อ่านละคร บุพเพสันนิวาส ตอนที่ 15 วันที่ 31 มี.ค.61
“ข้าพูดไปตามเนื้อผ้าเจ้าค่ะ คนเหล่านั้นเป็นฝ่ายตรงข้ามกับฝ่ายกบฏ ออกพระเพทราชาจะปล่อยไว้เป็นหอกข้างแคร่ทำไมคะ...ประวัติศาสตร์เจ้าค่ะ ประวัติศาสตร์บอกข้า”พระศรีวิสารสุนทรจ้องเขม็งถาม “ประวัติศาสตร์ของออเจ้าบอกอะไรอีก เพราะเพลานี้คุณอาโกษาปานยังไม่ยอมร่วมด้วย ถ้าท่านไม่ร่วมด้วย การกำจัดเจ้าฟ้าสองพระองค์กับพระปีย์ทำไม่ได้ ท่านไม่ร่วมด้วยเพราะท่านไม่เชื่อว่าวิไชยเยนทร์จะทรยศต่อขุนหลวงได้ลงคอ”
“บอกคุณอาโกษาปานเลยค่ะว่า ได้ค่ะ ลื่นลงคอเลย” เกศสุรางค์บอกเป็นนัยๆ
“ออเจ้าพูดจาประหลาดอีกแล้ว ข้าคร้านจะฟัง”
“เอางี้นะคะคุณพี่ ฝากไปเรียนออกญาโกษาปานด้วยว่า ออกญาวิไชยเยนทร์ได้กระทำสิ่งที่เป็นอันตราย อย่างยิ่งต่ออยุธยา ถ้าไม่ยับยั้งอยุธยาจะระส่ำระสายแน่นอน”
เมื่อได้ฟังเช่นนั้น ไม่กี่วันต่อมาพระศรีวิสารสุนทรนำความมาบอกพระยาโกษาธิบดีที่เรือน มีพระเพทราชา หลวงสรศักดิ์ และหลวงเรืองณรงค์เดชาร่วมฟังด้วย ทุกคนต่างฉงน
“อันตรายอย่างยิ่ง...คืออะไร” พระยาโกษาธิบดีถาม พระเพทราชาคาดการณ์
“มันจะยกอยุธยาให้พวกของมัน กษัตริย์ของมันที่อยู่ทะเลโพ้นน่ะสิจะมีอะไร”
“เป็นเช่นนั้นขอรับ มีหลักฐานเป็นอันแน่นอนขอรับ เขาเขียนจดหมายลับส่งถึงบาทหลวงคนหนึ่งที่เป็นพระพี่เลี้ยงของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ให้ถวายในทางลับว่า...เขาจะทำทุกอย่างเพื่อประโยชน์ของบริษัทการค้าฝรั่งเศส เขาจะให้บางกอกและมะริดอยู่ในอำนาจของฝรั่งเศส และว่า...พระเจ้าแผ่นดินกำลังจะสวรรคต เขาจะหาหุ่นเชิดขึ้นปกครองสยามแล...”
หลวงสรศักดิ์กับหลวงเรืองณรงค์เดชาข้องใจทำไมเรียกเราว่าสยาม ทั้งที่ตรงนี้คือกรุงศรีอยุธยา
พระเพทราชาก็แปลกใจ พระศรีวิสารสุนทรเล่าต่อว่า
“ที่สำคัญที่สุดจดหมายฉบับนี้ระบุว่า ให้ตัวเขามีสิทธิและอำนาจปกครองอย่างเด็ดขาด เขาจะทำทุกอย่างเพื่อประโยชน์ของฝรั่งเศส รวมทั้งจะให้แผ่นดินนี้เป็นแผ่นดินของคริสเตียน”
พระเพทราชาตบเข่าฉาด “เป็นอย่างที่กูคิดไว้มิผิดพลาด ไอ้ฝรั่งสันดานไพร่ กูมิได้เกลียดมันคนเดียว แต่กูเกลียดไอ้ฝรั่งทั้งปวง กูเกลียดพวกมันนัก แลกูตั้งใจมั่นว่าจะขับไล่พวกมันออกไปจากแผ่นดินอยุธยาให้หมด”
พระยาโกษาธิบดีถามขึ้นว่า หลักฐานที่ว่าคืออะไร ในเมื่อเป็นจดหมายลับ ใครจะรู้เห็น พระศรีวิสารสุนทรตอบว่าแม่การะเกด...ทุกคนอึ้งเงียบไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
ooooooo
พระศรีวิสารสุนทรต้องกลับเรือนมาพาการะเกดไปที่เรือนพระยาโกษาธิบดี เพื่อคลี่คลายความสงสัยแก่ทุกคน เกศสุรางค์ตัดสินใจพูดความจริง
“หลักฐานคือมีคนพบจดหมายฉบับนั้นเจ้าค่ะ...ข้าไม่รู้จะยืนยันด้วยอะไรแต่เป็นเรื่องจริงเจ้าค่ะ จดหมายฉบับนั้นมีจริงเป็นลายมือของออกญาวิไชยเยนทร์เองเลยเจ้าค่ะ”
“ข้าเชื่อ...เชื่อออเจ้าเหมือนที่อาจารย์เชื่อ เชื่ออย่างไม่ต้องการเหตุผล” พระเพทราชาเน้นหนัก
พระยาโกษาธิบดีถามว่าขุนหลวงรู้เห็นด้วยหรือไม่ หญิงสาวตอบว่าไม่มีหลักฐานว่าขุนหลวงยินดีหรือไม่ แม้จะโปรดเจ้าพระยาวิไชยเยนทร์
“ข้าเชื่อว่าขุนหลวงปลงพระทัยให้มันพาทหารฝรั่งตั้งแต่เจ็ดแปดร้อยคนมาถึงกรุงศรี ข้าเชื่อว่าทรงอนุญาตให้มันเอาเรือมาจอดข่มขวัญเรา ข้าแสนจะเสียใจกับขุนหลวง แลข้ามิสามารถปล่อยให้ขุนหลวงนั่งอยู่บนบัลลังก์ต่อไปได้”
ขาดคำของพระเพทราชา ทุกคนเงียบกริบ หลวงสรศักดิ์แก้ไขสถานการณ์ว่า
“ท่านพ่อก็...ขุนหลวงนอนประชวรอยู่กี่เดือนแล้วนี่หนา จะกลัวทำไม”
พระเพทราชาเข่นเขี้ยวที่พวกฝรั่งคิดว่าคนอยุธยาโง่เขลาเบาปัญญา จะมาครอบครองแผ่นดิน พวกเราไม่ได้คิดเหมือนขุนหลวงทุกคน คำพูดของพระเพทราชาทำให้เกศสุรางค์เป็นห่วงมารี ถามขึ้นว่าท่านคิดว่า
พระมหากษัตริย์ควรจะเป็นเช่นใด พระยาโกษาธิบดีไม่ตอบ แต่อยากรู้ความคิดเห็นของนางในคำถามเดียวกัน
“ถ้าข้ามีโอกาสได้ยืนตรงหน้ากษัตริย์สักองค์หนึ่งหรือสององค์ ข้าจะทูลว่าสิ่งสำคัญที่กษัตริย์พึงมีคือทศพิธราชธรรมเจ้าค่ะ” ตอบแล้วเกศสุรางค์เหลือบมองพระเพทราชากับหลวงสรศักดิ์
“ออเจ้ามีความหมายอื่นใดที่อยากพูดอีกฤาไม่” พระเพทราชาสัมผัสได้
“มีเจ้าค่ะ ออกญาวิไชยเยนทร์สิ้นอำนาจวาสนาได้รับโทษตามความผิด แต่ลูกเมียที่มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ควรจะยกเว้นเจ้าค่ะ”
ทุกคนอึ้งกับความกล้าคิดอ่านของนาง หลวงสรศักดิ์กล่าวขึ้นว่า เริ่มริษยาพระศรีวิสารสุนทรที่มีเมียฉลาด แต่หลวงเรืองณรงค์เดชากลับไม่เห็นด้วย เพราะการมีเมียที่รู้ทันกันทุกอย่างน่าหดหู่มากกว่า ทุกคนหัวเราะครืน มีเพียงพระเพทราชาที่เงียบงัน...ไตร่ตรอง
ในที่สุดก็ดำเนินการ...หมอโปมาตร์มาตรวจอาการขุนหลวง ทหารกันไม่ให้พระปีย์เข้าเฝ้า พระปีย์โวยวายสักพักแต่ทำอะไรไม่ได้ นัยน์ตาแดงก่ำด้วยความโกรธ ฟุบหมอบทุบมือกับพื้นอย่างแค้นใจ เฉกเช่นเดียวกัน เจ้าพระยาวิไชยเยนทร์ก็โดนทหารขวางไม่ให้เข้าเฝ้า ไม่พอใจถึงกับโวยวาย
“หลีกไปนะ มึงไม่รู้จักฤาว่ากูเป็นใคร นี่สมุหนายกที่จักรีนะ นายเหนือหัวสูงสุดของมึง”
เจ้าพระยาวิไชยเยนทร์โมโหสุดขีดปาดหน้าทหารสองคนที่ยืนเฝ้าจนล้มระเนระนาด แต่พอจะขยับเดินก็มีดาบมาจ่อคอจากด้านหลัง เมื่อเขาดึงดันดาบนั้นสะกิดคอเลือดซึมจนต้องหยุดชะงัก
สุดท้ายเจ้าพระยาวิไชยเยนทร์กลับมาบ้าน เขียนหนังสือให้คนนำไปให้นายพลเดส์ฟาร์จให้ส่งทหารมายังละโว้...มารีเห็นทุกอย่างต่อว่าเขาคิดกบฏ เจ้าพระยาวิไชยเยนทร์ชี้แผลที่คอบอกพระเพทราชากับหลวงสรศักดิ์ทำตน มารีสวนเสียงเข้ม
“ถ้าท่านมิเริ่มก่อน เขาสองคนหรือจะคิดฆ่าท่าน บ้านเมืองนี้ให้ที่อยู่ที่กินแก่ท่านไม่เพียงพอหรืออย่างไร”
“แต่ข้าจำเป็น ชีวิตข้า ชีวิตเจ้า ชีวิตลูก”
“ไม่จริง ท่านทำให้ใครคิดดูให้จงดี อย่าอ้างข้าและลูกเลย ฝรั่งเศสมิใช่บ้านเกิดเมืองนอนของท่าน ท่านทำเพื่อฝรั่งเศสถึงปานนี้ แท้ที่จริงท่านทำเพื่อตัวเองใช่หรือไม่ ข้าทนไม่ได้แล้ว”
เจ้าพระยาวิไชยเยนทร์จับมือมารีไม่ให้ทิ้งไป มารีดึงมือออกบอกตนยินยอมให้เขาตบตีเป็นร้อยครั้ง แต่ไม่เห็นด้วยที่เขาใฝ่หาความเสื่อมมาสู่ตัวเอง แลจะตามมาถึงตนกับลูก เตือนให้คิดถึงพระมหากรุณาที่ขุนหลวงมอบให้ ไม่ควรทำการย่ำยีต่อแผ่นดินของพระองค์อย่างนั้น
ooooooo
เกศสุรางค์ท้องโตมากขึ้นแต่ยังอยากตามพระศรีวิสารสุนทรไปฟังเรื่องราวอีก ครั้งนี้พระศรีวิสาร-สุนทรขอร้องให้อยู่เรือน เกศสุรางค์ท้วงว่าการเลี่ยงไม่บอกความจริงก็เท่ากับมุสา พระศรีวิสารสุนทรขอให้อยู่อย่างสงบและอย่าให้คนในเรือนออกไปนอกเรือน เกศสุรางค์เอะใจถามว่าจะลงมือแล้วหรือ
“ใช่ เป็นดังที่เจ้าบอกไว้ เจ้าพระยาวิไชยเยนทร์ได้สั่งม้าเร็วไปยังบางกอกให้ส่งทหารมาละโว้เป็นร้อยๆนาย แลบัดนี้ข้าได้ยินว่าทหารได้เดินทางมาใกล้ถึงอยุธยาแล้วหนา”
บ่ายวันนั้นพระศรีวิสารสุนทรกับพระยาโกษาธิบดีก็มาที่บ้านนายพลเดส์ฟาร์จ ท่าทางเขาเครียดมากที่ทูตไทยทั้งสองมา พระยาโกษาธิบดีเริ่มเรื่อง
“ข้าคงอยู่นานไม่ได้ แค่อยากจักมาเตือนท่านเรื่องที่คิดการจักไปละโว้ในครานี้”
“มีอันใดฤา”
“เพลานี้นั้นในสยามเกิดเหตุมิสู้ดีนัก แลที่สำคัญในละโว้ก็ล้วนมีเหตุอันสับสน หากว่าท่านเดินทางไปจักกลายเป็นยั่วยุให้เกิดเหตุยิ่งกว่าเดิม ข้ารู้มาว่าคนนับพันดักรอพวกท่านอยู่ระหว่างทาง แม้พวกท่านมีอาวุธร้ายแรงแต่คงมิอาจหาญสู้คนหลายพันคนได้”
“กระไรกัน ข้าเพียงแต่เดินทางไปช่วยเหลือคนของข้าเท่านั้น”
พระศรีวิสารสุนทรเองก็รู้ว่าขุนนางสยามส่วนใหญ่ชังในตัวเจ้าพระยาวิไชยเยนทร์ ยิ่งทหารไปพร้อมอาวุธ ยิ่งทำให้เข้าใจผิดไปอีก และแนะนำให้ยกทัพทหาร
กลับไปบางกอกดังเดิม เมื่อเห็นแล้วว่าทางข้างหน้าจักพาให้ล่มจม แม้ไม่เสียดายชีวิตตัวเอง ก็ไม่ควรให้ชีวิตผู้ใต้บังคับบัญชาสูญเสียไปโดยมิมีดีอันใด
นายพลเดส์ฟาร์จคิดตามเริ่มเห็นด้วย...
ด้านเจ้าพระยาวิไชยเยนทร์เครียดจัด วิตกกังวลอับจนหนทาง มารีเข้ามาบอกว่าลือกันทั้งเมืองว่าเจ้าฟ้าสองพระองค์กับพระปีย์ถูกฆ่าหมด เจ้าพระยาวิไชยเยนทร์ตกใจไม่อยากเชื่อ
“ท่านยังคงต้องการทหารอยู่อีกหรือ ท่านต้องการให้ทหารฝรั่งเศสถล่มละโว้ให้พินาศงั้นฤา ท่านจะฆ่าให้หมดทุกคน แค่ฝรั่งเศสยิงปืนใหญ่เท่านั้น ละโว้หรืออยุธยาก็ไม่เหลืออะไร”
“ตองกีมาร์ที่รัก ข้ามาไกลเกินกว่าจะกลับไปที่เดิม เรื่องนี้มิใช่มีแค่ข้ากับนายพลเดส์ฟาร์จ แต่มีคนมากมายเกี่ยวข้อง ที่สำคัญที่สุดคือพระเจ้าอยู่หัวเมืองฝรั่งเศส...หลุยส์ที่ 14”
มารีหรือตองกีมาร์เศร้าใจที่สามีไม่อาจถอนตัวออกมาได้
ooooooo
เกศสุรางค์นั่งจดบันทึกประวัติศาสตร์ แม้ว่าหลายช่วงหลายตอนจะเป็นที่น่าสงสัยในความถูกต้องแต่ประวัติศาสตร์ช่วงนี้อย่างน้อยเรื่องต่อไปก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง
“1.เจ้าฟ้าน้อยและเจ้าฟ้าอภัยทศถูกประหาร 2.พระปีย์ถูกประหารเช่นกัน 3.พระเพทราชา แม้ว่ายังไม่ยกฐานะเป็นกษัตริย์แต่ก็ปฏิบัติตัวเหมือนกษัตริย์ ได้นำพระสงฆ์และชาวบ้านบุกพระราชวังที่อยุธยาประกาศบริหารงานแผ่นดินแทนขุนหลวง 4.นายพลเดส์ฟาร์จหยุดการส่งทหารบุกละโว้ เพราะโกษาปานกับคุณพี่พระไปยับยั้งไว้ แต่เจ้าพระยาวิไชยเยนทร์น่าจะยังไม่รู้”
จดบันทึกเสร็จ เกศสุรางค์เดินท้องโตออกมาจากห้อง ผินกับแย้มจะเข้าประคอง โดนปริกกระแทกกระเด็นไปแล้วประคองเอง มองท้องโตๆคาดว่าน่าจะเป็นลูกแฝด เกศสุรางค์นึกได้ร้องลั่น
“จริงด้วย! เรามีกรรมพันธุ์ฝาแฝดนี่หว่า ลูกของเราสองคนน่าจักเป็นฝาแฝด เพราะว่าข้ามีแฝด บันทึกทางดีเอ็นเอแลพันธุกรรมศาสตร์ของข้ามีแนวโน้มว่าจักมีลูกเป็นฝาแฝดได้หนาเจ้าคะ”
“ทึนทึกดีเอ็นกระไรหนา พันกรรมร้อยกรรมผู้ใดกัน ออเจ้ากล่าววาจาแปลกประหลาดอีกแล้วหนา” คุณหญิงจำปาบ่นที่สะใภ้ทำให้ทุกคนตกใจ
“หมายถึงข้าอาจจักมีลูกแฝดได้เจ้าค่ะคุณแม่” ว่าแล้วหยิบผ้ามาจะเย็บเป็นหมอน คุณหญิงจำปาเอ็ดว่าทำไม่ได้ ทำแบบนั้นลูกออกมาจักปากแหว่ง เกศสุรางค์อ้าปากค้าง ไม่อยากเถียงคนโบราณอีก จำยอมเก็บของลงตะกร้าอย่างเดิม
คุณหญิงจำปาเสียงอ่อนลงว่าตนก็คิดว่าท้องใหญ่อย่างนี้ไม่เด็กตัวใหญ่ก็ต้องเป็นลูกแฝด เกศสุรางค์เริ่มหวั่นใจเพราะการแพทย์ยุคนี้ยังไม่เจริญ กระซิบกับพระศรีวิสารสุนทรว่าออกลูกสมัยนี้คงน่ากลัว
“กลัวกระไรเจ้าคะ ผู้คนออกลูกกันครึ่ดไป แม่หญิงกินกล้วยน้ำว้าเสกของพระอาจารย์ดังแทบทุกวัน อย่าได้กังวลไปเลยหนาเจ้าคะ อ้าว...ออกพระท่านหน้าซีดเป็นไก่ต้ม เป็นอะไรเจ้าคะ” ปริกเจ้ากี้เจ้าการทุกเรื่อง
“ข้าก็ว่าจักต้องเจ็บมากแน่ๆ แต่ออเจ้ารู้ฤาไม่ หากข้าเจ็บแทนออเจ้าได้ ข้าจักดีใจนัก”
“จริงเหรอเจ้าคะ” เกศสุรางค์เป็นปลื้ม แตะแก้มพระศรีวิสารสุนทร “น่ารักอ่ะ...เอาก็เอา ลองมันสักตั้ง จะเจ็บแค่ไหนกันเชียว”
คุณหญิงจำปาทำหน้างงกับภาษาของลูกสะใภ้ แต่ก็ให้กำลังใจ “ตอนแม่ท้องพ่อเดชก็เจ็บหนา หากแต่เมื่อลูกพ้นท้อง ความเจ็บปวดก็จักหายสิ้น เมื่อถึงเพลานั้น ออเจ้าก็จักรู้เอง”
เกศสุรางค์รับคำและยิ้มสู้...จ้อยเข้ามาอย่างเร็ว บอกว่าพระเพทราชาให้คนถือสารมาให้ พระศรีวิสารสุนทรเปิดอ่านแล้วบอกทุกคนว่า ตนต้องไปละโว้พร้อมพระยาโกษาธิบดีและหลวงเรืองณรงค์เดชาในวันนี้ ฝากคุณหญิงจำปาดูแลการะเกดเพราะตนคงต้องไปหลายวัน เกศสุรางค์รู้ทันแตะแขนสามี ฝากแวะเยี่ยมมารีกับลูกๆให้ด้วย
พระศรีวิสารสุนทรรับคำอย่างเข้าใจ
ooooooo
วันต่อมา พระยาโกษาธิบดีกับพระศรีวิสารสุนทรมาหลอกเจ้าพระยาวิไชยเยนทร์ว่าขุนหลวงให้หาและพามาที่ตำหนักเย็นทะเลชุบศร เจ้าพระยาวิไชยเยนทร์คิดว่าทรงมาพักฟื้นที่นี่
พลันเสียงอาวุธดังรอบตัว พระยาโกษาธิบดีและพระศรีวิสารสุนทรเดินแยกไปคนละทาง ทันใดทหารถือปืนเข้าล้อมห่างๆ พระเพทราชาก้าวออกมาพร้อมหลวงสรศักดิ์และหลวงเรืองณรงค์เดชากับข้าราชการบางคนด้วยท่าทางเคร่งขรึม
พระเพทราชากล่าวขึ้นว่า “ขุนหลวงสวรรคตแล้ว มิมีผู้ใดคุ้มกะลาหัวมึงอีก”
“ท่านฆ่าขุนหลวง!” เสียงเจ้าพระยาวิไชยเยนทร์ดังกังวานขาดคำ หลวงสรศักดิ์ปราดเข้าซัดหน้าเต็มแรงเกิด เจ้าพระยาวิไชยเยนทร์เซถลา พยายามฝืนแต่ก็ไม่ไหว ล้มโครมเลือดกบปาก ก่อนจะเงยหน้ากลับมามองทุกคน สีหน้าสลดลงน้ำตาไหลพราก คุกเข่าถวายบังคมไปทางทิศที่ตั้งวังหลวงจนครบสามครั้งแล้วก้มหน้านิ่ง
พระเพทราชาให้คนเข้าไปจับยืน แต่หลวงสรศักดิ์กลับเข้าไปกดหัวไม่ให้ยืนแล้วเข่นเขี้ยวถาม จำจดหมายลับของตัวเองได้ไหม เจ้าพระยาวิไชยเยนทร์ทำหน้าฉงน แต่พอพระเพทราชาย้ำว่าที่เขาส่งไปให้เจ้านายเมืองฝรั่ง ก็ตาโพลงตกใจไม่คิดว่าใครจะรู้ พระเพทราชาตวาดลั่น
“ไอ้ก็องสตังซ์...ชาติไพร่ มึงบังอาจจักตั้งไอ้เตี้ยเป็นหุ่นเชิด แล้วมึงจักปกครองเสียเอง มึงกำเริบเสิบสานมาก ข้าวแดงแกงร้อนของอยุธยาที่รดกบาลมึงมาเป็นสิบๆปีหาได้มียางเลยฤา มึงกระทำย่ำยีบ้านเมืองของกูอย่างนี้ได้ยังไร...หา!”
เจ้าพระยาวิไชยเยนทร์ตระหนก ตัวสั่นสะท้านด้วยความรู้สึกประดังประเดขึ้นมา ทั้งสำนึกผิดทั้งกลัวแลเสียใจ ถามเสียงแผ่วเบา “ท่านรู้เรื่องจดหมายได้อย่างไร”
“ถึงมึงไม่มีจดหมายกูก็รู้ สันดานคนอย่างมึงทั้งสับปลับทั้งหลอกลวง ขี้โกง ฉ้อฉล ทุรยศ มึงตายเสียเถอะ” พระเพทราชาตบหัวเขาอย่างแรงจนคะมำแล้วสั่งประหาร
เจ้าพระยาวิไชยเยนทร์จับขาพระเพทราชา ขอพบลูกเมียเป็นครั้งสุดท้ายก่อน หลวงสรศักดิ์ไม่ยอม พระศรีวิสารสุนทรสงสารช่วยขอร้องอีกแรง พระเพทราชาจำยอมแต่สั่งตีตรวนก่อนไป พระศรีวิสารสุนทรช่วยประคองเจ้าพระยาวิไชยเยนทร์ให้ลุกขึ้นแล้วกระซิบบอก
“มิต้องกังวลถึงแม่มารี แลลูกชาย ข้ากับแม่การะเกดจักช่วยเหลือเต็มที่”
เจ้าพระยาวิไชยเยนทร์น้ำตารื้นจนนัยน์ตาแดงก่ำ...พอมาพบมารี เธอเห็นสามีถูกตีตรวนใบหน้าฟกช้ำก็น้ำตาร่วง เขากล่าวขอโทษเธอ แต่เธออดต่อว่าไม่ได้
“ข้าเคยเตือนท่านแล้ว ข้าเคยบอกท่านแล้วใช่ฤาไม่ ท่านทำให้ข้าแลลูกต้องเจอเหตุอัปยศอย่างนี้”
“ข้าผิดไปแล้ว”
“ท่านเจ็บฤาไม่”
“มิเจ็บดอก ขุนหลวงสิ้นแล้ว ข้ามิเจ็บ มิเจ็บแม้แต่น้อย...ข้ามาลา พระศรีวิสารสุนทรออกปากแก่ข้าว่า เขากับเมียจักดูแลเจ้ากับลูกให้ข้า ข้าจึงมิห่วงนักแม้ต้องตายตกภายในวันนี้ หากแต่ข้าอยากเห็นหน้าลูกก่อนตาย”
“มิได้!”
“ตองกีมาร์...ได้โปรด ข้ารู้ว่าข้าผิดนัก ผิดต่อเจ้า ผิดต่อลูก แต่ขอให้ข้าได้เห็นหน้าลูกก่อนตายด้วยเถิด”
“มิได้เด็ดขาด ลูกทั้งสองควรจดจำถึงพ่อผู้สง่างาม พ่อผู้ยิ่งใหญ่มีแต่คนยำเกรง มิใช่พ่อที่ถูกผูกตรวนถูกทำร้ายจนหาความสง่ามิได้อย่างนี้”
อ่านละคร บุพเพสันนิวาส ตอนที่ 15 วันที่ 31 มี.ค.61
ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส บทประพันธ์โดย รอมแพงละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส บทโทรทัศน์โดย ศัลยา
ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส กำกับการแสดงโดย ภวัต พนังคศิริ
ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส ผลิตโดย บริษัท บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น จำกัด
ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส ออกอากาศเร็ว ๆ นี้ ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ