อ่านละคร เสน่ห์รักนางซิน ตอนที่ 4 วันที่ 28 เม.ย.61

อ่านละคร เสน่ห์รักนางซิน ตอนที่ 4 วันที่ 28 เม.ย.61

การมาติดอยู่ที่หมู่บ้านชาวประมง ทำให้ภูรีได้เห็นมุมชอบช่วยเหลือคนอื่นของพริมอีกต่างหาก เธอทนไม่ได้ที่เห็นเด็กๆในหมู่บ้านไม่ยอมสวมรองเท้า จึงแต่งนิทานเกี่ยวกับเชื้อโรคมาเล่าให้ฟังทำให้เด็กๆเล็งเห็นถึงความสำคัญของการสวมรองเท้า เป็นการป้องกันไม่ให้เชื้อโรคจากพื้นดินผ่านทางเท้าเข้าสู่ร่างกาย เด็กๆ พากันตื่นตัวยอมสวมรองเท้า

ภูรีชมพริมว่าเก่งมากที่ทำให้เด็กๆคล้อยตามได้ แล้วอดถามไม่ได้ แบรนด์รองเท้าตั้งมากมายทำไมถึงอยากทำงานที่ P.PAUL เธออธิบายว่าที่เธอรักแบรนด์นี้เพราะ P.PAUL รักคนอื่น ให้โอกาสคนที่มีความสามารถได้เข้าไปทำงานร่วมกับแบรนด์โดยไม่สนใจว่าเขาจะเป็นใครมาจากส่วนไหนของโลก ขอแค่มีฝีมือและมีใจรักในรองเท้า ภูรีพยักหน้าเห็นด้วย แล้วก้าวมายืนตรงหน้าเธอ



“สมมติว่าผมเป็นผู้บริหารระดับสูงของ P.PAUL คุณจะพูดอะไรกับเขา”

“ฉันอาจจะไม่ใช่คนเก่งที่สุด แต่เชื่อเถอะค่ะว่าฉันคือคนที่รักรองเท้าและรักแบรนด์ของคุณมากที่สุด ถ้าคุณให้โอกาสฉันจะเปลี่ยนคำสั้นๆฟังง่ายๆนี้ให้เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ฉันจะใช้มันพัฒนาวงการรองเท้าให้ดีขึ้น และใช้สร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นหลังรู้ว่า การเดินทางไปถึงความฝันมันทำให้ชีวิตมีค่ามากแค่ไหน” พริมพูดด้วยความมั่นใจเกินร้อยแววตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ภูรีเห็นแล้วก็ยิ่งชื่นชม ดังนั้นเขาจะให้โอกาสเธอ

“ผมจะพาคุณไปทำงานที่ P.PAUL คนที่รู้ว่าตัวเองอยากทำอะไรแล้วต่อสู้เพื่อให้ได้ทำมัน คนแบบนี้แหละที่ P.PAUL ต้องการ”

พริมดีใจสุดๆจับมือภูรีไว้แน่น ขอบคุณสำหรับโอกาสที่เขาจะมอบให้

ooooooo

ภควัตเห็นว่ามืดค่ำแล้วไม่อยากให้ปริตากับบุสกรต้องไปเจอเหตุการณ์เหมือนคราวที่แล้วจึงขอให้นอนที่โรงแรม พรุ่งนี้เช้าจะได้ไปรับพริมกับภูรีด้วยกัน ปริตาชอบใจแต่บุสกรไม่ค่อยสบอารมณ์นัก

“ไม่เห็นจะต้องนอนค้างที่นี่เลย กลับไปนอนที่บ้าน พรุ่งนี้เช้าค่อยมาก็ได้”

ปริตาขี้เกียจเถียงด้วย ขอตัวลงไปโทร.หาแม่ข้างล่าง บนนี้เหมือนไม่ค่อยมีสัญญาณ...

พงศกรสร่างจากเมายาก็ร้องหาพริม เดินไปดูที่ห้องซึ่งแจ๊คกักตัวเธอไว้ก็เห็นแต่ห้องว่างเปล่า เขาเดินหาพร้อมกับตะโกนเรียกเธอไปด้วยแบบไม่ต้องเกรงใจใคร นายหัวชนะเดินเข้ามากับสมุนบอกว่าลูกชายเจ้าของโรงแรมมุกทะเลมารับเธอกลับไปแล้ว ตนเห็นเขากำลังหลับจึงไม่อยากปลุก พงศกรโวยวายปล่อยไปแบบนั้นเกิดพริมไปแจ้งความ ตนไม่ซวยหรือ นายหัวแกล้งแหย่ ไม่คิดว่าเขาจะกลัวเรื่องแค่นี้ เขาไม่ได้กลัวแต่หงุดหงิด

 นายหัวรับประกันว่าจะไม่มีใครทำอะไรพงศกรได้ แล้วเสนอจะจัดขนมตัวใหม่มาให้พงศกรชิมอีก จะได้ลืมเรื่องหงุดหงิด เขาเร่งให้รีบไปจัดมา แล้วเดินกลับไปรอที่ห้อง นายหัวชนะพยักพเยิดให้สมุนไปจัดการตามที่พงศกรเรียกร้อง ระหว่างนั้นสมุนอีกคนหนึ่งเอาโทรศัพท์มายื่นให้ แจ้งว่าต่อสายถึงคุณภพให้แล้ว นายหัวรับโทรศัพท์มาคุยกับคุณภพด้วยท่าทางสนิทสนม...

เนื่องจากลุงกับป้าที่หมู่บ้านประมงเอามุ้งมาให้ใช้แค่หลังเดียว พริมก็เลยต้องแบ่งที่ให้ภูรีนอนในมุ้งด้วย เขาล้มตัวลงนอนพลางจับมือเธอไว้ส่งผ่านความรู้สึกดีๆไปให้...

ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างภูรีกับพริมพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นเป็นลำดับ พนักงานของโรงแรมมุกทะเลนำกระเป๋าสะพายของพริมที่ข้างในมีแฟ้มประวัติตัวเธอที่ได้จากเรือของแจ๊คมาให้ อินทัชจัดแจงจะเอาไปคืนเพื่อนๆของเธอ แต่เหลือบเห็นปริตายืนอยู่เดินเข้าไปหาพร้อมกับยื่นกระเป๋าคืนให้ ปริตารับมาเปิดดู เห็นเอกสารอยู่ดีไม่มีอะไรเสียหาย เขาอดถามไม่ได้ว่าแฟ้มอะไร

“พริมมีความฝันอยากได้ทำงานที่ P.PAULค่ะ พริมก็เลยต้องพกแฟ้มนี้ไว้กับตัว เผื่อว่าโชคดีได้พบเจ้าของ P.PAUL จะได้ยื่นให้เขาเอาไปพิจารณา”

“โชคเข้าข้างคุณพริมแล้วล่ะครับ แต่ผมไม่แน่ใจว่ามันจะเป็นโชคร้ายหรือว่าโชคดี” อินทัชยังไม่ทันจะเล่าเรื่องที่พริมได้เจอกับภูรี บุสกรโทร.มาตามปริตาให้กลับห้องเสียก่อน เธอยังไม่กลับกำลังคุยอยู่กับอินทัชที่สวนหย่อม ถ้าบุสกรง่วงก็นอนไปก่อนได้เลย อีกสักพักถึงจะขึ้นไป บุสกรวางสายจากปริตาเป็นจังหวะเดียวกับพนักงานของโรงแรมเอาเสื้อผ้าที่ภควัตสั่งจากร้านเสื้อในโรงแรมมาให้ ไว้สำหรับใส่วันพรุ่งนี้

“ฉันซักชุดของตัวเองไว้แล้ว เอาไปคืนเขาเถอะค่ะ”

“แต่คุณวัตสั่งมาว่าต้องเอาให้คุณให้ได้” พนักงานสีหน้าหนักใจ บุสกรไม่อยากทำให้ใครเดือดร้อน ตัดสินใจจะเอาไปคืนเขาเอง
ooooooo

คุณภพแวะมาหาภควัตเพื่อบอกว่านายหัวชนะโทร.มาขอโทษตนเมื่อครู่นี้ เรื่องที่ลูกน้องตัวเองไล่ยิง

ภควัตกับเพื่อนเนื่องจากเข้าใจผิดว่าเขาเป็นพวกเดียวกับเด็กผู้หญิงที่เป็นหัวขโมย ภควัตฮึดฮัดไม่พอใจที่นายหัวชนะใส่ร้ายพริม คุณภพเห็นอย่างนั้นก็ส่ายหน้าเอือมๆ

“แกไม่เคยคิดจะช่วยฉันทำงานฉันไม่เคยว่า

แต่อย่าสร้างปัญหาให้ฉัน ตอนนี้ธุรกิจของเรามีปัญหามากพออยู่แล้ว เขาขอโทษมาแล้วก็จบๆกันไปซะนะ พ่อขอร้อง”

ภควัตไม่ยอมจบ นายหัวชั่วนั่นจะฆ่าเพื่อน

ของเขาจะให้จบง่ายๆได้อย่างไร หยิบกระเป๋าเงินยัดใส่กระเป๋ากางเกง ถ้าพ่อหมดธุระกับตนแล้วขอตัวก่อน นัดอินทัชไว้ข้างล่าง แล้วเดินออกจากห้อง คุณภพไม่พอใจ ตามออกมาต่อว่า บุสกรออกจากลิฟต์มาพอดีได้ยินเสียงพ่อลูกทะเลาะกันรีบหลบมุมแอบฟัง

“วัต พ่อไม่อยากให้แกใช้แต่อารมณ์จะทำอะไรต้องคิดให้ดีว่าถ้าเรามีปัญหากับนายหัว อาจจะไม่ใช่แค่เราที่เดือดร้อน ธุรกิจของอินทัชกับภูเพื่อนแกอาจจะเดือดร้อนไปด้วย อย่าลืมว่านายหัวชนะมีอิทธิพลมาก”

“แต่มันไม่มากไปกว่าความถูกต้องหรอกครับพ่อ” ภควัตว่าแล้วเดินไปกดลิฟต์ ขณะที่คุณภพหมดอารมณ์จะพูดกับลูก หันหลังกลับเข้าห้องตัวเอง...

สักพักลิฟต์ตรงหน้าเปิดออก ภควัตก้าวเข้าไปข้างในกดไปที่ชั้น G ลิฟต์กำลังจะปิดแต่บุสกรพรวดเข้ามาเสียก่อน ยัดถุงใส่เสื้อคืนเขา ขอบคุณในความหวังดีแต่ไม่อยากรับ

“เมื่อกี้ฉันได้ยินนายกับพ่อนายคุยกัน ฉันเคยคิดอยู่แล้วว่าพวกนายแปลกๆเหมือนปิดบังอะไรอยู่ ตอนนี้ฉันแน่ใจแล้วว่าพวกนายไม่ได้เป็นเจ้านายลูกน้องกัน นายโกหกพวกเราทำไม ต้องการอะไรบอกมาซะดีๆ”

“คุณก็บอกผมมาก่อนสิว่าคุณต้องการอะไร ถึงได้ไปอยู่ในคฤหาสน์ของคุณอาปรีชา”

บุสกรยืนกรานว่าพริมเป็นหลานของปรีชา ภควัตรู้แก่ใจดีว่าไม่ได้เป็นอย่างนั้น บอกให้เธอเอาเวลาคิดจะจับผิดคนอื่นไปคิดหาทางปกปิดความผิดของตัวเองดีกว่าจะได้ไม่ถูกจับผิดคืน เธอโกรธที่เขารู้ทันเตะจุดสำคัญเขาเต็มแรงถึงกับจุกลงไปกองกับพื้น ประตูลิฟต์เปิดพอดี บุสกรก้าวออกไปยืนนอกลิฟต์

“นายไม่บอกก็ไม่เป็นไร ฉันไปเอาคำตอบจากคนอื่นก็ได้” พูดจบบุสกรวิ่งปรู๊ดไปทางสวนหย่อม ภควัตนึกถึงอินทัชขึ้นมาทันที ค่อยๆยันตัวลุกขึ้นกะย่อง

กะแย่งตาม...

ด้วยความที่เป็นคนซื่อ ทำให้อินทัชเชื่อคำลวงของบุสกรยอมเปิดปากเล่าความจริงว่าภูรีเป็นเจ้าของ P.PAUL แต่ยังไม่ทันจะสารภาพเรื่องอื่น ภควัตเข้ามาห้ามเอาไว้เสียก่อน บุสกรโกรธมากทำไมต้องโกหกพวกเราด้วย ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรกว่าภูรีคือคนที่พริมตามหา ภควัตให้เธอไปถามจากภูรีเอาเอง

“แต่ฉันไม่แน่ใจว่าพริมจะอยากรับฟังอยู่หรือเปล่า ไปกันเถอะตา” บุสกรว่าแล้วคว้ามือปริตาออกไป

ooooooo

ภูรีเพิ่งตื่นตอนที่ป้าเจ้าของบ้านเอามือถือเข้ามาให้ บอกว่าเพื่อนของเขาโทร.มา ภควัตที่กำลังยืนรอ พนักงานของตัวเตรียมเรืออยู่ แจ้งข่าวร้ายให้เขารู้ว่าเมื่อคืนบุสกรกับปริตารู้เรื่องของเขาแล้ว ภูรีถึงกับร้องเฮ้ย

“ร้องอย่างนี้แสดงว่าแกยังไม่ได้บอกความจริงกับคุณพริม อยู่ด้วยกันทั้งคืนทำไมไม่หาโอกาสพูดวะ หรือว่ามัวแต่ทำอย่างอื่น”

“ฉันไม่ได้ทำอะไร แต่ที่ไม่พูดเพราะไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง กลัวคุณพริมจะโกรธ”

ภควัตฟันธงว่าโกรธแน่นอน แต่ถ้าไม่รีบบอกตอนนี้แล้วเธอรู้จากปากคนอื่นจะยิ่งโกรธมากขึ้น ตนมีเวลา ให้เขาสองชั่วโมงก่อนที่ตนจะไปถึง แล้วขอให้เขาช่วยอธิบายให้พริมเข้าใจในสิ่งที่เราทำด้วย อย่าให้เธอเกลียดตนเป็นอันขาด ภูรีวางสายโดยไม่ได้รับปากอะไรเป็นจังหวะเดียวกับพริมเดินออกมาเห็นเขาถือโทรศัพท์อยู่ถามว่าใครโทร.มา ภูรีเพิ่งวางสายจากภควัตซึ่งบอกว่ากำลังจะมารับเรากลับ...

ทางฝ่ายภควัตเห็นอินทัชลงเรือเรียบร้อย สั่งให้คนขับออกเรือได้ คนขับยังไม่ทันสตาร์ตเครื่อง มีพนักงานของโรงแรมวิ่งหน้าตื่นเข้ามาแจ้งภควัตว่ามีคนมาขอพบ...

ใกล้จะครบกำหนดสองชั่วโมงที่ภควัตจะมารับ แต่ภูรียังไม่มีโอกาสจะได้คุยเปิดใจกับพริมเนื่องจากมีเรื่องโน้นเรื่องนี้เข้ามาขัดจังหวะ แต่ในที่สุดเขาก็ได้

อยู่ลำพังกับเธอสักที ชวนเธอไปคุยกันทางโน้น แล้วจูงมือไปที่ริมหาดซึ่งไร้ผู้คน เธอแปลกใจทำไมเขาต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย ภูรีหยุดเดินหันมาเผชิญหน้ากับเธอ

“เรื่องที่นายจะพูดกับฉันมันยากมากเลยเหรอ ท่าทางนายดูไม่ค่อยดีเลย”

ภูรีไม่เคยคิดมาก่อนว่ามันจะยากขนาดนี้ แต่พอถึงวันนี้ เขาเพิ่งรู้ว่าเธอพิเศษสำหรับเขา แล้วเธอล่ะรู้สึกอย่างไรกับเขา พริมรู้สึกไม่ต่างกัน เขาหวังว่าความรู้สึกดีๆที่เรามีให้กัน จะช่วยบรรเทาเรื่องของเราให้ดีขึ้น

พริมนิ่วหน้าสงสัยเขาหมายถึงเรื่องอะไร ภูรีมองพริมสีหน้าหนักใจ...

ขณะที่ภูรีกำลังเรียบเรียงคำพูดเพื่อจะสารภาพความจริงกับพริม บุสกรเดินงุ่นง่านไปมาอยู่ในล็อบบี้ของโรงแรมมุกทะเล นอกจากจะหงุดหงิดที่ภควัตไปรับพริมกับภูรีโดยไม่รอ นี่ผ่านมาหลายชั่วโมงแล้วยังไม่มีวี่แววจะกลับมา ทนไม่ไหวชวนปริตาไปรอข้างนอก ถ้าพริมมาเมื่อไหร่เราจะได้พากลับได้เลย แล้วขยับจะไปแต่ต้องชะงักเมื่อเห็นพัชราเดินสีหน้าร้อนใจเข้าไปถามพนักงานที่เคาน์เตอร์ต้อนรับว่าเรือภควัตกลับมาหรือยัง

“ยังเลยค่ะ”

“ไปนานกันจังเลย บอกแล้วว่าไม่ให้ไปกับเขาห้ามก็ไม่เชื่อ” พัชราชะเง้อคอยาวมองไปทางท่าเรือ มัวแต่เป็นกังวล จึงไม่ทันสังเกตเห็นปริตากับบุสกรที่นั่งอยู่แถวนั้น สองสาวแปลกใจใครกันที่ไปกับพวกภควัต...

พริมยังไม่ทันจะได้ยินคำสารภาพจากปากภูรี วิกกี้ร้องเอะอะมาแต่ไกลโดยมีภควัตกับอินทัชตามมาด้วย ภูรีถึงกับอึ้งรีบปล่อยมือที่จับพริมไว้ เธอเห็นท่าทางของเขาก็อดสงสัยไม่ได้ ตกลงวิกกี้เป็นอะไรกับเขา

กันแน่ ภูรีอึกอักไม่รู้จะตอบอย่างไร แต่แล้วพริมก็ได้รับคำตอบเมื่อวิกกี้โผกอดเขาอย่างแนบแน่น

“พี่ภูเป็นยังไงบ้างคะ วิกกี้เป็นห่วงพี่ภูที่สุดเลยค่ะ”

ท่าทางสนิทสนมของวิกกี้กับภูรีทำให้พริมตระหนักในทันทีว่าเขาไม่ใช่นายภูที่เธอรู้สึกดีด้วยแต่เป็นพี่ภูว่าที่พี่เขยของพงศกรนั่นเอง กลั้นใจถามว่านี่ใช่ไหมคือเรื่องที่ภูรีอยากจะบอกกับเธอ เขาได้แต่นิ่งเงียบแทนการยอมรับ พริมทนอยู่ตรงนั้นต่อไปไม่ได้ หันหลังวิ่งหนี สามหนุ่มรีบวิ่งตาม

วิกกี้จะตามไปด้วยแต่ขาดันพลิก ร้องโอ๊ยลั่นก่อนจะทรุดลงไปกองกับพื้นทราย ภูรีจำใจกลับมาดูอาการของเธอ ปรากฏว่าข้อเท้าแพลงเดินไม่ถนัด เธออดสงสัยไม่ได้ตกลงมีเรื่องอะไรกัน

“เอาไว้พี่เล่าให้ฟังนะ ลุกขึ้นเถอะ” ภูรีประคองวิกกี้ให้ลุกขึ้นแต่สายตากลับมองไปทางที่พริมวิ่งไป...

อินทัชกับภควัตตามพริมจนทัน ขอร้องให้ฟังคำอธิบายของพวกเราก่อน เราไม่เคยมีเจตนาไม่ดีกับเธอ อินทัชไม่อยากให้เธอพลอยโกรธตัวเองไปด้วย สารภาพว่ารู้มาพักใหญ่แล้วว่าเธอเป็นหลานของลุงฟักกับป้ารำไพมาเฝ้าบ้านให้อาปรีชา ภควัตอยากจะถีบเขา

สักโครมที่พูดมากแต่ทำไม่ได้พยายามไล่ให้เขาไปบอกคนขับเรือให้เตรียมออกเรือ เขาไม่ยอมไปจะขออยู่เป็นเพื่อนพริม ภควัตเองก็ไม่ยอมทิ้งเธอไปไหนเช่นกัน

“ขอโทษนะคะ ฉันขออยู่คนเดียวค่ะ”

สองหนุ่มถึงกับหน้าจ๋อยก่อนจะพากันล่าถอยออกมา พริมทรุดตัวลงนั่งพิงต้นไม้ เหลือบไปเห็นภูรีประคองวิกกี้ได้สักพัก เปลี่ยนเป็นอุ้มเธอแทน ยิ่งเห็น

พริมก็ยิ่งปวดใจ

ooooooo

ปริตากับบุสกรย้ายที่รอพริมจากล็อบบี้โรงแรมมาที่ท่าเทียบเรือเนื่องจากไม่อยากเจอพัชรา แต่ทั้งคู่กลับไปเจอพงศกรที่เพิ่งขึ้นจากเรือสปีดโบ๊ต บุสกรไม่ยอมให้คนชั่วลอยนวลตามไปสั่งสอนอัดเขากระเด็น ปริตาตามเข้ามาแทนที่จะห้าม กลับยุส่งให้อัดคนชั่วนั่นให้น่วม

บุสกรยินดีจัดให้ตามที่เพื่อนร้องขอ ประเคนทั้งหมัดอัดทั้งเข่าใส่พงศกรล้มกลิ้งล้มหงาย พัชราออกมาชะเง้อคอดูลูกสาวกลับได้ยินเสียงร้องอย่างเจ็บปวดของลูกชายรีบวิ่งมายังต้นเสียง เห็นบุสกรกำลังซ้อมลูกชายตัวเองอยู่ สั่งให้ปล่อยเขาเดี๋ยวนี้ ปริตารีบดึงบุสกร ออกห่าง พัชราโวยใส่มันเรื่องอะไรถึงต้องทำร้ายร่างกายลูกชายของตน บุสกรขี้เกียจเล่าให้เป็นเสนียดปาก หากอยากรู้ให้พัชราถามเขาเองว่าทำอะไรกับพริมไว้...

เมื่อได้อยู่ตามลำพังกับลูกชาย พัชราสั่งให้เล่าความจริงมาให้หมด พงศกรเห็นท่าทางเอาเรื่องของแม่ก็ไม่กล้าโกหก เล่าเหตุการณ์เกิดขึ้นให้ท่านฟัง...

จากนั้นไม่นาน เรือที่ไปรับภูรีกับพริมมาจอดเทียบท่า พริมขึ้นฝั่งได้ชวนปริตากับบุสกรที่มารอรับ

ให้กลับกันเลย ภูรีมองตามเธอด้วยสายตาละห้อย พัชราที่มารอรับวิกกี้เห็นสายตาของเขาก็พอจะเดาอะไรออก จึงพยายามรั้งตัวเขาให้อยู่กับวิกกี้ ส่วนเธอเองรีบตามพริมจนทัน ขอคุยกับเธอเป็นการส่วนตัว

แทนที่จะขอโทษพริมที่ลูกชายตัวเองทำเลวไว้กับเธอ พัชรากลับโทษว่าเป็นเพราะเธอเองที่อยากจะเจอเจ้าของ P.PAUL ก็เลยให้ความสนิทสนมกับพงศกรเพื่อใช้เขาเป็นสะพานทอดไปหาเจ้าของ P.PAUL พงศกรยังเด็กแยกแยะไม่ออกก็เลยคิดไปเองว่าความสนิทสนมที่เธอให้คือการให้ท่าก็เลยเกิดเรื่อง ดังนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นความผิดร่วมกันระหว่างเธอกับพงศกร เธอจึงจะมาเรียกร้องอะไรไม่ได้

“พริมก็ไม่ได้คิดจะเอาเรื่องเขาตั้งแต่แรกอยู่แล้วค่ะ พริมเห็นใจเขาด้วยซ้ำ เด็กวัยอย่างเขาควรจะไปตั้งใจเรียนหนังสือ สร้างอนาคตที่ดีให้กับตัวเองไม่ใช่เอาแต่เที่ยวเตร่หาความสุขจากสิ่งอื่น ชีวิตเขาคงจะขาดแคลนความสุขมากจริงๆ” พริมหลอกด่าเนียนๆ พัชราตวาดแว้ด เธอไม่มีสิทธิ์มาวิจารณ์ลูกชายของตน พริมไม่ยอมให้พัชรามาว่าฝ่ายเดียวว่าคืนไปบ้าง แล้วขอตัวกลับก่อนถ้าพัชราไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว

“ฉันยังพูดไม่จบ...เธอรู้ใช่ไหมว่าภูรีกับวิกกี้ลูกสาวฉันเป็นคู่หมั้นกัน วิกกี้ลูกสาวฉันเป็นคนอ่อนต่อโลก ไม่ค่อยทันคน โดยเฉพาะพวกผู้หญิงที่คิดจะจับภูเพราะหวังสบาย”

“ถ้าคุณพัชราหมายถึงพริม...พริมไม่เคยคิดจะให้คุณภูรีช่วยให้ชีวิตพริมสบายขึ้น พริมอยากพบเขาเพราะเขาเป็นเจ้าของ P.PAUL เท่านั้น”

พัชราบอกให้พริมเจียมตัว จะฝันอะไรก็ให้รู้จักประมาณตัวเอง ไม่อย่างนั้นความฝันอันเลิศหรูที่ไม่มีวันเป็นไปได้จะให้เธอเป็นได้แค่ตัวตลกในสายตาคนอื่น และสั่งให้เธออยู่ในที่ที่ควรอยู่ ไม่ควรไปยุ่งกับคนที่ไม่ควรยุ่ง พริมทนฟังต่อไม่ไหวเดินจากไปอย่างเจ็บปวดใจ...

ไม่ใช่จะปรามพริมไม่ให้มายุ่งกับภูรีเท่านั้น พัชรายังตามไปเตือนลูกสาวให้ระวังผู้หญิงคนนี้เอาไว้ ภูรีต้องมีบางอย่างลึกซึ้งกับมัน วิกกี้ไม่เชื่อจะเป็นไปได้อย่างไรในเมื่อภควัตชอบพริมอยู่ แม่อาจจะคิดมากไปเอง พัชราแอบด่าลูกตัวเองว่าโง่เหมือนพ่อไม่มีผิด

ooooooo

ตั้งแต่ออกจากโรงแรมมุกทะเลยันถึงบ้านปรีชา พริมเอาแต่นั่งเงียบไม่พูดไม่จา บุสกรพยายามซักว่าพัชราพูดอะไรด้วย แต่เธอไม่ยอมเล่า ไว้ทำใจได้เมื่อไหร่ค่อยว่ากัน แล้วตาแดงๆจะร้องไห้ บุสกรก็เลยไม่เซ้าซี้อีก หันไปเร่งปริตาให้รีบเปิดประตูรั้ว ปริตาแปลกใจทำไมประตูไม่ได้ล็อก แต่ไม่ติดใจสงสัยอะไร

ทันใดนั้น ภควัตขับรถเข้ามาจอดตรงหน้าประตูรั้ว โดยมีภูรีกับอินทัชนั่งมาด้วย ภูรีมีเรื่องอยากจะคุยกับสามสาว บุสกรไม่อยากคุยด้วยไล่ให้กลับไป พริมขอร้องสามหนุ่มต่อจากนี้ไปพวกเราต่างคนต่างอยู่จะดีกว่า อย่ามายุ่งกันอีกเลย บุสกรสั่งห้ามทั้งสามคนมาเหยียบที่นี่อีก ส่วนข้าวของของอินทัชกับภูรีที่อยู่ในเรือนเล็ก เธอจะเอามากองไว้ให้ที่หน้าบ้าน และถ้ายังมาวุ่นวายที่นี่อีก

จะแจ้งตำรวจจับข้อหาบุกรุก

“กล้าแจ้งเหรอ” ภควัตเสียงเข้มใส่ บุสกรไม่พอใจจะมีเรื่องกัน

พลันมีเสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัดมาจากตึกใหญ่ พร้อมกับเสียงตะโกนโหวกเหวกว่าใครมาทะเลาะกัน

หน้าบ้านของตน ทั้งหกคนเหลียวมองตามเสียงต้องตกใจที่เห็นปรีชายืนถือปืนล่าสัตว์มือหนึ่ง อีกมือหนึ่งถือโทรโข่ง ภูรีเห็นพ่อตัวเองก็จัดแจงชวนภควัตกับอินทัชกลับ ไว้ให้ใจเย็นกว่านี้ค่อยคุยกันใหม่ แล้วเดินกลับไปที่รถ ปรีชาจำลูกชายตัวเองได้ดีใจมากตะโกนผ่านโทรโข่ง

“ไอ้ภูรีลูกพ่อ...พ่อคิดถึงแกที่สุดเลย”

สามสาวตกใจแทบช็อกที่จุดไต้ตำตอ โดยเฉพาะปริตาที่รับเรื่องเซอร์ไพรส์ไม่ไหวเป็นลมไปเลย พริมตั้งสติได้เข้ามากราบขอโทษปรีชาที่แอบอ้างเป็นหลานสาวและถือวิสาสะพาคนอื่นเข้ามาพักที่นี่ ท่านไม่ถือโทษโกรธ อะไรเธอไม่ต้องคิดมาก ตรงกันข้ามท่านต้องขอบใจเธอด้วยซ้ำที่ทำให้ภูรียอมเข้ามาเหยียบที่นี่ แล้วนี่เขาได้ขึ้น ไปข้างบนห้องที่ติดกับห้องนอนของท่านหรือเปล่า พริมส่ายหน้าแทนคำตอบ ปรีชาบ่นอุบ

“น่าเสียดาย แต่ไม่เป็นไร เก็บไว้เซอร์ไพรส์เขาทีเดียว”

อ่านละคร เสน่ห์รักนางซิน ตอนที่ 4 วันที่ 28 เม.ย.61

บทประพันธ์โดย จันทริกา
กำกับการแสดงโดย สมจริง ศรีสุภาพ
ผลิตโดย บริษัท กู๊ด ฟิลลิ่ง จำกัด
ช่องออกอากาศ สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ