อ่านละคร บุพเพสันนิวาส ตอนที่ 15 วันที่ 30 มี.ค.61
เมื่อเสร็จสิ้นงานศพออกญาโหราธิบดี จมื่นศรีได้มาร่วมงานแล้วจะกลับ จ้อยซึ่งแต่เดิมรับใช้จมื่นศรีมาก่อนที่ท่านจะโดนเนรเทศไปอยู่เมืองนคร ขอติดตามไปด้วยเพราะเห็นว่าพระศรีวิสารสุนทรมีเรือนแล้ว แต่จมื่นศรีขอให้จ้อยอยู่ดูแลทุกคนที่เรือน เห็นว่าส่วนใหญ่มีแต่ผู้หญิงจากนั้นจมื่นศรีมากราบลาคุณหญิงจำปา “ลูกต้องกลับไปทำหน้าที่สำคัญของลูกตามรับสั่งของขุนหลวงนารายณ์เหนือหัวของลูก”
“หน้าที่นั้นฤาเจ้า เนรเทศเจ้าไปไกลถึง...” คุณหญิงจำปาร้าวรานใจไม่รู้อีกนานแค่ไหน
“อีกไม่นานดอกลูกจักพ้นโทษเร็วกว่ากำหนดก็เป็นได้ เหตุเพราะเจ้าพระยานครก็เอ็นดูลูกอยู่มากนัก เพราะลูกก็เป็นคนโปรดของท่านนะขอรับ...ลูกจักกลับมาดูแลคุณแม่”
คุณหญิงจำปาน้ำตาไหลพรากด้วยมีลางสังหรณ์ว่าจะไม่ได้พบหน้าลูกอีกตามดวงชะตา...
วันเวลาผ่านไป เกศสุรางค์ตั้งครรภ์ พระศรีวิสารสุนทรดูแลเอาใจใส่อย่างรักใคร่ เพียรถามถึงอาการวิงเวียนมิขาดปาก หญิงสาวบอกไม่เวียนหัวแล้วแต่อึดอัดที่ตัวเองเริ่มอ้วน
“อ้วนอันใดกัน เจ้ามีครรภ์จึงมีน้ำมีนวล กำลังงามต่างหากเล่า...แม้ออเจ้าจักเป็นโอ่งเดินได้ ออเจ้าก็เป็นเมียข้า”
“แหม...โอ่งเดินได้เชียวหรือเจ้าคะ” เกศสุรางค์นึกถึงรูปร่างจริงของตัวเองที่อวบอ้วน
“สิ่งที่อยู่ภายในต่างหากเล่าที่ผูกมัดใจข้าได้ หาใช่ภายนอกไม่ มิเช่นนั้นเมื่อคราที่ออเจ้าเป็นแม่การะเกดคนเก่า ข้าคงรักนางไปเนิ่นนานแล้วหนา ต่อให้ออเจ้าผิดแผกไปจนขี้ริ้วกว่านี้ อวบอ้วนพีจนโอบมิรอบ ในความรู้สึกของข้าแล้ว ออเจ้าก็คือแม่การะเกดของข้าเพียงเท่านั้น”
เกศสุรางค์โอบกอดเขาอย่างสุขล้น พระศรีวิสาสุนทรรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่เป็นฝ่ายโดนกอดเพราะยังไม่เคยชิน
ooooooo
เกศสุรางค์ถามถึงอาการประชวรของขุนหลวง พระศรีวิสารสุนทรหนักใจรู้ว่าอาการท่านหนัก ไม่ยอมให้ใครเยี่ยมนอกจากพระปีย์กับเจ้าพระยาวิไชยเยนทร์
เกศสุรางค์นำเรื่องจดบันทึกลงสมุดและไตร่ตรอง
“ยังไงพระปีย์ เจ้าฟ้าน้อย เจ้าฟ้าอภัยทศ ก็ต้องตายด้วยฝีมือพระเพทราชา และคนที่จะหยุดออกญาวิไชยเยนทร์มีคนเดียวคือ พระเพทราชา ทุกอย่างเป็นไปตามวงล้อประวัติศาสตร์...เกศสุรางค์ เจ้าอย่าคิดอะไรให้ฟุ้งซ่าน เจ้าไม่ได้กลับมาที่นี่เพื่อมาเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ เจ้ากลับมาพบคุณพี่ เจ้ากลับมาเพราะบุพเพสันนิวาส...หรือถ้าคิดอยากจะทำ คิดหรือว่าจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้”
บนถนนแห่งหนึ่ง ผู้คนเดินไปมาริมกำแพงเมือง บนกำแพงมีทหารยืนรักษาการณ์ เจ้าพระยาวิไชยเยนทร์นั่งเอกเขนกพิงหมอนขวานอยู่บนเสลี่ยงแปดคนหาม มองผู้คนที่เดินดินราวมดปลวกด้วยสีหน้าหยิ่งยโส โวยวายไล่คนที่เดินขวางทาง เห็นพระสงฆ์สองรูปเดินอยู่ก็ตะโกนว่า
“เจ้ากูสองรูปนั่น ถ้ามาเดินชมเมืองเช่นนี้ ถึงเวลาสึกแล้วกระมัง ไปทำประโยชน์บ้าง”
พระสองรูปเดินหนี พนักงานที่เดินตามเสลี่ยงตามจับทันที พลันหมากลูกหนึ่งลอยละลิ่วมาโดนหัวเจ้าพระยาวิไชยเยนทร์อย่างแม่นมาก ทำให้เขาโกรธสั่งพนักงานจับตัวคนโยนมาให้ได้ คนแถวนั้นหัวเราะกันครืน เจ้าพระยาวิไชยเยนทร์ตวาดกร้าวให้หยุดหัวเราะ สักครู่พนักงานลากตัวคนโยนมาได้ ถูกสั่งลงโทษให้พนักงานรุมซ้อม
เผอิญปริก จวง และจ้อยอยู่ในเหตุการณ์ ปริกทนไม่ได้ตะโกนด่าว่ารังแกคนกรุงศรีได้อย่างไร เป็นแค่คนต่างถิ่นมาอาศัย เจ้าพระยาวิไชยเยนทร์เห็นเป็นคนแก่ก็ไม่อยากเอาความ
กลับถึงเรือน ปริกยังโกรธไม่หายเล่าให้พวกบ่าวฟัง บ่นว่าอยากปีนเสลี่ยงไปถีบให้ตกลงมา จวงว่าทำเยี่ยงนั้นคงต้องไปทำกับข้าวในตะแลงแกง หรือไม่ก็ไปวัด ปริกงงจะไปทำไม จิกยื่นหน้ามาตอบแทนว่าไปฟังพระสวด ปริกถลึงตาดุใส่
บนระเบียงเรือน พระศรีวิสารสุนทรกับหลวงเรืองณรงค์เดชายืนฟังสีหน้าเคร่งเครียด กลับมานั่งปรึกษากัน หลวงเรืองณรงค์เดชาเกริ่นว่า
“ขุนหลวงประชวรไม่ออกว่าราชการ เจ้าพระยาวิไชยเยนทร์มีอำนาจมากขึ้นทุกวันตั้งแต่รับตำแหน่งที่จักกรีสมุหนายก ว่าราชการฝ่ายพลเรือนทั้งหมด ตอนนี้ชาวบ้านถูกเหยียบย่ำมาก”
พระศรีวิสารสุนทรมองหน้าการะเกดที่นั่งอยู่ด้วย แล้วตัดสินใจถาม “แม่การะเกด บอกได้รึยังว่าวันที่หายตัวไปสอดแนมวิไชยเยนทร์กับนายพลเดส์ฟาร์จ ได้ยินอะไร”
“เจ้าค่ะ ข้าจะบอกก็ได้...ข้าได้ยินสองคนพูดกันเรื่องทหาร นายพลเดส์ฟาร์จว่าจะส่งทหารฝรั่งเศสทั้งหมดขึ้นมาละโว้เมื่อเจ้าพระยาวิไชยเยนทร์ส่งม้าเร็วไปบางกอก”
“มันคิดการไม่ดีเป็นแน่แท้ จริงฤาไม่พ่อเดช” หลวงเรืองณรงค์เดชาหวั่นใจ
“ฟังแม่การะเกดพูดต่อเถิด ข้าเชื่อว่านางมีเรื่องจะพูดมากกว่านี้”
“เจ้าพระยาวิไชยเยนทร์พูดถึงขุนหลวงว่าเจ็บหนัก ที่เขาคิดการไว้คงได้ทำอีกไม่นาน”
พระศรีวิสารสุนทรกับหลวงเรืองณรงค์เดชาพูดพร้อมกันว่ากบฏ...เกศสุรางค์เห็นด้วย หลวงเรืองณรงค์เดชาได้ยินว่ามีผู้คนซ่องสุมจะกบฏ หญิงสาวรีบถามว่าพวกไหนบ้าง
“พระอนุชาเจ้าฟ้าน้อยกับเจ้าฟ้าอภัยทศ ทั้งสององค์ซ่องสุมผู้คนมากมายจะลุกมากบฏวันใดวันหนึ่งก็มิรู้”
“ส่วนพระยาวิไชยเยนทร์หนุนพระปีย์ ทำให้พระปีย์เข้ารีตได้ ก็แปลว่าพระปีย์คงยินยอมมันแล้ว”
เกศสุรางค์ฟังทั้งสองคนอย่างตั้งใจ หลวงเรือง– ณรงค์เดชาอยากรู้ว่าพระปีย์เอากำลังคนมาจากไหน พระศรีวิสารสุนทรรู้ว่าท่านมีพรรคพวกอยู่พิษณุโลก เกศสุรางค์อยากรู้เช่นกันว่าพระเพทราชาได้กำลังคนจากไหน...
ระหว่างนั้นในโบสถ์เมืองละโว้ ชาวบ้านที่เลื่อมใสพระสังฆราชยกขบวนมาร่วมเป็นกองกำลังกับพระเพทราชา มีทั้งผู้หญิงและผู้ชาย
พระเพทราชากับหลวงสรศักดิ์ประกาศว่า เพลานี้ขุนหลวงประชวรหนัก ถึงเวลาอันสมควรแล้ว ชาวบ้านพยักหน้าเห็นดี
“ไอ้ฝรั่งสนับสนุนพระปีย์ เพราะฉะนั้นพระปีย์ต้องไม่อยู่ให้มันจับเชิด เพราะแท้ที่จริงแล้วมันนั่นแหละที่คิดจะฮุบบัลลังก์”
“พระปีย์ไม่เคยโผล่หน้าให้ใครเห็น จะฆ่าได้อย่างไร” ชาวบ้านร้องถามพระเพทราชาเห็นว่าต้องใช้คนที่พระปีย์สนิทสนม เคารพนับถือลวงออกมา...
ooooooo
วันต่อมาพระเพทราชามาหาพระยาโกษาธิบดี ถึงเรือน ขอร้องอย่างตรงไปตรงมา
“หากท่านมิเห็นแก่ฝ่ายฝรั่งเศสหรือขุนนางชาติอื่น ก็จงทำตามที่ข้าร้องขอด้วยเถิด ข้านั้นนับถือท่านประดุจญาติแท้ๆ ท่านก็รู้ว่ามิว่าผู้ใดในพระนครก็ล้วนคิดว่าท่านเป็นพวกเดียวกับข้า ดังนั้นหากผู้อื่นมีวาสนาขึ้นมา มีฤาจักละเว้นต่อท่านแลครอบครัว... ข้าต่อต้านขุนหลวงมาตลอดเวลา เรื่องนำทหารฝรั่งเศสเข้ามาในบ้านเมืองเรา ขณะนี้ฝรั่งเศสมีอำนาจเหนือประชาชน และทำการดูถูกดูหมิ่นวางอำนาจ ข้ามีเจตนาเดียวคือปลดปล่อยชาวกรุงศรีให้พ้นอาณัติของฝรั่งเศส”
“ข้าลำบากใจยิ่งนักเพราะรู้จักทุกผู้ แม้แต่เจ้าพระยาวิไชยเยนทร์ ข้าก็ยังไม่ปักใจว่าเขาคิดจะกบฏ”
พระเพทราชาโกรธตบกระดานเสียงดัง หาว่าไม่เชื่อกัน พระยาโกษาธิบดีนิ่งไม่ตอบโต้
ด้านเกศสุรางค์ยังอยากรู้เรื่องการกบฏครั้งนี้ ถึงกับเลียบเคียงถามพระศรีวิสารสุนทรว่า เลือกอยู่ฝ่ายพระเพทราชาอย่างนั้นหรือ
“ชีวิตในที่ที่ออเจ้าจากมาเป็นอย่างไรพี่ไม่รู้ หากชีวิตที่นี่ถ้าจักให้ตัวเองแลคนในครอบครัวอยู่รอด แม้ต้องแปดเปื้อนไปสักเล็กน้อยก็ต้องยอม เพลานี้บ้านเมืองมีทุกข์เข็ญ พี่คิดว่าออกพระเพทราชาเป็นผู้ที่สามารถปัดเป่าได้ ถ้าแสวงหาความถูกต้อง ออกหลวงสรศักดิ์ก็มีสิทธิ์ไม่แพ้ใคร อีกอย่างพระปีย์แม้จะรู้กันว่ามีสิทธิ์ แต่ก็เข้ารีตแล้ว เหมือนชักศึกเข้าบ้าน”
เกศสุรางค์จ้องหน้าถาม “คุณพี่คะ พระอนุชาเจ้าฟ้าน้อยกับเจ้าฟ้าอภัยทศ และอีกคนพระปีย์...ทุกคนต้องตายหรือเปล่าคะ”
“แม่การะเกด บอกพี่มาตรงๆ ออเจ้ารู้อันใดฤา”
“ข้าพูดไปตามเนื้อผ้าเจ้าค่ะ คนเหล่านั้นเป็นฝ่ายตรงข้ามกับฝ่ายกบฏ ออกพระเพทราชาจะปล่อยไว้เป็นหอกข้างแคร่ทำไมคะ...ประวัติศาสตร์เจ้าค่ะ ประวัติศาสตร์บอกข้า”
อ่านละคร บุพเพสันนิวาส ตอนที่ 15 วันที่ 30 มี.ค.61
ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส บทประพันธ์โดย รอมแพงละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส บทโทรทัศน์โดย ศัลยา
ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส กำกับการแสดงโดย ภวัต พนังคศิริ
ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส ผลิตโดย บริษัท บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น จำกัด
ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส ออกอากาศเร็ว ๆ นี้ ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ