อ่านละคร บุพเพสันนิวาส ตอนที่ 9 วันที่ 10 มี.ค.61
เกศสุรางค์จะดึงมือออกบอกงอนๆว่าไม่ได้เป็นห่วงเขา แต่เป็นห่วงคุณลุงคุณป้า แล้วอ้างจะเข้านอนพรุ่งนี้ต้องรีบตื่นใส่บาตร ท่านขุนไม่ปล่อยเพราะเห็นว่ารอได้ตั้งนาน หญิงสาวเห็นสายตานุ่มนวลบาดใจที่มองมาก็ใจเต้นไม่เป็นส่ำ บิดแขนออกเดินหนีกลับเรือน ท่านขุนตามติด เธอนึกได้หันกลับมาเกือบชน ยั้งตัวแทบไม่ทัน“อูย...เกือบแล้วไหมล่ะ คุณพี่...ข้าจะเตือนคุณพี่นะเจ้าคะว่าข้าไม่ใช่คนนอกนะเจ้าคะ”
“คนนอก?” ขุนศรีวิสารวาจางง
“เจ้าค่ะ ข้าไม่ใช่คนนอกข้าเป็นคนใน คุณพี่จะทำ ลับๆล่อๆอย่างนี้ไม่ได้ จะเล่าอะไรก็เล่ามา...ไม่รู้เรื่องหรือคะ” เกศสุรางค์บ่นเมื่อเห็นหน้าท่านขุนเหวอ
“จะรู้ได้ยังไร ออเจ้าพูดให้ข้ารู้เรื่องสิ”
“แล้วก็จะรู้เองเจ้าค่ะว่าจะตัดข้าหลุดวงโคจรไม่ได้ ...ตัดไม่ได้” เกศสุรางค์ย้ำก่อนจะวิ่งไป ท่านขุนยืนงง ไม่เข้าใจทั้งที่ใจยังเต้นแรง...เกศสุรางค์กลับเข้าห้องเอาสมุดมาจดบันทึกไปคิดไปว่า...ออกญาโกษาธิบดีตายมาแล้วสองเดือน คนที่น่าสงสัยว่า...จะมีส่วนทำให้ท่านตายคือ คอนสแตนติน ฟอลคอน...แล้วเงยหน้าครุ่นคิดว่าจริงหรือไม่ ทำอย่างไรจะรู้ความจริง
“เฮ้อ...ขนาดอยู่ตรงนี้ยังไม่รู้ แล้วที่นักประวัติศาสตร์เขียนออกมาเยอะแยะ มีความจริงแค่ไหนหว่า...เอ้อ!” เกศสุรางค์เสียงดังขึ้นมาว่าพรุ่งนี้ต้องถามให้รู้เรื่อง
ผินกับแย้มซึ่งนั่งมองนายด้วยสายตารักใคร่ สะดุ้งสุดตัววี้ดว้ายเบาๆ...
ooooooo
วันรุ่งขึ้น ขุนศรีวิสารวาจานั่งสนทนาหัวเราะเสียงดังกับขุนเรืองและหลวงสรศักดิ์ เกศสุรางค์เดินหน้าขรึมเข้ามา ทั้งสามค่อยๆเงียบลง เธออดใจไม่ไหวถามว่าดีใจเรื่องเมื่อคืนใช่ไหม
ขุนเรืองตบเข่าดังฉาด “โดนเข้าแล้วปะไร! ขุนศรีวิสารวาจา ออเจ้าทำอย่างไรจึงถูกแม่การะเกดจับได้ หือ...ออเจ้ารู้เรื่องคลังสินค้าอังกฤษด้วยฤาแม่การะเกด”
“คลังสินค้าอังกฤษ อ๋อ ก็พอรู้บ้างเจ้าค่ะ เกี่ยวกับฟืนไฟหรือไม่เจ้าคะ”
ขุนศรีวิศาลวาจาตวัดสายตามองอย่างรู้ทันว่าซ้อมค้าง หลวงสรศักดิ์แปลกใจที่เธอรู้เรื่องคลังสินค้าอังกฤษถูกเผา หญิงสาวกล่าวยิ้มๆว่า
“ก็คุณพี่ขุนนี่แหละค่ะไปเผา” สามหนุ่มอ้าปากค้าง “เอ๊า...ก็ตัวคุณพี่น่ะเหม็นควันไฟทั้งตัว” สามหนุ่มถอนใจหมดปัญญาจะเถียง หลวงสรศักดิ์ตัดบท
“ขุนศรี...ชี้แจงแก่แม่หญิงการะเกดไปแล้วกัน ข้าน่ะหมดปัญญาจะเถียงนางแล้ว”
ขุนศรีวิสารวาจามองการะเกดด้วยสายตาลึกซึ้ง ขุนเรืองแกล้งกระแอมบอกตนรอฟังอยู่ “เรื่องราวเป็นดังนี้นะออเจ้า” ขุนศรีวิสารวาจาเล่าเรื่องทั้งหมดและให้เหตุผล “ฝรั่งชาวอังกฤษสองคนจะถูกกล่าวหาว่าเผาหลักฐานที่พวกมันสองคนโกง แลคนโกงอย่างมันคงไม่เว้นที่จะซัดทอดไอ้ฝรั่งก็องสตังซ์แน่นอน บริษัทอังกฤษต้องทูลประท้วงต่อขุนหลวง เมื่อความผิดถึงพระกรรณขุนหลวงแล้ว คอยดูน้ำหน้ามันแล้วกัน”
กาลเป็นดั่งที่ท่านขุนคาด เมื่อผู้แทนบริษัทมาตรวจสอบและจะเอาผิดเบอร์นาบีกับไวท์ ทั้งสองหน้าซีดหมดหนทางแก้ตัว สารภาพว่าฟอลคอนร่วมมือด้วย...สายมารายงานแก่ขุนเรือง เขารีบมาส่งข่าวขุนศรีวิสารวาจาที่เรือน แต่เจอเกศสุรางค์ก่อนเธอซักถามทันทีแล้วพึมพำเบาๆ
“อย่างที่เราคิดจริงๆ จากนี้ไปอีกเป็นร้อยปีก็ไม่เปลี่ยนแปลง...ทฤษฎีการเอาตัวรอด”
ขุนเรืองมองอย่างฉงนว่าเธอพูดอะไร เกศสุรางค์ตอบอย่างอ่อนใจว่าพูดถึงความเป็นคน อย่างไรก็ไม่เปลี่ยนจนโลกถล่มทลาย หญิงสาวยังคิดว่าเขาคือเรืองฤทธิ์จึงเผลอพูดไปเรื่อย ขุนเรืองยิ้มอย่างเอ็นดู ขุนศรีวิสารวาจากลับมาถึงเห็นทั้งสองมองตากันก็กระแอมอย่างไม่ชอบใจ
เกศสุรางค์ไม่ทันสังเกตจะเล่าเรื่องที่ขุนเรืองนำมาบอก แต่ขุนศรีวิสารวาจาเดินพรวดๆผ่านไป เธอจึง อ้าปากค้างงงๆ ขุนเรืองรู้ใจเพื่อนจึงขอตัวกลับบอกจะไปหาจันทร์วาด เกศสุรางค์กำลังจะยื้อ พอได้ยินอย่างนั้นก็เร่งให้ไปโลด ขุนเรืองหน้าเหวอไม่เข้าใจคำว่า...ไปโลด
เกศสุรางค์รีบเดินจะไปหาขุนศรีวิสารวาจา เผอิญได้ยิน จิก จวงถกเถียงอยู่กับปริก จิกกับจวงเห็นว่าการะเกดเปลี่ยนเป็นคนดีมีน้ำใจ แต่ปริกไม่เชื่อหาว่านางแสร้งทำเพราะกลัวไม่ได้แต่งงานกับท่านขุน เดิมที่นางไม่สำรวมเพราะมั่นใจว่าได้เข้าหอแน่ แต่พอเห็นว่าท่านขุนรังเกียจหนักหนาเลยแสร้งทำดีให้ตายใจ...
เกศสุรางค์สะอึกสีหน้าตรึกตรอง เปลี่ยนใจกลับเข้าห้อง
พอเข้ามานั่งครุ่นคิด ก็รู้สึกได้ว่ามีใครอยู่ในห้อง เกศสุรางค์เรียกการะเกดเบาๆ ลมพัดแรงวูบผ้าม่านหน้าต่างปลิวแทนคำตอบ ก็เปรยว่าทำบุญอุทิศให้ไปมากยังไม่ไปเกิดอีกหรือ
พลันได้ยินเสียงร้องไห้จึงเอ่ย “การะเกด อย่าร้องไห้เลยนะ บอกข้าสิว่าข้าจะช่วยอะไรเจ้าได้บ้าง...เข้าใจใช่ไหม บอกข้ามาเถิดการะเกด”
เสียงร้องไห้เบาลง การะเกดเรียกชื่อเกศสุรางค์แล้วถามว่าจะแต่งงานกับคุณพี่เดชใช่หรือไม่ เกศสุรางค์ไม่ฉุกคิด ดีใจที่ได้ยินเสียงการะเกดจึงตอบว่าใช่อีกไม่นาน การะเกดร้องไห้ดังขึ้น เกศสุรางค์ตกใจรีบถามว่า ไม่ใช่สิ่งที่ตนต้องทำในร่างของเธอหรือ
“ออเจ้ารักคุณพี่เดชของข้าใช่หรือไม่” เสียงการะเกดแผ่วเบา แต่พอเกศสุรางค์ตอบว่าไม่ เธอสวน “ไม่จริง! ข้าไม่เชื่อ คนหลอกวิญญาณไม่ได้ ออเจ้ารักเขา...จะตบแต่งกับเขา ทั้งๆที่เขาเป็นของข้าไม่ใช่ของออเจ้า! ข้าจะทำ ฉันใดดี ข้าไปหาคุณพี่ไม่ได้ ข้าคิดถึงคุณพี่เหลือเกิน”
เกศสุรางค์รู้สึกผิด...หน้าห้อง ขุนศรีวิสารวาจาเงี่ยหูฟังได้ยินเสียงเกศสุรางค์ ทันใดเธอเปิดประตูผางออกมา ต่างคนต่างชะงักงัน สักครู่ท่านขุนถามว่าพูดกับใคร หญิงสาวถามกลับว่าได้ยินอย่างไร เขาบอกได้ยินเสียงเธอว่าต้องทำบางอย่างในร่างของใครคนหนึ่ง เธอนิ่งเขารุก
“ตอบพี่มาเถิดแม่การะเกด หรือออเจ้าจะให้พี่เรียกออเจ้าว่ายังไร” เกศสุรางค์เดินหนีไปยืนริมหน้าต่าง ท่านขุนไม่กล้าเข้าห้องเพราะไม่มีบ่าวอยู่ จึงได้แต่ขอให้เธอตอบ
เกศสุรางค์พยายามรวบรวมสติ เดินกลับมาประจันหน้าท่านขุน พนมมือไหว้ “วันหนึ่งคุณพี่จะรู้ทุกอย่าง ข้าสัญญาว่าจะไม่มีอะไรปิดบังคุณพี่เลยเจ้าค่ะ”
“เหตุใดข้าจึงรู้ประเดี๋ยวนี้ไม่ได้”
“เพราะข้ายังไม่พร้อมที่จะบอกใครเจ้าค่ะ”
“ออเจ้ามิได้ไว้ใจในตัวข้าเท่าที่ข้า...เชื่อใจในตัวเจ้ารึ” ท่านขุนสบตาสื่อความในใจ
ทันใดเสียงของในห้องหล่นโครมใหญ่ ทั้งสองสะดุ้งผละห่างจากกัน ท่านขุนเอื้อมมือมาดึงแขน เกศสุรางค์ห้ามแล้วดึงแขนออกปิดประตูห้องทันที...เกศสุรางค์รู้แก่ใจว่าการะเกดไม่พอใจ ได้ยินเสียงร้องไห้ปนหอบ จึงบอกแก่การะเกดว่า อย่าใช้พลังมากจะทำให้เหนื่อย ตนรู้ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องกลัว ตนสัญญาจะไม่ทำให้เธอเสียใจ แต่แววตาของเกศสุรางค์หมองเศร้ายิ่งนัก...
เย็นวันนั้น เกศสุรางค์ยืนมองสายน้ำที่ท่าน้ำ ครุ่นคิดถึงการะเกด ดวงตาเศร้าหมอง ผินกับแย้มเห็นแล้วเป็นห่วงยิ่งนัก...ขุนศรีวิสารวาจาเดินเข้ามา ไล่ผินกับแย้มให้กลับขึ้นเรือน
เกศสุรางค์ยังยืนเศร้าไม่สนใจ ท่านขุนรู้สึกน้อยใจเอ่ยถามว่าคิดถึงใคร พอเธอไม่ตอบก็ทึกทักไปเองว่าเธอคิดถึงขุนเรือง เกศสุรางค์เหนื่อยใจประชดกลับว่าใช่ ท่านขุนขุ่นเคืองหันหลังเดินไป เกศสุรางค์ถอนใจอยากให้ขุนเรืองเป็นเรืองฤทธิ์เพื่อนตนเสียยิ่งกระไรในตอนนี้
ooooooo
ในขณะที่ขุนเรืองมาบ้านออกญาโกษาธิบดี เห็นตำรวจวังกำลังขนของมีค่าทุกอย่างบนเรือนออกไป จันทร์วาดให้เงินก้นถุงแก่บ่าวไพร่เพื่อออกไปเป็นไทไม่ต้องไถ่ตัว เพราะโดนริบทรัพย์สินเงินทอง ไม่อาจเลี้ยงดูบ่าวไพร่ได้อีก
ขุนเรืองสงสารจันทร์วาดจับใจ เขาชื่นชมความเข้มแข็งของนาง บอกแก่นางว่า ปรารถนาให้ตนช่วยสิ่งใด ลำบากแค่ไหนไม่ต้องเกรงใจ หญิงสาวรู้สึกซาบซึ้งใจ
“ข้าจะแวะมาหาแม่หญิงบ้างจะรังเกียจหรือไม่”
“ข้ามิอาจทำให้ท่านลำบาก ด้วยข้านั้นเป็นบุตรของผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนคดโกง”
“ท่านบิดาของแม่หญิงเป็นผู้ที่มีบุญคุณยิ่งใหญ่ต่อแผ่นดินนี้ ทั้งในด้านการศึกษาและในราชการการค้าขาย ข้ามิอาจเชื่อได้ว่าท่านคดโกง หากแต่เป็นเหตุที่ท่านไว้ใจคนผิด”
“หากท่านคิดว่าเป็นเพราะออกพระฤทธิ์กำแหง ข้าขอบอกว่าไม่ใช่ ออกพระท่านเป็นคนดีมากเจ้าค่ะ ความข้อนี้คุณพ่อเป็นผู้กล่าวกับข้าค่ะ”
“ข้านึกว่าออกพระฤทธิ์กำแหงเป็นตัวการเพ็ดทูล”
“คุณพ่อท่านย่อมรู้ความดีไม่ดีของคนนะคะออกขุนท่าน ท่านชื่นชม ไว้ใจมิสสะเตอร์คองสตั๊งซ์เป็นอย่างมากค่ะ”
ในระหว่างนั้น มารีคลอดลูกชายชื่อยอร์จได้หนึ่งเดือน เธอกำลังให้นมลูก ฟอลคอนเดินหน้าบึ้งปึงปังเข้ามา ยอร์จตกใจร้องไห้จ้า มารีต่อว่าฟอลคอนจะโกรธใครก็ไม่ควรมาทำให้ลูกตกใจ แล้วเลยพูดตำหนิที่เขาทำให้ออกญาโกษาธิบดีถึงตาย
อ่านละคร บุพเพสันนิวาส ตอนที่ 9 วันที่ 10 มี.ค.61
ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส บทประพันธ์โดย รอมแพงละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส บทโทรทัศน์โดย ศัลยา
ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส กำกับการแสดงโดย ภวัต พนังคศิริ
ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส ผลิตโดย บริษัท บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น จำกัด
ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส ออกอากาศเร็ว ๆ นี้ ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ