อ่านละครเรื่อง สายธารหัวใจ ตอนที่ 10 วันที่ 18 พ.ย.60
สุนันทาเอ่ยถามถึงอาการแม้นเทพ เห็นสิริกันยาบอกว่ายังไม่ฟื้น ณรังค์เหลือบมองหญิงสาวทำนองขอบคุณที่ไม่พูดความจริงพอณรังค์รับว่าใช่ สุนันทาก็เสียใจด้วยที่งานแต่งคงต้องเลื่อนออกไป เขาพูดขัดขึ้นว่า
“ไม่มีการแต่งงานแล้วครับ...อาจมีคนต้องเจ็บหรือไม่ได้อย่างใจใครหลายคน แต่ผมจำเป็นต้องยืนยันความรู้สึกของผม...ผมแต่งงานไม่ได้ถ้าผมไม่ได้รัก”
อ๋องลอบสังเกตเห็นสิริกันยาซึมลงก็แปลกใจทำไมไม่ยินดี สุนันทาเชื่อว่าณรังค์เป็นคนมีเหตุผลไม่ว่าจะตัดสินใจทำอะไร ตนเป็นกำลังใจให้ อ๋องแย็บว่ามีคนเอาใจช่วยและพร้อมจะยืนเคียงข้างเขาเสมอ สิริกันยาทำไม่รู้ไม่ชี้ ณรังค์ไม่ทันคิดฝากอ๋องไปส่งสิริกันยาให้ถึงในบ้าน
“เอ่อ ไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้ค่ะ เอาแค่ประตูรั้วบ้านก็พอ”
“หรือว่าไม่เข็ด” ณรังค์สวน อ๋องแปลกใจมีเรื่องอะไร สิริกันยาเล่าเองย่อๆ
“คือ...มีโจรขึ้นบ้านค่ะ หนูก็ไม่ทันระวังตัว เดินเข้าบ้านเอง มันแอบอยู่ในบ้านเลยถูกทำร้าย ดีที่คุณณรังค์ย้อนกลับมาช่วยเอาไว้ทัน”
สุนันทาฟังแล้วหัวใจจะวาย ใจดีเสนอให้ทำบุญใหญ่สงสัยปีนี้เป็นปีชง แต่บอสกลับบอกว่าไม่ต้องปีชงก็เกิดเรื่องได้ ถ้าเราทำอะไรขาดสติ จำไว้ว่าอย่าประมาท อันตรายมีรอบตัว ทันใดเกียรติศักดิ์ควงหญิงสาวเข้ามายิ้มเย้ย
“ประชุมเครียดอะไรกันอยู่เหรอครับ” แต่พอเห็นสายตาทุกคน “คงไม่ใช่เวลาเหมาะสมที่จะทักทายกันสินะ ไม่เป็นไร ผมไปก่อนดีกว่า อ้อ ดูบรรยากาศโรงแรมหงอยๆไปนะครับ แขกบางตาเชียว” เยาะเย้ยเสร็จก็เดินควงสาวออกไป ทุกคนมองตามนึกสงสัย
เกียรติศักดิ์ควงสาวไปพลางคุยโทรศัพท์รายงานกำธรอย่างสะใจ ณรังค์ตามมาขอคุยด้วย เขารีบวางสายจากพ่อ หันมาบอกสาวให้ไปนั่งรอก่อน แล้วเผชิญหน้ากับณรังค์
“ผมจะไม่ถามเรื่องความวุ่นวายที่เกิดขึ้นกับโรงแรมในวันนี้”
“เรื่องอะไร อ๋อ เรื่องที่แขกถูกทำร้ายเพราะระบบการรักษาความปลอดภัยของโรงแรมห่วยใช่ไหม ข่าวดังเลยนี่”
ณรังค์เหน็บที่เขาให้ความสนใจ เกียรติศักดิ์อ้างว่าไม่ได้สนใจ ข่าวดังจนเข้าหู แล้วย้อนถามว่าถ้าไม่ถามเรื่องนี้แล้วจะถามเรื่องอะไร
“คุณเพิ่งแต่งงานกับคุณหญิง แต่คุณกลับควงผู้หญิงคนอื่นในโรงแรมที่เป็นของพ่อตาคุณ ไม่เป็นการดูหมิ่นกันเกินไปเหรอ”
“แล้วเสือกอะไรด้วย ฉันจะทำอะไร มันก็เรื่องของฉัน แกมันก็แค่เด็กในบ้าน”
“เป็นหน้าที่ผมที่ต้องปกป้องเกียรติยศและศักดิ์ศรีของจงสวัสดิ์...”
“หน้าที่หมารับใช้น่ะเหรอ...ฮ่ะๆไง...เถียงไม่ออกเพราะมันจริงใช่ไหม เฮ้ย! ไม่ต้องมาเตือน ฉันรู้ดีว่าฉันกำลังทำอะไร ปกป้องสิ่งที่แกควรจะปกป้องดีกว่า โดยเฉพาะไอ้โรงแรมห่วยๆนี่ เกียรติยศศักดิ์ศรีของจงสวัสดิ์มันไม่เหลือให้แกปกป้องแล้ว ไอ้หมารับใช้!” เกียรติศักดิ์เดินกระแทกไหล่ณรังค์อย่างแรง
ณรังค์ยืนนิ่งไม่ไหวติง มองตอบโต้อย่างท้าทาย “ผมก็มีเรื่องอยากจะบอกคุณเหมือนกัน ผมภูมิใจนะที่ได้เป็นหมารับใช้ เพราะผมถือว่าผมได้ตอบแทนบุญคุณข้าวและน้ำของเจ้าของ ส่วนคุณ...ภูมิใจมากแค่ไหน กับการเป็นหมาลอบกัด!”
เกียรติศักดิ์โกรธมากกระชากคอเสื้อณรังค์เงื้อหมัดจะต่อย ณรังค์กระชากคอเสื้อเขาเงื้อหมัดเช่นกัน ทั้งสองออกหมัดพร้อมกัน ต่างถูกต่อยหงายกระเด็นทั้งคู่เลือดกบปาก และจะพุ่งเข้าใส่กันอีก รปภ.วิ่งมาจับเกียรติศักดิ์ไว้ เขาขู่อาฆาตจะต้องเจอกันอีก ณรังค์มองไม่กลัวเกรง
ooooooo
คืนนั้นณรังค์มาเยี่ยมแม้นเทพอีก พยาบาลพิเศษที่นั่งเฝ้าถอยออกไป เขายกเก้าอี้มานั่งข้างเตียง เหนื่อยเกินกว่าจะพูดอะไร ฟุบหน้าลงกับเตียง สักพักแม้นเทพลืมตาขึ้นมองด้วยสายตาอ่อนโยนลง ณรังค์เงยหน้ามาเห็น ท่านชายเห็นเลือดที่มุมปาก มองอย่างสงสัย เขาแก้ตัวว่าหกล้ม
แม้นเทพพยายามขยับปากพูด “ฉัน...อยาก...กลับ ...บ้าน...บอก...หมอ...ให้...ที”
ณรังค์รับคำจะไปปรึกษาหมอ...หมอตรวจดูในชาร์ตแล้วบอกว่า อาการทุกอย่างคงที่แล้ว ที่น่าห่วงคือท่านยังเสวยอะไรไม่ได้ ต้องให้น้ำเกลือ ถ้ามีญาติหรือคนมีความรู้ดูแลก็ไม่น่าห่วง ณรังค์จะจ้างพยาบาลพิเศษดูแล หมอขอดูอาการสักสองสามวัน แล้วนึกได้
“อ้อ หมอมีเรื่องจะแจ้งให้คุณทราบ เรื่องสำคัญ...จากการตรวจพระโลหิต เราเจอสารพิษตัวหนึ่ง ซึ่งยังระบุชื่อไม่ได้แน่ชัด เพราะผมเองก็เพิ่งจะเคยเจอเคสนี้ ถามจากอาจารย์หมอหลายท่านก็ไม่มีใครรู้จัก แต่จากการตรวจสอบ มันมีผลทำให้ผนังหลอดเลือดเปราะ และนี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ท่านมีพระอาการเส้นเลือดแตกในสมอง ทางเดียวที่จะรับสารพิษนี้ได้คืออาหาร แต่จะเป็นจากอาหารตัวไหนก็ต้องใช้เวลาทดสอบค้นหากันต่อไป”
ณรังค์หน้าซีดใจหาย กลับมานั่งข้างเตียงแม้นเทพอย่างหดหู่ใจ ท่านชายมองหน้ารอคอยคำตอบ ณรังค์รายงานว่าปรึกษาหมอแล้ว น้ำตาเขารื้นขึ้นเมื่อต้องพูดถึงสิ่งที่หมอบอก
“หมอบอกว่าตรวจเจอสารพิษในพระโลหิต ที่เป็นสาเหตุทำให้ฝ่าบาทประชวร ฝ่าบาทต้องได้รับสารพิษนี้จากสิ่งที่เสวย...แต่ต้องใช้เวลาสักระยะเพื่อตรวจสอบว่า มันคืออะไร”
แม้นเทพพยายามพูด “นัง...คอง...มัน...ให้...ฉัน... กิน...สมุนไพร...วัน...นั้น...”
“แต่แม่คอง รักฝ่าบาทมากเหลือเกิน...กระหม่อมขอประทานอนุญาตพิสูจน์เรื่องนี้ กระหม่อมอยากจะแน่ใจ” ณรังค์รู้แก่ใจว่าอาจเป็นเพราะความแค้นของประคอง
แม้นเทพพยักหน้าช้าๆยอมให้เขาพิสูจน์ ณรังค์ก้มกราบลา ท่านชายจับมือเขาแน่น มองด้วยสายตาวิงวอน พูดช้าๆว่า...อย่าทิ้งตน เขาลงนั่งอย่างเดิมบอกจะนอนเฝ้าทั้งคืน ท่านชายค่อยๆหลับตาลงอย่างหมดกังวล ณรังค์นั่งมองด้วยความสงสารในชะตากรรมของท่าน
ขณะที่อ๋องส่งสิริกันยาถึงบ้าน เขาแย็บถามเธอทำไมไม่ดีใจที่ณรังค์ไม่ต้องแต่งงานแล้ว เธอบอกเศร้าๆว่า ณรังค์ไม่ได้รักละมุล และก็ไม่ได้รักตน แต่มีคนที่เขาไม่เคยลืม คือปฐวี อ๋องปฏิเสธแทน สิริกันยาตัดบทขอร้องอย่าจุดชนวนขึ้นมาอีก ตนเยียวยาจิตใจจนใกล้หายดี
“คุณเข้มแข็งดีจัง” อ๋องทึ่ง
“ฉันต้องเอาตัวให้รอดค่ะ เพราะฉันไม่ได้อยู่คนเดียวในโลก ฉันมีคนที่ต้องแคร์และมีชีวิตอยู่เพื่อเขา” สิริกันยาคิดถึงย่า แล้วขอตัวเข้าบ้าน อ๋องมองตามจนแน่ใจว่าไม่มีอะไรจึงกลับ
ด้านปฐวีหงุดหงิดเคร่งเครียดอยู่ในคอนโด คิดถึงภาพณรังค์กับสิริกันยาจับมือกันตอนรับถ้วยกาแฟหน้าห้องพักฟื้นแม้นเทพ แล้วให้โกรธแค้น เกียรติศักดิ์กลับมาปิดประตูโครม วางข้าวของเสียงดังราวไม่มีใครในห้อง คุณหญิงทรุดลงนั่งกอดเข่ารู้สึกเดียวดายน้ำตารื้น
ทางด้านละมุล พอจิตใจสงบลงก็ออกจากห้อง เห็นสวัสดิ์จัดอาหารจานใหม่ให้ ก็รู้สึกประทับใจ...ทานข้าวเสร็จออกมาเดินชมจันทร์ด้วยกัน สวัสดิ์บอกให้เธอรู้ว่าตนไม่เคยคิดทำร้ายเธอ ละมุลมองตาแล้วขอให้เขาพูดความจริงทั้งหมด เขาเป็นห่วงว่าเธอจะรับฟังไม่ไหว
“ฉันฟังได้ ฉันเหนื่อยที่จะหนีแล้วเหมือนกัน ครูปิดอะไรฉันไว้บ้าง”
“ผมรู้ว่าคุณณรังค์ไม่ได้รักคุณมาตั้งแต่แรก ผมรู้ว่าคุณณรังค์ยกเลิกการแต่งงานกับคุณ ผมโทร.บอกคุณณรังค์ว่าคุณหนีมากับผม และผมจะพยายามหว่านล้อมให้คุณกลับบ้าน เพราะไม่งั้นผมซวยแน่...แม่คุณแจ้งความเอาไว้ว่าผมลักพาตัวคุณหนีมา แต่ถ้าคุณยังไม่สบายใจ ไม่กลับก็ไม่เป็นไรนะ”
ละมุลตกใจไม่อยากทำให้เขากับแม่ของเขาเดือดร้อน จะต้องกลับไปบอกให้แม่ถอนแจ้งความ สวัสดิ์คิดไม่ถึงว่าเธอจะกล้า ละมุลอ้าง “คุณบอกฉันเองว่าฉันไม่ควรหนี ความจริงก็คือความจริง และฉันต้องไปเผชิญหน้ากับมัน”
“ผมดีใจนะที่คุณคิดแบบนี้”
“ฉันขอโทษสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา”
ทั้งสองยิ้มให้กันอย่างเข้าใจกันมากขึ้น สวัสดิ์แอบมองละมุลด้วยหัวใจพองโต
ooooooo
เช้าวันใหม่ ณรังค์ฟุบหลับอยู่ข้างเตียงแม้นเทพ ต้องสะดุ้งตื่นเมื่อรู้สึกว่ามีมือวางบนหัว พอเงยหน้าขึ้นเห็นสายตาท่านชายที่มองอย่างเมตตา เขาเต็มตื้นดีใจจนบอกไม่ถูก พลันเสียงเคาะประตูดังขึ้น ประคองเปิดประตูเข้ามา ท่านชายรีบหลับตาลงนอนนิ่ง ณรังค์หันมองใจหายนิดๆ
ประคองมองอย่างแปลกใจว่าพยาบาลไปไหน พอณรังค์บอกว่าเมื่อคืนตนนอนเฝ้าท่าน เธอหาว่าเขาประจบ เขาส่ายหน้าช้าๆ เธอกลับเสียงแข็งว่า วันนี้เธอจะเฝ้าท่านเอง เขาถามถึงเรื่องละมุล ประคองตอบห้วนๆว่าเรียบร้อยแล้ว ณรังค์คลางแคลงใจ...
ที่หน้ารีสอร์ตเช้าวันนั้น ละมุลกำลังลามีสุข “ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างนะคะแม่ หนูรู้แล้วล่ะค่ะ ว่าครูสวัสดิ์เหมือนใคร เหมือนแม่นี่เอง”
“ลูกคือผลผลิตของพ่อและแม่...แต่ก็มีถมไปที่ลูกไม้หล่นไกลต้น จำคำแม่ไว้นะลูก เราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เราเลือกที่จะเป็นคนแบบไหนต่างหาก นั่นคือสิ่งสำคัญ มีสติไว้นะลูก แล้วชีวิตหนูจะมีความสุขโดยไม่ต้องรอให้ใครมาทำให้”
ละมุลกราบขอบคุณ มีสุขกอดด้วยความเอ็นดู ทันใดตำรวจเดินเข้ามาสองนาย ถามหาสวัสดิ์ ทุกคนตกใจ
ด้านปฐวีไม่สนใจว่าสามีกำลังจะออกไปทำงาน เกียรติศักดิ์เองเห็นเธอนั่งจิบกาแฟก็ไม่ถามไถ่เดินออกไปอย่างไม่สนใจเช่นกัน ปฐวีลุกมาที่โต๊ะทำงานของเขา เปิดลิ้นชักมองปืนพกสั้นที่วางอยู่ด้วยตาวาวโรจน์ จากนั้นก็โทร.นัดสิริกันยาเจอกัน
ณรังค์รู้ข่าวสวัสดิ์ถูกตำรวจจับรีบโทรศัพท์หาด้วยความเป็นห่วง เขาบอกว่ากำลังกลับกรุงเทพฯ ต้องไปเคลียร์ที่โรงพักเพราะประคองแจ้งความไว้ แต่ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ละมุลยืนยันกับตำรวจว่าเธอสมัครใจมากับตน...ระหว่างนั้นประคองแอบฟังณรังค์คุยโทรศัพท์
“ครูโอเคไหม” ณรังค์ถามสวัสดิ์อย่างห่วงใย
“ผมโอเค แต่อาจจะถูก ผอ.เรียกตัวไปสอบสวนหนักหน่อย เพราะเรื่องนี้ค่อนข้างทำให้โรงเรียนเสียชื่อเสียง”
“ผมขอโทษแทนแม่คองด้วยนะ...” ณรังค์พูดไม่ทันจบ ประคองพุ่งเข้ามาตวาด
“ไม่ต้องมาทำอะไรแทนฉัน! และฉันไม่เคยคิดจะขอโทษมัน”
สวัสดิ์ได้ยินเสียงประคองเข้ามาในมือถือก็ตกใจ ละมุลเห็นอาการเขาอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น รีบถาม ณรังค์ว่าอย่างไรบ้าง
“คุณณรังค์ขอโทษผมแทนแม่คุณ แต่แม่คุณ...ท่าจะไม่ยอมจบง่ายๆ”
“มันต้องจบค่ะ ฉันจะทำให้จบเอง แม่ต้องยอมรับความจริงว่าครูไม่ได้ทำอะไรผิด จะไปยัดเยียดความผิดให้ครูได้ยังไง”
“คุณแน่ใจเหรอครับ ว่าจะคุยกับแม่คุณได้”
“ไม่แน่ใจหรอกค่ะ แต่ฉันต้องทำและต้องทำให้ได้ รีบไปเถอะค่ะ ฉันอยากจบเรื่องนี้เร็วๆ” ละมุลเดินนำไป สวัสดิ์รู้สึกชื่นชมกับความเข้มแข็งและดูมีสติมากขึ้นของเธอ
ด้านณรังค์เหนื่อยใจกับความรั้นของแม่บุญธรรม ตั้งใจคุยด้วยอย่างจริงจัง พยายามพูดอย่างใจเย็น “แม่รู้ไหมครับว่าครูสวัสดิ์อาจจะฟ้องกลับแม่ ข้อหาหมิ่นประมาท ทำให้เสียชื่อเสียง เพราะแม่ใจร้อน ด่วนตัดสิน...”
ไม่ทันพูดจบ ประคองสวนทันควันว่าให้มันฟ้อง ตนไม่สน...ณรังค์อ่อนใจอย่างมาก
ooooooo
ณรังค์คิดว่าประคองรู้ดีว่าสวัสดิ์ไม่กล้าฟ้องกลับ ที่เธอทำให้เสียชื่อเสียง ประคองท้าถึงฟ้องก็ไม่กลัว ต่อให้ต้องขึ้นศาลกี่ครั้ง ท้ายที่สุดแพ้คดีเสียค่าปรับหรือติดคุกก็จะไม่ยอมให้ละมุลคบกับสวัสดิ์ แม้จะต้องทำผิดก็ตาม
“แม่เป็นอะไรไป เกิดอะไรขึ้น แม่ไม่เคยเป็นแบบนี้เลย แม่สอนผมให้มีเหตุผล ให้เข้าใจ”
“หยุด!” ประคองขัดเสียงกร้าว
ณรังค์ชะงักกับความคิดเอาชนะของแม่ รู้สึกเหมือนเธอเป็นคนแปลกหน้า สายตามองไปเห็นสร้อยมรกต ที่เธอใส่ก็ยิ่งตกใจ “แม่ใส่สร้อยของหม่อมช้องนาง...”
“ใช่...แล้วทำไม” ประคองไม่สะทกสะท้าน ณรังค์ ถึงกับเข่าอ่อน มันเกิดอะไรขึ้น
ประคองกลับเข้ามายืนข้างเตียง มองแม้นเทพด้วยสายตาเกลียดชัง ไม่ทันจะทำอะไร พยาบาลพิเศษ เข้ามานั่ง บอกว่าณรังค์สั่งให้อยู่ช่วยดูแล ประคองโกรธมาก แต่ทำอะไรไม่ได้
ผ่านไปพักใหญ่ ประคองอกจะแตกที่ไม่สามารถทำอะไรแม้นเทพได้ เดินออกจากห้องสั่งบรรจงกลับ ระหว่างทางให้ส่งเธอลงที่ตลาดไม่ต้องรอ อ้างว่าจะซื้อกับข้าวไปทำให้ณรังค์
บ่ายวันนั้น สิริกันยาขึ้นมาบนดาดฟ้าโรงแรมตามนัดหมายกับปฐวีแต่ไม่พบ ปฐวีโทร.เข้ามาบอกว่ากำลังขึ้นไป เธอติงว่าถ้าณรังค์มาทำงานไม่พบตนจะมีปัญหา ปฐวีทำเสียงเหยียดไม่แคร์...ความจริงแล้วปฐวีแอบมองอยู่มุมหนึ่งด้วยสายตาเกลียดชัง อยากเห็นสิริกันยาหงุดหงิดงุ่นง่านกลางแดดเปรี้ยง
ณรังค์มาถึงออฟฟิศไม่เห็นสิริกันยาที่โต๊ะทำงาน ก็โทรศัพท์หา เธอรับสายเขาไม่ทันบอกว่าตนอยู่ไหน ปฐวีปรากฏตัวขึ้นกระชากมือถือเขวี้ยงทิ้ง ณรังค์ได้ยินเสียง เธอเรียกคุณหญิง แล้วเสียงขาดหายไป...ปฐวีกระทืบมือถือที่หล่นจนจอแตกดับสนิท สิริกันยาตกใจมาก
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ! ต้องการอะไร!”
ปฐวีมองตาขวาง “ถามฉันว่าต้องการอะไร แล้วให้ฉันได้หรือเปล่าล่ะ”
พอสิริกันยาถามอีกครั้ง กลับโดนปฐวีตบหน้าฉาด แล้วทำท่าล้วงบางอย่างในกระเป๋า เธอทรงตัวได้พุ่งเข้าผลักคุณหญิงล้มลง กระเป๋าถือกระเด็นไปไกลตัว แล้วโวยจะไม่เกรงใจแล้ว
ด้านณรังค์พยายามติดต่อสิริกันยาใหม่ ไม่มีสัญญาณตอบรับก็ใจไม่ดีเป็นห่วงเธอมาก รีบวิ่งไปสอบถามว่าใครเห็นสิริกันยาบ้างไหม ได้ความว่าเธอเดินขึ้นลิฟต์ฝั่งห้องพัก ณรังค์เครียดคิดหาทางรู้ให้ได้ว่าเธอไปไหน แล้วนึกได้ว่าต้องเช็กกล้องวงจรปิด
ปฐวียืนจ้องหน้า สิริกันยาต่อว่าทำไมถึงตามระรานตนมากเกินไป ปฐวียิ้มเยาะ
“ฉันบอกให้ก็ได้ว่าทำไม เพราะแก ณะถึงปล่อยให้ฉันเดินลงนรกตามคำสั่งของท่านพ่อ”
“อย่ามาโทษฉัน เธอจะขึ้นสวรรค์หรือลงนรก มันก็ไม่เกี่ยวกับฉัน”
ปฐวีตบหน้าสิริกันยาอีกฉาดโดยไม่ทันตั้งตัว
“แกแย่งณะไปจากฉัน! ถ้าไม่มีแก ฉันก็คงไม่ต้องทรมานอยู่อย่างนี้”
สิริกันยาจับมือปฐวีที่เงื้อจะตบอีก ตวาดกลับ “หยุดบ้าเอาแต่โทษคนอื่นซะที!”
ปฐวีไม่ยอมหยุด ยื้อยุดจนสิริกันยาหมดความอดทน ตบเปรี้ยงกลับแล้วถามมีสติขึ้นไหม ตนไม่ได้แย่งใครจากใคร เลิกยัดเยียดเรื่องทุเรศและความวุ่นวายให้ชีวิตตนเสียที ก่อนที่ตนจะตบให้ตายคามือตอนนี้...
พอระเบิดอารมณ์ออกไปก็รู้สึกตัว น้ำเสียงอ่อนลง
“ไม่มีใครสมหวังไปหมดทุกอย่างหรอก ทุกคนมีเรื่องผิดหวังกันทั้งนั้น อย่าคิดว่าตัวเองเป็นอยู่คนเดียว แต่ประเด็นก็คือ...ต้องจัดการกับมันยังไง ให้หยุดแค่ความเสียใจที่ต้องผิดหวัง ไม่ใช่ปล่อยให้มันทำร้ายอยู่อย่างนั้น ไม่จบไม่สิ้น อย่างที่คุณหญิงเป็นอยู่ สติไง สติ! ถ้าจะโทษใครก็ต้องโทษตัวเอง เพราะเป็นคนเลือกเอง ไม่มีใครบังคับใครได้ ถ้าไม่ยอม ถึงตอนนี้สิ่งที่คุณหญิงควรจะทำคือ ใช้ชีวิตต่อไป แล้ววันหนึ่งทุกอย่างมันจะดีขึ้นเอง...”
ปฐวีนิ่งฟัง สิริกันยาเข้าใจว่าเธอกำลังคล้อยตาม พยายามปลอบว่าเธอน่าจะมองว่าเธอโชคดีกว่าใครหลายคน ที่อยากเกิดเป็นเจ้าหญิงเหมือนเธอ แต่เธอกลับทำลายชีวิตในฝันของหลายคนด้วยน้ำมือเธอเอง เพราะความไร้สติ...ปฐวีน้ำตาซึมทรุดลงด้วยความเจ็บปวด
สิริกันยาคิดว่าคงหมดฤทธิ์ ค่อยๆเดินกลับเข้าตึก ผิดคาด...ปฐวีเดินไปหยิบกระเป๋าถือ ชักปืนออกมาอย่างคนเสียสติประกาศกร้าว
“อย่าสะเออะมาสอนฉัน! แกจะไปเข้าใจอะไร ในเมื่อแกไม่ใช่คนแพ้!”
สิรกันยาหันมาเห็นปืนที่เล็งใส่ก็ตกใจตัวแข็งทื่อ ปฐวีพรั่งพรูความเคียดแค้นว่า ชีวิตในฝัน ทำไมตนจะไม่เคยมีความสุขกับมัน แล้วถ้าตนไม่มีความสุขก็อย่าหวังว่าคนอื่นจะมี
ณรังค์เปิดประตูออกมาเห็นปฐวีเล็งปืนไปที่สิริกันยา ก็วิ่งเข้ามาเอาตัวขวาง ร้องห้ามเสียงหลง ปฐวีชะงักเจ็บปวดที่เห็นชายที่รักปกป้องหญิงอื่น...ณรังค์ขอให้วางปืนลง
“ไม่...หญิงต้องทำ เพราะหญิงไม่อยากเห็นหน้ามัน หญิงไม่อยากเห็นมันสมหวัง ในขณะที่หญิง...แพ้”
คุณหญิงร้องไห้ฟูมฟายออกมา
“ไม่มีใครชนะ ไม่มีใครแพ้ทั้งนั้น”
“มีสิ...ณะบอกนังละมุลว่ารักมัน!”
อ่านละครเรื่อง สายธารหัวใจ ตอนที่ 10 วันที่ 18 พ.ย.60
ละครเรื่อง สายธารหัวใจ บทประพันธ์โดย วาสนาละครเรื่อง สายธารหัวใจ บทโทรทัศน์โดย คนเขียนเงา
ละครเรื่อง สายธารหัวใจ กำกับการแสดงโดย ชนะ คราประยูร
ละครเรื่อง สายธารหัวใจ ผลิตโดย บริษัท เมคเกอร์ กรุ๊ป จำกัด
ละครเรื่อง สายธารหัวใจ ควบคุมการผลิตโดย ณัฐพงศ์ เหมือนประสิทธิเวช
ละครเรื่อง สายธารหัวใจ ออกอากาศทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.15 น. ทางช่อง 33 HD
ที่มา ไทยรัฐ