อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 2 วันที่ 18 เม.ย.61
ที่ทางเปลี่ยว...พระยาสีหะราชเดชะ ขุนนางผู้ใหญ่ที่รู้เห็นการเสียชีวิตของเสือขุนทองและสามารถเอาผิดผู้เกี่ยวข้องได้ ลอบเข้าอโยธยากำลังรอลูกน้องที่ไปสืบข่าว ลูกน้องกลับมารายงานว่า“ไม่ได้เรื่องเลยขอรับ คนรู้จักที่ท่านเจ้าคุณหวังพึ่งพา ถ้าไม่ตายก็หมดอำนาจวาสนากันหมดสิ้น กระผมว่าเราฟ้องร้องกันเองเถิดขอรับ”
“ไม่ได้ เอ็งไม่รู้ดอกว่าเจ้าคุณพลเทพมีอำนาจเพียงใด ขนาดความผิดเห็นอยู่ทนโท่ยังดั้นเมฆตัดสินให้ถูกมาแล้ว หากเราบุ่มบ่ามไปฟ้องร้อง ไม่ทันไต่สวนทวนความ คงกลายเป็นผีกันเสียก่อน” ลูกน้องถามว่าอุตส่าห์ลอบเข้ามาแล้วจะกลับไปอย่างนี้หรือ “ถึงขั้นนี้แล้ว มีเพียงคนเดียวที่จะช่วยเราได้ เห็นทีพวกเราต้องเสี่ยงเข้าฝ่ายในกันแล้ว”
ทันใดนั้นลูกน้องพระยาพลเทพอาวุธครบมือ นำโดยขุนแผลงฤทธิ์กับจมื่นศรีสรรักษ์ก็กรูกันเข้าล้อมพระยาสีหะราชเดชะกับพวกไว้ พระยาพลเทพเดินฝ่าลูกน้องเข้ามาบอกพระยาสีหะราชเดชะว่า
“ระหว่างเราคงไม่ต้องอ้อมค้อม ท่านเจ้าคุณตามฉันไปพูดคุยกันที่เรือนแต่โดยดีเถิด มีกระไรยังพอตกลงกันได้” พระยาสีหะราชเดชะถามว่าถ้าหากกระผมไม่ไปเล่า พระยาพลเทพยิ้มก่อนพยักหน้าเป็นสัญญาณ
ขุนแผลงฤทธิ์กับพวกก็บุกเข้าตะลุมบอนทันที จมื่นศรีสรรักษ์ถามพระยาพลเทพว่าถึงขั้นนี้แล้วจะบอกตนได้หรือยังว่า พระยาสีหะราชเดชะผู้นี้ผิดด้วยเหตุใด พวกเราถึงต้องทำขนาดนี้
“ออกญาผู้นี้เคยเป็นข้าเก่าของฉันกับเจ้าจอมท่านมาก่อน แต่เนรคุณเลี้ยงไม่เชื่องจึงขาดกันไป คิดไม่ถึงว่ายังสู้อุตส่าห์ลอบกลับเข้ามาอีก ชะรอยคงจะหาทางกลับมาทำร้ายเจ้าจอมท่านเป็นแน่”
จมื่นศรีสรรักษ์เป็นห่วงเจ้าจอมเพ็ญจึงเข้าสู้ด้วยแต่ไม่มีฝีมือจึงถูกพระยาสีหะราชเดชะรุกไล่ ขุนแผลงฤทธิ์จึงเข้าไปช่วยจนพระยาสีหะราชเดชะต้องถอยร่น ลูกน้องถูกฆ่าตายมากจึงพยายามจะตีฝ่าวงล้อมออกไป ถูกขุนแผลงฤทธิ์ฟันที่ท้องจนเป็นแผลฉกรรจ์แล้วจะเข้าซ้ำ แต่ถูกลูกน้องพระยาสีหะราชเดชะเข้าขวาง
“ท่านเจ้าคุณรีบหนีไปขอรับ” ลูกน้องตะโกน พระยาสีหะราชเดชะกัดฟันหนีไป
“พวกมึงตามกูมา จับมันให้ได้” จมื่นศรีสรรักษ์ตะโกนชูดาบตะบึงตาม
พระยาพลเทพมองตามยิ้มเหี้ยมอย่างไม่มีวันปล่อยให้พระยาสีหะราชเดชะหนีรอดไปได้เด็ดขาด
ooooooo
ที่บ้านมิ่ง วันนี้มีขุนนางที่ทั้งไม่หล่อและอายุรุ่นราวคราวเดียวกับมิ่งให้แม่สื่อพามาดูตัวแมงเม่า มิ่งกับชื่นต้อนรับยิ้มแย้มแจ่มใส แต่หารู้ไม่ว่าแมงเม่าได้ปลอมตัวเป็นชายหนีออกจากบ้านไปแล้ว โดยให้ผลดูต้นทางและติ่นนอนคลุมโปงอยู่ในห้อง กว่ามิ่งจะรู้แมงเม่าก็หนีไปไกลแล้ว
แมงเม่ากับผลหนีไปเดินตลาดใกล้วังเห็นโรงเรือนมุงจากเป็นแนวยาวคู่มากับกำแพง แมงเม่าสงสัยว่าเป็นโรงอะไร ผลบอกว่าไม่เคยเห็นเหมือนกัน แม่ค้าผู้หนึ่งรู้เรื่องดีบอกว่า
“โรงนั้นเป็นฉนวนทางเดินของฝ่ายในกั้นมิให้ไพร่อย่างเราเข้าไปใกล้ วันนี้มีงานสมโภชใหญ่ ฝ่ายในคงจะออกมาชมงานจึงต้องมีการสร้างโรงไว้คอยกั้นน่ะ”
แมงเม่าบอกว่ายิ่งกั้นยิ่งอยากดู แม่ค้าตกใจเตือนว่าอย่าเชียวนะ เดี๋ยวถูกไล่ตีเอาดอก
แมงเม่าเดินเข้าใกล้เห็นหนุ่มกลุ่มหนึ่งกำลังชะเง้อมองเข้าไป ทันใดนั้นหลวงศรีมะโนราชกับขุนเทพชำนาญและขุนเทพรักษา ถือหางกระเบนออกจากโรงเรือนไล่ตีคนที่มามุงดู พวกหนุ่มๆถูกหางกระเบนต่างร้องอย่างเจ็บปวดบ้างเลือดไหลซิบๆ หลวงศรีมะโนราชพุ่งเข้ามาที่แมงเม่ากับผล หวดหางกระเบนใส่ผลแล้วจะหวดแมงเม่า พริบตานั้นมีมือหนึ่งมาคว้าข้อมือที่ถือหางกระเบนไว้ ขันทองนั่นเอง หลวงศรีมะโนราชหันไปตะคอก
“นี่มันกระไรกันออกหลวง ฉันกำลังจะลงโทษอ้ายพวกไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง มาขวางฉันทำไม”
“ดีฉันจำต้องขวางเจ้าค่ะ เพราะคนผู้นี้มิใช่ชาย” ขันทองมองไปที่แมงเม่าแล้วปลดมวยผมแมงเม่าออกผมสยายทันที หลวงศรีมะโนราชเห็นว่าเป็นหญิงจึงเดินหนีไปอย่างไม่พอใจ
ขันทองจ้องมองแมงเม่าด้วยแววตาตำหนิ แมงเม่าก้มหน้าหลบตาสำนึกผิดและถ้าขันทองไม่ช่วยตนไว้คงโดนหางกระเบนจนได้แผลไปแล้ว...
พาผลไปถึงเรือนหมอแล้วแมงเม่ากับขันทองรออยู่ข้างนอก แมงเม่าไหว้ขอบพระคุณออกหลวงที่ช่วยตนไว้ ขันทองพูดหน้าตึงว่า
“มิต้องขอบพระคุณกระไรดอก แต่จำไว้เป็นบทเรียนก็พอ ที่เจ้าซุกซนแก่นกล้าได้ก็เพราะพ่อแม่ญาติพี่น้องรักเอ็นดูเจ้า จะดุว่าอย่างไรก็ไม่ทำร้าย แต่ผู้อื่นเขามิได้รักเจ้าอย่างพี่น้อง เพียงผิดน้อยนิดก็พร้อมทำร้ายเจ้าเจียนตายได้ เพลาที่เจ้าดื้อดึงกับพ่อก็คิดถึงข้อนี้ไว้บ้าง”
แมงเม่ารู้สึกผิดไหว้ขอบพระคุณที่ออกหลวงช่วยไว้
“ฉันมิได้อยากดื้อนะเจ้าคะ พ่อท่านบังคับให้ฉันดูตัว หมดคนนั้นก็มีคนนี้อีก ฉันรำคาญจึงต้องทำเช่นนี้
เจ้าค่ะ ถ้าพ่อท่านเลิกบังคับให้ฉันดูตัวเมื่อใด ฉันก็จะเลิกดื้อดึงเมื่อนั้นเจ้าค่ะ”
แมงเม่าขอบพระคุณที่ออกหลวงสั่งสอนแต่ถึงอย่างไรตนก็จะทำอีก แล้วแมงเม่าก็รำพึงว่า
“เกิดเป็นหญิงเรื่องคู่ครองนั้นสำคัญนัก ถ้าตามใจพ่อแม่แล้วภายหน้าอยู่กันไม่ยืด พ่อแม่ก็ช่วยเราไม่ได้นะเจ้าคะ” ขันทองอึ้งพึมพำว่าเกิดมาตนไม่เคยพบหญิงใดเหมือนเจ้ามาก่อนเลย “ฉันก็ไม่เคยพบใครเป็นเหมือนออกหลวงเหมือนกันเจ้าค่ะ”
ขันทองแกล้งโมโหเดินไป แมงเม่ายิ้มขำๆที่ได้แกล้งขันทอง แต่ก็ประทับใจความใจดีและเอื้ออาทรที่เขามีให้ตนไม่น้อย
ooooooo
หลังเกิดเหตุ พระยาพลเทพเข้าไปรายงานเจ้าจอมเพ็ญ เจ้าจอมหน้าเครียดบอกว่าคุณพระนายศรีเล่าให้ฟังแล้ว ดีที่ท่านเจ้าคุณรู้เข้าหูก่อนมิเช่นนั้นออกญาสีหะราชเดชะคงเอาหลักฐานที่มีฟ้องร้องเราไปแล้ว
พระยาพลเทพบอกว่าตนไม่เคยไว้ใจออกญาผู้นี้จึงให้คนจับตาการเคลื่อนไหว เห็นเงียบไปหลายปียังย้อนกลับมาแว้งกัดเราอีกจนได้ ตราบใดที่ยังจับตัวไม่ได้ก็วางใจไม่ได้เพราะออกญาผู้นี้ยังมีที่พึ่งสุดท้ายอยู่
เจ้าจอมเพ็ญถามว่ากรมขุนวิมลภักดีน่ะหรือ เมื่อรู้ว่ากรมขุนวิมลยังประทับอยู่ที่ตำหนัก ก็ให้เลื่อนนาง ข้าหลวงคนโปรดเอากลบทที่ตนเพิ่งแต่งเสร็จมา ตนจะเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าอยู่หัวและไปกราบทูลกรมขุนวิมลด้วยว่าหากอยากลองแก้กลบทให้เป็นที่สำราญพระทัยจะได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าอยู่หัวพร้อมกันเพื่อถ่วงเวลาไว้
“มิต้องกลัว ออกญาสีหะราชเดชะอยู่ไม่ถึงตะวันตกดินดอกขอรับ” พระยาพลเทพยิ้มเหี้ยม
บ่ายวันนี้เอง พระยาสีหะราชเดชะที่อยู่ในวัดก็ถูกขุนแผลงฤทธิ์กับลูกน้องเข้าไปรุมทำร้ายและแทงท้องพระยาสีหะราชเดชะเลือดทะลักแล้วจะฟันซ้ำ แต่ถูกพระยาสีหะราชเดชะกำทรายซัดใส่ตาแล้วหนีไปได้
พระยาสีหะราชเดชะกระเซอะกระเซิงเลือดท่วมตัวไปเจอแมงเม่ากับผลที่กำลังจะกลับเรือน
แมงเม่าตกใจเข้าประคองบอกพ่อลุงให้ทำใจดีๆไว้ พระยาสีหะราชเดชะที่บาดเจ็บสาหัสใกล้ตายแข็งใจล้วงในอกเสื้อหยิบกลักดีบุกขนาดนิ้วก้อยออกมาให้แมงเม่าแต่สิ้นใจเสียก่อน กลักดีบุกจึงหล่นใกล้ตัวแมงเม่า
พอดีจมื่นศรีสรรักษ์กับขุนแผลงฤทธิ์ตามมาถึง ผลักแมงเม่าล้มทับกลักดีบุกไล่ไสหัวไปให้พ้น แล้วสั่งค้นตัวพระยาสีหะราชเดชะอย่างละเอียด
แมงเม่าลุกขึ้นจึงเห็นกลักดีบุกรู้ทันทีว่านี่คือสิ่งที่พวกนั้นค้นหา จึงเก็บเหน็บชายพกโดยพวกนั้นไม่ทันเห็น แมงเม่าลุกเดินไม่รู้ไม่ชี้ไป ปล่อยให้พวก จมื่นศรีสรรักษ์กับขุนแผลงฤทธิ์วุ่นอยู่กับการค้นศพพระยาสีหะราชเดชะ
อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 2 วันที่ 18 เม.ย.61
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว บทประพันธ์โดย วรรณวรรธน์ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว บทโทรทัศน์โดย เอกลิขิต
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว กำกับการแสดงโดย กิตติศักดิ์ ชีวาสัจจาสกุล
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ผลิตโดย บริษัท ทีวีซีน จำกัด
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ออกอากาศทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ