อ่านละครเรื่อง ระเริงไฟ ตอนที่ 1 วันที่ 25 พ.ย.60

อ่านละครเรื่อง ระเริงไฟ ตอนที่ 1 วันที่ 25 พ.ย.60

ณ โรงแรมหรูใจกลางเมือง ชาคริต พิชากร นักธุรกิจหนุ่มหล่อไฟแรงค่อยๆถอดชุดเจ้าบ่าวอย่างใจเย็น สายตาพุ่งไปทางกระจกตรงหน้า เหยียดยิ้มเบาๆอย่างสมใจที่แผนทุกอย่างกำลังเป็นไปด้วยดี...

เขมิกา เมธาสิทธิ์ ลูกสาวสุดรักสุดหวงของดิลก เมธาสิทธิ์ นักธุรกิจหนุ่มใหญ่เจ้าของกิจการใหญ่โต ก้มมองชุดเจ้าสาวแสนสวยของตนด้วยสายตาภาคภูมิใจ...อีกไม่กี่นาทีงานแต่งงานของเธอก็จะเริ่ม

ครอบครัวเมธาสิทธิ์ ประกอบด้วย เขมิกา เจ้าสาวดาวเด่นของงาน ดิลกและไตรทศ ผู้เป็นพ่อและน้องชาย รวมไปถึงกมลพรรณและปาริฉัตร แม่เลี้ยงและลูกติด ทำหน้าที่ต้อนรับแขกเหรื่อมากหน้าหลายตาด้วยสีหน้าแช่มชื่น ก่อนจะเริ่มนั่งกันไม่ติด เมื่อเลยเวลาฤกษ์...เจ้าบ่าวก็ไม่ปรากฏตัว!



แขกเหรื่อเริ่มสงสัย กระซิบกระซาบถามกัน เขมิกายืนหน้าเสียตรงซุ้มดอกไม้หน้างาน โดยมีดิลกคอยปลอบ กมลพรรณกับปาริฉัตรลอบยิ้มให้กันด้วยความสะใจ ก่อนจะตีหน้าซื่อทำเป็นเห็นอกเห็นใจเจ้าสาวต่อหน้าคนอื่น

ไตรทศวิ่งพล่านตามหาชาคริตหรือเจ้าบ่าวของงานทั่วโรงแรมแต่ไม่พบแม้แต่เงา เช่นเดียวกับทัศนะ เพื่อนสนิทคนเดียวของเจ้าบ่าว ที่อึกๆอักๆแก้ตัวแทนชาคริตว่าอาจมีธุระด่วนเลยมาช้า

ชญานีน้องสาวบุญธรรมของชาคริตเฝ้ามองเหตุการณ์กระสับกระส่ายตรงหน้าด้วยสีหน้านิ่งเฉย เธอรู้แผนการทุกอย่างของพี่ชายบุญธรรมดี เช่นเดียวกับทัศนะ แต่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ อ้างว่าติดต่อพี่ชายไม่ได้

ทัศนะรู้สึกผิดไม่น้อย แม้จะรู้ตื้นลึกหนาบางแผนของชาคริต แต่ท่าทางเหมือนจะร้องไห้ตลอดเวลาของเขมิกาก็ทำให้เขาใจไม่ดี ตัดสินใจไม่ลากลับเหมือนแขกคนอื่น แต่ช่วยไตรทศตามหาตัวชาคริตแทน

ชาคริตไม่ยี่หระว่าใครจะตามหาตัว นั่งรอในล็อบบี้ด้วยท่าทางไม่ทุกข์ร้อน เฝ้ามองไปทางประตูโรงแรมหรูราวกับต้องการรอใครบางคน...

ญาดา เมธาสิทธิ์ สาวสวยดีกรีนักเรียนนอก ลูกสาวคนโตของดิลก เพิ่งกลับจากต่างประเทศ เธอรีบร้อนลงรถเพื่อไปร่วมงานแต่งของเขมิกาน้องสาวสุดที่รัก

ชาคริตรออยู่แล้ว รีบไปดักรอที่ลิฟต์เพื่อทำตามแผนการ

ด้วยความรีบ ญาดาเลยไม่ลังเลจะตะโกนบอกคนในลิฟต์ให้รอ ชาคริตลอบยิ้มด้วยความสมใจ ก่อนแสร้งทำเป็นสุภาพบุรุษ เปิดประตูลิฟต์รอเธอ

“ผมว่าลิฟต์ตัวนี้รอคุณอยู่นะครับ”

“บังเอิญว่าคุณเปิดลิฟต์ให้ฉันต่างหากค่ะ”

“โลกใบนี้ไม่มีเรื่องบังเอิญหรอกครับ”

ท่าทางและคำพูดแปลกๆของเขาทำให้ญาดานิ่วหน้า ชาคริตไม่อยากให้แผนแตกเร็วไปเลยเปลี่ยนท่าทีเป็นยิ้มบางๆและชวนคุยอย่างเป็นมิตร

“คืนนี้คุณคงมางานสำคัญ”

“ค่ะ...งานแต่งน้องสาวฉัน”

ลิฟต์เปิดตรงชั้นจัดงานพอดี ญาดาจึงบอกลา

ชาคริตพยักหน้าให้ก่อนทิ้งท้ายยิ้มๆ

“หวังว่าคุณคงไม่พลาดช่วงเวลาสำคัญที่สุดในชีวิตน้องสาวคุณนะครับ...ยินดีที่ได้พบกันครับ”

ooooooo

ชาคริตปิดมือถือ ไม่มีใครติดต่อได้แม้แต่ชญานีกับทัศนะ น้องสาวบุญธรรมและเพื่อนสนิท ไตรทศโกรธมาก แหวลั่นอย่างเหลืออดที่ชาคริตทำให้เขมิกาและทุกคนในครอบครัวเสียหน้า

ชญานีได้ยินไตรทศด่าพี่ชายบุญธรรมก็อดไม่ได้ตอบโต้บ้าง

“พี่คริตตั้งใจหนีงานแต่งงานต่างหาก พี่คริตคงคิดได้ในนาทีสุดท้าย”

เขมิกาหันขวับ ถามเสียงสั่น “คิดได้ว่าอะไร”

ชญานีที่หมั่นไส้อีกฝ่ายมานานได้ที ตอกกลับไม่ไว้หน้า “คิดได้ว่าไม่ควรแต่งงานกับคุณน่ะสิ พูดตรงๆนะคุณเขม แต่งงานกันแล้วก็ต้องอยู่ด้วยกันตลอดชีวิต...กับคุณเนี่ยนะ...ไม่ไหวมั้ง”

คำพูดของชญานีทำให้เขมิกาน้ำตาร่วง หัวใจสลายแต่ยังหลอกตัวเองว่าชาคริตคงมีเหตุผล ทัศนะมองมาด้วยความสงสาร เขาส่งสายตาปรามไปทางชญานี แต่ไม่ทันพูดอะไร ชาคริตก็โทร.เข้ามือถือเขาเสียก่อน

ชญานีแย่งมือถือทัศนะมากดเปิดลำโพงให้ได้ยินกันทั่ว เขมิกายิ้มทั้งน้ำตา คาดคั้นถามเหตุผลที่เขาไม่มาร่วมงานแต่ง ชาคริตไม่ตอบ แต่บ่ายเบี่ยงบอกว่ายังไม่ถึงเวลานั้น ไตรทศโมโหแทนพี่สาวมาก ตั้งท่าจะด่าให้หายแค้น แต่ก็ต้องตกใจหน้าซีดแทนเมื่อเขมิกาเกิดช็อก เป็นลมไปต่อหน้าต่อตา!

ญาดามาถึงงานทันเห็นน้องสาวเป็นลม เธอรีบสวมบทพี่สาวคนโตจัดการทุกอย่างและให้คนพาเขมิกาไปพักในห้องพักของโรงแรม เมื่อเขมิกาฟื้นก็ร้องไห้ฟูมฟาย ยังทำใจไม่ได้ที่งานแต่งล่มไม่เป็นท่า

สภาพน้องสาวทำให้ญาดาสงสาร แต่ต้องแข็งใจกล่อมให้ตั้งสติและถอดแหวนแต่งงาน เขมิกาสะเทือนใจมาก ลูบคลำแหวนบนนิ้วนางอย่างอาลัย ยังทำใจไม่ได้จนคนเป็นพี่สาวต้องย้ำ

“ถอดออกเถอะเขม...เขมยังมีแหวนพี่อยู่นะ”

เขมิกาเลื่อนสายตามองแหวนนิ้วก้อยที่พี่สาวเคยให้ด้วยท่าทางเลื่อนลอย ญาดาใจไม่ดี ปลอบเสียงอ่อน

“เขมมีพี่ มีคุณพ่อ มีนายไตรก็พอแล้ว ผู้ชายคนนั้นเป็นแค่คนแปลกหน้าที่ผ่านมาเท่านั้น คิดซะว่าเป็นฝันร้าย”

“เขมไม่อยากเชื่อ ทำไม...ทำไมเขาทำกับเขมได้”

“แล้วพี่จะหาคำตอบให้เขมเอง”

ooooooo

ญาดาทำตามที่รับปากเขมิกาจริงๆหลังจากนั้น เริ่มด้วยการให้ไตรทศไปเจรจากับโรงแรมเพื่อปิดข่าว ส่งปาริฉัตรไปเฝ้าน้องสาว และให้กมลพรรณพาดิลกที่มีโรคประจำตัวคือความดันสูงไปพัก

ทัศนะอาสาอยู่ช่วย แต่ญาดาไม่เห็นด้วย อยากจัดการกันเองมากกว่า และคนแรกที่เธอต้องการคุยด้วยก็คือชญานีน้องสาวบุญธรรมของชาคริต!

ชญานีไม่ให้ความร่วมมือ บ่ายเบี่ยงเลี่ยงไม่ตอบคำถามจนไตรทศเหลืออด ตั้งท่าจะอาละวาด แต่ชญานีก็ผลุนผลันออกจากโรงแรมเสียก่อน ญาดาสั่งไตรทศตามประกบ เพราะเชื่อว่าชญานีต้องปิดบังบางอย่างเพื่อช่วยพี่ชาย

ระหว่างที่ญาดากับไตรทศตามหาตัวชาคริต...กมลพรรณกับปาริฉัตรพูดคุยกันในห้องพักเรื่องงานแต่งของเขมิกาล่มอย่างสนุกปาก โดยไม่รู้เลยว่าเจ้าของห้องที่นอนพักรู้สึกตัวและแอบฟังทุกอย่างด้วยสีหน้าซีดเผือด

“ผู้ชายไม่ได้รักก็เลยหนีงานแต่งงาน ฉัตรล่ะอายแทนจริงๆ ฉัตรเป็นนังเขมนะ ฉัตรหนีไปโดดน้ำตายดีกว่า”

“โดดน้ำตายมันยากไป แล้วจะยิ่งฉาวกันไปใหญ่ เป็นแม่จะหนีไปตายที่ไหนเงียบๆ ไม่ให้ครอบครัวต้องเดือดร้อน ไม่ทำให้ชื่อเสียงวงศ์ตระกูลต้องป่นปี้มากไปกว่านี้”

“มันไม่กล้าหรอกแม่ ถูกเลี้ยงมาเหมือนเจ้าหญิง ตีนไม่เคยแตะดินก็เงี้ยแหละ เจ้าหญิงโลกสวยมาโลกแตกเอาวันแต่งงาน น่าสงสาร”

“พูดให้ถูก น่าสมเพชต่างหาก”

เสียงหัวเราะของสองแม่ลูกเสียดแทงใจเขมิกามาก สุดท้ายก็ทนไม่ได้ต้องผละจากห้องด้วยหัวใจแตกสลาย...

ทัศนะยืนกรานไม่ยอมกลับ อยากช่วยพวกญาดาตามหาตัวชาคริตด้วย ญาดาเลยขอรูปถ่ายของชาคริตเพื่อตรวจจากกล้องวงจรปิดโรงแรม แต่เขาไม่มีให้เพราะเพื่อนรักไม่ชอบถ่ายรูป

ญาดาประสาทเสียมากเพราะหาข้อมูลเกี่ยวกับชาคริตไม่ได้สักทาง แต่ไม่ทันทำอะไรมากกว่านั้น เธอก็ต้องรีบกลับไปที่ห้องพักเมื่อปาริฉัตรโทร.บอกว่าเขมิกาหายตัวไปแล้ว!

ooooooo

กมลพรรณกับปาริฉัตรช่วยกันกลบเกลื่อนความสะเพร่าของกันและกันที่มัวเม้าท์แตกจนเขมิกาหายตัวไป ญาดาโกรธมากและยิ่งเครียดเมื่อพบว่าน้องสาวไม่ได้เอาอะไรติดตัวไปเลยแม้แต่กระเป๋าสตางค์และมือถือ

สองแม่ลูกเกรงฤทธิ์เดชญาดาไม่น้อย รู้ดีว่าลูกสาวคนโตของดิลกฉลาด ทันคนและเด็ดขาด ไม่เหมือนน้องชายและน้องสาว แต่กระนั้นก็อดไม่ได้ แกล้งหลุดปากว่ากลัวใจเขมิกาจะฆ่าตัวตาย!

คำพูดพล่อยๆของกมลพรรณกับปาริฉัตรทำให้ดิลกอาการทรุด เขาโผล่มาทันได้ยินสองแม่ลูกแก้ตัวกับญาดาเรื่องเขมิกาหายตัวไปพอดี ญาดาเลยต้องพักเรื่องน้องสาวและพาพ่อส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน

ไตรทศยังไม่รู้เรื่องพ่อต้องเข้าโรงพยาบาล มัวหัวเสียชญานีที่จงใจกวนประสาท แกล้งขับรถวนรอบเมือง ก่อนจะมาจอดหน้าโรงแรมที่จัดงานตามเดิม ชายหนุ่มไม่รอช้า ขับไปจอดปาดหน้าและลงไปเอาเรื่อง

“เล่นสนุกพอหรือยัง”

“แล้วคุณล่ะ ตามรังควานฉันพอหรือยัง”

“รู้ตัวว่าถูกตาม...คุณกำลังไปหาพี่ชายคุณล่ะสิ ก็เลยไม่ไปไหนสักที สุดท้ายก็กลับมาที่โรงแรม”

ชญานียักไหล่ สวนกวนๆ “เปล๊า...ฉันเพิ่งนึกได้ว่าฝ่ายเจ้าสาวเปิดห้องพักไว้ทั้งฟลอร์ ก็เลยวนรถกลับมา กะว่าลองนอนโรงแรมห้าดาวสักคืน ไม่งั้นทางคุณจะเสียน้ำใจแย่”

ไตรทศเจ็บใจมาก แต่ไม่ทันโต้ก็ต้องรีบตามญาดาไปเฝ้าดิลกที่โรงพยาบาล ทิ้งชญานีให้มองตามด้วยแววตาสะใจ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด เมื่อคิดได้ว่าสถานการณ์ทำท่าจะลุกลามและกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นทุกที

ชาคริตเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง สาแก่ใจมากเมื่อคิดว่าแผนล้างแค้นครอบครัวเมธาสิทธิ์ โดยเฉพาะดิลก อดีตหุ้นส่วนของเก่งกาจ พ่อแท้ๆของเขาที่ถูกดิลกใส่ร้ายจนล้มละลายและติดคุก เปิดฉากอย่างสวยงามและทำท่าจะไปได้ดี จนไม่ยินดียินร้ายแม้แต่น้อยเมื่อชญานีโทร.บอกว่าดิลกอาการทรุดต้องเข้าโรงพยาบาล

โชคดีที่ดิลกถึงมือหมอทันเวลา รอดพ้นขีดอันตรายหวุดหวิด ญาดาเลยหันมาเอาเรื่องกมลพรรณกับปาริฉัตรที่ปากเสียจนได้เรื่อง สองแม่ลูกแค้นใจมากแต่ต้องข่มใจไม่ตอบโต้ โดยเฉพาะกมลพรรณที่ต้องปั้นหน้าเหมือนสำนึกผิดเพราะตัวเองไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับดิลก เลยไม่อยากมีเรื่องให้ถูกเฉดหัวจากบ้านเมธาสิทธิ์

ปาริฉัตรเสนอให้แจ้งความและแชร์เรื่องเขมิกาบนโลกโซเชียลให้เพื่อนๆช่วยตามหา แต่ถูกญาดาดักคอและตอกกลับหน้าหงาย พร้อมประกาศกร้าว

“เรื่องนี้ต้องรู้แค่ภายในครอบครัวเท่านั้น ใครคิดทำลายชื่อเสียงเขมอยู่ร่วมโลกกับดาไม่ได้ เข้าใจตรงกันนะ!”

ooooooo

ไตรทศแยกตัวไปหาเขมิกาต่อ เช่นเดียวกับทัศนะที่ขับวนรอบกรุงเทพฯแต่ไม่พบแม้แต่เงาของเธอ เพ็ญขวัญ น้องสาวคนเดียวของเขาโทร.ตามด้วยความเป็นห่วง เลยได้รู้เรื่องเขมิกาและอดเห็นใจปนเวทนาไม่ได้

เพ็ญขวัญสงสารพี่ชายที่ต้องลำบากเพราะเรื่องของชาคริต เลยช่วยคิดว่าเขมิกาน่าจะไปที่ที่เคยมีความทรงจำดีๆ ทัศนะเห็นด้วย รีบไล่น้องสาวไปนอนและขับรถไปที่แห่งหนึ่งทันที...

เวลาเดียวกันที่สะพานข้ามแม่น้ำกลางกรุง...เขมิกาในชุดเจ้าสาวเดินเหม่อลอยตามทาง ก่อนไปหยุดมองที่สวนสวยไม่ไกลกันนั้น...สถานที่ที่ชาคริตขอเธอแต่งงาน

เขมิกาหลับตาช้าๆนึกถึงอดีตเมื่อเดือนก่อน ตอนที่ชาคริตพาเธอมาสวนสวยนี้เพื่อเซอร์ไพรส์ขอแต่งงาน เวลาไม่กี่เดือนที่รู้จักกัน เขาทำให้คุณหนูคนสวยอย่างเธอเหมือนอยู่ในความฝัน ทำให้เธอรักและหลงใหลเขาชั่วข้ามคืน และไม่ลังเลใจจะตอบรับคำขอแต่งงานของเขา

เมื่อญาดารู้เรื่องวันต่อมาก็วีดิโอคอลมาคุยกับเธอจากเมืองนอก พยายามทักท้วง เขมิกายังจำน้ำเสียงดุๆของพี่สาวได้ตอนเธอเล่าว่ายอมรับปากแต่งงานเพราะชาคริตหยอดด้วยคำขู่แสนหวาน

“แต่งหรือไม่ต้องแต่งตลอดไป”

ญาดาไม่ได้เคลิ้มตามคำหวานของชาคริต แต่เขมิกากลับมองเป็นมุมน่ารักของเขา

“คุณคริตเขากลัวเขมไม่ยอมแต่งงานด้วยน่ะสิก็เลยต้องขู่เขม เขาทำตัวดุๆเหมือนพระเอกตบจูบในละครไงคะ”

“ไม่ตลกเลยนะเขม แน่ใจนะว่าเขาดีพอที่เขมจะแต่งงานด้วย”

“เขมไม่ชอบอยู่แค่เรื่องเดียว”

ญาดานิ่วหน้า รีบถาม “เรื่องอะไร”

“คุณคริตเขาไม่ยอมคุกเข่าขอแต่งงาน”

น้ำเสียงงอนๆของน้องสาว ทำให้ญาดาถึงกับถอนใจยาวในความโลกสวยของอีกฝ่าย

“เขม...มีเรื่องที่สำคัญกว่านั้น ถึงเขาเป็นเพื่อนคุณทัศนะเจ้าของบริษัทที่เราเป็นคู่ค้าด้วย ไม่ได้รับรองว่าเขาเป็นคนดี คุณพ่อตามใจเขมมากไปแล้ว อย่าเพิ่งตัดสินใจทำอะไรจนกว่าพี่จะกลับไป พี่ขอแค่สองอาทิตย์”

เขมิกาไม่ได้รับปาก และญาดาก็เตรียมใจไว้แล้ว เลยได้แต่ปล่อยให้น้องสาวทำตามใจ แต่ไม่วายขอดูหน้าตาของชาคริตว่าที่น้องเขย แต่ก็คลาดกันไปมาจนเขมิกาต้องบอกให้รอมาดูหน้าเขาตอนงานแต่งแทน

ooooooo

ไม่ใช่แค่เขมิกาที่ย้อนอดีตถึงวันวานแสนหวาน ญาดาที่ห่วงน้องสาวมากก็เป็นกังวลจนฝันไม่ค่อยดี เหมือนจะได้ยินเสียงเขมิการ้องเรียกให้ช่วย

ชาคริตมาถึงโรงพยาบาลกลางดึกของคืนเดียวกัน มุ่งหน้าไปหาญาดาถึงหน้าห้องไอซียูที่ดิลกรักษาตัว แต่แสร้งทำทีเป็นเรื่องบังเอิญ ญาดาระแวงที่เจอผู้ชายในลิฟต์ของโรงแรมอีกครั้ง ยิ่งเขาพยายามยื่นไมตรี ซื้อกาแฟมาให้ ยิ่งไม่ไว้ใจ จนเขาต้องแกล้งพูดขำๆว่าคงลักพาตัวเธอไปไม่ง่าย เพราะโรงพยาบาลมีกล้องวงจรปิด

คำพูดดักคอเหมือนรู้ทันของเขาทำให้ญาดาผ่อนท่าทีหวาดระแวง ก่อนจะรับมุกเขาอย่างเท่าทันกัน

“ก่อนอื่นคุณต้องปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล จับฉันเปลี่ยนเป็นชุดคนไข้ ยัดใส่รถเข็น แล้วเข็นไปทางห้องซักรีดด้านหลัง ก็เรียบร้อยแล้ว”

“คุณยังมีอารมณ์ขันอยู่ แสดงว่าคนป่วยไม่ได้เป็นอะไรมาก”

“ค่ะ...คุณหมอบอกว่าคุณพ่อพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ฉันอยากอยู่ใกล้ๆคุณพ่อ ตอนนี้ฉันวางใจอะไรไม่ได้เลย คุณล่ะคะมาเฝ้าไข้ใคร”

ชาคริตยิ้มเย็น ตอบหน้าตาย “คุณอาผมครับ...ไม่ใช่อาแท้ๆหรอกนะครับ คุณอาเป็นเพื่อนสนิทของพ่อ สนิทจนตายแทนกันได้เลยล่ะครับ คุณอาท่านพ้นขีดอันตรายแล้วเหมือนกัน”

สีหน้าจริงจังทำให้ญาดาเชื่อสนิท ไม่รู้เลยว่าชาคริตตีบทแตก ไม่ได้โกหกแต่ก็ไม่ได้พูดความจริงทั้งหมด

ขณะที่ชาคริตหยั่งเชิงท่าทีของญาดา...เขมิกาดึงตัวจากอดีตแสนหวาน ตัดใจถอดแหวนแต่งงานและเขวี้ยงลงแม่น้ำ แต่กระนั้นภาพความทรงจำเก่าๆก็ตามหลอกหลอน จนเธอตัดสินใจชั่ววูบจะฆ่าตัวตาย!

จังหวะที่เขมิกาจะกระโจนลงแม่น้ำ ทัศนะที่ขับรถมาตามคำแนะนำของเพ็ญขวัญผู้เป็นน้องสาวก็มาถึง เขาตกใจมาก รีบตะโกนบอกเขมิกาให้ตั้งสติ

“อย่าคิดสั้นแบบนี้คุณเขม!”

“เขมไม่มีค่าสำหรับใครอีกแล้ว”

ท่าทีลังเลของเขมิกาทำให้ทัศนะกล้าพอจะขยับไปเกลี้ยกล่อมใกล้ๆ

“ครอบครัวคุณไง คุณมีค่าที่สุดสำหรับครอบครัวคุณ”

คำว่าครอบครัวทำให้เขมิกาใจอ่อนยวบ ทัศนะได้โอกาสเสนอตัว

“ผมสัญญาว่าผมจะพาชาคริตมาเคลียร์กับคุณให้ได้”

ทุกอย่างทำท่าจะไปด้วยดี แต่ชื่อของชาคริตก็ทำให้เขมิกาเตลิดอีกรอบ ภาพเหตุการณ์เขาขอแต่งงานทำให้เธอประสาทเสียและตัดสินใจชั่ววินาทีจะพุ่งตัวให้รถชน!

โชคดีที่รถเบรกทัน ทัศนะวิ่งตามมาคว้าตัวไว้ เขมิกาทิ้งตัวร้องไห้อย่างหมดอาย พลางขอร้องไม่ให้ส่งเธอกลับบ้าน ทัศนะถึงกับพูดไม่ออก ความสงสารแท้ๆทำให้ยอมรับปากจะไม่บอกใครเรื่องเธอ...

ooooooo

ชาคริตยังสวมบทบาทชายหนุ่มแปลกหน้าที่แสนดีนั่งคุยกับญาดาที่หน้าห้องไอซียู ท่าทางเหมือนเป็นสุภาพบุรุษของเขาทำให้ญาดาลดความระแวง ยอมจิบกาแฟที่เขาซื้อมาให้

ไตรทศโทร.บอกว่ายังหาตัวเขมิกาไม่พบ ญาดาผิดหวังแต่ฝืนทำเข้มแข็ง บอกให้เขากลับไปพักที่บ้าน ค่อยคิดหาทางใหม่ตอนเช้า ชาคริตเฝ้ารออย่างใจเย็น จนเธอวางสายจึงพูดเหมือนให้กำลังใจ

“การรอคอยเป็นเรื่องที่ทรมานใจที่สุด”

“ค่ะ...ทรมานที่สุด ไม่ว่ารอคอยข่าวดีหรือข่าวร้าย”

“แต่เมื่อการรอคอยสิ้นสุดลง คุณจะรู้สึกว่าคุ้มค่าที่รอ ถ้าหากแผนการเป็นไปอย่างที่คุณต้องการ”

“แต่วันนี้แผนการล้มเหลวไม่เป็นท่า”

ญาดาหลุดปากแล้วชะงัก รู้ตัวว่าพูดมากเกินไปแล้ว ชาคริตต้องข่มรอยยิ้มสะใจแทบแย่ ก่อนจะตีหน้าตกใจเมื่อเธอเล่าอย่างอัดอั้นว่าเจ้าบ่าวของน้องสาวเธอหนีงานแต่งงาน

“แล้วคุณพ่อคุณก็ล้มป่วยเข้าโรงพยาบาลอีก ผมเสียใจด้วยจริงๆ แล้วทำไม...”

“ทำไมฉันถึงบอกคุณงั้นเหรอคะ ข่าวฉาวๆแบบนี้ปิดไม่มิดหรอกค่ะ เป็นความผิดของฉันเอง ถ้าฉันไม่มัวห่วงงาน ฉันคงกลับมาห้ามน้องสาวทัน ยัยเขมรับปากฉันแล้วว่าจะรอ แต่ปุ๊บปั๊บก็จัดงานแต่งงาน ฉันหาตั๋วบินกลับแทบไม่ทัน นายนั่นคิดทำอะไร...ทำตัวลึกลับซับซ้อน เล่นสนุกกับชีวิตคนอื่น”

อ่านละครเรื่อง ระเริงไฟ ตอนที่ 1 วันที่ 25 พ.ย.60

ละครเรื่อง ระเริงไฟ บทประพันธ์โดย โสภี พรรณราย
ละครเรื่อง ระเริงไฟ บทโทรทัศน์โดย พิมพ์ธนา และ เอกชยา
ละครเรื่อง ระเริงไฟ กำกับการแสดงโดย กฤษฎา เตชะนิโลบล
ละครเรื่อง ระเริงไฟ ผลิตโดย บริษัท ชิติเช่น เคน จำกัด
ละครเรื่อง ระเริงไฟ ออกอากาศทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 20.15 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ละครเรื่อง ระเริงไฟ เริ่มออกอากาศตอนแรกวันจันทร์ที่ 4 ธันวาคม 2560
ที่มา ไทยรัฐ