองแมงเม่าจะมีผิดไปด้วยฐานที่แอบดูความลับ และกรมขุนท่านก็อาจจะช่วยเอ็งไม่ได้ ม่วงบอกให้เก็บกลักนี้

ไว้ก่อน ระหว่างนี้ก็ให้ระวังตัวให้มากอย่าทำตัวมีพิรุธ เพราะอ้ายพวกที่ต้องการกลักนี้ มันก็ไม่แน่ใจว่าอยู่ที่เอ็งจริง หากมันไม่เห็นพิรุธก็คงเลิกราไปเอง

แมงเม่าเห็นด้วยว่าวิธีนี้ปลอดภัยที่สุด แล้วก้มอ่านข้อความนั้นอีกครั้ง...

พระยาพลเทพโมโหที่จับตัวแมงเม่ามาไม่ได้ ถามว่าดูจากเพลงดาบไอ้พวกที่มาช่วยแล้วมันเป็น

พวกใด ขุนแผลงฤทธิ์บอกว่าหากให้เดาน่าจะเป็นพวกโจรที่รับคำสั่งมามากกว่า เจ้าจอมเพ็ญพิเคราะห์ว่าถ้าเป็นคนของเจ้าคุณสีหะราชเดชะที่เหลืออยู่ย่อมต้องรู้ว่าสิ่งนั้นคือกระไร มีหรือจะแค่ช่วยนังหญิงคนนี้ให้หนีไปเท่านั้น แสดงว่าอ้ายพวกนี้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าของนั้น

คือกระไร แล้วบอกว่า

“ข้าไม่อยากตีป่าให้เสือตื่น สู้อดทนรออีกสักพักดีกว่า” จมื่นศรีสรรักษ์ถามว่ารอกระไรหรือ “ก็รอหน่อพระพุทธเจ้าในท้องของข้าน่ะสิ” เจ้าจอมเพ็ญยิ้มผยอง บอกว่า “อีกไม่นานข้าก็จะได้เป็นแม่หยั่วเมือง ถึงตอนนั้นต่อให้มีหนังสือลับมากางตรงหน้า ข้าก็หากลัวไม่”

ooooooo

เมื่อเยื้อนมาอยู่กับขันทองก็ตั้งใจรับใช้สุดชีวิตจิตใจ บอกขันทองว่าบ่าวตั้งใจว่าชาตินี้จะขอรับใช้ออกหลวงจนกว่าชีวิตจะหาไม่

เช้านี้ออกพระราชาข่านมาเรือนขันทองแต่เช้าเพื่อบอกข่าวว่า พระยากำแหงจับตัวคนปลอมเป็นขันทีได้ มีคำสั่งเรียกขันทีทุกคนให้มาประชุมพร้อมหน้ากัน

บัดเดี๋ยวนี้

ขันทีปลอมถูกจับได้แต่ชิงฆ่าตัวตายเสียก่อน เมื่อขันทีมากันพร้อมแล้ว พระยากำแหงถามออกพระราชาข่านว่ารู้จักอ้ายคนนี้หรือไม่ อยากรู้ว่ามันเข้ามาอยู่ในวังได้อย่างไร และมีใครสมรู้ร่วมคิดกับมันบ้าง เป็นคำถามที่ทำให้บรรดาขันทีเครียด โดยเฉพาะแน่นกลัวจนหลบตา ส่วนขันทองยังมีสีหน้าเรียบเฉย

หลวงศรีมะโนราชชี้ว่าคนที่ดื่มยาพิษฆ่าตัวตาย ถ้าไม่ใช่จารบุรุษแล้วจะเป็นกระไร พวกลูกสวาทไม่กล้าฆ่าตัวตายดอก ขุนเทพรักษาเสนอให้ท่านเจ้าคุณค้นที่พัก ทุกคนจนกว่าจะสิ้นสงสัย

พระยากำแหงถามพระราชาข่านว่าเวลารับขันทีเข้ามามีกฎระเบียบเช่นไรบ้าง มีการตรวจดูหรือไม่ว่าเป็นขันทีจริง พูดกับทุกคนว่าเพื่อความรอบคอบนอกจากจะตรวจดูว่ามีใครแอบนำคนภายนอกเข้ามาหรือไม่  ตนจะต้องขอตรวจความเป็นชายของทุกคนเสียด้วยเลย

จะได้ไม่ระแวงกันอีกต่อไป

ขันทองหน้านิ่งแต่แววตาใช้ความคิดหนักว่าครานี้ จะเอาตัวรอดได้อย่างไร แน่นบอกให้หนีไปตายเอาดาบหน้า ถ้าไม่หนีก็ต้องถูกกุดหัว แต่ขันทองเห็นว่าถ้าหนีที่ทำมาทั้งหมดก็สูญเปล่าแลจะไม่มีโอกาสเช่นนี้อีก

ขณะที่ขันทีทุกคนต้องถอดกางเกงให้ตรวจอวัยวะเพศ พลันขุนเทพรักษาก็ฉุกคิดถามขุนชำนาญว่าหลวงศรีขันทินกับขุนจิตใจภักดิ์หายไปไหน

หลวงศรีมะโนราชยุพระยากำแหงว่าท่าจะมีพิรุธแล้วเพราะจู่ๆก็หายไป พระยากำแหงรีบเดินออกจากห้องไปทันที

ฝ่ายขันทองอยู่ในเรือนหยิบมีดเหน็บเอวเตรียมป้องกันตัวเต็มที่ แต่พอลงจากเรือนก็เจอพระยากำแหงคุมกำลังทหารมาถึงแล้ว พระยากำแหงถามดักว่าจะรีบหนีไปที่ใดหรือคุณหลวง ขันทองบอกว่าไม่ได้หนี  แต่เห็นว่าท่านเจ้าคุณจะมาตรวจเรือนจึงกลับมาทำความสะอาดให้เรียบร้อย

“ก็ดี ถ้ากระนั้นฉันก็คงต้องขอตรวจเรือนแล

ขอตรวจความเป็นชายของคุณหลวงกับท่านขุนเสียประเดี๋ยวนี้เลย”

ขณะขันทองกับแน่นกำลังจะเข้าตาจนนั้น ออกพระราชาข่านก็เข้ามาแก้สถานการณ์ด้วยการเอากล่องใส่ความเป็นชายของขันทองกับแน่นที่ถูกตอนตั้งแต่เด็ก และเก็บรักษาไว้เพื่อเอาไปฝังไว้กับตัวยามตายจะได้ไม่ตายอย่างคนพิการมายืนยันกับพระยากำแหง พระยากำแหงเชื่อและไม่ตรวจความเป็นชายของขันทองกับแน่น  แต่ยังต้องตรวจเรือน

ออกพระราชาข่านอยู่ในห้องหนึ่งกับขันทองและแน่น โมโหใส่ทั้งสองว่าตนต้องตกอยู่ในความหวาดกลัวเช่นนี้ไปอีกนานเท่าใด มีวิธีหนึ่งที่จะทำให้ทั้งสองอยู่ได้นานและตนไม่ต้องตกอยู่ในความหวาดกลัวเช่นนี้

ก็คือต้องเป็นขันทีตัวจริงเสียเลย

แน่นตกใจมากโวยวายว่าพวกตนขอตายเสีย

ดีกว่าจะถูกตอน ออกพระราชาข่านจึงเสียงอ่อนลงว่า

“ข้าไม่ได้บังคับ ข้าเพียงแต่ชี้แนะ เมื่อพวกท่านไม่ยอมก็ช่างเถิด ต่อแต่นี้ก็ระมัดระวังตัวให้หนักกว่าเดิมก็พอ ใช่ว่าข้าจะช่วยได้ทุกคราดอกนะ”

ออกพระราชาข่านเดินไอโขลกๆออกไปด้วยสีหน้าครุ่นคิดว่าถ้าตอนทั้งคู่เสียก็ไม่ต้องหวาดกลัวเยี่ยงนี้อีก

ฝ่ายขันทองหน้าขรึมเครียดเมื่อรู้ว่านอกจากพวกตนแล้วยังมีจารบุรุษอื่นอีก และจารบุรุษนั้นพอถูกจับได้ก็ฆ่าตัวตายแสดงว่าเตรียมการมาอย่างรัดกุมและจิตใจเด็ดเดี่ยว พิเคราะห์ว่า

“ผู้ที่จะใช้สอยจารบุรุษเช่นนี้ได้นอกจากมิตรเก่าเมื่อสี่ปีก่อนแล้วก็ไม่น่าจะมีผู้อื่นอีก” แน่นตกใจอุทานว่า...พวกอังวะ! ขันทองพยักหน้าเครียด มั่นใจว่ามีสายของอังวะอยู่ในวังแน่

ooooooo

เป็นเวลาเดียวกับที่พระเจ้ามังระเรียกประชุมขุนนางทั้งชาวอังวะและฝรั่งขอความเห็นว่า อยากจะยกทัพไปอโยธยาเพื่อล้างอายศึกคราก่อน ขุนนางเห็นด้วย พระเจ้ามังระจึงให้ไปเตรียมทัพ

“มิบังควรยกทัพพระเจ้าข้า” เสียงอะแซหวุ่นกี้แย้งขึ้น พระเจ้ามังระถามว่าเหตุใดถึงเห็นว่าไม่ควรยกทัพ “แม้เราจะสิ้นศึกในแล้วแต่อาณาประชาราษฎร์ยังอ่อนล้าจากการทำศึกมานานปี จึงควรให้พักผ่อนฟื้นกำลังมากกว่าเร่งทำศึกต่อ อีกประเทศอังวะเราได้เปรียบอโยธยาอยู่ห้าข้อ  จึงไม่จำเป็นต้องออกศึกในเพลานี้พระพุทธเจ้าข้า”

อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 3 วันที่ 20 เม.ย.61

ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว บทประพันธ์โดย วรรณวรรธน์
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว บทโทรทัศน์โดย เอกลิขิต
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว กำกับการแสดงโดย กิตติศักดิ์ ชีวาสัจจาสกุล
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ผลิตโดย บริษัท ทีวีซีน จำกัด
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ออกอากาศทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ