อ่านละคร บุพเพสันนิวาส ตอนที่ 8 วันที่ 4 มี.ค.61

อ่านละคร บุพเพสันนิวาส ตอนที่ 8 วันที่ 4 มี.ค.61

ขุนศรีวิสารวาจาเดินเคียงคู่กับการะเกดเข้ามา เจอขุนเรืองและหลวงศรียศ ทั้งสองแย่งกันชมการะเกดจนขุนศรีวิสารวาจาหน้าบึ้ง...ออกญาโกษาธิบดีนั่งเสลี่ยงแปดคนหาม พระวิสุทธสุนทรนั่งเสลี่ยงสี่คนหาม มีทนายหน้าหอถือหีบหมากทองเดินตาม แม่เลื่อนภรรยาพระวิสุทธสุนทรและขุนสุวรรณลูกชาย เดินร่วมกับคุณหญิงนิ่มและจันทร์วาด ผู้คนไหว้ทักทายอย่างเคารพ

เกศสุรางค์ถือโอกาสเดินไปหามิชชันนารีให้พาไปพบมะลิที่ด้านหลังโบสถ์ ขุนศรีวิสารวาจามองตามไม่วางตา



มะลิเห็นการะเกดก็ดีใจถาม “ออเจ้ามิได้โกรธข้าใช่ฤาที่แต่งงานกับออกหลวงสุรสาคร”

“โกรธ...เสียเมื่อไหร่เฮ้อ แต่ข้าก็ไม่ได้เห็นด้วยหรอกนะ เพียงแต่คิดว่าออเจ้าคงคิดดีแล้ว”

มะลิรับว่าใช่ เกศสุรางค์จึงอวยพรให้มีความสุข มะลิขอบใจกล่าวว่า ต่อไปไม่ว่าทุกอย่างจักเปลี่ยนไป แต่ความรู้สึกนับถือยินดีต่อเธอไม่มีวันเปลี่ยนแปลง และย้ำหนักแน่น

“แม้ข้าจักแต่งแก่ผู้ที่อยู่ในความคุ้มครองของฝรั่งเศส แต่ข้าก็เกิดในแผ่นดินอยุธยา ข้าจักไม่มีวันลืมตนทรยศต่อแผ่นดินอยุธยาแน่”

“พูดอะไรอย่างนั้น เจ้าคิดอะไรอยู่”

“ออเจ้ารู้ฤาไม่ การที่พ่อข้าเป็นลูกครึ่งแขกผิวดำทำให้ครอบครัวของเรามีความเป็นอยู่ไม่ผิดกับทาสที่โดนหยามหมิ่น ฝรั่งกันเองยังดูถูก คนไทยยังดูแคลน ถึงจักพอมีเชื้อมีสายอยู่บ้าง ก็เป็นคนพลัดถิ่นที่ถูกเขาเนรเทศมา”

เกศสุรางค์แปลกใจ มะลิเล่าว่าครอบครัวถูกเนรเทศมาจากญี่ปุ่น เพราะตาเป็นเจ้าชายญี่ปุ่นคนแรกที่รับศีลล้างบาป จึงโดนรังเกียจจากพวกพระญาติ คนญี่ปุ่นที่ศรัทธาพระเจ้า ถูกเนรเทศให้ลงเรือออกจากญี่ปุ่น ตากับยายของตนพบรักกันในเรือ และพากันมาอยู่ที่อยุธยานี่

เกศสุรางค์ฟังแล้วรู้สึกโรแมนติก มะลิถามคำนี้เป็นภาษาฝรั่งใช่หรือไม่ เกศสุรางค์รับว่าใช่ แล้วปลอบใจว่าให้เลิกคิดถึงอดีตที่ไม่มีวันเปลี่ยน แต่นี้ไปเธอกำลังมีอนาคตที่ดี เพราะได้ยินว่าหลวงสุรสาครยกย่องให้เป็นเมียเอก แสดงว่าเขารักเธอมาก

ด้านขุนศรีวิสารวาจาชะเง้อมองหาการะเกดจนขุนเรืองต้องกระซิบว่า นางคงรู้กาลเทศะไม่ต้องห่วง

ขุนศรีวิสารวาจาส่ายหน้าบอกนางไม่รู้และชอบทำตามใจตัวเอง เกศสุรางค์เดินมานั่งข้างๆได้ยินเต็มเปา ขุนเรืองไม่ทันเห็นบอกเพื่อนว่า การะเกดงามนัก ไม่มีใครเอาโทษนาง แต่ขุนศรีวิสารวาจายังหนักใจว่า งามอย่างไรก็ไม่เกี่ยว เพราะใครๆมองว่านางวิปลาส

“แต่ข้าไม่บ้านะ” เกศสุรางค์กระซิบเบาๆ

สองขุนสะดุ้งหันมอง ขุนศรีวิสารวาจากลบเกลื่อนเอ็ดว่าหายไปไหน พิธีกำลังจะเริ่ม

“ทำเสียงเขียวกลบเกลื่อน คิดว่าจะพ้นเรื่องนินทาข้าเหรอเจ้าคะคุณพี่”

ขุนศรีวิสารวาจาสวนว่าไม่ได้นินทา ตนพูดความจริง ขุนเรืองเข้าข้างการะเกดว่านางไม่ได้บ้า

หลวงศรียศเห็นด้วยแถมชื่นชมว่านางงามที่สุดในพระนคร เกศสุรางค์ชี้นิ้วร้องเบาๆว่า

“ถูกต้องแล้วคร้าบ...”

ขุนเรืองกับหลวงศรียศทำหน้างง ต่างจากขุนศรีวิสารวาจาที่ชินทำตาเขียวใส่ เกศสุรางค์แกล้งเอียงตัวเอาไหล่ชน ย้ำว่าเรื่องจริง ท่านขุนใจเต้นรัวที่นางเข้ามาใกล้ชิด ก็พอดีเจ้าสาวเข้ามา

ฟานิกพาเจ้าสาวถือช่อดอกไม้มาส่งให้หลวงสุรสาครที่ยืนข้างหน้าสังฆราชปัลลู เกศสุรางค์ตื่นเต้นที่จะได้เห็นพิธีแต่งงานพยายามยืดคอมอง พอได้ยินสังฆราชกล่าว

“เจ้าจะรับนายคอนสแตนติน ฟอลคอนเป็นสามี ไม่ว่าจะยามสุขหรือทุกข์ มั่งมีหรือยากจน สบายดีหรือเจ็บป่วย จนกว่าจะตายจากกันหรือไม่”

เกศสุรางค์ได้ยินชื่อฟอลคอนก็ลืมตัวลุกพรวดขึ้นพึมพำ...ฟอลคอน...วิชาเยนทร์...ท่านขุนรีบดึงให้นั่งลงและทำท่าปรามให้เงียบ เสียงสังฆราชกล่าวกับเจ้าบ่าว

“นายคอนสแตนติน ฟอลคอน ท่านจะรับนางมารี กีมาร์ เด ปินา เป็นภรรยาไม่ว่าจะยามสุขหรือทุกข์ มั่งมี หรือยากจน สบายดีหรือเจ็บป่วย จนกว่าจะตายจากกันหรือไม่”

ทั้งบ่าวสาวต่างรับคำ เกศสุรางค์พึมพำ ว่าฟอลคอนคือเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ และมารี กีมาร์ คือท้าวทองกีบม้า...เธอตื่นเต้นดีใจคิดถึงเรืองฤทธิ์เพื่อนรักที่ไม่ได้มาพบเจออย่างตน

เมื่อเสร็จพิธี แขกในงานปรบมือเกรียวกราว ฟอลคอนหันมากล่าวขอบใจทุกคนที่มางานนี้ และขอบพระคุณออกญาโกษาธิบดีที่เมตตาเสมอมา พร้อมประกาศด้วยน้ำเสียงอหังการ

“ต่อไปนี้ให้ทุกคนจงอย่าเรียกเมียข้าว่าแม่มะลิอีกต่อไป เพราะข้าไม่ชอบใจชื่อนี้เป็นที่ยิ่ง เมียของข้าไม่ได้เป็นแม่ค้าเรือนแพเฉกเช่นเดิม จึงไม่จำเป็นต้องมีชื่อเพื่อให้เรียกได้ง่ายอีกแล้ว จงเรียกนางว่า ตองกีมาร์ เช่นผู้หญิงฝรั่งเศส”

ในงานนี้ ขุนเรืองลอบมองจันทร์วาดไม่วางตา พอเห็นนางทำปิ่นประดับผมตกก็เก็บไปคืนให้ จันทร์วาดรับมาด้วยเริ่มรู้สึกระทึกใจ เกศสุรางค์เห็นแอบหัวเราะชอบใจ...พอจะกลับเกศสุรางค์ร่ำลามารี เธอย้ำว่าให้มาเยี่ยมกันบ้าง เกศสุรางค์รับว่ามาชัวร์เพราะมีเรื่องจะคุยอีกมากมาย มารีหันไปมองขุนศรีวิสารวาจาด้วยสายตาอาลัย ฟอลคอนเห็นไม่พอใจ ดึงเธอให้มายืนเคียงข้าง

เกศสุรางค์ลองอีกครั้งทำทีไปลาขุนเรืองแล้วถามว่าได้ยินชื่อคอนสแตนติน ฟอลคอนแล้วรู้สึกอย่างไร แต่ขุนเรืองตอบอย่างไม่มีพิรุธใดๆว่าไม่รู้สึก เธอจึงยอมรับแล้วว่าเขาไม่ใช่เรืองฤทธิ์เพื่อนของเธอ ขุนศรีวิสารวาจาเห็นทั้งสองใกล้ชิดกันก็หงุดหงิดในใจ แต่เกศสุรางค์ไม่ทันสังเกต...พอกลับถึงเรือน เกศสุรางค์ถามท่านขุนว่าฟอลคอนโกรธอะไรเขา ทำเหมือนหึงหวง

“เห็น...ข้าไม่สนใจ เพราะข้าไม่เคยคิดอะไรกับเมียเขา” ท่านขุนพูดจบก็สาวเท้าเดินไป

เกศสุรางค์งงว่าเป็นอะไร ฉับพลันท่านขุนหันกลับมาทำให้เธอหยุดเกือบหน้าคว่ำ

“หากพ่อเรืองกับออกหลวงศรียศพาออเจ้ากลับเรือนตนได้ คงกระทำไปแล้วหนา น่าเสียดายแทนยิ่งนัก ที่ออเจ้ามามีเรื่องเล่าลือกับข้าเสียก่อน มิเช่นนั้นหัวกระไดเรือนคงมิแห้ง ข้าก็คงมิต้องเสียสละตัวเอง” คำพูดของขุนศรีวิสารวาจาราวกับโยนไฟเข้าไปในกองฟาง

เกศสุรางค์โกรธมากพูดใส่หน้าไม่ดังนัก

“ต่อให้ข้าต้องเป็นสาวเทื้อไม่มีใครต้องการ ก็ไม่กราบกรานขอให้ใครมาออกเรือนด้วย ไม่ต้องการให้ใครต้องมาเสียสละตัวเองทั้งๆที่ไม่เต็มใจ หากคุณพี่ไม่พอใจ ข้าจะบอกคุณป้ากับคุณลุงเองว่า เรื่องหมั้นหมายนั้น...ไม่จำเป็น”

จ้อยเห็นท่าทีเจ้านาย รีบไปเล่าให้บ่าวฟังว่า ตอนนั่งเรือนายไม่คุยกัน แต่ตอนนี้แทบตีกัน

ooooooo

ผินกับแย้มได้ฟังจ้อยเล่าถึงการะเกดกับขุนศรีวิสารวาจาว่ากำลังจะตีกันอยู่ที่ท่าน้ำ ก็ตกใจรีบกระโจนออกไป...ทั้งสองกำลังเถียงกันเรื่องหมั้น ต่างน้อยใจคิดกันไปคนละทาง

“เรื่องหมั้นไม่จำเป็นเพราะออเจ้าไม่อยากให้หมั้นเสียกระมัง” ขุนศรีวิสารวาจาทึกทัก

“ใครล่ะที่บอกว่าต้องเสียสละตัวเอง คุณพี่ใช่ไหม ไม่อยากแต่งใครเขาบังคับ ตัวเองเป็นคนเสนอแท้ๆ ข้าบอกตั้งแต่ต้นแล้วว่าไม่ต้องๆๆ เพราะข้าไม่สนเข้าใจไหม ไม่สนว่าจะมีใครว่าอะไร เพราะช่วยคนจมน้ำมันเป็นเรื่องทางเทคนิค ไม่มีใครเข้าใจก็อย่าเข้าใจ” เกศสุรางค์ใส่รัว

ท่านขุนยืนงงฟังไม่ทัน หันหลังกลับเดินไป

เกศสุรางค์คว้าแขนอย่างแรง ท่านขุนเซจะล้ม เธอจึงประคองไว้แต่ด้วยความที่รับน้ำหนักไม่ไหวจึงเซไปด้วย ท่านขุนบอกให้ปล่อย เธอจึงปล่อยมือทันที ท่านขุนไม่ทันตั้งตัวคว้ามือเธอล้มลงไปด้วยกัน แต่ก็รองรับไม่ให้เธอเจ็บ สายสังวาลเกี่ยวขาดพลอยกระจายไม่รู้ตัว...ผิน แย้มและจ้อยวิ่งมาเห็น ต่างชะงักแอบมอง

ท่านขุนเป็นห่วงว่าเกศสุรางค์จะเจ็บ เธอส่ายหน้า แต่ท่านขุนเจ็บพยายามจะลุกพร้อมกับพูดเรื่องที่เถียงกันเมื่อครู่ต่อ

“ออเจ้าพูดราวมิมีผู้ใดมาเมียงมอง พ่อเรืองกับออกหลวงศรียศคงจักเสียใจยิ่งแล้ว หากได้ยินว่าออเจ้าจะเป็นสาวเทื้อ มิต้องห่วงกังวลไปดอกหนา เพียงออเจ้าเดินทิ้งชายสไบ ผู้ชายทั่วพระนครก็จักมารับขวัญออเจ้ากันถ้วนทั่ว”

“พูดอีกก็ถูกอีก แต่อย่าพูดอีกดีกว่า อารมณ์เสีย!” เกศสุรางค์เคืองลุกพรวดเดินไปเร็วราวพายุ กระแทกท่านขุนล้มนั่งแปะลงไปอย่างเดิม...

อ่านละคร บุพเพสันนิวาส ตอนที่ 8 วันที่ 4 มี.ค.61

ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส บทประพันธ์โดย รอมแพง
ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส บทโทรทัศน์โดย ศัลยา
ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส กำกับการแสดงโดย ภวัต พนังคศิริ
ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส ผลิตโดย บริษัท บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น จำกัด
ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส ออกอากาศเร็ว ๆ นี้ ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ