อ่านละคร เสน่ห์รักนางซิน ตอนที่ 4 วันที่ 27 เม.ย.61

อ่านละคร เสน่ห์รักนางซิน ตอนที่ 4 วันที่ 27 เม.ย.61

ระหว่างที่นั่งรอภควัต พริมขอให้พงศกรบอกธุระสำคัญมาเลยจะได้ไม่เสียเวลา ปรากฏว่าเรื่องสำคัญที่เขาว่าก็แค่จะปรึกษาว่าถ้าเขาอยู่ที่นี่ต่อไปจะปลอดภัยจากพวกจิ๊กโก๋ที่ทำร้ายเขาคืนนั้นหรือเปล่า

“ก็น่าจะปลอดภัยนะคะ อีกอย่างนักเลงพวกนั้นได้เล่นงานคุณไปแล้ว ฉันว่าเขาไม่ตามมาราวีคุณแล้วล่ะ ถ้าคุณไม่ไปหาเรื่องเขาใหม่”

“ถ้าคุณพริมการันตีผมก็สบายใจ ผมจะปรึกษาคุณพริมแค่นี้ล่ะครับ”



พริมถึงกับถอนใจเซ็ง ถ้าปรึกษาแค่นี้ทีหลังใช้โทรศัพท์ก็ได้ พงศกรจะใช้ได้อย่างไรในเมื่อคุยกันแล้วไม่ได้เห็นหน้าเธอ บุสกรกำลังกินของว่างอยู่ถึงกับสำลัก ระหว่างนั้นพนักงานเข้ามาแจ้งว่าภควัตยังประชุมไม่เสร็จ อาจจะต้องรออีกครึ่งชั่วโมง พริมไม่อยากรอฝากพนักงานไปบอกคุณวัตด้วยว่าขอตัวกลับก่อน พงศกรอยากรู้จักบ้านของเธอจึงอาสาจะไปส่ง ขอร้องเธออย่าปฏิเสธให้เสียเวลาเพราะมันไม่มีทางสำเร็จ...

พงศกรขับรถมาส่งพริมกับบุสกรที่บ้านลุงฟัก เนื่องจากไม่อยากจะโกหกใครอีกแล้ว...

ทางด้านปริตายังหน้าตาบวมปากเจ่อไม่หายทำให้ออกไปไหนไม่ได้ต้องนอนอยู่บ้านเพียงลำพัง อินทัชน้ำดื่มหมดเข้าที่ตึกใหญ่จะมาเอาน้ำ เจอเธอนอนละเมอฝันร้ายร้องเอะอะเสียงลั่น เขาเป็นห่วงก็เลยเข้ามาเขย่าแขนให้รู้สึกตัว ครั้นเห็นปากเจ่อของเธอถึงกับชะงัก เธอเองเห็นเขาอยู่ในบ้านก็ตกใจร้องลั่นตวาดทั้งที่พูดไม่ชัดว่าเข้ามาได้อย่างไร เขามาเอาน้ำได้ยินเธอละเมอเสียงดัง เป็นห่วงก็เลยเข้ามาดู

“คุณเป็นหนักขนาดนี้ น่าจะไปหาหมอ”

ปริตาไม่ยอมไป สองคนคุยกันไปคุยกันมาทั้งที่รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างเพราะปริตาพูดไม่ชัดแต่ก็คุยกันถูกคอดี อินทัชสารภาพว่าชอบพริมมาก ส่วนปริตาก็สนใจในตัวภควัต นั่นเท่ากับทั้งคู่ตกอยู่ในสภาพเดียวกันคือรักเขาข้างเดียว ทั้งสองคนตกลงกันว่าหากเธอช่วยเขาทำคะแนนกับพริม เขาจะช่วยเชียร์เธอให้ภควัต

ooooooo

การกลับมาบ้านลุงฟักครั้งนี้ ทำให้พริมกับบุสกรรู้จากลุงเพื่อนบ้านว่าเมื่อวานมีผู้ชายสามคนแวะมาหาลุงฟักกับป้ารำไพที่นี่ บุสกรรีบเอารูปภควัตในเน็ตให้ลุงดู เขาพยักหน้ารับว่าใช่คนนี้นี่เองที่มากับเพื่อนอีกสองคน และเขายังถามหาพริมอีกด้วย เขาถามด้วยว่าเธอชื่ออะไรแต่ลุงจำไม่ได้ก็เลยไม่ได้บอก

ครู่ต่อมา พริมกับบุสกรกลับถึงบ้านปรีชาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เป็นจังหวะที่ภูรีกับภควัตขับรถเข้ามาจอดพอดี บุสกรชวนพริมไปถามพวกเขาตรงๆเลยดีกว่าว่าไปบ้านลุงกับป้าทำไม พริมได้แต่นิ่งเงียบไม่พูดอะไร บุสกรอาสาถ้าเพื่อนไม่กล้า ตนจะไปถามให้เอง เธอร้องห้ามไว้ บางทีพวกนั้นอาจจะยังไม่รู้อะไรเลยก็ได้ ยิ่งเราไปถามก็ยิ่งเปิดช่องให้สงสัยเราได้ บุสกรไม่เข้าใจแล้วจะปล่อยให้ค้างคาใจอยู่อย่างนี้หรือ

“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันเถอะ” พริมน้ำเสียงหนักแน่น จากนั้นชวนบุสกรเข้าไปหาสองหนุ่ม เพื่อกลบเกลื่อนความเครียดของตัวเอง พริมทำท่าเริงร่าเข้าไป ภูรีคิดว่าเธออารมณ์ดีเพราะไปหาพงศกรมาก็หมั่นไส้หันไปขนถุงใส่กล่องอาหารที่ท้ายรถเมินหน้าใส่ไม่มอง พริมไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเข้าไปจะช่วยถือถุง เขาตวาดใส่ว่าไม่ต้อง ภควัตแก้ตัวแทนเพื่อนว่าคงจะขับรถเหนื่อยอารมณ์เลยบูด พริมไม่สนใจเดินตามภูรีไป

ภควัตจะเดินตามพริมแต่บุสกรคว้าแขนไว้ สั่งให้เขาช่วยขนอาหารกล่องเข้าบ้าน...

ภูรีหิ้วของเข้ามาวางในครัว แล้วเดินออกทางประตูหลังจะกลับเรือนเล็ก พริมตามมาร้องเรียกไว้ เขาไม่สนใจยังคงเดินต่อ เธอวิ่งมาขวางหน้าถามว่าเป็นอะไร เธอไปทำอะไรให้โกรธหรือ เขาไม่ได้โกรธแค่ไม่อยากเห็นหน้าเธอเท่านั้น พริมหลอกถามว่าเขามีปัญหาอะไรข้องใจกับเธอหรือเปล่าพูดมาตรงๆได้เลย

“คุณวัตบอกว่าวันนี้คุณไปหาคุณพงศ์ที่ห้อง”

“โธ่...นึกว่าเรื่องอะไรใหญ่โต” พริมแอบถอนใจโล่งอกที่ไม่ใช่เรื่องที่เธอเป็นหลานป้ารำไพกับลุงฟัก ภูรีโมโหปราดเข้ามาบีบแขนด่าซ้ำรู้จักพงศกรดีแค่ไหน ถึงคิดว่าไปหาเขาถึงห้องจะเป็นเรื่องเล็ก พริมงงจะโมโหทำไม เธอจะไปหาใครเขาเดือดร้อนอะไรด้วย เขารู้สึกตัวปล่อยมือจากแขนเธอ งงตัวเองเหมือนกันทำไมถึงเป็นขนาดนี้ ขอโทษเธอด้วย แล้วจะเดินกลับเรือนเล็ก พริมคว้ามือเขาไว้ให้มาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน

“ตกลงนายเป็นอะไร ฉันเห็นนายผีเข้าผีออกแบบนี้ ฉันเป็นห่วงนายนะถั่วพู”

“คุณเป็นห่วงผมจริงๆหรือแค่อยากให้ผมพาเข้าไปทำงานที่ P.PAUL”

พริมขอร้องให้เลิกมองเธอในแง่ร้ายสักที ภูรีอ้างที่ตัวเองเป็นแบบนี้ก็เพราะมองเธอไม่ออกว่าตัวตนที่แท้จริงเป็นอย่างไรกันแน่ และจะบอกเธอไว้ตรงนี้เลยว่าเธอไม่มีวันได้ทำงานที่ P.PAUL แน่นอน พริมอยากรู้เหตุผลทำไมถึงเป็นอย่างนั้น เขาหาว่าเธอเป็นคนไม่จริงใจที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา เธอปวดใจมากเพราะมีปมเรื่องโกหกทุกคนอยู่แล้ว ประกาศกร้าวต่อไปนี้จะไม่ขอร้องให้เขาช่วยเรื่อง P.PAUL อีก

“แต่ฉันจะต่อสู้ด้วยตัวฉันเอง...จำคำพูดและจำหน้าฉันเอาไว้ให้ดี สักวันหนึ่งฉันจะทำงานที่ P.PAUL และฉันก็จะต้องมีตำแหน่งที่สูงกว่านายด้วย คอยดู”

พริมว่าแล้วหันหลังกลับเข้าบ้าน ก่อนจะแอบไปร้องไห้เสียใจกับการที่ถูกภูรีกล่าวหาว่าเป็นคนไม่จริงใจ...

บารมีฝันร้ายเหมือนเดิมอีกแล้ว ฝันเห็นผู้หญิงท้องแก่วิ่งหนีเปลวไฟที่โหมกระหน่ำอยู่ในบ้าน แต่ไม่สามารถหาทางออกได้ กระทั่งไม้ติดไฟท่อนหนึ่งหล่นลงมาใส่ร่างของเธอ บารมีร้องลั่น สะดุ้งตื่นลุกพรวดขึ้นนั่ง เหงื่อแตกเต็มไปทั้งตัว รู้สึกผิดกับภาพความฝันนั้น อยากมีใครสักคนมาปลอบขวัญจึงโทร.ไปหาพัชราที่ยังอยู่ที่อเมริกา แทนที่จะได้คำปลอบใจกลับถูกกระแนะกระแหนและซ้ำเติม

“ผมอุตส่าห์โทร.หาคุณเพราะอยากได้ความสบายใจ แต่คุณไม่เคยให้ความร่วมมือกับผมเลยสักครั้ง”

“ใช่สิ ในสายตาคุณ ฉันมันไม่เคยดี ไม่เหมือนอีนัง...” พัชราพูดยังไม่ทันจบ บารมีวางหูใส่เสียก่อน เธอปามือถือลงบนโซฟากรีดร้องด้วยความเจ็บใจ วิกกี้ได้ยินเสียงแม่ร้องกรี๊ดๆรีบวิ่งมาถามว่าเกิดอะไรขึ้น

“จะมีใคร ก็พ่อเรานั่นแหละ เขาคิดว่าแม่เป็นนางมารร้าย ไม่เคยเห็นความดีของแม่เลย”

วิกกี้พยายามจะพูดให้เป็นกลางไม่เข้าข้างฝ่ายไหน กลับถูกพัชราเล่นงาน ถ้าจะเข้าข้างคนอื่นก็ไปให้พ้น ตนอยากอยู่คนเดียว แล้วบอกลูกว่าพ่อของแกไม่ได้เป็นคนดีอย่างที่เห็น แล้วเดินอารมณ์บูดเข้าห้องนอน วิกกี้ มองตามแปลกใจทำไมแม่ถึงพูดแบบนั้น

ooooooo

พริมเสียใจที่ถูกภูรีต่อว่าว่าเป็นคนไม่จริงใจ ร้องไห้ตั้งแต่ในบ้านยันไปถึงริมทะเล บุสกรกับปริตาเข้ามาปลอบแทนที่จะเงียบเธอกลับร้องไห้หนักขึ้น และเล่าให้เพื่อนรักฟังทั้งน้ำตาว่าเขายังบอกอีกว่าคนไม่จริงใจอย่างเธอไม่มีวันจะได้ทำงานที่ P.PAUL เธอไม่ได้อยากจะโกหกใครสักหน่อย

“ฉันก็แค่อยากจะทำความฝันของแม่ให้เป็นจริง อยากตามหาพ่อ ฉันผิดด้วยเหรอ ฉันผิดด้วยเหรอ”

อีกมุมหนึ่งห่างออกมา อินทัชถือจานใส่อาหารมาจากตึกใหญ่จะเอาไปให้ภูรีที่เรือนเล็ก เห็นพริมร้องไห้โฮซบไหล่บุสกรโดยมีปริตาคอยกอดปลอบใจก็มองด้วยความเป็นห่วง เมื่อเข้ามาในเรือนเล็ก เขาเล่าให้ภูรีฟังเรื่องที่เห็นพริมร้องไห้ ส่วนจะร้องด้วยสาเหตุอะไรเขาไม่รู้ แต่ต้องเป็นเรื่องที่สะเทือนใจเธอมากๆ ถึงได้เป็นแบบนั้น

“ถ้าฉันรู้ว่าใครทำให้คุณพริมเสียใจ ฉันจะเข้าไปถามว่าหัวใจทำด้วยอะไรถึงทำลายจิตใจผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างคุณพริมได้ลงคอ” คำบอกเล่าของอินทัชทำเอาภูรีสะเทือนใจที่เป็นต้นเหตุให้พริมเสียใจอย่างหนัก...

ทางฝ่ายวิกกี้ซึ่งยังอยู่ที่อเมริกา ใช้ความจริงใจกล่อมจนพ่อของวีรียอมรับเงินไว้สำหรับดูแลลูกในท้องของวีรี อีกทั้งยังยอมเซ็นสัญญาจะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับทางครอบครัวฝ่ายชายอีกด้วย

ooooooo

ภูรีในชุดวอร์มทำเป็นจะมาวิ่งออกกำลังกาย แต่ความจริงจะมาสอดแนมดูอาการของพริมว่าเป็นอย่างไรบ้าง กลับเห็นเธอแต่งตัวสวยถือแฟ้มประวัติตัวเองนั่งใส่รองเท้าอยู่หน้าตึกใหญ่ เขารีบถอยไปแอบหลังพุ่มไม้ อึดใจบุสกรกับปริตาตามออกมาถามว่าแน่ใจหรือจะทำแบบนี้ เธอพยักหน้า

“ฉันนอนคิดมาทั้งคืนแล้ว ถึงฉันจะไม่รู้ว่าเหตุผลอะไรที่นายถั่วพูต้องด่าว่าฉันไม่จริงใจ แต่คำพูดของเขาทำให้ฉันเจ็บ ทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนเลวเพราะสิ่งที่ฉันทำอยู่ ฉันก็ต้องเลิกทำมันซะ”

ปริตาติงไหนพริมเคยบอกเองไม่ใช่หรือว่าอย่าให้คำพูดคนอื่นมาหยุดความฝันของเรา เธอไม่ได้หยุดฝันแค่จะทำให้มันถูกต้องมากขึ้น บุสกรอาสาจะไปเป็นเพื่อน พริมเกรงใจเพื่อนๆต้องเดือดร้อนเพราะเธอมามากพอแล้ว เธอขอจัดการปัญหาที่ก่อด้วยตัวเอง สองสาว กอดพริมอย่างให้กำลัง จากนั้นเธอจะเดินออกไปขึ้นรถสองแถว ภูรีรีบวิ่งมาโบกเรียกแท็กซี่ให้ขับตามสองแถวคันนั้นไปอีกทอดหนึ่ง...

ด้านพงศกรมั่วยาตั้งแต่เมื่อคืนเพิ่งสร่าง แจ๊คก็มาชวนให้ไปปาร์ตี้ที่บ้านนายหัวชนะเจ้านายของตัวเอง เนื่องจากท่านมีขนมตัวใหม่มาให้ลองชิมกัน รับรองจะติดใจจนไม่อยากกลับกรุงเทพฯ พงศกรอยากลองของใหม่ตัวซีดตัวสั่น แต่ขอกลับไปโรงแรมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน...

ภูรีตามพริมมาถึงโรงแรมมุกทะเล เห็นเธอบ่ายหน้าไปยังตัวอาคารของโรงแรมก็เร่งฝีเท้าตาม อารามรีบร้อนไม่ทันดูทาง ถูกรถของพงศกรเฉี่ยว เสียงเบรกรถดังลั่นทำให้พริมหันมอง พงศกรลงจากรถไปดูคนเจ็บต้องตกใจที่เห็นภูรีนั่งแปะอยู่กับพื้นถนน พริมร้องถามพงศกรว่ามีใครเป็นอะไรหรือเปล่าแล้วเดินย้อนกลับมา

เจ้าของ P.PAUL ตาเหลือกรีบคลานไปอยู่อีกฝั่งของรถเพื่อไม่ให้พริมเห็นหน้า เธอจะเดินมาช่วยดูคนเจ็บ เขาก็คลานหนีจนในที่สุดเอาตัวรอดมาได้ พงศกรต้องขอโทษเธอแทนว่าที่พี่เขยด้วยที่ทำตัวแปลกๆ แล้วถามว่ามาทำอะไรที่นี่ เธอจะมาหาภควัตจะให้ช่วยพาไปแนะนำตัวกับเจ้าของ P.PAUL พงศกรไม่ยอมแพ้ภควัต

“ผมก็ช่วยคุณพริมได้ ช่วยได้ดีกว่าพี่วัตด้วยซ้ำเพราะครอบครัวพี่ภูสนิทกับครอบครัวผม พี่ภูเป็นว่าที่พี่เขยของผมด้วย”

พริมตื่นเต้นมากถามว่าใช่พี่ภูคนเมื่อครู่นี้ไหม พงศกรพยักหน้า คนนั้นก็คือผู้บริหารตัวจริงของ P.PAUL เธอไม่รอช้าวิ่งไปยังทิศทางที่ภูรีวิ่งไป แต่ไม่เจอใคร พงศกรเห็นเธออยากเจอภูรีมากจึงออกอุบายว่าจะพาไปหา วันนี้พี่ภูจะไปปาร์ตี้บ้านนายหัวชนะคนดังของภูเก็ต พริมหลงเชื่อตกลงใจจะไปกับเขา แล้วโทร.บอกบุสกรเรื่องที่เปลี่ยนแผนนิดหน่อย พอดีเธอเจอกับพงศกรซึ่งรู้จักกับเจ้าของ P.PAUL ก็เลยจะพาเธอไปพบ...

ภูรีแอบมองพริมอยู่อีกมุมหนึ่ง เห็นเธอขึ้นรถไปกับพงศกรก็หงุดหงิด อุตส่าห์เตือนแล้วว่าหมอนั่นไม่น่าไว้ใจ ยังจะไปกับมันอีก จากอารมณ์เสียที่เห็นเธอไปกับพงศกร เริ่มเปลี่ยนเป็นกังวลแทน ตัดสินใจขึ้นไปหาภควัตที่ห้องพัก วานให้ช่วยโทร.เรียกตัวพริมกลับมา ปรากฏว่าตอนโทร.ไปหาเธออยู่บนเรือสปีดโบ๊ต ทั้งเสียงเครื่องยนต์ผสมกับเสียงคลื่นทำให้เธอไม่ค่อยได้ยินเสียงที่ภควัตพูด จึงลุกจะเข้าไปคุยในห้อง

พงศกรเห็นท่าไม่ดีพยักพเยิดกับแจ๊คซึ่งแกล้งหักพังงาเรือทำให้พริมตกใจร้องกรี๊ดลั่น ก่อนจะเสียหลักทำมือถือตกทะเล ภควัตเองก็ตกใจเพราะเสียงสุดท้ายที่ได้ยินก่อนสายจะหลุดคือเสียงเธอกรีดร้อง ภูรีรู้เรื่องก็ยิ่งโมโหตัวเองที่เป็นต้นเหตุให้พริมต้องตกอยู่ในสภาพนี้

“ฉันจะไม่ซ้ำเติมแก แต่ฉันอยากให้แกรู้ว่าแกต้องช่วยฉันปกป้องคุณพริม”

“แกไม่บอกฉันก็จะทำ แกไปเตรียมสั่งคนเอาเรือออก”

ภควัตแปลกใจรู้หรือว่าคุณพริมไปไหน ภูรีไม่รู้ แต่รู้ว่าใครที่รู้ แล้วหยิบมือถือขึ้นมาโทร.บอกให้อินทัชไปคาดคั้นความจริงจากบุสกรกับปริตาว่าพงศกรพาพริมไปไหน กว่าจะได้คำตอบว่าไปบ้านนายหัวชนะเล่นเอาเขาน้ำลายเหนียว ครั้นได้ที่อยู่ของพริม สามหนุ่มไม่รอช้าขึ้นเรือเร็วไปที่นั่นทันทีโดยที่ภควัตเอาปืนติดไปด้วย...

ทางด้านพริมไม่ได้สนใจมือถือที่ตกทะเลเพราะเมาเรืออย่างหนักต้องวิ่งไปอาเจียนที่กราบเรือเป็นระยะๆ แจ๊คเจ้าเล่ห์ทำทีเอายาแก้เมาเรือมาให้กิน เธอไม่ทันระวังตัวกินยาที่เขาให้โดยไม่รู้ว่านั่นเป็นยานอนหลับ ไม่นานนักเธอก็หมดสติไป

พริมมาฟื้นอีกทีพบว่าตัวเองอยู่บนเตียงในห้องนอนหรู ลุกพรวดไปดูที่หน้าต่างห้องเห็นว่าอยู่บนเกาะมีต้นไม้ร่มรื่น เธอกวาดตามองหาอาวุธในห้องแต่ไม่พบคว้าของตกแต่งที่พอจะเป็นอาวุธได้ขึ้นมากระชับไว้ในมือ ก่อนจะค่อยๆเปิดประตูห้องออกมา ได้ยินเสียงเอะอะดังมาจากห้องที่อยู่ถัดไปรีบย่องไปดูที่ประตู ซึ่งแง้มไว้เห็นพงศกรกับแจ๊คนั่งตาปรือคล้ายคนเมายาอยู่ในนั้น พลันได้ยินเสียงคนเดินมา เธอรีบหลบมุมแอบมอง

นายหัวชนะกับสมุนเดินคุยกันเข้ามา เป็นทำนองว่าจะหลอกใช้ให้พงศกรเอายาเสพติดตัวใหม่ไปขายให้ เพื่อนไฮโซของเขา พริมเห็นท่าไม่ดีค่อยๆถอยออกมา แต่ดันไปเจอสมุนอีกคนหนึ่งของนายหัวเข้า ก็เลยถูกจับตัวไว้ได้ นายหัวรู้ว่าเธอได้ยินอะไรที่ไม่ควรได้ยินก็ส่งซิกให้สมุนเอาไปฆ่าปิดปาก โดยหลอกว่าจะพาเธอไปส่งขึ้นฝั่ง พริมเดินตามสมุนออกไปโดยไม่รู้ว่ากำลังจะถูกพาไปฆ่าหมกเกาะ

ooooooo

พริมเริ่มเอะใจว่าตัวเองอาจถูกเก็บเนื่องจากถูกสมุนของนายหัวประกบหน้าประกบหลังพาเข้าป่าแทนที่จะไปชายหาด ทำทีปวดท้องขอกลับไปเข้าห้องน้ำที่บ้านพัก สมุนไม่ยอมให้กลับ เธอออดอ้อนถ้าไม่ให้กลับขอเข้าหลังพุ่มไม้นั่นก่อนก็ได้ สมุนถึงได้ยอมให้ไป พริมอาศัยจังหวะนั้นย่องหนี แต่สมุนรู้ตัวเสียก่อนชักปืนไล่ยิง

ก่อนที่พริมจะเสียท่าให้คนชั่ว ภูรีตามมาทัน เธอดีใจโผกอดเขาร้องไห้ ภควัตตามมากับอินทัชเร่งให้ภูรีพาเธอไปรอที่เรือก่อน ตนกับอินทัชจะล่อพวกนั้นไปอีกทางแล้วจะตามไป

ภูรีพาพริมมาถึงชายหาดเจอสมุนไล่ยิง ทั้งคู่หนีไปถึงเรือจนได้แล้วขับเรือหนีอย่างไม่คิดชีวิต โชคไม่ดีเรือน้ำมันหมดกลางทาง ขณะที่ภูรีพยายามจะหาทางออก มีห่ากระสุนสาดเข้ามาที่ตัวเรือ เขาดึงพริมหลบ เสียงปืนยังดังต่อเนื่อง พริมกลัวมากถึงกับร้องไห้ออกมา ภูรียิ่งรู้สึกผิดปลอบว่าไม่ต้องกลัว เราจะรอดกลับไปทำงานที่ P.PAUL ด้วยกัน

เรือของพวกสมุนแล่นมาจอดเทียบเรือของภูรีพร้อมกับยิงปืนใส่ ภูรีพาพริมคลานไปที่หัวเรือก่อนจะพากันโดดน้ำหนีตาย สมุนตามมาสาดกระสุนใส่อีก ทั้งคู่จมหายไปกับน้ำทะเล พวกสมุนคิดว่าตายแล้วจึงพากันกลับไป ด้วยความช่วยเหลือจากภูรี ทำให้พริมผ่านพ้นความกลัวทั้งกระสุนและกลัวจมน้ำมาได้

ทั้งคู่ตะกายขึ้นมาสูดอากาศหายใจบนผิวน้ำ ภูรีเห็นพริมเริ่มหมดแรงเห็นไม้กระดานแผ่นหนึ่งลอยมา คว้ามาให้เธอเกาะไว้ ความกลัวยังครอบงำจิตใจพริม ภูรีต้องคอยปลอบว่าจะไม่ปล่อยให้เธอตายเด็ดขาดและขอโทษเธอด้วยที่เป็นต้นเหตุทำให้เธอต้องเป็นแบบนี้

“นายไม่ผิดเลย ฉันเองที่ผิดที่ไม่ยอมเชื่อคำเตือนของนาย ถ้าฉันมีชีวิตรอดกลับไป ฉันสัญญาว่าฉันจะไม่เถียงนายเลยสักคำเดียวนายถั่วพู” ขณะที่ทั้งคู่เริ่มหมดแรงเนื่องจากแช่อยู่ในน้ำนาน มีเรือของชาวประมงแล่นผ่านมาและช่วยทั้งคู่ขึ้นเรือมาได้ แต่เนื่องจากแผ่นดินไกลมาก และกำลังจะมีพายุ ลุงเจ้าของเรือจึงแนะให้ทั้งคู่ไปพักที่บ้านของตนก่อน อยู่ที่หมู่บ้านประมงไม่ไกลจากที่นี่ ภูรีเอาผ้าห่มแห้งๆมาให้พริมห่มกันหนาว

เธอเห็นเขาหนาวเช่นกันก็เลยแบ่งผ้าห่มให้ ภูรีจับมือเธอมากุมไว้อย่างเป็นกำลังใจให้ พริมรู้สึกอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก เอนหัวพิงไหล่เขา ภูรีเองก็เอนหัวซบหัวเธอความรู้สึกดีๆส่งผ่านถึงกันโดยไม่ต้องมีคำพูดใดๆ...

ภควัตกับอินทัชขับเรือของแจ๊คมาขึ้นฝั่ง แต่ไม่ปรากฏแม้เงาของภูรีกับพริม ภควัตเป็นกังวล คู่นั้นหนีออกมาก่อนทำไมยังมาไม่ถึง สั่งให้คนของตัวเองไปเช็กสัญญาณ GPS ทีว่าเรือของตนไปอยู่ที่ไหน

ooooooo

ระหว่างที่ภควัตกับอินทัชยังไม่รู้ว่าภูรีกับพริมจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร บุสกรกับปริตาตามมาที่โรงแรมเพื่อจะมาขอเบอร์มือถือของพงศกร พริมออกไปกับเขาตั้งแต่เช้า ถึงตอนนี้แล้วไม่สามารถติดต่อเธอได้เลย

“ปกติพริมไม่เคยปล่อยให้เราสองคนต้องเป็นห่วง เราถึงมั่นใจว่าจะต้องเกิดเรื่องไม่ดีกับพริม”

บุสกรเห็นอินทัชกับภควัตมองสบตากันสีหน้าไม่สู้ดีนักถามว่ามีอะไรหรือเปล่า ยังไม่ทันที่สองหนุ่มจะพูดอะไร ภูรีโทร.เข้ามาที่มือถือของอินทัชแจ้งให้รู้ว่าเราสองคนปลอดภัย ตอนนี้อยู่ที่หมู่บ้านประมง

 “แล้วทำไมแกไปอยู่ที่นั่นได้วะ...ทำกันถึงขนาดนั้นเลยเหรอ...ตามใจแกแล้วกัน” อินทัชวางสายแล้วหันมาบอกกับทุกคนว่าตอนนี้ทั้งสองคนนั่นปลอดภัยแล้ว พรุ่งนี้เช้าค่อยให้เราไปรับกลับ

“ตกลงเกิดอะไรขึ้น” บุสกรมองภควัตกับอินทัชด้วยสายตากร้าว...

การมาติดอยู่ที่หมู่บ้านชาวประมง ทำให้ภูรีได้เห็นมุมชอบช่วยเหลือคนอื่นของพริมอีกต่างหาก เธอทนไม่ได้ที่เห็นเด็กๆในหมู่บ้านไม่ยอมสวมรองเท้า จึงแต่งนิทานเกี่ยวกับเชื้อโรคมาเล่าให้ฟังทำให้เด็กๆเล็งเห็นถึงความสำคัญของการสวมรองเท้า เป็นการป้องกันไม่ให้เชื้อโรคจากพื้นดินผ่านทางเท้าเข้าสู่ร่างกาย เด็กๆ พากันตื่นตัวยอมสวมรองเท้า

อ่านละคร เสน่ห์รักนางซิน ตอนที่ 4 วันที่ 27 เม.ย.61

บทประพันธ์โดย จันทริกา
กำกับการแสดงโดย สมจริง ศรีสุภาพ
ผลิตโดย บริษัท กู๊ด ฟิลลิ่ง จำกัด
ช่องออกอากาศ สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ