อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 2 วันที่ 16 เม.ย.61

อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 2 วันที่ 16 เม.ย.61

ไม่มีใครรู้เห็นเรื่องนี้เป็นอันขาด เจ้าจอมเพ็ญยิ้มพอใจ บอกว่า “ถ้าเช่นนั้นก็พาฉันไปได้แล้ว”

กิจอันลึกลับและเหี้ยมโหดนี้คือ เจ้าจอมเพ็ญผู้มีจิตริษยาอยากมีอำนาจบารมี จึงมาหาขรัวเถื่อนที่กระท่อมกลางป่าเพื่อทำเสน่ห์เสริมมงคลให้พระเจ้าอยู่หัวเมตตา แต่เจ้าจอมเพ็ญไม่ได้ต้องการเพียงเท่านั้น หากต้องการเป็นเจ้าจอมคนโปรดจึงต้องการเป็นแม่หยั่วเมืองด้วย พระยาพลเทพจึงเสริมว่า

“จะเป็นแม่หยั่วเมืองได้ก็ต้องมีหน่อพระพุทธเจ้าให้พ่ออยู่หัวเสียก่อน เจ้าจอมท่านถวายรับใช้มานานปีก็ยังหามีไม่ ขอขรัวตาท่านได้โปรดช่วยด้วยเถิดขอรับ แลหากขรัวตาปรารถนาสิ่งใด เจ้าจอมท่านก็พร้อมหามาให้ทุกสิ่ง”



ขรัวเถื่อนเป็นพระมอญชักสีหน้าถามว่า “ข้าเป็นพระ จะมาพูดเรื่องลาภยศสรรเสริญได้กระไรวะ”

เจ้าจอมเพ็ญหันถามจมื่นศรีสรรักษ์ว่า “คุณพระนายศรี พี่สั่งว่าอย่างไร” จมื่นศรีสรรักษ์หยิบห่อผ้าออกมาคลานไปที่ขรัวเถื่อนวางลงและเปิดออก เห็นเครื่องเพชรทองในห่อสุกสกาววาววับ ขรัวเถื่อนก็ตาลุก แล้วหยิบขวดเล็กๆ ใส่ของเหลวใสๆออกมายื่นให้เจ้าจอมเพ็ญ เอ่ยหน้าขรึมเสียงขลังว่า

“เอาใส่ในเครื่องเสวย ไม่นานก็จะได้พระราชโอรสสมใจ”

 เจ้าจอมเพ็ญรับขวดอย่างตื่นเต้นดีใจมาก แต่จมื่นศรีสรรักษ์หน้าเครียดติงว่า

 “แค่ทำเสน่ห์เล่ห์กล ไม่มีคนรู้เห็นก็ไม่เป็นกระไร แต่ถึงขนาดเอาใส่ในเครื่องเสวย หากความแตกไม่ถูกตัดหัวเจ็ดชั่วโคตรรึ”

“ถ้าตาขาวเช่นนี้ ทีหน้าทีหลังก็อย่าตามมาเลยคุณพระนาย ฉันกับเจ้าจอมท่านมาไม่รู้กี่ครั้งกี่คราแล้ว ไม่เห็นจะเป็นกระไร” พระยาพลเทพตัดรำคาญ จมื่นศรีสรรักษ์เลยพูดไม่ออก ต้องทนหงุดหงิดอยู่คนเดียว

เจ้าจอมเพ็ญมิได้สนใจสิ่งใด เฝ้ามองแต่ขวดยาของขรัวเถื่อนประกายตาวาววามด้วยความหวังที่จะได้เป็นแม่หยั่วเมือง

ooooooo

ค่ำนี้ ขันทองไปยืนที่สระบัวขนาดใหญ่ที่ชื่อว่า “อ่างแก้ว” คิดถึงสาลิกา แม่ที่จมน้ำตายเมื่อ 10 ปีก่อน แม้ขันทองจะไม่เห็น แต่ก็นึกถึงความทุรนทุรายทรมานของแม่ก่อนสิ้นใจ นึกภาพแล้วขันทองขบกรามแน่น

“บังเอิญจริง” เสียงหลวงศรีมะโนราชที่เดินมากับพระยากำแหงทักขึ้น

ขันทองหันไปเห็นยกมือไหว้พระยากำแหง เอ่ย “ดีฉันรู้ว่ามีผู้มาดำรงตำแหน่งออกญาวังคนใหม่ เพิ่งมีบุญได้พบหน้าค่าตาวันนี้เอง”

“ฉันเองก็ยินดีที่ได้พบคุณหลวง เพราะได้ยินมาเหมือนกันว่าคุณหลวงเพิ่งเข้าวังมาไม่นานก็ได้รับความไว้วางใจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ภายหน้าฉันคงต้องขอคำแนะนำจากคุณหลวงบ้างแล้ว” ออกญาวังเอ่ย

ขันทองบอกว่าตนมิบังอาจแนะนำท่านดอกแล้วขอไปตรวจราชการด้านอื่น พอขันทองเดินไป หลวงศรีมะโนราชก็ถามออกญาวังทันทีว่าเป็นอย่างไรบ้าง ท่านเจ้าคุณพิกลอย่างที่ตนว่าหรือไม่

“เท่าที่ดู ฉันก็ยังไม่เห็นมีข้อพิรุธกระไร คุณหลวงระแวงเกินไปกระมัง”

“ไม่เกินไปดอกเจ้าค่ะ ท่านเจ้าคุณลองพิจารณาดูเถิด ชาวโต้ระกี่อย่างดีฉัน แม้จะเรียนรู้ภาษาของคนไทมาดีอย่างไร สำเนียงก็ยังแปลกแปร่งอยู่ แต่หลวงศรีขันทินผู้นี้กลับพูดจาชัดเจนนักแล ที่มาที่ไปก็คลุมเครือ หากไม่เชื่อ ท่านเจ้าคุณก็ลองสืบดูเองเถิด”

ออกญาวังซึ่งสงสัยออกหลวงศรีขันทินที่เป็นคนฉลาดเฉลียวมีความรู้มากผิดจากขันทีทั่วไป มองตามขันทองไปอย่างครุ่นคิด

เช้าวันต่อมา ออกพระราชาข่านรินน้ำชาไปต้อนรับพระยากำแหงที่มาสอบถามเรื่องขันทองที่หน้าเรือน พลางเล่าความเป็นมาของขันทองว่า

“หลวงศรีขันทินผู้นี้มีพ่อเป็นชาวอโยธยา ไปค้าขายที่เมืองโต้ระกี่แล้วได้เมียที่นั่น ต่อมาพ่อแม่ตายหมด ญาติพี่น้องรังเกียจด้วยเห็นเป็นภาระ แลมิใช่ชาวโต้ระกี่โดยแท้ จึงขายมาเป็นขันทีแต่เด็ก ย่อมเป็นธรรมดาอยู่เองที่จะพูดด้วยสำเสียงไทชัดเจน”

พระยากำแหงบอกว่าได้ยินเช่นนี้ก็เบาใจไปได้บ้าง ออกพระราชาข่านถามอย่างระแวงว่าหลวงศรีขันทิน ทำสิ่งใดให้เห็นว่าไม่งามกระนั้นหรือ

“มิใช่ดอกคุณพระ แต่ฉันต้องถามให้แน่ใจ เพราะมีคนแจ้งฉันว่าหลวงศรีขันทินนั้นดูผิดแปลกจากนักเทศน์ขันทีทั่วไป”

ออกพระราชาข่านกลบเกลื่อนว่าคงแปลกไปบ้างเพราะมิใช่คนไทแท้ แลมิใช่ชาวโต้ระกี่แท้ แต่ท่านเจ้าคุณอย่ากังวลเลย ตนเป็นคนไปรับตัวหลวงศรีขันทินด้วยตัวเอง ย่อมเป็นตัวจริงแน่นอน พระยากำแหงขอประทานโทษที่ทำให้คุณพระกังวล เพราะนับแต่สิ้นศึกพระเจ้าอลองพญา ก็มีการกวดขันยิ่งกว่าเดิมเพราะเกรงว่าจะมีจารบุรุษ

แฝงตัวเข้ามา ยิ้มขำๆพูดในตอนท้ายว่า

“แม้การแฝงตัวมาเป็นนักเทศน์ขันทีออกจะเหลือเชื่อไปบ้างก็ตาม แต่ฉันก็ไม่อยากประมาท”

ออกพระราชาข่านยิ้มรับเหมือนไม่มีอะไร แต่แท้จริงแล้วในใจร้อนรุ่ม ระแวงว่าขันทองจะพลาดอยู่แล้ว

ooooooo

ออกพระราชาข่านร้อนใจมากมาถามขันทอง ขันทองบอกว่าออกญาวังเพียงแต่ทำตามหน้าที่ไม่มีกระไรดอก ออกพระท่านอย่ากังวลไปเลย ออกพระราชาข่านย้อนถามว่า ถ้าไม่มีไฟมีหรือจะมีควัน

ขันทองยืนยันว่าตนถือกฎเกณฑ์และขนบ ธรรมเนียมในวังทุกข้อมิเคยบกพร่อง ออกพระราชาข่านถามว่าเอ็งไม่พลาดแล้วเพื่อนเอ็งเล่า พอดีแน่นเดินมา ขันทองมองแน่น บอกว่ามันระวังตัวแจ...แต่พูดไม่ทันขาดคำก็ชะงักเมื่อเห็นแน่นทำกรุ้มกริ่มกับนางข้าหลวงที่เดินผ่านมา นางข้าหลวงเห็นสายตาแน่นก็พากันขวยเขิน

ออกพระราชาข่านโกรธจัดชี้หน้าขันทองปรามว่า

“จำเอาไว้ให้ดี หากหัวของข้าไม่อยู่บนบ่าหัวของพวกเอ็งก็ต้องโดนกุดเช่นเดียวกัน”

เมื่อกลับเข้าเรือนพัก ขันทองตำหนิแน่นที่ทำกรุ้มกริ่มกับนางข้าหลวง แน่นจำต้องยอมรับแลขออภัย แต่ก็กลบเกลื่อนด้วยข่าวดีว่า ตนได้อ่านบันทึกวันที่แม่ของขันทองตาย ทำให้รู้ว่าส่งศพไปที่วัดใดและสัปเหร่อที่รับศพไว้ชื่อกระไร ขันทองตกใจถามว่าแน่นได้อ่านอย่างไร ตนยังไม่รู้เลยว่าผู้ใดเก็บรักษาไว้

แน่นบอกว่าตนรู้ แต่เรายังไม่มีโอกาสออกจากวัง คงต้องอีกแรมเดือนกว่าจะหาสัปเหร่อคนนั้นได้

ขันทองบอกว่าตนจะไปคืนนี้เลย แน่นตกใจถามว่าจำไม่ได้หรือว่านักเทศน์ขันทีห้ามออกจากวังโดยมิได้รับอนุญาตแม้แต่ก้าวเดียว ขันทองยิ้มมั่นใจบอกว่า

“ให้รอถึงคืนนี้ก่อนเถิด เอ็งก็จะรู้เองว่าข้าจะออกไปอย่างไร”

ที่แท้แน่นหลอกล่อขุนรักษ์เทวา ขันทีชาวโต้ระกี่ที่มีหน้าที่ดูแลเอกสารต่างๆในวังจนได้อ่านบันทึกวันที่แม่ขันทองตาย ขุนรักษ์เทวามีท่าทางตุ้งติ้งไม่เหมือนขันทีคนอื่น หลงใหลขันทองหรือหลวงศรีขันทินผู้มีรูปงามเหมือนหุ่นปั้น และให้แน่นเป็นพ่อสื่อให้

คืนเดียวกัน ม่วงไปที่โรงรับชำเราขนาดใหญ่หรูหราที่สุดในอโยธยา เจ้าของชื่อหมิ่นที่คนทั่วไปตั้งสมญานามให้ว่า “ออกญาหมิ่น” ม่วงมองหาสุ่นที่ตนติดพันจนเป็นความรักแต่ยังไม่กล้าพอที่จะไถ่ตัวสุ่นออกมาตบแต่งเป็นเมีย

แต่คืนนี้ม่วงถูกกล้ามาหักหน้าลากสุ่นไปที่โต๊ะ ซ้ำคุยโวว่าเมื่อคืนเราเพิ่งเป็นผัวเมียกัน ถามสุ่นเย้ยม่วงว่า “เอ็งบอกให้ข้าชื่นใจทีเถิดว่าระหว่างข้ากับอ้ายม่วง ใครมีดีกว่ากัน”

ม่วงโมโหสุดขีดกระโจนเข้าใส่กล้าทันที กล้าผลักสุ่นไปหาม่วงแล้วต่อยสวน พอลูกพี่ลงมือ ลูกน้องทั้งสองฝ่ายก็ตะลุมบอนกันทันที หมิ่นพยายามขอร้องอย่ามีเรื่องกันเลยแต่เกินกำลังจะห้ามได้ กล้าถูกม่วงต่อยปากแตกก็ชักมีดออกมาทั้งฟันทั้งแทงไม่ยั้ง แต่ก็ถูกม่วงจับหักแขนจนมีดหลุดจากมือ ม่วงประเคนเข่าใส่กล้าจนทรุดลงไปกอง พอลุกได้ก็วิ่งหนีไป ม่วงมองตามเจ็บใจที่ยังเอาคืนกล้าได้ไม่หายแค้น

ooooooo

อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 2 วันที่ 16 เม.ย.61

ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว บทประพันธ์โดย วรรณวรรธน์
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว บทโทรทัศน์โดย เอกลิขิต
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว กำกับการแสดงโดย กิตติศักดิ์ ชีวาสัจจาสกุล
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ผลิตโดย บริษัท ทีวีซีน จำกัด
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ออกอากาศทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ