อ่านละคร คมแฝก ตอนที่ 10 วันที่ 18 เม.ย.61

อ่านละคร คมแฝก ตอนที่ 10 วันที่ 18 เม.ย.61

องอาจเตือนให้ทุกคนใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดจมูกกันแก๊สพิษไม่ให้เกิดภาพหลอนแต่หนทางทุลักทุเลเต็มที แม้กัลป์จะพอนำทางได้ แต่ยิ่งลึกบรรยากาศยิ่งวังเวง มองไม่เห็นแสงสว่างใดๆที่ปลายทาง

แต่กระนั้นพวกกัลป์ก็ไม่ท้อเดินหน้าหาทางออกถ้ำอีกด้าน เช่นเดียวกับพวกแสนที่ตัดสินใจส่งทหารของเจมส์ตามเข้าไปในถ้ำ เซ่งรอกับแสนและอดหนักใจแทนไม่ได้

“ผมได้ยินคนเฒ่าคนแก่เล่าต่อๆกันมาว่าในถ้ำมหากาฬมีอาถรรพณ์ เฉพาะแต่คนดีมีศีลเท่านั้นที่ผ่านไปได้”



“เหลวไหล...ถ้ำมันมีชีวิตหรือไงถึงได้ดูออกว่าใครเป็นคนดีคนร้าย ไม่ต้องสน...บุกเข้าไป!”

ชาญซึ่งเป็นไม้เบื่อไม้เมากับพวกแสนตั้งแต่ถูกปล้นอาวุธครั้งก่อนสั่งเสียงเข้ม พวกทหารก้มหน้าก้มตารับคำสั่ง เซ่งส่งสายตาไปทางเจ้านาย แต่แสนไม่ได้สนใจสิ่งใดนอกจากหลุมศพของอัคนีหน้าปากถ้ำ

“ไอ้แก่อัคนีก็เคยบอกกูแบบนั้น มีคนเป็นร้อยต้องมาสังเวยชีวิตในถ้ำแห่งนี้...ถ้ำมหากาฬ”

ooooooo

พวกทหารของเจมส์ถูกแก๊สพิษเล่นงานจนคลั่งฆ่ากันเอง เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหวในถ้ำทำให้พวกกัลป์ชะงัก อัญชันกลัวมากแต่กัดฟันสู้ กัลป์มองมาด้วยความเห็นใจและตัดสินใจพูดตรงๆ

“อัญชัน...ถึงยังไงไอ้แสนก็ได้ชื่อว่าเป็นพี่ชายของคุณ มันไม่ทำร้ายคุณแน่”

“ไม่! ถ้าฉันต้องรอดกลับไปคนเดียว ฉันยอมตายดีกว่า...เราต้องรอดไปด้วยกัน”

ทหารของเจมส์ตายเรียบเหลือแค่หัวหน้าหน่วยที่รอดตาย แต่ก็ประสาทหลอนเพราะแก๊สพิษ เขาสวมวิญญาณร้ายตามล่าพวกกัลป์ถึงปากถ้ำอีกด้าน โชคดีที่กัลป์ไหวตัวทันใช้คมแฝกฟาดจนตาย

แต่ถึงหนีหัวหน้าทีมพ้น เข้มกับขวานก็พาทหารรับจ้างหลายนายไปดักจับพวกกัลป์อีกทาง อัญชันวิ่งหนีแต่สะดุดล้มขาแพลง กัลป์จะพยุงแต่เธอไม่ยอม เรียกให้องอาจลากตัวเขาออกไป

เข้มกับขวานจับตัวอัญชันไปหาแสน หญิงสาวพยายามสะบัดตัวหนีแต่สองสมุนก็จับไว้แน่น

“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ ฉันไม่ใช่นักโทษของพวกนาย”

“แต่นายแสนสั่งว่า...”

“สั่งอะไรพวกนายก็ต้องก้มหัวทำตามงั้นเหรอ เก่งแต่ทำตัวหมาหมู่รุมกัดชาวบ้านกับรังแกผู้หญิง...น่าอายจริงๆ”

เซ่งเดินมาพร้อมแสน ไม่เห็นทหารของเจมส์สักคนก็หมั่นไส้อดแขวะชาญไม่ได้

“ทหารรับจ้างเป็นฝูง มึงยังเอาศพพวกไอ้กัลป์มันมาดูไม่ได้สักตัว”

“อย่าว่าแต่พวกกูเลย ไอ้กัลป์มันรอดไปได้ พวกมึงดูแลนายมึงให้ดีแล้วกัน กลัวมันนักไม่ใช่เหรอ”

ชาญโต้อย่างไม่กลัว แสนต้องส่งสายตาปราม ก่อนจะใช้คมแฝกฟาดเข้มกับขวานที่จับตัวอัญชันไว้

“ต่อจากนี้ไปเธอจะต้องอยู่แต่ในเขตไร่ราชสีห์ ห้ามออกไปไหนทั้งนั้น” แสนชี้หน้าสั่งอัญชัน

“นายจะคุมตัวฉันเอาไว้ที่ไหนก็ไม่สำคัญ ยังไงกัลป์ก็ต้องกลับมาช่วยฉัน นายระวังตัวเอาไว้ให้ดี”

สรรพนามเรียกขานที่เปลี่ยนไปทำให้แสนนิ่วหน้า

“เธอว่ายังไงนะ...เดี๋ยวนี้เธอเรียกฉันว่านายแล้วเหรออัญชัน”

“สิ่งที่นายคิดนายทำกับฉัน นายยังมีหน้ามานับพี่นับน้องกับฉันอีกเหรอ...นายแสน ราชสีห์!”

แสนโกรธจัดลากตัวน้องสาวนอกไส้ไปยืนตรงชะง่อนผา ประกาศท้าทายพวกกัลป์ที่ซ่อนตัวไม่ไกลกันนั้น

“คมแฝกแสงอัคคีก็อยู่ในมือมึงแล้วไม่ใช่เหรอไอ้กัลป์ แน่จริงมึงออกมาสิวะ”

จบคำคมแฝกสยบสาครในมือก็เหมือนจะส่งสัญญาณบางอย่าง แสนแสยะยิ้มร้ายมั่นใจว่ากัลป์อดีตเพื่อนรักต้องอยู่ไม่ไกล เพราะคมแฝกย่อมส่งสัญญาณถึงกัน

“ไอ้ขี้ขลาด มึงมันก็เหมือนเดิม ปล่อยให้ผู้หญิงที่มึงรักอยู่ในเงื้อมมือกูแต่ตัวเองเอาแต่หลบในรู”

กัลป์โมโห เกือบออกจากที่ซ่อนไปช่วยอัญชันอยู่แล้วถ้าองอาจจะไม่รั้งตัวไว้  “อย่านะกัลป์...นายไม่ได้หนังเหนียวเหมือนเมื่อก่อนแล้วนะ ขืนออกไปตอนนี้ นายมีแต่ตายกับตาย อย่าหวังจะได้ใช้คมแฝกแสงอัคคีสู้กับพวกมัน”

อัญชันคิดไม่ต่างจากองอาจ รีบตะโกนบอกกัลป์ให้ซ่อนตัวให้ดี

“อย่าไปฟังนายแสนพูด เขาก็แค่ยั่วให้คุณโกรธ...ไม่ต้องห่วงฉัน”

ooooooo

กัลป์ใจเย็นลงเมื่อได้ยินเสียงอัญชันผู้หญิงที่เขารักสุดหัวใจ องอาจกับตะโพนช่วยกันลากตัวเขาไปซ่อนให้พ้นสายตาพวกลาดตระเวนของเจมส์ แสนเจ็บใจมากที่ฆ่าอดีตเพื่อนรักไม่ได้ แต่ไม่ยอมแพ้จะใช้อัญชันเป็นตัวล่อ

แสนมั่นใจว่ากัลป์ต้องวกมาช่วยอัญชันจึงเก็บเธอไว้ใกล้ตัว แต่ยิ่งเห็นหน้าและท่าทางรังเกียจของเธอยิ่งทำให้ความแค้นพลุ่งพล่าน อยากจะจับตัวมาเขย่าให้สำนึกว่าใครกันที่เธอควรทำดีด้วย

“มันดีใช่ไหมที่หนีตามผู้ชายมากลางป่ากลางเขาแบบนี้ ไม่ชอบอยู่อย่างสบายๆเหรอ ชอบลำบากนักใช่ไหม”

“ถ้าจะให้อยู่แบบมีคนห้อมล้อมมากมาย แต่ไม่มีใครรักและจริงใจฉันไม่อยู่หรอก อยู่กับคนที่ไม่รักอยู่ทำไม”

“มันมีดีอะไรที่พี่ไม่มีบ้าง”

“มันไม่เกี่ยวกับว่ามีหรือไม่มี แต่มันเกี่ยวกับว่ารักหรือไม่รักมากกว่า...ฉันรักกัลป์”

“รักมันมากใช่ไหม...เดี๋ยวไอ้กัลป์มันต้องมาติดกับเหยื่ออย่างเธอแน่”

“เขาไม่ติดกับดักนายง่ายๆหรอก อย่าลืมสิว่าเขามีคมแฝกแสงอัคคี!”

กัลป์ไม่อยู่เฉยจริงๆ เขากับองอาจดักจับทหารของเจมส์และปลอมตัวเข้าไปในค่ายพักแรมของแสน องอาจรับหน้าที่ดึงความสนใจด้วยระเบิดปามือ ส่วนกัลป์ฉวยจังหวะชุลมุนไปชิงตัวอัญชันออกมา

แต่ที่กัลป์กับอัญชันคาดไม่ถึงคือแสนจะมาดักเจอระหว่างทางหนี

“กูรู้แต่แรกว่ามึงต้องมาช่วยอัญชัน กูรู้ว่ามึงจะต้องมาไม้นี้”

“ถ้างั้นก็ถึงเวลาสะสางบัญชีแค้นกันซะที”

กัลป์ปล่อยมือจากอัญชันและจดคมแฝกอันใหม่ในท่าเตรียมพร้อม

“แสงอัคคี...ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง”

แสนคำรามแล้วโถมตัวหา กัลป์รับได้ทุกท่าจนอดีตเพื่อนรักอดทึ่งไม่ได้

“ไม่เลว...มึงไวขึ้น”

“ไวกว่าที่มึงคิด...ไอ้แสน!”

กัลป์ไม่รอให้อีกฝ่ายตั้งตัวจู่โจมด้วยท่าใหม่ที่เข้ากับคมแฝกแสงอัคคีได้ดีจนแสนผงะ

“นี่สินะที่อัคนีสอนมึง มันคิดเหรอว่าแค่นี้จะโค่นแสน ราชสีห์ได้”

แสนบุกใหม่อีกครั้งด้วยท่วงท่าดุดันกว่าเดิมแต่กัลป์ก็รับไว้ได้

“ไม่เลว...มึงมีกระบวนท่าใหม่แต่กูไม่เชื่อหรอกว่ามึงจะเหนือกว่ากู!”

ขาดคำสองหนุ่มอดีตเพื่อนรักเพื่อนตายก็ปล่อยท่าไม้ตาย แต่ครั้งนี้กัลป์รับมือได้แม้จะบาดเจ็บที่ไหล่ ส่วนแสนเจ็บหนักถึงกับมือสั่นเพราะแรงฟาดจากคมแฝกแสงอัคคีที่ไม่ธรรมดา

เซ่งซึ่งซุ่มรอจังหวะเห็นเจ้านายเสียท่าก็เล็งปืนไปทางกัลป์ อัญชันเห็นเสียก่อนร้องบอก กัลป์จึงใช้ท่าคมแฝกฟาดมือขวาคนสนิทของอดีตเพื่อนรักตายคาที่ แสนเจ็บใจมากคว้าตัวอัญชันมารัดคอ

“ถ้าต้องเสียอัญชันให้กับมึง กูยอมฆ่าอัญชันทิ้งซะดีกว่า”

ท่าทางเอาจริงของแสนทำให้กัลป์ใจไม่ดี อยากช่วยอัญชันแต่เธอส่งสายตาให้หนี

“ถ้าคนของกูมาถึงเมื่อไหร่มึงตายแน่...รู้สินะว่าต้องทำยังไง”

“ทุกอย่างมันไม่จบแค่นี้หรอกไอ้แสน ตราบใดที่ไอ้กัลป์คนนี้ยังไม่ตาย...กูจะกลับมา!”

ooooooo

กระรอกไปไหว้หลุมศพพ่อกับแม่ที่ภูผาเพลิง ร่ำไห้สัญญาจะเข้มแข็งและจะยอมตายหากถูกนำไปสังเวยพวกฝรั่ง ดอกไม้ไม่ได้สะทกสะท้านหรือสำนึกผิดที่มีส่วนทำให้มาลัยตาย แถมดักรอจับผิดกระรอก

“ออกไปไหนมานังกระรอก อย่าบอกนะว่าจะหาเรื่องให้คนอื่นเดือดร้อนอีก...ถ้าฉันเป็นแก ฉันจะไม่ทำให้นายแสนโกรธตอนนี้ เพราะตอนนี้ไม่มีใครช่วยคุ้มกะลาหัวแกอีกแล้ว”

อ่านละคร คมแฝก ตอนที่ 10 วันที่ 18 เม.ย.61

ละครเรื่อง คมแฝก ประพันธ์โดย เสนีย์ บุษปะเกศ
ละครเรื่อง คมแฝก บทโทรทัศน์ คฑาหัสต์ บุษปะเกศ/ ณพุทธ สุศรีฯ
ละครเรื่อง คมแฝก ผู้สร้าง เมตตาและมหานิยม จำกัด
ละครเรื่อง คมแฝก ผู้จัด นก ฉัตรชัย เปล่งพานิช
ละครเรื่อง คมแฝก กำกับการแสดง ปิยะพันธ์ ชูเพ็ชร
ละครเรื่อง คมแฝก ออกอากาศทาง สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ