อ่านละครเรื่อง สายธารหัวใจ ตอนที่ 5 วันที่ 2 พ.ย.60

อ่านละครเรื่อง สายธารหัวใจ ตอนที่ 5 วันที่ 2 พ.ย.60

พอดี​สิริ​กันยา​เคาะ​ประตู​เปิด​เข้า​มา ณ​รัง​ค์​แปลก​ใจ​ทำไม​กิน​ข้าว​เสร็จ​เร็ว เธอ​บอก​ว่า​กิน​ข้าวกล่อง ส่วน​อ๋อง​แค่​เป็น​เจ้ามือ​แล้ว​กลับ​ไป ณ​รัง​ค์​แอบ​ขำ​ที่​อ๋อง​ชวด ละ​มุ​ล​เห็น​รอย​ยิ้ม​นั้น​ชัก​สงสัย

สิริกันยาลากเก้าอี้มานั่งข้างณรังค์เพื่อเตรียมจดบันทึกการประชุมผ่านสไกป์ ละมุลจับตามองอย่างไม่ไว้ใจ ณรังค์ถามสิริกันยาใช้อะไรกินข้าว เธอตอบว่าใช้ช้อน เขาเย้าตักข้าวใส่ปากหรือตักใส่ผม เพราะมีเศษข้าวติดผมอยู่ สิริกันยาตกใจพยายามจะเอาออกแต่มองไม่เห็น ณรังค์จึงช่วยเอาออกให้ ละมุลมองอย่างไม่พอใจ

พอณรังค์หยิบเศษข้าวออกส่งให้ สิริกันยารับมาอย่างอายๆทิ้งลงถังขยะ เขาแกล้งว่าเธอซกมกนึกว่าจะกินเข้าไปอีก เธอบอกว่าอิ่มแล้ว ละมุลทนดูทั้งสองเย้าแหย่กันไม่ไหวแทรกถาม



“พี่ณะคะ กาแฟไหม ละมุลไปชงให้ ปกติตอนนี้พี่ณะต้องดื่มกาแฟ”

สิริกันยาคิดว่าเป็นหน้าที่ตน จึงบอกจะไปชงให้ ละมุลยิ่งไม่พอใจเสียงเขียวอย่างลืมตัวว่าไม่ต้อง สิริกันยาสัมผัสได้จึงจะบอกสัดส่วน แต่ละมุลขัดและพูดข่มให้รู้ว่าตนอยู่บ้านเดียวกัน รู้ดีว่าณรังค์ชอบกินกาแฟรสไหน พอละมุลออกไปแล้ว ณรังค์เห็นสิริกันยาแอบถอนใจก็ถามถอนใจทำไม หญิงสาวปัดว่าเรอ กลั้นไม่อยู่ไม่ได้ถอนใจ

“เฮ้อ...ผู้หญิงอะไร หน้าตาก็ดีแต่ซกมก”

“ขอบคุณค่ะที่ชม”

ณรังค์ทั้งขำทั้งระอา หันไปเปิดสไกป์ประชุมงาน สิริกันยารู้สึกอึดอัดรู้ว่าละมุลคิดอะไรอยู่ ด้านละมุลแอบมองอยู่หน้าห้อง ไม่ชอบใจแต่ต้องกลั้นใจเดินไป...

สิริกันยาได้ยินเพื่อนชาวฝรั่งของณรังค์เรียกเขาว่า โนแลนด์ก็แปลกใจ ณรังค์จึงหันมาอธิบายว่าชื่อตนเรียกยาก เธอยังสงสัยอีกแปลว่าอะไร ชายหนุ่มยิ้มขมขื่นนิดๆก่อนจะบอก

“ถ้าตรงตัวก็แปลว่า...ไม่มีที่ของตัวเองจะอยู่”

ระหว่างนั้นประคองร้อนใจพยายามโทร.หาณรังค์แต่เขามัวประชุมงานทางสไกป์อยู่จึงไม่ได้ยิน

ด้านปฐวีมาถึงโรงแรมด้วยสีหน้ายิ้มที่จะได้ทำอะไรสนุกๆ ส่วนละมุลเดินมาถึงห้องชงกาแฟ มองหาถ้วยกาแฟ พลันต้องตกใจเมื่อหันมาเจอสิริกันยา เธอตามมาเพราะเป็นห่วงเห็นหายมานาน พอละมุลชงกาแฟเสร็จ สิริกันยาขอเป็นคนถือ โดยอ้างว่าเรื่องใช้แรงงานเป็นหน้าที่ตน

ขณะเดียวกัน ปฐวีเข้ามาหาณรังค์ในห้อง เขาตกใจระคนแปลกใจถามมีธุระอะไร เธอยอกย้อนว่าตอนนี้ยังไม่มีแต่อีกสักครู่...จะมี ชายหนุ่มจึงบอกว่าอีกสักครู่ตนไม่ว่าง คุณหญิงยิ้มหยันเดินเข้ามาใกล้ แล้วจู่ๆก็ลงไปนั่งตักเขา กอดคอโน้มหน้าเข้าไปใกล้ ณรังค์แข็งขืนไว้บอกอย่าทำแบบนี้ เธอยั่วอีกหาว่าเขากลัว เขาสวนว่าไม่ได้กลัว มันไม่เหมาะสมและไม่ดี

“ลุกขึ้นเถอะครับ”

“ไม่...ถ้าณะไม่พูดกับหญิงให้ดีกว่านี้ ว่าไง มันพูดยากมากหรือไง” ปฐวีพยายามเอาชนะ

ณรังค์นิ่งทำใจให้เย็นไว้เพื่อรับมือ ปฐวีกลับคิดว่าเขาพ่ายแพ้ใจตัวเอง โน้มหน้าจะจูบ เขาตัดบทบอก ถ้าเธอทำตัวดี ตนก็คงจะพูดดีด้วย คุณหญิงชะงักถามสวน

“หญิงทำตัวไม่ดียังไง”

“คุณหญิงรู้ตัวดี ว่ากำลังทำอะไรอยู่ หรือถ้าจะบอกว่าไม่รู้...ทำทุกอย่างเพราะไม่มีสติ ผมอาจจะต้องช่วยคุณหญิง...ช่วยพาไปพบจิตแพทย์”

ปฐวีโกรธลุกพรวด คว้ากระเป๋ากลับออกไปจากห้องทันที ณรังค์ยืนเครียด สิริกันยาถือกาแฟเดินเข้ามา เขาจึงถามหาละมุล เธอบอกว่าไปห้องน้ำ...ก่อนจะเข้ามาในห้องณรังค์ ละมุลถามทางไปห้องน้ำแล้วเดินไป ปฐวีหลบอยู่ได้ยิน ยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มีเรื่องสนุกให้ทำแล้ว

สิริกันยามองณรังค์อย่างสงสัยแล้วขยับเข้าไปชิด “ก่อนออกไปมันยังไม่มีกลิ่นนี้ แต่พอเข้ามาฉุนเตะจมูกมาก...ก็ไม่เห็นมีใครนอกจากคุณ เพราะฉะนั้น ก็อาจเป็นกลิ่นธูป...ผี”

ณรังค์กุมขมับกับความช่างสังเกตของเธอ...ในขณะที่ละมุลเดินไปห้องน้ำ รู้สึกเหมือนมีคนเดินตาม

แต่พอหันมองก็ไม่มีอะไร พอเธอกำลังเลือกห้องน้ำด้านใน ก็มีอะไรมาผลักข้างหลัง ทำให้หน้าทิ่มไปที่ชักโครก เธอตกใจมากตั้งตัวได้หันมองไม่มีใคร ทันใดไฟดับพรึ่บลง ตามด้วยเสียงน้ำไหลจากก๊อก ละมุลตกใจมากขนลุกซู่ รู้สึกเจ็บข้อเท้ารีบเดินกะเผลกกลับไปห้องณรังค์

ด้านสิริกันยากำลังฟังณรังค์บอกว่าไม่ใช่ผี แต่มีคนมาหาเป็นผู้หญิงและกลับไปแล้ว หญิงสาวอยากรู้ทันทีว่าใคร เขายอมบอกเพื่อไม่ให้เธอมโนไปไกลกว่านี้...พอสิริกันยารู้ว่าปฐวีมาก็มองที่เสื้อยับยู่ยี่ของณรังค์ มโนทันทีว่าสภาพนี้และมีกลิ่นน้ำหอมติดตัว จะเป็นอะไรไปได้

ทันใดละมุลเปิดประตูเข้ามาเกาะแขนณรังค์ด้วยใบหน้าตื่นกลัว สิริกันยามองอย่างสับสนว่าผู้ชายคนนี้ทำไมช่างมีผู้หญิงมาวุ่นวายหลายคน...ณรังค์ประคองละมุลให้นั่ง เธอเล่าว่า

“ละมุลมั่นใจว่าต้องมีคนผลัก มีคนทำจริงๆนะคะ เพราะละมุลได้ยินเสียงคนเดินออกไป แล้วก็เสียงเปิดปิดประตูด้วย แต่ไม่เห็นมีใครเลยที่ชั้นนี้นอกจาก...”

ละมุลปรายตามองสิริกันยา

ณรังค์รีบปรามไม่ต้องสงสัยสิริกันยา เพราะเธออยู่กับตนตลอดเวลา สิริกันยาพึมพำจะเป็นใครไปได้ ละมุลได้ยินรีบถามว่าใคร ณรังค์ตัดบทชวนกลับบ้าน ไม่ต้องการให้ละมุลกลัว แต่เธอไม่ยอมคาดคั้นถามสิริกันยาว่าใคร ผู้เป็นเลขาสบตาเจ้านายแล้วพูดว่า “ผีค่ะ”

ณรังค์ถอนใจสบตาเธอทำนองขอบใจ แต่เธอกลับเหนื่อยใจกับเรื่องของเขาและละมุล

ระหว่างอยู่ในลิฟต์ สิริกันยายืนอึดอัดอยู่ข้างหลัง มองละมุลเกาะแขนณรังค์ด้วยความรู้สึกว่าทั้งสองไม่ใช่แค่พี่น้อง ณรังค์รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่จึงพูดโดยไม่หันมองว่าใกล้ถึงล็อบบี้แล้ว ใจเย็น หญิงสาวบ่นเบาๆว่ามีตาหลังด้วย เขายังสวน ไม่ต้องเห็นก็รู้สึกได้...ละมุลเหลือบมองสิริกันยาอย่างไม่เป็นมิตร ไม่พอใจที่ณรังค์ให้ความสนใจเธอเกินเลขา

พอทั้งสามออกจากลิฟต์ ละมุลยังเกาะแขนณรังค์แจ เขาประคองเธอเพราะเห็นว่าขาเธอเจ็บ...ปฐวีแอบมองเอามือถือมาถ่ายคลิปโดยซูมเฉพาะณรังค์กับละมุล แล้วส่งไปให้เพื่อนจัดการ

ooooooo

คืนนี้สิริกันยากลับบ้านเอง ศรีนวลแปลกใจที่ณรังค์ไม่มาส่ง เธอบอกว่าน้องสาวเขาไม่สบายต้องรีบพากลับบ้าน ศรีนวลเห็นท่าทางหลานเหนื่อยก็ไม่อยากซักไซ้ พลันมีเสียงไลน์ดังขึ้น สิริกันยากดดู เป็นข้อความจากณรังค์ถามว่าถึงบ้านหรือยัง ศรีนวลชะโงกมองยิ้มแซวๆ

สิริกันยาพิมพ์ข้อความกลับไปว่า ถึงแล้ว นอนแล้ว ราตรีสวัสดิ์...ศรีนวลเห็นโพล่งขึ้นว่า

“นังนี่โกหก!”

“ไรย่า มาแอบดูทำไมเนี่ย”

“กูสายตายาว มันเห็นเอง ไม่ได้แอบ”

สิริกันยาขี้เกียจเถียง ขอตัวไปนอน ผู้เป็นย่ามองตามอย่างสงสัย...แต่แล้วสิริกันยาก็นอนไม่หลับ คิดถึงแต่เรื่องของณรังค์ เอามือถือมากดดูรูปโปรไฟล์ของเขา ขยายรูปให้ใหญ่ขึ้น บ่นกับตัวเองว่า หน้าตาก็งั้นๆ ทำไมผู้หญิงตามกันอยู่ได้ แล้วเซ็งกับตัวเองมากๆ

ด้านละมุล มีประคองช่วยใส่ยานวดข้อเท้าให้ พอฟังเรื่องจากลูกก็บอกณรังค์น่าจะทำบุญโรงแรมสักครั้ง เขาบอกคิดไว้แล้วจะทำหลังปรับปรุงโรงแรมเสร็จ...

ณรังค์ยังปักใจว่าปฐวีเป็นคนทำร้ายละมุล อยากคุยกับเธอให้เข้าใจ แต่ปฐวีไม่รับสายแถมปิดเครื่องใส่ ทันใดณรังค์เห็นแม้นเทพขับรถออกจากบ้านกลางดึกก็แปลกใจ

พอหายป่วยแม้นเทพก็เข้าบ่อนด้วยความกระหาย เกียรติศักดิ์เห็นแล้วสะใจ สั่งลูกน้องถ้าเห็นท่านชายอาการไม่ดีหัวใจจะวายจากการเสียพนัน ให้เอาตัวไปตายนอกบ่อน...

รุ่งเช้า สิริกันยามีท่าทางเบื่อที่จะต้องไปทำงาน ศรีนวลไม่เคยเห็นหลานเป็นแบบนี้ก็แย็บถามว่าณรังค์ไม่ให้ยืมเงินใช้หนี้แล้วหรือ หญิงสาวส่ายหน้า ผู้เป็นย่าโล่งอก แล้วสิริกันยาก็ตั้งคำถามว่า ย่ารักปู่มากไหม ศรีนวลมีท่าทีเขินอาย สิริกันยาจึงรู้แล้วว่ารักมาก

“เออสิวะ”

“แล้ว...เคยเลิกรักไหม”

“มันตายไปแล้วตั้งหลายสิบปี ก็ยังรักมันอยู่เล้ย”

“ทำไมยังรัก”

“รักครั้งแรกมันรักนาน รักแน่น มันฝังใจ ลืมไม่ได้ง่ายๆหรอกเอ็ง”

สิริกันยาพยักหน้าพอเข้าใจแล้ว จะไปทำงานไม่วายกระเซ้าย่า อยู่บ้านดีๆอย่าดื้ออย่าซน แล้วยกมือไหว้ออกไป ศรีนวลขำมองมาเห็นกระเป๋าวางอยู่ก็คว้าเดินเร็วตามไปให้ สิริกันยายิ้มแหยๆ ศรีนวลรู้สึกว่าหลานสาวมีเรื่องในใจแน่ จู่ๆเธอหันมาถามอีก

“แล้วถ้าเกิดสมมตินะย่า สมมติว่าย่ายังไม่ลืมปู่ แต่ปากแข็งว่าลืม...แล้วย่าก็ไปสนิทสนมกับผู้ชายคนใหม่ ซึ่งผู้ชายคนใหม่ก็ดูแบบชอบย่ามากนะ คือถ้าไม่ชอบก็คงไม่มาป้วนเปี้ยนทำโน่นทำนี่ให้หรอก แล้วตกลงย่าเอาไงเนี่ย”

“กูงง!”

“เออ! หนูก็งง ไม่เข้าใจเหมือนกันแหละ เออๆๆ

ช่างเหอะ เรื่องของเขาแล้วกัน” สิริกันยาตัดบทเดินไปดื้อๆ ศรีนวลยิ่งงงเรื่องของเขานี่เรื่องของใคร

สุดท้ายอดรนทนไม่ไหวต้องปรึกษาเจ๊หวาน เจ๊หวาน ฟันธงว่าเป็นณรังค์ เพราะตอนนี้มีผู้ชายคนเดียวที่มาพัวพัน ศรีนวลถามคิดว่าหลานตนคิดอย่างไรกับเขา

“จะอาไร้ล่ะย่า...ก็มันชอบไอ้คุณณะแล้วน่ะเซ่”

“เฮ้ย! แต่นังกันยามันบอกข้าไว้ ว่ามันไม่สนใจเรื่องผู้ชาย”

เจ๊หวานให้ศรีนวลพูดใหม่อีกครั้ง เธอจึงยอมรับว่าคิดเหมือนกัน เจ๊หวานว่าสิริกันยาปากแข็ง ศรีนวลถามความเห็น คิดว่าณรังค์ชอบหลานตนไหม

“ก็ต้องชอบบ้างแหละย่า ไม่งั้นไม่เทียวไล้เทียวขื่อ ไม่มาช่วยเหลืออะไรแบบนี้หรอก แต่คนของเรามันมีกำแพง เขาเลยไม่กล้าอะไรมาก”

“อืม...แล้วเอ็งว่า ข้าควรทำไงดีวะ”

“ย่าอยากให้หลานมีผัวเร็วๆ อยากอุ้มหลานเร็วๆ ไหมล่ะ ถ้าอยากก็อย่าอยู่เฉยๆ มันต้องทำอะไรสักอย่างแล้วให้สองคนนี้เลิกปากแข็ง เปิดใจดีมั้ย”

ศรีนวลฟังแล้วเห็นด้วย...ในขณะที่สิริกันยามาถึงโรงแรมแล้วยังไม่เลิกคิดเรื่องเมื่อคืน ที่ณรังค์มีกลิ่นน้ำหอมของปฐวีติดตัว และท่าทีที่ละมุลพยายามแสดงให้เห็นว่าเป็นเจ้าของณรังค์ ยิ่งทำให้คิดว่าณรังค์ช่างเป็นคนเจ้าชู้ จับปลาสองมือ

ooooooo

เช้านี้ณรังค์มาส่งละมุลที่โรงเรียน เขาย้ำให้เธอคุยกับสวัสดิ์เรื่องภาพเขียน ละมุลแอบหงุดหงิดแต่ไม่อยากขัดใจ พอมีโอกาสเจอสวัสดิ์ก็บอกเรื่องณรังค์อยากให้เขาวาดภาพ แต่สวัสดิ์กลับปฏิเสธ ให้เหตุผลว่า ไม่อยากทำให้เธอรำคาญไปมากกว่านี้

ละมุลฉุกคิดถึงคำพูดที่พูดแรงใส่สวัสดิ์ ว่าเขาอย่ามาเซ้าซี้น่ารำคาญ ทำตัวน่าผิดหวัง ก็รีบขอโทษแก้ตัวว่าตอนนั้นโกรธ ที่เขาเอาเรื่องตนกับณรังค์ไปพูดให้คนอื่นฟัง สวัสดิ์ย้อนถามคิดว่าตนเป็นคนแบบนั้นหรือ เธอจึงถามตรงๆว่าทำหรือเปล่า แล้วทำไมคนอื่นถึงรู้เรื่องตน

สวัสดิ์มองละมุลที่ยังดื้อรั้น “เขารู้เพราะคุณทำตัวให้เขาคิด” ละมุลเถียงไม่ได้ทำ สวัสดิ์พูดอย่างอ่อนใจ “คุณผิดหวังในตัวผมใช่ไหม ตอนนี้ผมก็คิดอย่างนั้นกับคุณเหมือนกัน”

“มาผิดหวังกับฉันเรื่องอะไร”

“ความดื้อและเอาแต่ใจของคุณไง ตอนแรกคิดว่าเราน่าจะเป็นเพื่อนกันได้ แต่ตอนนี้ เมื่อกี้...ทำให้ผมต้องกลับไปคิดดูใหม่ เป็นแค่เพื่อนร่วมงานกันก็น่าจะพอ” พูดจบสวัสดิ์เดินไป

ละมุนตกใจไม่คิดว่าเขาจะเสียงแข็งใส่ ยอมไม่ได้เดินตามเรียก ทันใดเห็นเด็กนักเรียนหกล้ม จึงปรี่เข้าไปช่วยปลอบเช็ดน้ำตา สวัสดิ์เห็นความอ่อนโยนของเธอก็ใจอ่อนตัดใจไม่ได้...

สิริกันยาคิดไม่ตก ณรังค์มาถึงจึงยกมือไหว้นิ่งๆ ณรังค์แปลกใจกับท่าทีของเธอ พอเธอเอาแฟ้มงานมาวางก็เอ่ยถามว่าไม่สบายหรือ มีอะไรจะคุยกับตนไหม หญิงสาวปฏิเสธว่าไม่มี เขาจึงให้เธอไปทำงานต่อได้ทั้งที่ยังติดใจสงสัย

ด้านประคองมองแม้นเทพรับประทานอาหารเช้าแล้วอดเตือนไม่ได้ที่เมื่อคืนท่านออกไป แม้นเทพไม่พอใจวางช้อนถามกลับว่าจะทำไม ประคองหน้าเจื่อนบอกแค่เป็นห่วงสุขภาพ

“ฉันรู้ตัวฉันดี ไม่ต้องมาสาระแน ไม่ได้สั่ง”

ประคองรับคำนิ่งๆ แม้นเทพถามหาปฐวี พอเธอบอกว่าออกไปแล้วก็เอะใจ...

ฝ่ายปฐวีขนข้าวของมาอยู่โรงแรมตามที่ตั้งใจ ได้เปิดมือถือดูผลงานที่ให้คนจัดการเรื่องเมื่อคืนด้วยความพอใจ เป็นคลิปณรังค์ประคองละมุลออกจากลิฟต์โรงแรม มีข้อความพาดหัวว่า

“ความลับไม่มีในโลก! ที่ซุบซิบกันมานานว่าลูก (ลับๆ) กับหลาน แอบปลูกต้นรักกันเอง วันนี้โป๊ะแตกแล้วจ้า! หลักฐานคาตาขนาดนี้พูดได้คำเดียวว่า เซเลบแซ่บลื้ม!”

แม้นเทพเห็นข่าวนี้โกรธมากถึงกับขว้างมือถือทิ้ง ประคองตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น...ในขณะที่ณรังค์ยังไม่รู้เรื่อง สั่งงานกับสิริกันยาอยู่หน้าห้องทำงาน ยุพินวิ่งหน้าตื่นมาต้องชะงักเมื่อเห็นเจ้านาย ทำทีบ่นว่าคิดถึงสิริ-กันยาจะชวนไปกินข้าวกลางวันด้วยกัน ณรังค์มองขำๆ

แต่พอณรังค์กลับเข้าห้อง ยุพินก็รีบดึงสิริกันยาไปเปิดคลิปให้ดูแล้วถามอย่างสงสัย

“พี่เห็นขาคุณน้องแว่บๆตรงมุมนี้ จำรองเท้าได้ ตกลงคุณน้องอยู่ในซีนด้วยใช่ไหม” สิริกันยายอมรับทั้งที่ยังงงๆอยู่ “ตกลงใช่ไหม เขาเม้าท์กันทั้งฟลอร์เลย ตอนแรกพี่ก็พุ่งเป้าไปที่คุณหญิงปฐวีนะ แต่ไหงมีตัวละครใหม่โผล่มาได้ คุณณรังค์นี่ท่าทางจะไม่เบาซะแล้ว ตกลงใช่ไหมเนี่ย”

สิริกันยาเห็นพนักงานกวักมือบอกเจ้านายเรียก จึงบอกยุพินว่าอย่าถามตนเลย เรื่องนี้ตนจะไม่ยุ่ง แล้วขอตัว ยุพินมองตามอย่างเสียดาย...

ก่อนหน้านี้ณรังค์ได้รับโทรศัพท์จากละมุลว่าสวัสดิ์ปฏิเสธไม่วาดรูปให้ ณรังค์บอกตนถูกชะตากับเขาให้ละมุลทำให้เขาใจอ่อนที ถ้าทำสำเร็จจะพาไปเที่ยว ละมุลยิ้มมีกำลังใจขึ้น

ช่วงพักกลางวัน ละมุลเห็นสวัสดิ์นั่งทานข้าวก็เข้ามานั่งด้วยและซื้อน้ำมาฝาก เขามองเธอนิ่งๆ ละมุลขอโทษและยอมรับว่าตัวเองงี่เง่า ขอร้องเขาอย่าโกรธ ให้กลับมาเป็นเพื่อนกันมากกว่าแค่เพื่อนร่วมงาน ช่วยเหลือกันได้ทุกเรื่อง สวัสดิ์พยักหน้ารับอย่างงงๆ แต่ก็รู้สึกดีใจ

ณรังค์คุยงานกับสิริกันยาเสร็จก็บอกว่าจบเรื่องงาน เข้าเรื่องต่อไปเป็นอะไร

“คะ...ฉันสบายดี”

ณรังค์ขยับเข้ามายืนใกล้ๆ “คุณไม่พอใจผมเรื่องอะไร เราควรคุยกันให้เคลียร์ ผมไม่ชอบบรรยากาศที่ชวนอึดอัดระหว่างเราสองคน ผมไปทำอะไรให้คุณรู้สึกไม่พอใจ ผมอธิบายได้ทุกเรื่อง...เรื่องงาน? หรือเรื่องที่ผมไม่ได้ไปส่ง? เรื่องที่คุณหญิงมาหาผม? หรือเรื่องที่ให้โกหกละมุล ไม่ให้พูดถึงคุณหญิงว่ามาที่นี่...”

สิริกันยาตัดบท “ไม่มีอะไรค่ะ ดิฉันไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น ในฐานะเลขา เรื่องส่วนตัวของเจ้านาย ดิฉันไม่ควรไปตั้งคำถาม มีหน้าที่ทำตามคำสั่งเท่านั้น”

ณรังค์สวนว่าเธอกำลังไม่พอใจตน แม้หญิงสาวจะตอบอย่างหงุดหงิดว่าไม่ได้คิด เขาก็ไม่เชื่อ เถียงกันไปมาจนสิริกันยาขอตัวจะกลับออกไป ณรังค์วิ่งมาขวางหน้ากดล็อกประตูดื้อๆ

“ยังไม่ให้ไป จนกว่าคุณจะยอมรับและคุยกันดีๆ เคลียร์ๆ นี่เป็นคำสั่ง...คุณบอกว่ามีหน้าที่ทำตามคำสั่ง เพราะฉะนั้น...ทำ”

สิริกันยาอึดอัดใจมาก พอดีวิเชียรจะเข้ามาคุยกับณรังค์ เปิดประตูไม่ได้เพราะมันล็อกก็แปลกใจ เคาะอยู่นาน แต่ณรังค์ไม่สนใจ ต้องการเคลียร์กับสิริกันยาให้ได้ ยุพินกับไพโรจน์รีบมาแนบหูแอบฟังเพราะรู้ว่าสิริกันยาอยู่ในห้องด้วย วิเชียรไม่อยากคิดในทางไม่ดี พยายามเคาะอีก

สิริกันยาทนไม่ไหวบอกณรังค์ว่า “เปิดประตูเถอะค่ะ อย่าทำให้ฉันต้องถูกเหมาเป็นหนึ่งในแค็ตตาล็อกของคุณเลย...ฉันแค่อยากทำงานในฐานะเลขา ตามที่คุณสุนันทาและคุณอ๋องมอบหมายให้ดีที่สุด ไม่ได้ตั้งใจมาเจอเรื่องแบบนี้”

ณรังค์ตกใจกับความคิดของสิริกันยา เธอฉวยโอกาสนั้นผลักเขาออกแล้วเปิดประตู เจอวิเชียร ไพโรจน์และยุพินยืนตาโพลงคิดไปไกล ก็แก้ตัวว่าที่ล็อกประตูมันพัง ช่วยหาช่างมาดูด้วย ณรังค์ตั้งสติเชิญคนที่จะเข้ามาคุยงาน แต่แล้วแม้นเทพโทร.เข้ามาขัดจังหวะ

ooooooo

เย็นวันนั้น ขณะที่ณรังค์กับละมุลถูกแม้นเทพเรียกให้กลับไปที่วังด่วน สิริกันยาถูกยุพินกับไพโรจน์ซักไซ้ไม่เชื่อว่าล็อกประตูเสียและเตือน อย่าเพลี่ยงพล้ำตกหลุมเสน่ห์ณรังค์ไปอีกคน

“ไม่ใช่อะไรนะ กลัวคุณน้องช้ำใจ เขาคนละระดับกับเรา อีกอย่างกลัวคุณน้องจะเสียหาย ถ้าคนเม้าท์ไปใหญ่โตว่าคุณน้องทะเยอทะยานใช้เต้าไต่” ยุพินเตือนด้วยความหวังดี

สิริกันยาขอบคุณ รู้สึกใจหวิว ดึงสติตัวเองกลับมา คอตั้งตรงตัดใจ...

ด้านณรังค์กับละมุลโดนแม้นเทพตวาดอย่างฉุนเฉียว หาว่าทำเรื่องทุเรศให้เป็นขี้ปากญาติพี่น้องทำความเสื่อมเสียให้วงศ์ตระกูล ละมุลเอาแต่ร้องไห้เสียใจ เพราะญาติต่างโทร.มาถามไถ่ ยิ่งทำให้แม้นเทพโกรธมากขึ้น ณรังค์ยืนยันว่าไม่ได้ทำเรื่องเสื่อมเสีย คืนนั้นละมุลแค่เจ็บข้อเท้า ตนจึงช่วยพยุงเดิน ประคองช่วยแก้ตัว

อ่านละครเรื่อง สายธารหัวใจ ตอนที่ 5 วันที่ 2 พ.ย.60

ละครเรื่อง สายธารหัวใจ บทประพันธ์โดย วาสนา
ละครเรื่อง สายธารหัวใจ บทโทรทัศน์โดย คนเขียนเงา
ละครเรื่อง สายธารหัวใจ กำกับการแสดงโดย ชนะ คราประยูร
ละครเรื่อง สายธารหัวใจ ผลิตโดย บริษัท เมคเกอร์ กรุ๊ป จำกัด
ละครเรื่อง สายธารหัวใจ ควบคุมการผลิตโดย ณัฐพงศ์ เหมือนประสิทธิเวช
ละครเรื่อง สายธารหัวใจ ออกอากาศทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.15 น. ทางช่อง 33 HD
ที่มา ไทยรัฐ