อ่านละคร บุพเพสันนิวาส ตอนที่ 15(อวสาน) วันที่ 1 เม.ย.61

อ่านละคร บุพเพสันนิวาส ตอนที่ 15(อวสาน) วันที่ 1 เม.ย.61

“มิได้เด็ดขาด ลูกทั้งสองควรจดจำถึงพ่อผู้สง่างาม พ่อผู้ยิ่งใหญ่มีแต่คนยำเกรง มิใช่พ่อที่ถูกผูกตรวนถูกทำร้ายจนหาความสง่ามิได้อย่างนี้”

ไม่ว่าเขาจะขอร้องอย่างไร มารีใจแข็ง ขอให้เขาไปก่อนที่ลูกจะมาเห็น เจ้าพระยาวิไชยเยนทร์ขอถามเป็นคำถามสุดท้ายว่า เธอเคยรักตนบ้างไหม ในหัวใจมีตนบ้างไหม มารีอึ้งไปชั่วครู่ก่อนตอบว่า ตนสัญญา ชีวิตนี้จักมีเขาเป็นผัวเพียงผู้เดียว

ทหารเข้ามาคุมตัว เจ้าพระยาวิไชยเยนทร์ผู้เคยทระนง มองภรรยาด้วยความเสียใจ รู้แน่ชัดว่าเธอไม่เคยรักตนเลย...น้ำตาลูกผู้ชายอาบหน้า เดินห่างออกไป



เสียงโซ่ตรวนดังก้องจนลับหายไปในความมืด

มารีหรือตองกีมาร์สะเทือนใจ พึมพำเสียงสั่นเครือ “ข้าขอโทษก็องสตังซ์ แม้ท่านตายตกไปในวันนี้ ข้าก็มิอาจรักท่านได้”

ooooooo

เกศสุรางค์นั่งท้องโย้เขียนบันทึก...เจ้าพระยาวิไชยเยนทร์ตาย 5 มิถุนายน สองวันหลังจากนั้น

พระปีย์ก็โดนฆ่า พระนารายณ์สวรรคต 17 กรกฎาคม 2231 ออกหลวงสรศักดิ์ไม่ยอมเป็นกษัตริย์ ออกพระเพทราชาจึงปราบดาภิเษกเป็นกษัตริย์องค์แรกของราชวงศ์บ้านพลูหลวง และแต่งตั้งหลวงสรศักดิ์เป็นกรมพระราชวัง

บวรมหาอุปราช...กษัตริย์องค์ใหม่มีพระโองการเลื่อนคุณอาขุนปานเป็นเจ้าพระยาโกษาธิบดี ตำแหน่งพระคลัง หลวงเรืองณรงค์เดชาเป็นพระรามณรงค์ คุณพี่เดชได้เลื่อนยศเป็นพระยาวิสูตรสาคร และเรา...เกศสุรางค์ก็เลื่อนเป็นคุณหญิงวิสูตรสาคร

เกศสุรางค์หัวเราะดีใจ แต่ทันใดก็ร้องโอดโอยเจ็บท้องจะคลอด

ทุกคนบนเรือนต่างตื่นเต้นชะเง้อมองไปยังห้องที่หมอตำแยทำคลอดให้เกศสุรางค์ ทุกอย่างเตรียมพร้อม ไม่ว่าถ้วยชามบายศรี ชามเกลือผลึกไว้สำหรับเลาะปากทางคลอดกรณีคลอดยาก ยาหม้อไทยมีเฉลวปัก

เสียงหมอตำแยให้จังหวะเบ่ง เกศสุรางค์จับผ้าที่ผูกโยงกับขื่อคาร้องเสียงดัง ทุกคนสะดุ้งไปตามกัน

มีเพียงคุณหญิงจำปาที่ท่าทางสงบนิ่ง

ผ่านไปครึ่งค่อนวัน เกศสุรางค์ร้องอย่างเหนื่อยหอบ ขอให้ผ่าท้อง แต่หลังจากนั้นไม่นานเธอคลอดลูกชายฝาแฝดอย่างปลอดภัย

หลังจากคลอดแล้วต้องนอนนิ่งอยู่ไฟเป็นสิบวัน ที่ใต้เตียงมีถ่านไฟวางในถาดสังกะสี ผินกับแย้ม บ่าวผู้จงรักภักดีคอยป้อนข้าวป้อนน้ำ

สิ้นสุดการอยู่ไฟ เจ้าพระยาโกษาธิบดีมาเยี่ยมเยียน คุณหญิงจำปาบ่นตะพึดว่าไม่เคยเห็นใครตั้งชื่อลูกตั้งแต่คลอดวันแรกโดยยังไม่ได้ทำขวัญเดือน ปริกออกรับแทนว่าจะตั้งเมื่อไหร่ก็ชื่อคุณเรือง คุณริด อยู่ดี คุณหญิงจำปาค้อนขวับหาว่าปริกทำตัวเป็นจิ้งจกเปลี่ยนสี

เกศสุรางค์ถามถึงเรื่องของมารี เจ้าพระยาโกษาธิบดีเล่าว่า ขุนหลวงเพทราชาให้นางไปทำงานในห้องเครื่องเพราะเห็นว่าทำขนมเก่ง พระมหาอุปราชขอนางไปเป็นสนมแต่นางมิยินยอม เกศสุรางค์ชื่นชมว่านางทำถูกต้อง ท่านเจ้าพระยาสบตาอย่างค้นหา แล้วถามว่า

“ตอบคำถามข้าสักข้อเถิด ออเจ้ารู้ว่าข้าจะถามอะไร...ว่าไง ออเจ้ารู้เรื่องได้อย่างไร มิตอบมิได้หรอกหนา”

เกศสุรางค์สบตาสามีเห็นสีหน้าเขาอยากรู้เช่นกัน จึงตัดสินใจตอบ “เพราะชาติที่ข้าเกิดก่อนหน้าที่จะมาที่นี่คือกาลข้างหน้าอย่างไรเล่าเจ้าคะ”

“กระไรหนา”

“ออเจ้ากล่าวว่า ออเจ้าเกิดมาแล้วในกาลข้างหน้า แลมาเกิดใหม่ในกาลที่ย้อนหลังกระนั้นฤา”

“ค่ะ คือเพลานี้แหละเจ้าค่ะ”

ทุกคนนิ่งไปอึดใจ ก่อนที่เจ้าพระยาโกษาธิบดีจะเอ่ยปาก

“ข้าจักเชื่อ จักไม่มีข้อกังขาใดๆ แต่ขอถามว่าในกาลข้างหน้าของเจ้ารู้เรื่องที่เกิดขึ้นเพลานี้หมดฤา”

เกศสุรางค์ยอมรับว่ารู้หมด...สามีนางสงสัยถามว่าใครบอก

“เขาเรียกว่าพงศาวดาร งานวิจัย การวิเคราะห์ คำให้การ บันทึกที่จดจารกันต่อๆมา”

“ที่ออเจ้าเรียกประวัติศาสตร์ใช่ฤา”

“เยส...นั่นแหละเจ้าค่ะ” เกศสุรางค์ดีดนิ้วเสียงดัง

เจ้าพระยาโกษาธิบดีถามอีกว่ารู้ประวัติศาสตร์ของทุกคนหรือ เกศสุรางค์ตอบว่าไม่ทุกคน บางคนที่สำคัญๆ อย่างเช่นพระยาโกษาธิบดีเหล็ก เจ้าพระยาโกษาธิบดีปาน ส่วนพระยาวิสูตรสาครมีบันทึกว่าเป็นตรีทูตร่วมคณะไปฝรั่งเศส...ออกญาโหราธิบดีเป็นผู้เขียนหนังสือจินดามณี ปัจจุบันเป็นแบบอย่างตำราเรียน แต่เพิ่มตัวอักษรจาก 37 ตัว เป็น 44 ตัว

เจ้าพระยาโกษาธิบดีสงสัยมาก ถามเธอมาที่นี่ได้อย่างไร เกศสุรางค์ขอไม่ตอบเพราะตอบไม่ถูก บอกได้เพียงว่าห่างกับเวลานี้ 329 ปี ทั้งสองท่านประหลาดใจอย่างมาก...

ooooooo

สิบปีต่อมา เกศสุรางค์มีลูกสาวอีกสองคนคือแม่แก้วกับแม่ปราง...จันทร์วาดพาแม่เดือนลูกสาว และมารีพาลูกชาย ยอร์จกับโยฮันมาเล่นที่เรือน

บ่อยๆ เด็กๆโตมาด้วยกันทำให้รักใคร่กลมเกลียว

แม้จะทะเลาะเบาะแว้งกันบ้างก็ตาม

ด้วยผลบุญที่ทำมา ทำให้สิปางพบภาพในประวัติศาสตร์ที่ดูแล้วรู้สึกปลาบปลื้มเป็นที่สุด เธอนำภาพถ่ายครอบครัวโบราณของพระยาวิสูตรสาครกับเกศสุรางค์และลูกสี่คนมาให้ยายนวลที่นั่งคิดถึงหลานทุกเมื่อเชื่อวันดู

“เกศพบคนที่รักเกศ เกศก็รักเขา เกศแต่งงานกับเขา มีเหลนให้คุณแม่ 4 คน น่ารักเหลือเกิน คนโตเป็นฝาแฝดผู้ชายค่ะ”

ยายนวลถามสิปางเสียงสั่นเครือว่าหลานอยู่ที่ไหน?

“อยู่ที่ใดที่หนึ่ง หนูไม่ทราบว่าที่ไหน แต่หนูว่าบุพเพสันนิวาสชักนำให้เกศไปที่นั่น...คุณแม่ขา คุณแม่ต้องไม่เศร้าแล้วนะคะ”

ยายนวลยิ้มน้อยๆ สิปางโอบกอดแม่ด้วยความสบายใจขึ้น...

เพลานั้น พระยาวิสูตรสาครพาครอบครัวนั่งเรือเที่ยวตลาดและชมวัดวาอาราม เกิดความวุ่นวายเมื่อ

แม่ปรางสงสารเป็ดไก่เปิดสุ่มให้มันออกไป ต้องช่วยกันจับอลหม่าน พระยาวิสูตรสาครออกปากว่าจะไม่พามาอีก แม่ปรางเข้ากอดคอออดอ้อนให้พ่อคลายความโกรธ พระยาวิสูตรสาครปักใจว่าแม่ปรางมีนิสัยเดียวกับเกศสุรางค์ไม่ผิดเพี้ยน

เกศสุรางค์หรือคุณหญิงวิสูตรสาครแกล้งเย้าสามี “คุณพี่ถึงได้รักแม่ปรางกว่าลูกคนอื่นๆใช่ไหมเจ้าคะ คุณพี่ลำเอียง”

“คุณแม่ข้ายังรักแม่แก้วมากกว่าหลานคนอื่นๆ

เลยหนา ออเจ้าเช่นกัน รักพ่อเรืองพ่อริดมากมายมิใช่ฤา”

“แน่ะ เรื่องอะไรว่าข้าลำเอียงอย่างนั้น”

“ตั้งชื่อลูกเหมือนคู่รักเก่าของเจ้ามิใช่ฤา”

“นึกว่าไม่หึง ไม่ท้วงถามเสียแล้ว”

“ข้าหึงหวง แต่ข้าเห็นใจ คนผู้นั้นคงเจ็บช้ำมากที่ต้องพลัดพรากจากออเจ้า เพราะหากเป็นข้าคงทานทนแทบมิได้เป็นแน่”

“แล้วไม่อยากรู้เหรอคะว่าเรืองฤทธิ์เป็นใครในชาตินี้”

“ผู้ใดกัน พ่อเรืองก็มิใช่นี่”

“เมื่อข้ากลับไป ข้าเห็นร่างที่อยู่ข้างในของเรืองฤทธิ์...

ที่ข้าได้มาเกิดใหม่ในอดีตอย่างนี้ ก็อาจเป็นเพราะเรืองฤทธิ์ที่บวชให้ ข้าจึงตั้งชื่อลูกของเราไว้เป็นที่ระลึกถึงว่าพ่อรักแม่ของพวกเขามากแค่ไหน ถึงกับพลิกฟ้าพลิกดินจนมาคู่กันได้”

พระวิสูตรสาครกระจ่างใจในบัดดล “หากเป็นบุพเพ– สันนิวาส มิว่ากี่ภพกี่ชาติข้าก็มั่นใจว่าจักติดตามเคียงคู่ออเจ้าทุกชาติไป แม้ในชาติหน้าของออเจ้าก็เช่นกัน”

“ชาติหน้า...คุณพี่รู้หรือไม่ว่าข้าจะเกิดเป็นม้าน้ำ”

“ม้าน้ำ...อ๋อ พี่ก็จะเป็นม้าน้ำตัวผู้ใช้หางเกี่ยวม้าน้ำตัวเมีย แล้วดำลงไปใต้สมุทรครองคู่กันไปชั่วนิรันดร์ ดีฤาไม่” พระวิสูตรสาครกอดนางแนบแน่นด้วยความรักไม่รู้คลาย

เกศสุรางค์ยิ้มละไม แสดงออกต่อเขาด้วยความรักสุดหัวใจเฉกเช่นเดียวกัน

*****อวสาน******

อ่านละคร บุพเพสันนิวาส ตอนที่ 15(อวสาน) วันที่ 1 เม.ย.61

ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส บทประพันธ์โดย รอมแพง
ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส บทโทรทัศน์โดย ศัลยา
ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส กำกับการแสดงโดย ภวัต พนังคศิริ
ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส ผลิตโดย บริษัท บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น จำกัด
ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส ออกอากาศเร็ว ๆ นี้ ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ