อ่านละคร เสน่ห์รักนางซิน ตอนที่ 1 วันที่ 22 เม.ย.61

อ่านละคร เสน่ห์รักนางซิน ตอนที่ 1 วันที่ 22 เม.ย.61

ณ ริมฟุตปาทถนนเจริญรัถ แหล่งขายอะไหล่ทำรองเท้าใหญ่ที่สุดของกรุงเทพฯ พริมตรวจคลิปวีดิโอพรีเซนต์รองเท้าที่ตัวเองผลิตเพื่อส่งเข้าแข่งขันการออกแบบรองเท้าระดับอุดมศึกษา ซึ่งผู้ชนะเลิศจะได้บินไปฝึกงานกับบริษัท P.PAUL แบรนด์รองเท้าชื่อดังที่ประเทศฝรั่งเศส

พริมหมายมั่นปั้นมือว่ารองเท้าฝีมือตัวเองจะต้องชนะการแข่งขันครั้งนี้เพื่อเติมเต็มความฝันให้กับตัวเอง เช็กคลิปวีดิโอเสร็จ เธอเอารองเท้าที่เตรียมจะส่งแข่งขันห่อด้วยกระดาษ วางลงในกล่องอย่างบรรจง ทันใดนั้น ปริตาซึ่งเดินไปซื้อน้ำกับบุสกรวิ่งหน้าตื่นเข้ามาบอกว่าบุสกรถูกแทง พริมตกใจสุดขีดเมื่อเห็นสภาพของเพื่อนรักตัวเปรอะไปด้วยสีแดง ทิ้งทุกอย่างไว้ตรงนั้นแล้ววิ่งไปทางที่ปริตาวิ่งมา

เมื่อพริมมาถึงที่เกิดเหตุกลับพบว่านอกจากบุสกรจะไม่ได้ถูกแทง ยังใช้วิชาเทควันโดเล่นงานวัยรุ่นชายคนหนึ่งล้มลงไปกองกับพื้น แล้วขึ้นคร่อมจับมือสองข้างล็อกเอาไว้ พริมต่อว่าปริตาที่วิ่งตามมาสมทบ



“ไหนแกบอกว่าบุสถูกแทง”

“ก็บุสแย่งมีดกับน้องเขา แล้วบุสก็ล้มใส่ฉัน แล้วเสื้อบุสก็เต็มไปด้วยเลือด” ปริตาละล่ำละลัก ปรากฏว่าสีแดงที่เธอเห็นเป็นแค่น้ำแดงที่หกรดไม่ได้เป็นเลือดอย่างที่เข้าใจ พริมส่ายหน้าให้กับความโก๊ะของเพื่อน แล้วเดินเข้าไปถามบุสกรว่าเกิดอะไรขึ้น ได้ความว่าวัยรุ่นคนนี้จะกรีดกระเป๋าปริตา แต่ตนเห็นเสียก่อน วัยรุ่นแกล้งบีบน้ำตาขอร้องให้ปล่อย ก่อนจะแอบส่งสัญญาณบางอย่างให้เพื่อนตัวเองซึ่งรีบวิ่งออกไป

บุสกรจะเอาเรื่องวัยรุ่นคนนี้ให้ได้ บอกให้พริมโทร.แจ้งตำรวจ วัยรุ่นรอทีเผลอผลักบุสกรล้มแล้ววิ่งหนี บุสกรไม่ยอมปล่อยให้เขาลอยนวลวิ่งไล่ พริมกับปริตาวิ่งตามเพื่อนไปอีกทอดหนึ่ง...

อีกด้านหนึ่งไม่ห่างกันนัก ภูรีกำลังเดินดูบรรยากาศของถนนเจริญรัถ เห็นวัยรุ่นคนหนึ่งกำลังค้นกระเป๋าของพวกพริม เขาทนเห็นคนทำผิดตำตาไม่ได้ เข้าไปสั่งให้วัยรุ่นวางของที่ไม่ใช่ของตัวเองลง วัยรุ่นเห็นท่าไม่ดีคว้ากล่องรองเท้าปาใส่แต่เขาหลบทัน รองเท้ากระเด็นออกจากกล่องตกไปในแอ่งน้ำ ภูรีเล่นงานวัยรุ่นจนทำให้ไม่สามารถจะเอาอะไรไปได้สักอย่าง พ่อค้าที่มีร้านอยู่แถวนั้นพากันออกมาดู

ภูรีช่วยเก็บข้าวของของพริมเอามากองรวมกันไว้ พริมกับเพื่อนกลับมาเห็นพอดีนึกว่าเขาจะขโมยของของตัวเอง จัดแจงจะเอาเรื่อง พ่อค้าแถวนั้นรีบบอกว่าเขาไม่ใช่ขโมย แต่ช่วยจับขโมยให้ ส่วนไอ้ขโมยตัวจริงหนีไปแล้ว พริมขอบคุณภูรีที่ช่วยไล่ขโมยให้ แล้วหันไปเห็นรองเท้าที่จะเอาไปเข้าประกวดตกน้ำรีบวิ่งไปเก็บ

“รองเท้าฉันเปื้อนหนักขนาดนี้แล้วจะทำยังไง จบกันแล้ว” ไม่พูดเปล่า พริมทำท่าจะร้องไห้อีกต่างหาก ภูรีเห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้ ปลอบว่าเอารองเท้าไปล้างทำความสะอาดสักหน่อยก็เอามาใส่ได้เหมือนเดิม

เธอไม่ได้จะเอามาใส่แต่จะส่งเข้าประกวด เขากลับบอกว่าเสียใจตอนนี้ดีแล้ว เธอหันขวับจะเอาเรื่อง

“ผมพยายามปลอบใจคุณแต่ถ้ามันทำให้คุณฟังแล้วรู้สึกไม่ดี ผมก็ต้องขอโทษ” พูดจบภูรีผละจากไป

พริมไม่พอใจกับคำพูดของเขาฝากรองเท้าไว้กับปริตาแล้วเดินตามเขาไป

ooooooo

พริมเดินตามภูรีจนทัน ขอคำอธิบายทำไมถึงพูดแบบนั้น เขากลับเงียบไม่ตอบ เธอไม่พอใจกระชากคอเสื้อเขาเข้ามาใกล้ๆ สั่งให้พูดออกมาถ้าแน่จริง

“คุณออกแบบรองเท้าเพื่อตอบสนองความชอบของตัวเอง แต่คุณไม่นึกถึงขนาดเท้าของผู้หญิงไทยส่วนใหญ่เป็นทรงหน้าบาน จะมีกี่คนที่มีเท้าเรียวเล็กใส่รองเท้าคู่นี้ได้สวยอย่างคุณ ถ้าคิดจะอยู่วงการรองเท้า อย่าเอาความชอบของตัวเองมาตัดสินทุกอย่าง”

“รู้ดีเรื่องรองเท้าจังเลยนะ ขายรองเท้าอยู่หรือไง คุณทำอยู่แบรนด์อะไร มีขายใน IG หรือเปล่า ฉันจะแวะเข้าไปชม” พริมแขวะเป็นชุด ภูรีไม่บอกว่าตัวเองเป็นเจ้าของแบรนด์ P.PAUL ได้แต่บอกเธอว่าทำรองเท้าขาย ส่วนจะเป็นแบรนด์อะไรอย่ารู้จะดีกว่า เดี๋ยวจะขนลุกเปล่าๆ แล้วขยับเดินต่อไป

ข้างหน้าภูรีมีคนงานกำลังแบกม้วนหนังวัวสำหรับตัดรองเท้าเดินอยู่ พริมร้องเรียกภูรีให้หยุดก่อน คนงานนึกว่าเธอเรียกหันขวับมามอง ม้วนหนังหันตามมาด้วยฟาดเข้าที่หัวภูรีอย่างจังสลบเหมือด...

ภูรีไปฟื้นคืนสติอีกครั้งที่โรงพยาบาล นางพยาบาลนำจดหมายจากพริมมาให้ ใจความในนั้นมีว่าเขาติดหนี้บุญคุณเธอที่พาเขามาส่งโรงพยาบาล อยู่รอจนหมอบอกว่าเขาปลอดภัยและจ่ายค่ารักษาให้เรียบร้อย

“ฉันไม่ได้ต้องการอะไรตอบแทน นอกจากให้นายติดตามผลการประกวดการออกแบบรองเท้าของ P.PAUL นายจะได้รู้ว่าใครกันแน่ที่จะเสียใจ”...

ปรากฏว่าคนที่เสียใจไม่ใช่ภูรีแต่เป็นพริมนั่นเองเพราะพลาดตำแหน่งชนะเลิศการออกแบบรองเท้าครั้งนี้ ด้วยความมั่นใจในตัวเองสูง เธอรับไม่ค่อยได้นักที่ผลงานของตัวเองไม่ได้ที่หนึ่ง วิ่งตามไปถามประธานการตัดสินว่าทำไมรองเท้าของเธอถึงไม่ชนะเลิศ ท่านตอบเหมือนที่ภูรีพูดทุกประการว่าเธอไม่ได้ออกแบบมาเพื่อผู้หญิงไทย แต่ออกแบบเพราะเป็นความชอบส่วนตัวของเธอเอง...

ด้วยความแค้นใจที่ภูรีดันมาวิจารณ์รองเท้าของตัวเอง พริมตั้งหน้าตั้งตาขัดรองเท้านักเรียนชั้นประถมที่บุสกรไปขนมาให้เพื่อระบายอารมณ์...

ด้านอินทัชรับตัวภูรีจากโรงพยาบาลพามาที่งานเลี้ยงเล็กๆฉลองความร่วมมือกันระหว่าง P.PAUL ของภูรีและบริษัทอินทัช อินดัสทรี ของครอบครัวอินทัชได้ทันเวลาพอดี...

ทางด้านพริมอยากไปทำงานที่ P.PAUL มากเข้าขั้นหมกมุ่น ปริ๊นต์กระดาษโลโก้รองเท้ายี่ห้อนี้ติดไว้ทั้งห้อง บุสกรเป็นห่วงเพื่อน ถ้าการได้ไปทำงานที่นั่นยากนักทำไมไม่ลองเปลี่ยนไปอยากทำงานที่อื่นบ้าง

“ไม่ ฉันสืบประวัติมาหมดแล้วที่นี่เป็นที่เดียวที่ให้โอกาสคนรุ่นใหม่เข้าไปทำงาน และแบรนด์ของเขาก็ดังมากที่จะทำให้ฝันของฉันเป็นจริง พวกแกคอยดูนะฉันไม่ยอมแพ้ ถ้าฉันมีโอกาสได้เจอคุณเจ้าของ P.PAUL ฉันจะทำให้เขารู้ว่าฉันนี่แหละคือสุดยอดหญิงแห่งวงการรองเท้าที่ P.PAUL ต้องการ”

ทั้งบุสกรและปริตาต่างถอนใจหนักใจที่เพื่อนหมกมุ่นเกินเหตุ

ooooooo

ระหว่างนั่งกินอาหารอยู่กับอินทัช พ่อและแม่ของเขา น้ำหวานและคณะผู้บริหารของบริษัทของอินทัชอีกสี่คน ภูรีอดถามเพื่อนซี้ไม่ได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับน้ำหวานไปถึงไหนแล้วมีแผนจะแต่งงานกันหรือยัง

“ฉันอยากแต่งใจแทบขาดแต่ขอรอให้งานนี้ลุล่วงไปได้ด้วยดีก่อน แต่งแล้วจะได้มีเวลาพาหวานไปฮันนีมูนนานๆ” พูดจบอินทัชจับมือน้ำหวานมากุมไว้มองด้วยสายตาเปี่ยมรัก เธอได้แต่ยิ้มให้ แม่ของอินทัชอยากรู้แล้วภูรีล่ะมีแฟนหรือยัง ชายหนุ่มอมยิ้มไม่ตอบอะไร...

ในเวลาเดียว ที่บ้านของบารมี พัชราทำตัวเจ้ากี้เจ้าการไม่เลิก ไม่ยอมให้บารมีเติมข้าวจานที่สอง อ้างแก่แล้วไม่ควรกินมื้อค่ำมากเกินไป ไม่ดีต่อสุขภาพ สั่งให้เด็กรับใช้ไปเอาผลไม้มาเสิร์ฟให้แทน บารมีเบื่อหน่ายกับการที่ต้องทำตามความต้องการของเธอแต่ก็ไม่กล้าหือ วิกกี้กำลังจะออกจากบ้านไปหาภูรี พัชราไม่ถูกใจสีลิปสติกที่ลูกทา สั่งให้เปลี่ยนสีใหม่ ทาสีอ่อนจะดูน่ารักกว่า วิกกี้ทักท้วงสีนี้เข้ากับชุดที่สวม

พัชราจ้องหน้าลูกเขม็ง แค่นั้นเธอก็ไม่กล้าขัดใจอะไรอีก รีบทำตามที่แม่ต้องการ ครู่ต่อมา วิกกี้มาถึงโรงแรมซึ่งเป็นสถานที่จัดงานเลี้ยง เห็นภูรีเดินคุยกันมากับอินทัชและน้ำหวาน ปรี่เข้าไปกอดเขาทักทายด้วยความคิดถึง น้ำหวานกระซิบถามอินทัชว่าผู้หญิงคนนี้เป็นแฟนภูรีหรือ

“เรียกว่าเป็นเพื่อนผู้หญิงที่สนิทที่สุด แต่ยังไม่ระบุความสัมพันธ์ดีกว่าครับ”...

ภูรีกับวิกกี้มานั่งดื่มกันไปคุยกันไปท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติกใต้แสงเทียน เขามีของจะให้เธอแล้วเอามือล้วงเข้าไปในเสื้อสูท วิกกี้ยิ้มร่าหัวใจพองโตคิดว่าเขาจะหยิบแหวนมาขอแต่งงาน แต่ต้องหุบยิ้มแทบไม่ทันเมื่อพบว่าของที่เขาให้คือหัวห้อยซิปรูปรองเท้าของฝากจากถนนเจริญรัถ เธอรีบกลบเกลื่อนความผิดหวัง

“ขอบคุณนะคะ แค่พี่ภูนึกถึงวิกกี้ก็ดีใจแล้วค่ะ... พรุ่งนี้พี่ภูว่างหรือเปล่า คุณพ่อคุณแม่อยากชวนพี่ภูไปเยี่ยมห้างฯเปิดใหม่ของเรา”

ชายหนุ่มตอบรับคำชวนด้วยความยินดี เพราะอยากไปดูช็อปของตัวเองเหมือนกัน

ooooooo

ที่ห้างฯของพัชรา พริมแอบได้ยินสมรหัวหน้าแผนกรองเท้าคุยกับแองจี้ นิดหน่อย และใบเตย เรื่องที่เจ้าของ P.PAUL จะมาที่นี่วันนี้ และคุณพัชราสั่งให้มีคนไปถือช่อดอกไม้ต้อนรับเขา แต่สมรยังคิดไม่ตกว่าจะให้ใครเป็นคนถือดี แองจี้ติดสินบนเธอด้วยลิปสติกหนึ่งแท่งก็เลยได้รับหน้าที่ถือช่อดอกไม้

พริมตื่นเต้นกับข่าวนี้มาก คิดหาทางทำอะไรสักอย่างให้ตัวเองได้เป็นคนถือช่อดอกไม้ จึงวางแผนกับปริตาและบุสกรหลอกล่อแองจี้ให้เข้าไปในห้องเก็บสต๊อก จากนั้นก็ล็อกประตูขังเอาไว้ เธอพยายามทุบประตูเรียกให้คนมาเปิดแต่ไม่มีใครได้ยิน จึงหยิบมือถือมาโทร.หาใบเตยให้ไปเอากุญแจจากแม่บ้านมาไข

สมรเห็นได้เวลาที่ต้องไปต้อนรับเจ้าของ P.PAUL แต่แองจี้ยังติดอยู่ในห้องเก็บสต๊อก พริมก็เลยติดสินบนสมรเพื่อให้ตัวเองรับหน้าที่มอบช่อดอกไม้แทนแองจี้ สมรเป็นพวกชอบของฟรีอยู่แล้ว อีกอย่างขืนรอแองจี้ก็ไม่ทันกาลจึงยกให้พริมทำหน้าที่นี้แทน

เหตุการณ์ไม่เป็นไปตามแผน ใบเตยกับนิดหน่อยแย่งเอากุญแจจากแม่บ้านของห้างฯมาได้ก่อนที่ปริตาจะไปชิงเอามา แองจี้ถูกปล่อยตัวออกจากห้องเก็บสต๊อก ส่วนปริตากับบุสกรถูกนำตัวขังไว้แทน...

ในขณะที่พริมกำลังถือช่อดอกไม้รอต้อนรับเจ้าของ P.PAUL อยู่หน้าแผนกรองเท้า แองจี้ ใบเตยและนิดหน่อยตามมาเอาเรื่อง สมรเห็นสองฝ่ายฮึ่มๆใส่กันเข้ามาขวางไว้ถามว่ามีเรื่องอะไรกัน แองจี้ฟ้องเป็นชุด

“พริมกับพวกจับแองจี้ขังในห้องเก็บสต๊อกเพราะอยากมาเสนอหน้ากับคุณ P.PAUL แต่แกจะไม่สมหวังเพราะแกกล้าเป็นศัตรูกับฉัน เอามันออกไป” สิ้นเสียงแองจี้ ใบเตยกับนิดหน่อยลากแขนพริมที่ขืนตัวไว้ออกไป

คณะของภูรีซึ่งประกอบด้วย พัชรา วิกกี้ บารมีและภูรีกำลังจะมาที่แผนกรองเท้า แต่เห็นความวุ่นวายที่เกิดขึ้นก็แปลกใจว่ามีอะไรกัน โดยเฉพาะพัชราก้าวฉับๆ นำทุกคนไปที่นั่น

ฝ่ายพริมทั้งดิ้นทั้งร้องให้ใบเตยกับนิดหน่อยปล่อย แต่ดิ้นมากไปหน่อยเหยียบเท้านิดหน่อยอย่างจัง คนถูกเหยียบโมโหผลักเธอกระเด็นหัวกระแทกเสาหลับกลางอากาศ รปภ.ต้องช่วยกันหามเธอออกไป

พัชราเข้ามาถามสมรว่าเกิดอะไรขึ้น ได้ความว่าพนักงานทะเลาะกัน แต่ยังไม่ทันจะพูดอะไรอีก ภูรี วิกกี้ และบารมีตามมาสมทบ พัชรารีบบอกให้ลูกกับสามีพาภูรีไปเดินดูห้างฯของเราต่อไปก่อน ท่านขออยู่จัดการตรงนี้ก่อนแล้วจะตามไป รอจนทั้งสามคนไปพ้นแล้วจึงหันไปสั่งการกับสมร

“คุณรู้ใช่ไหมว่าฉันเกลียดการทะเลาะเบาะแว้งกันมากขนาดไหน” พูดจบพัชราตามลูกไป...

บทลงโทษที่พริมกับเพื่อนๆได้รับคือถูกไล่ออก ส่วนแองจี้กับพวกโดนแค่หักเงินเดือน พริมพยายามติดสินบนสมรอย่าไล่ปริตากับบุสกรออกเพราะทั้งคู่ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ตนเป็นคนต้นคิดทั้งหมด บุสกรกับปริตาไม่ยอมทำงานที่นี่ต่อ หากพริมออกพวกตนก็ขอออกด้วย

ooooooo

ระหว่างพริม ปริตา และบุสกรกำลังจะเดินออกด้านหลังห้างฯ แองจี้กับพวกตามมาเอาเรื่องอีก

พริมกับปริตาได้แต่ปัดป้อง ขณะที่บุสกรงัดเทควันโดออกมาตอบโต้ แองจี้ไม่ได้แค่ตบตีพริม ยังด่าไปถึงแม่อีกด้วย

“จำไว้นะนังพริม น้ำหน้าอย่างแกไม่มีวันเป็นได้อย่างที่แกฝัน แกจะเป็นได้แค่คนขายรองเท้าที่ถูกผัวทิ้งเหมือนแม่ของแก” คำพูดของแองจี้ทำให้พริมของขึ้นผลักยัยปากเสียล้มแล้วขึ้นคร่อมบีบคอซ้ำ สั่งให้ขอโทษแม่ของตนเดี๋ยวนี้ แองจี้ไม่ยอมพูด นิดหน่อยกับใบเตยจะเข้าไปช่วยเพื่อน แต่ถูกปริตากับบุสกรกันเอาไว้

อีกมุมหนึ่งไม่ห่างนัก ภูรีขับรถผ่านมากับวิกกี้เห็นเหตุการณ์จัดแจงจอดรถจะลงไปดู แต่ต้องชะงักเมื่อ รปภ.ของห้างฯเข้ามาระงับเหตุเสียก่อน เขากำลังจะกลับขึ้นรถแต่เห็น รปภ.ดึงพริมที่นั่งคร่อมผู้หญิงอีกคนขึ้นมา ภูรีจำเธอได้ รู้สึกได้ว่าผู้หญิงคนนี้อยู่ที่ไหนมีแต่เรื่องกลับขึ้นรถอย่างไม่สบอารมณ์นัก...

พริมกลับถึงห้องนอนตัวเองแทบหมดเรี่ยวแรงเจ็บทั้งตัวเจ็บทั้งใจ หยิบกรอบรูปขนาดเอ 4 บนหัวเตียงมากอด หลับตาลงหวังจะให้รูปที่กอดถ่ายทอดพลังมาให้

“แม่จ๋า ส่งพลังให้พริมหน่อยนะ วันนี้พริมเหนื่อยจังเลย พริมเหนื่อยแต่พริมไม่ท้อนะ พริมจะทำเพื่อแม่”

กรอบรูปที่พริมกอดนอกจากจะมีรูปของแม่ ยังมีแบบรองเท้าส้นสูงที่วาดด้วยมือรวมอยู่ในนั้นด้วย เธออดนึกถึงภาพในอดีตไม่ได้ ตอนนั้นแม้เธอจะเป็นแค่เด็กตัวน้อยแต่ก็ชอบการทำรองเท้าแล้ว แถมยังฝึกฝนขึ้นแบบรองเท้าจากสกอตช์เทปกับกระดาษเอามาอวดแม่อีกด้วย พาพรแม่ของเธอถึงกับน้ำตาร่วง เด็กน้อยเห็นแบบร่างรองเท้าส้นสูงในมือแม่ถามว่าวาดเองหรือ

ท่านไม่ได้วาด พ่อของพริมวาดให้ท่าน

“แล้วพ่ออยู่ไหน พริมไม่เคยเจอพ่อเลย พ่อตายแล้วเหรอ”

“ยังหรอกจ้ะ แต่พ่อเขามีความจำเป็น เขามาหาเราไม่ได้ พริมก็ห้ามโกรธพ่อเด็ดขาดนะ ไม่ว่าจะยังไงก็ตามเขาก็เป็นพ่อพริม เป็นคนให้ชีวิตพริม และเขาก็เป็นผู้ชายที่แม่รัก”

นึกถึงความหลังขึ้นมาพริมอดน้ำตาไหลไม่ได้ให้คำมั่นกับรูปถ่ายของแม่ว่าจะต้องได้ทำงานที่ P.PAUL ให้ได้ และจะตั้งใจทำงานให้ที่นั่นไว้ใจเธอ สักวันเธอจะเอาแบบร่างรองเท้าที่พ่อวาดไว้ไปให้พวกนั้นทำเมื่อรองเท้าของพ่อโด่งดัง พ่อจะจำได้ว่าเธอเป็นลูกของท่าน ระหว่างนั้นมีเสียงบุสกรร้องเรียกเธอดังมาจากชั้นล่าง

พริมรีบวิ่งลงไปดู พบว่าลุงฟักกับป้ารำไพผู้ที่เลี้ยงเธอมาตั้งแต่แม่ตายได้ออกทีวี เป็นผู้โชคดีจากการส่งรหัสใต้ฝาเครื่องดื่มโอเลี้ยงได้ไปเที่ยวยุโรปฟรีหนึ่งเดือน พริมปิ๊งไอเดียบางอย่างชวนบุสกรกับปริตาลงไปหาลุงกับป้าที่ภูเก็ต ไหนๆก็ตกงานแล้วถือโอกาสไปพักผ่อนในตัวเผื่อจะช่วยให้คิดอะไรออกบ้าง สองสาวเห็นดีด้วย

ooooooo

ภควัตเพื่อนสนิทอีกคนหนึ่งของภูรีและเป็นเจ้าของโรงแรมมุกทะเลที่ภูเก็ตเจอศึกหนัก สับรางผิดทำให้รถไฟสองขบวนชนกันโครมใหญ่ สองสาวตบตีแย่งชิงเขาอุตลุด เขาพยายามห้ามไม่มีใครฟัง แถมผลักเขากระเด็นอีกต่างหาก ภควัตเซ็งมากเดินหนีมาที่ล็อบบี้ สั่งกับพนักงานที่เคาน์เตอร์

“ให้รถโรงแรมไปส่งผู้หญิง 2 คนนั่น แล้วอย่าให้ทั้งคู่เข้ามาในโรงแรมอีก”

พลันมีเสียงดังขึ้นจากด้านหลัง “เกิดศึกชิงนายอีกแล้วล่ะสิไอ้เสือ” ภควัตหันมองตามเสียง เห็นอินทัชยืนยิ้มอยู่กับภูรี เขาดีใจมากจะเข้าไปสวมกอดเพื่อนรัก แต่ไม่มีใครยอมให้กอดกลัวกลิ่นน้ำหอมจากผู้หญิง

ของเขาจะมาติดเสื้อผ้าตัวเอง จากนั้นสามเพื่อนซี้พากันไปนั่งกินข้าวในร้านอาหารของโรงแรม ภูรีเอาการ์ดเชิญงานเลี้ยงเปิดตัว P.PAUL ให้ภควัตฝากให้คนของเขาเอาไปให้พ่อของตนด้วย กำชับจะต้องส่งถึงมือท่านเท่านั้น

บนซองการ์ดเชิญพิมพ์ชื่อไว้ว่า “คุณปรีชาลูบคม”...

ณ สนามหญ้าหลังบ้าน ปรีชากำลังสนุกสนานกับการยิงธนูโบราณของเล่นชิ้นใหม่ที่เพิ่งได้มา โดยมีลุงฟักกับป้ารำไพคอยเชียร์อยู่ใกล้ๆ ครั้นยิงธนูจนหายอยาก ปรีชาสั่งให้ลุงฟักเอาไปเก็บที่ห้อง แล้วหยิบซองเงินค่าเฝ้าบ้านส่งให้ป้ารำไพโดยไม่ลืมของฝากจากประเทศตูวาลู จังหวะนั้นคนของภควัตนำการ์ดเชิญจากภูรีมาให้ โดยไม่รู้ว่าระหว่างที่ปรีชาเปิดการ์ดออกดู คนของภควัตแอบถ่ายรูปเอาไว้

ครู่ต่อมาปรีชาเอาการ์ดเชิญที่ได้มานั่งพิจารณาอยู่ในบ้าน รู้สึกผิดที่ไม่เคยดูแลลูก จึงละอายเกินกว่าจะไปเจอหน้า ตัดสินใจไม่ไปงานนี้ เอาการ์ดใส่ลิ้นชักไว้ ป้ารำไพเดินนำลุงฟักเข้ามารายงานว่าตั้งสำรับไว้ให้แล้ว จากนั้นก็ขอตัวกลับบ้านก่อน ปรีชาร้องเรียกไว้

“ฟักกับรำไพเฝ้าบ้านให้ฉันต่อทีนะ วันพรุ่งนี้ฉันจะไปหาเพื่อนที่สเปนสักเดือน”

ลุงฟักกับป้ารำไพมองหน้ากันถึงกับพูดอะไรไม่ออก

ooooooo

พริม ปริตา และบุสกรมาถึงบ้านลุงฟักทันเหตุการณ์ที่ป้ารำไพขึ้นไปบนต้นไม้ประท้วงที่ลุงฟักไม่ยอมอยู่ดูแลบ้านให้ปรีชา แต่จะไปเที่ยวยุโรปตามที่ได้รับรางวัล พริมว่างงานไม่ได้ทำอะไรจึงอาสาจะเฝ้าบ้านปรีชาให้เอง ป้ารำไพถึงได้ลงจากต้นไม้และยอมเดินทางไปเที่ยวยุโรป

หลังเก็บเสื้อผ้าเตรียมออกเดินทางไปยุโรป ป้ารำไพเอากุญแจบ้านปรีชาทิ้งไว้กับพริมพร้อมกับเขียนกำกับไว้ที่กุญแจแต่ละดอกว่าไขห้องไหนบ้าง พริมเอาเงินใส่ซองยื่นให้ป้ารำไพ สำหรับเอาติดตัวไว้ใช้ระหว่างไปเที่ยว ป้ารำไพจะเอาเงินคืนแต่เธอไม่รับคืน

“พริมเคยสัญญากับแม่ไว้ว่าโตขึ้นพริมจะพาแม่ไปเที่ยวเมืองนอก แต่แม่จากพริมไปซะก่อน พริมก็เลยคิดไว้ว่าจะพาป้ากับลุงไปเที่ยวแทนแม่ให้ได้ แต่ป้ากับลุงโชคดีได้ไปก่อนถือว่าเป็นโชคดีของพริม พริมได้ประหยัดเงิน แต่ยังไงก็ขอให้พริมได้มีส่วนร่วมบ้าง พริมจะได้ภูมิใจ”

“ขอบใจมากหลาน คิดดีทำดีไว้นะ แล้วชีวิตหลานจะเจอแต่สิ่งดีๆ”...

อ่านละคร เสน่ห์รักนางซิน ตอนที่ 1 วันที่ 22 เม.ย.61

บทประพันธ์โดย จันทริกา
กำกับการแสดงโดย สมจริง ศรีสุภาพ
ผลิตโดย บริษัท กู๊ด ฟิลลิ่ง จำกัด
ช่องออกอากาศ สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ