อ่านละคร บุพเพสันนิวาส ตอนที่ 10 วันที่ 13 มี.ค.61

อ่านละคร บุพเพสันนิวาส ตอนที่ 10 วันที่ 13 มี.ค.61

“โห...แรงอ่ะ” เกศสุรางค์บ่นเบาๆมองคนอื่นๆ ที่นั่งทำงานกันอยู่อย่างไม่สนใจ

“ร้องไห้ร้องห่มเหมือนจะเป็นจะตายอยู่หยกๆ ไม่ทันข้ามวันหัวเราะหัวใคร่ผิดตายิ่งนัก”

“ก็เมื่อวานเศร้าก็ร้อง วันนี้ไม่เศร้าหัวเราะไม่ได้หรือคะ” ท่านขุนบอกไม่ได้ เธอว่าทำไม

“เหตุใดจึงประพฤติตัวกลับไปกลับมา” ท่านขุนจะเอาคำตอบให้ได้

“ทำไมจะกลับไปกลับมาไม่ได้ล่ะคะ ในเมื่อหัวใจคนมันเปลี่ยนได้นี่คะ จะให้เศร้าจนตายหรือคะ”




“ถ้าเช่นนั้นแจ้งข้ามาเดี๋ยวนี้ว่าออเจ้าเศร้าสร้อยร้องไห้ด้วยเหตุใด และสิ่งใดทำให้ออเจ้าหายเศร้าเป็นหัวใคร่กระซิกกระซี้เช่นนี้”

“ข้าไม่จำเป็นต้องบอกคุณพี่ทุกอย่าง”

ท่านขุนเน้นว่าจำเป็น เกศสุรางค์สวนทันควันว่า ...ทำไม

“เพราะออเจ้าเป็นคู่หมั้นของข้า”

“ต่อให้เป็นเมียก็ไม่ต้องบอกทุกอย่าง” เกศสุรางค์เถียงทุกคำ ท่านขุนก็ไม่ลดละ

“แม่การะเกด...ถึงออเจ้าจะยังไม่ใช่แต่วันหน้าก็ใช่ ออเจ้าก็ต้องรู้ว่าในอยุธยานี้ผัวมีอำนาจเหนือเมีย”

“กฎหมายไดโนเสาร์เต่าพันปี” เกศสุรางค์บ่นอย่างเบื่อหน่าย ท่านขุนฟังแล้วขำร่ายยาว

“ออเจ้าพูดจาประหลาดตามเคย คนเป็นเมียคือสมบัติของผัว ตัวออเจ้าจะเป็นเมียกลางเมืองของข้า ออเจ้าต้องเชื่อฟังข้า ต้องทำทุกอย่างที่ข้าสั่งให้ออเจ้าทำ อย่าว่าแต่ออเจ้าต้องบอกกล่าวข้าทุกอย่างที่ออเจ้าทำ ทรัพย์สมบัติของออเจ้าทุกอย่างเป็นของข้า ออเจ้าทำความผิดใดๆข้าจะตีจะโบยออเจ้าเท่าไหร่ข้าย่อมทำได้ ข้าจะขายออเจ้าก็ย่อมได้ และถ้าออเจ้ามีชู้...”

“โห...ยังไม่แต่งมีชู้แล้วเหรอคะ” เกศสุรางค์เสียงหลง

“ถ้าออเจ้าคบชู้ ข้าเลือกวิธีลงโทษออเจ้าได้หลายอย่าง” หญิงสาวถามว่าอะไรบ้าง “ข้าจะเลือกให้ออเจ้าถูกประหารชีวิต หรือข้าจะเลือกขายออเจ้าเป็นทาส หรือจะขายให้ซ่องชำเราบุรุษ หรือจะให้ม้าชำเราออเจ้า” น้ำเสียงท่านขุนเด็ดขาด เกศสุรางค์อ้าปากค้างเหลียวมองจำปากับบ่าว

“ไม่มีใครว่าอะไรเลยเหรอเนี่ย” ทุกคนทำหน้าปกติทำนองรู้อยู่แก่ใจ เกศสุรางค์ข้องใจที่ใช้ม้า แล้วบ่นเบาๆว่าคนคิดกฎหมายนี้เป็นผู้ชายแน่ พลันนึกบางอย่างได้ร้องขึ้นว่า “เออ...!”

จำปาสะดุ้ง “ข้าจวนเจียนจะลมจับ”

“อย่าเพิ่งค่ะคุณป้าเรื่องนี้สำคัญ...ฟังก่อนเจ้าค่ะอย่าเป็นลม”

เสียงจำปาเรอเอิ๊ก...เกศสุรางค์ตั้งคำถามว่า ถ้าผู้ชายมีชู้ มีเมียสองสามสี่ห้า ก็เรียกว่ามีชู้เช่นกัน ออกญาโหราธิบดีสะเทือนเสียงเข้มปราม อย่าพูดจาสามหาว แม่หญิงทั้งอยุธยาไม่มีใครคิดอย่างนั้น  เกศสุรางค์ ถามทันควันว่า คิดกันอย่างไร ออกญาสาธยาย

“ออเจ้ามิจำเป็นต้องรู้ รู้แค่ว่ามิมีผู้ชายคนใดขึ้นชื่อว่ามีชู้ ถ้าไม่ไปเสพสังวาสกับแม่หญิงที่มีผัวแล้ว”

“ถึงกับหญิงที่ไม่มีสามีก็เรียกว่ามีชู้เจ้าค่ะ เพราะนอกใจภรรยาไปมีผู้หญิงอื่น แต่เพราะผู้ชายเป็นคนเขียนกฎหมายไงเจ้าคะ จึงไม่เรียกว่ามีชู้” เกศสุรางค์ยังแย้งด้วยเหตุผลสมัยตน

ออกญาตบพื้นกระดานดังเปรี้ยง...ท่านขุนรีบแก้สถานการณ์บอกให้การะเกดหยุด และให้ตอบว่าอะไรทำให้หยุดร้องไห้ เกศสุรางค์สวนก่อนจะลุกพรวดเดินไปอย่างเร็ว

“ไม่บอก และไม่แต่งด้วย”

ผินกับแย้มรีบคลานตามออกไป จำปาลูบอก ปริกและบ่าวอื่นๆพูดไม่ออกไปตามๆกัน...เกศสุรางค์เข้ามาในห้องกระแทกตัวนั่งลงบนเตียง ผินกับแย้มเข้ามานั่งแทบเท้า

“พี่ผิน พี่แย้ม ข้าเคยรู้นะว่าพระไอยการลักษณะผัวเมียเป็นกฎหมายของอยุธยา แต่ข้อม้าน่ะโหดจริงๆ รับไม่ได้ ทารุณผู้หญิงเหลือเกิน”

“แม่นายเจ้าขา พูดอะไรอย่างนั้นเจ้าคะ ใครๆเขาก็รู้กันถ้วนทั่ว จะค้านท่านได้ยังไร”

เกศสุรางค์ไม่เห็นด้วยเรื่องม้า ถามทั้งสองว่าเคยเห็นผู้หญิงโดนม้าชำเราไหม ทั้งสองส่ายหน้าแต่ก็มิใช่ว่า ไม่มี เกศสุรางค์รำพึงอยากกลับบ้านเพราะรับไม่ได้จริงๆ เสียงการะเกดดังขึ้น

“มันเป็นเช่นนั้นมานมนานอย่าคิดเปลี่ยนแปลง”

เกศสุรางค์สะดุ้ง มองผินกับแย้มเหมือนไม่ได้ยิน มองไปเห็นการะเกดนั่งพิงหัวเตียงหน้าเศร้า จึงบอกให้สองบ่าวออกไปข้างนอกก่อน การะเกดแทรกว่าทั้งสองไม่เห็นตน แต่เกศสุรางค์เกรงว่าทั้งสองจะหาว่าตัวบ้าพูดคนเดียว การะเกดย้อนถาม

“มันได้ยินหรือไม่”

“เออจริง...การะเกด ออเจ้าพอใจแล้วใช่ไหม”

“ถึงยังไรออเจ้าก็ต้องแต่ง”

“เอ้า! เอายังไงวะ ไหนว่าไม่อยากให้ข้าแต่งไง”

“ออเจ้าขัดขืนเขาไม่ได้หรอก ข้าจึงมาบอกออเจ้า ว่า...ในร่างของข้า ออเจ้าทำความดี ออเจ้ามีจิตเมตตากรุณา ออเจ้ามีใจเที่ยงธรรมซื่อสัตย์กล้าหาญ ทั้งหมดข้าไม่เคยมี ออเจ้าทำบุญกุศลส่งให้ข้า ออเจ้าคิดดีกับข้าและกับทุกคนแม้แต่บ่าวไพร่ ออเจ้าทำให้แม่หญิงการะเกดเป็นคนดีอย่างไม่เคยเป็น” เกศสุรางค์แทรกว่าเต็มใจทำ “ข้ารู้ ข้าเห็นแล้ว หัวใจของเจ้าสูงส่งยิ่งนัก ข้ามิได้เป็นแม้แต่ ส่วนเสี้ยวเล็กๆของออเจ้า” การะเกดก้มหน้าสะกดน้ำตา

“ขณะนี้ข้าคือออเจ้าแม่การะเกด...”

“เกศสุรางค์...วาสนาข้าน้อย เป็นคู่ของคุณพี่ไม่ได้ ข้ายกคุณพี่ให้ออเจ้า เจ้าจงรับคุณพี่ไปเป็นของเจ้าเถิด...ข้าลา”

เกศสุรางค์ร้องเรียกการะเกดอย่าเพิ่งไป แต่ร่างเธอเลือนหาย...ที่ด้านนอก ปริกกระซิบกระซาบสมน้ำหน้าการะเกด จำปาปรายตามองไม่สนใจ หันมากล่าวกับขุนศรีวิสารวาจาว่าอย่ากังวล ลูกจะได้ตบแต่งกับการะเกดแน่ แต่ท่านขุนกลับบอกว่าอย่าบังคับนางถ้านางไม่อยากแต่ง

ooooooo

หลายวันที่ผ่านมา มารีก้มหน้าเลี้ยงลูกไม่สนใจฟอลคอน แม้เขาจะประชดด้วยการไปนอนกับเมียเล็กๆ เธอก็ไม่สนใจ จนฟอลคอนสุดทนหาว่าที่เธอเป็นแบบนี้เพราะมีใจให้ชายอื่น จึงปลุกปล้ำเธออย่างไม่ปรานี ยิ่งเห็นเธอนิ่งไม่มีน้ำตาสักหยดก็ให้ปวดร้าวลั่นวาจาว่า

“นับแต่บัดนี้ต่อไป ข้าจักไม่แตะต้องเจ้าให้เป็นที่ดูแคลนอีก เราจักอยู่ร่วมกันเพื่อผลประโยชน์เท่านั้น แลจงอย่ากล่าวหาว่าข้าไร้หัวใจ นั่นเพราะเจ้าไร้หัวใจต่อข้าก่อน”

หลังจากนั้น พวกบ่าวไพร่จะคอยกระแนะกระแหนกันเองเวลาที่รู้ว่านายไปนอนกับใคร มารีได้ยินไม่สนใจ มีเพียงคลาร่าที่เฝ้ามองฟอลคอนผู้เป็นบิดาบุญธรรมด้วยสายตาลึกล้ำ...

วันต่อมา ออกญาโหราธิบดีเข้าเฝ้าขุนหลวงที่ละโว้ เจอฟอลคอนไหว้อย่างนอบน้อม ภายในพระ ตำหนักมีพระมหาราชครูนั่งเขียนฉันท์ในกระดานชนวนด้วยดินสอสีขาว มีอาลักษณ์นั่งคัดลอกคำประพันธ์สมุทรโฆษคำฉันท์ของพระมหาราชครูลงในกระดาษแผ่นพับสีดำด้วยหมึก พอขุนหลวงเห็นออกญาโหราธิบดีเข้ามาก็ถามรู้ความเรื่องทูตฝรั่งเศสหรือไม่ ออกญารับคำ ขุนหลวงให้ตรวจดูฤกษ์ยามที่จะให้เข้าเฝ้า ออกญาถามชื่อทูตจากฟอลคอนเห็นว่าชื่อยาว

“ขอรับ ชื่อยาวอยู่ ชื่อเชอวาลิเยร์ เดอ โชมองต์”

ออกญาขำที่จำได้ท่อนหางลืมหัว ขุนหลวงบอกตัวท่านก็เหมือนกัน ออกญาขอวันเดือนที่แน่นอนเพื่อดูฤกษ์ยาม แต่ฟอลคอนบอกได้แค่ว่า มาถึงไม่เกินเดือนสิบและจะอยู่นานแค่ไหนมิทราบได้ ขุนหลวงมอบหมายให้ฟอลคอนสอบถามและดูแลการสร้างเรือนรับรอง...

เมื่อถึงเดือนที่ราชทูตฝรั่งเศสจะเข้าเฝ้า ออกญาโหราธิบดีแต่งตัวเต็มยศเดินออกมาที่หอกลางเรือน บ่าวนั่งเรียงราย ปริกมองอย่างปลาบปลื้มแล้วเปรยว่า

“ออกญาท่านยังงามสง่าเหมือนครั้งยังหนุ่มแน่นหลายสิบปีมานะเจ้าคะแม่นายท่าน”

จำปายิ้มหวาน ออกญาหันมาสบตายิ้มน้อยๆ เกศสุรางค์เห็นแล้วทำตาวับวาวแกล้งกระแอมเบาๆ จำปาหันมามองพร้อมกับขุนศรีวิสารวาจา เธอทำหน้าใสซื่อถาม

“คุณลุงคุณป้าน่ารักเจ้าค่ะ ไปไหนกันหรือเจ้าคะ”

“ข้าจักไปไหน เห็นข้าแต่งตัวฉะนี้ ออเจ้าคิดว่าข้าจะไปไหน”

“อ๋อ ข้าไม่ได้ถามคุณป้าเจ้าค่ะ ข้าถามว่าคุณลุงกับคุณพี่ขุนจะไปไหนเจ้าค่ะ”

“ยอกย้อนมิมีใครปาน” จำปาค้อนขวับอย่างหมั่นไส้

อ่านละคร บุพเพสันนิวาส ตอนที่ 10 วันที่ 13 มี.ค.61

ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส บทประพันธ์โดย รอมแพง
ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส บทโทรทัศน์โดย ศัลยา
ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส กำกับการแสดงโดย ภวัต พนังคศิริ
ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส ผลิตโดย บริษัท บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น จำกัด
ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส ออกอากาศเร็ว ๆ นี้ ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ