อ่านละครเรื่อง สายธารหัวใจ ตอนที่ 9 วันที่ 16 พ.ย.60

อ่านละครเรื่อง สายธารหัวใจ ตอนที่ 9 วันที่ 16 พ.ย.60

“คนอย่างคุณหญิงปฐวี ต้องหล่อเลี้ยงด้วยความแค้น” เกียรติศักดิ์ยิ้มเหยียด

“ไม่รู้จะน่าสงสารหรือน่าสมเพชเวทนาดี แต่ยังไงก็ดีๆกับเขาหน่อย เพราะเขาต้องเป็นแม่ของหลานชายป๊า”

เกียรติศักดิ์ยิ้มกรุ้มกริ่มเพราะกำลังพยายามอยู่ กำธรย้ำอีกเรื่อง ว่าอยากเปิดกาสิโนใต้ดิน และสถานที่ที่เล็งไว้คือ โรงแรมเดอะแกรนด์รอยัลของจงสวัสดิ์ เกียรติศักดิ์อึ้งนั่นคืองานใหญ่

บ่ายวันเดียวกัน ประคองมาดูอาการแม้นเทพในห้องไอซียู ลูบไล้ตามแขนเขา กระซิบข้างหูด้วยสายตาหมายมาด “บรรทมนานแล้วนะเพคะฝ่าบาท หม่อมฉันเชื่อแล้วว่า ฝ่าบาทไม่ยอมตายง่ายๆจริงๆ แต่สัจธรรมก็คือสัจธรรม ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า ถ้าไม่ไหวก็อย่าทรงฝืนเลยนะเพคะ ปล่อยวางซะ ฝ่าบาทจะทรงยึดทุกอย่างติดตัวไปลงนรกด้วยไม่ได้หรอกเพคะ หม่อมฉันและละมุลจะดูแลทุกอย่างของจงสวัสดิ์ให้เอง”



จากนั้นประคองก็เดินออกจากห้อง ไม่ทันเห็นว่านิ้วของท่านชายกระดิกเล็กน้อย...ให้บังเอิญที่ณรังค์แวะมาดูอาการแม้นเทพก่อนจะไปพบลูกค้า โดยพาสิริกันยามาด้วย ประคองออกมาเจอทั้งสองก็ตากร้าวใส่ ไม่รับไหว้ เบือนหน้าหนี เรียกบรรจงให้พากลับ

ณรังค์พยายามคุยถามอาการท่านชาย บรรจงเห็นประคองไม่พูดเดินดุ่มออกไป จึงตอบณรังค์แทนว่า ท่านชายยังอาการเหมือนเดิม เขาพยักหน้ารับรู้ แล้วบรรจงหันมาพูดกับสิริกันยา

“คุณณะเป็นคนดีนะครับ...”

ณรังค์ปรามไล่ให้ตามประคองไป สิริกันยางง วันนี้มีแต่คนพูดแปลกๆกับตน ทั้งปฐวีและบรรจง...

ณรังค์กลบเกลื่อนว่า โลกนี้มีแต่เรื่องแปลก ไม่ต้องสนใจนัก แล้วให้เธอรอที่หน้าห้อง เขาเข้าไปดูอาการแม้นเทพ

ประคองกลับถึงวังจงสวัสดิ์ นั่งคอเชิดราวกับเป็นเจ้าของในห้องโถง สีดาเดินผ่านมองอย่างแปลกใจ ประคองรีบเปลี่ยนท่าที สีดานึกได้รายงานว่า วันนี้มีครูที่โรงเรียนโทร.ตามละมุล บอกว่าผู้อำนวยการไม่อนุมัติใบลาออกของเธอ อยากให้เข้าไปคุยกัน...ประคองตกใจมาก รีบมาสำรวจที่ห้องละมุล ไม่มีอะไรหาย แต่ก็ยังร้อนใจว่าลูกไปไหน

บรรจงแนะนำให้โทร.ถามณรังค์ ประคองอึดอัดใจเพราะยังไม่อยากพูดด้วย แต่เพราะความเป็นห่วงลูก ตัดสินใจโทร.หา...ณรังค์กำลังประชุมงานอยู่ที่เอเจนซี่แห่งหนึ่ง พอรู้เรื่องก็รับปากจะตามให้ ประคองแดกดันก่อนจะตัดสาย

“ดี หัดรับผิดชอบการกระทำของตัวเองบ้าง อย่าให้ฉันต้องคิดว่าเลือดชั่วของจงสวัสดิ์มันแรงมาถึงพวกปลายแถวอย่างแก”

ณรังค์จุกไม่เคยโดนแม่ด่าว่ารุนแรงขนาดนี้ สิริกันยาสงสัยเกิดอะไรขึ้น พอรู้ว่าละมุลหายตัวไป ก็คิดได้ว่าควรติดต่อสวัสดิ์

ด้านละมุลซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ของสวัสดิ์ เธอหมดอาลัยตายอยาก ซบหน้ากับแผ่นหลังเขา มือทั้งสองโอบเอวเขาหลวมๆ สวัสดิ์เข้าใจความรู้สึกเธอ จับมือเธอเป็นการปลอบใจ หญิงสาวรับรู้ถึงสัมผัสอ่อนโยนนั้นซุกหน้าร้องไห้และกอดกระชับเขาแน่นขึ้น

ประคองหงุดหงิดที่ติดต่อละมุลไม่ได้ โทร.คาดคั้นถามที่อยู่บ้านสวัสดิ์กับครูต้อย ในเวลานั้นณรังค์แวะมาดูที่บ้านสวัสดิ์ พบว่าประตูบ้านคล้องกุญแจไว้ก็ผิดหวัง ...ประคองมาถึงพอดีเห็นสิริกันยาก็ไม่พอใจแต่ต้องระงับอารมณ์ไว้ แต่พอรู้ว่าบ้านปิดและไม่มีข่าวละมุลยิ่งโกรธ

“ฉันจะไปแจ้งความ มันเป็นคนลักพาตัวละมุล”

“แม่ใจเย็นก่อนครับ ถ้าละมุลไปกับสวัสดิ์จริง ผมมั่นใจว่าไม่ใช่การลักพาตัว”

ประคองเสียงกร้าวที่หาว่าละมุลสมยอม “แกดูถูกน้องเหรอ ไม่รักน้องจนยกเลิกงานแต่งก็พอแรงแล้ว นี่ยังดูถูกต่อหน้าคนอื่นอีก แกจะเหยียบย่ำน้องไปถึงไหน...น้องรักแกมาก แกคือความหวังในชีวิตของน้อง แต่แกกลับทำร้ายน้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าจะเอากันให้ถึงตายเลยไหม”

“แม่กำลังเข้าใจผมผิด ผมไม่เคย...”

“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น เพราะฉันไม่เชื่อคำพูดอะไรของแกอีก จำไว้ว่าชีวิตลูกฉันพังก็เพราะพวกแก ถ้าลูกฉันเป็นอะไรไป ฉันจะเอาเรื่องพวกแกให้ถึงที่สุด ชาตินี้อย่าหวังว่าจะมีความสุข จำไว้!” พูดจบประคองสั่งบรรจงพากลับ ไม่ฟังเสียงณรังค์อธิบายใดๆ

ตะวันคล้อย สิริกันยาเห็นณรังค์นั่งซังกะตายอยู่ข้างทาง จึงซื้อของกินมาให้แต่เขากินไม่ลงเป็นห่วงว่าละมุลอยู่ไหนกับใคร หญิงสาวอดรนทนไม่ไหวขอถามเรื่องที่เขายกเลิกแต่งงาน

“เหตุผลง่ายมาก...ผมไม่ได้รักละมุล”

“คุณนี่จริงๆเลย วันนึงบอกรัก วันนี้บอกไม่รัก สมควรแล้วล่ะที่ถูกแม่คองคุณด่า”

“ผมมีเหตุผลที่ทำให้ต้องบอกว่ารัก และถ้าผมไม่ตอบตกลงแต่งงาน ละมุลกับแม่คองจะต้องเดือดร้อน ผมตอบได้แค่นี้ เชื่อหรือไม่เชื่อก็ตามใจ และอย่าถามอะไรอีกเพราะจะไม่ตอบ”

“ขอบคุณค่ะที่ตอบคำถามฉัน ส่วนฉันจะเชื่อหรือไม่เชื่อ อันนี้ต้องคิดดูก่อน”

ณรังค์ยังคงนั่งซึมไม่แตะต้องของกิน สิริกันยาพยายามทำให้เขาอยากกิน จนเขาเห็นถึงน้ำใจของเธอ ขอร้องให้เธอช่วยเป็นคนใจร้ายนอกจากปากร้ายบ้าง หญิงสาวหน้าตึงไม่เข้าใจความหมาย ณรังค์ปัดไม่มีอะไรก่อนที่เธอจะรู้ความในใจตน แต่เธอยังขอถามอีกคำถาม

“ที่คุณไม่ได้รักคุณละมุล เพราะคุณ...ยังลืมใครบางคนไม่ได้ใช่ไหมคะ”

“ใช่ ผมยังลืมใครบางคนไม่ได้ และผมก็ไม่คิดจะลืม” ณรังค์ตอบอย่างหนักแน่น

สิริกันยารู้สึกเจ็บจี๊ดในใจ เข้าใจไปว่าเขาหมายถึงปฐวี ทั้งที่จริงแล้วคือตัวเธอเอง

ooooooo

สวัสดิ์ตัดสินใจพาละมุลมา “บ้านสวัสดิ์ดีมีสุข” รีสอร์ตของแม่มีสุขที่ต่างจังหวัด แม่เห็นลูกชายพาผู้หญิงมาด้วย แต่ด้วยสีหน้าของสาวที่เศร้าหม่นหมองจึงไม่ซักถาม จัดห้องพักให้ตามสมควรแถมหาเสื้อผ้ามาให้เปลี่ยน...ละมุลแอบถามสวัสดิ์ว่าเล่าอะไรให้แม่ฟังเกี่ยวกับตนบ้าง

“ผมไม่รู้จะบอกอะไรแม่ได้ คุณเองยังไม่ได้บอกอะไรผมเลย ว่าทำไมต้องลาออกจากงาน ทำไมต้องหนีออกจากบ้าน ทั้งที่ผมไม่เห็นด้วย และเคยบอกคุณไปแล้วว่าเราไม่ควรหนีปัญหา ทำไมถึงเลือกทำแบบนี้ มันร้ายแรงมากเหรอครับ”

“ขอโทษนะคะ แต่ฉันยังไม่อยากพูดตอนนี้”

“รอให้คุณพักให้สบายขึ้นก่อนก็ได้ครับ แต่คุณก็ต้องกลับไปเผชิญหน้ากับสิ่งที่คุณหนีมา ไม่มีใครหนีปัญหาได้ตลอดไปหรอกนะ”

“ขอโทษครูกับแม่ครูด้วยนะที่ทำให้เดือดร้อน ถึงเวลาฉันจะตอบคำถามทุกคำถามค่ะ”

สวัสดิ์เห็นใจปิดเครื่องโทรศัพท์เพื่อไม่ให้ใครโทร.ถามเรื่องเธอ ละมุลขอร้องให้เขาทำไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น เพราะตนยังไม่อยากเจอใคร เขารับคำ...แล้วในคืนนั้น มีสุขซักไซ้สวัสดิ์ เขาขอเวลาสักนิด สัญญาจะบอกทุกเรื่อง มีสุขเชื่อใจลูกว่าเขาต้องมีเหตุผลที่ดี แต่อดแย็บไม่ได้

“คนนี้ใช่ไหม คือสาเหตุที่ทำให้ลูกคิดจะลาออกกลับมาอยู่บ้าน แล้วก็เปลี่ยนใจทีหลัง”

สวัสดิ์รับว่าใช่เพราะเธอเปราะบางมากตนเลยอยากอยู่ดูแล มีสุขยิ้มอย่างเอ็นดูและเข้าใจ

ประคองโทร.หาครูต้อย ระเบิดอารมณ์ใส่ไม่เชื่อว่าเธอไม่รู้ว่าสวัสดิ์ไปไหน ไม่เพียงเท่านั้น ยังพาลอารมณ์เสียใส่บรรจง สีดาและชื่นให้ช่วยกันตามหาละมุล...

ทั้งสามแอบบ่นอุบว่าบ้านนี้มีแต่เจ้านายสติเสีย จะมีก็แต่ณรังค์ที่ดูมีสติกว่าเพื่อน

เพราะเห็นว่าค่ำแล้ว ณรังค์จึงขับรถมาส่งสิริกันยาที่บ้าน แต่เธอกลัวย่าเห็น ให้เขาจอดห่างบ้าน เขาอดห่วงเธอไม่ได้ ยืนมองจนเธอเดินเข้าบ้าน เจ๊หวานเห็นออกมาถามทำอะไรค่ำๆมืดๆไม่เข้าไปในบ้าน ในเวลานั้น สิริกันยาเข้าประตูบ้าน เห็นถึงความผิดปกติที่ไฟในบ้านไม่เปิด ทันใดมีชายฉกรรจ์สวมหมวกไอ้โม่งเข้ามาล็อกตัวเธอ

ณรังค์กำลังคุยกับเจ๊หวาน ได้ยินเสียงร้องของสิริกันยาก็ตกใจ รีบบอกให้เจ๊หวานโทร.แจ้งตำรวจ ตัวเขารีบคว้าจอบเป็นอาวุธผลักประตูรั้วเข้าไป เจ๊หวานโทร.เสร็จคว้าบัวรดน้ำวิ่งตาม ทั้งสองช่วยกันซัดคนร้ายจนล้มลงแล้วรีบแก้มัดให้สองย่าหลาน ณรังค์ประคองสิริกันยาลงนั่งเก้าอี้อย่างห่วงใย ศรีนวลเข้าแทรกตรงกลางเพราะไม่ต้องการให้เขาใกล้ชิดหลานสาวอีก

ณรังค์ยังห่วงจะพาทั้งสองไปให้หมอตรวจเช็ก ศรีนวลพูดจาเหวี่ยงใส่ไม่ต้องการความช่วยเหลือ เจ๊หวานงงติงย่าจะเหวี่ยงทำไมเขาอุตส่าห์มาช่วย

“ช่วยก็ส่วนช่วย แต่กูไม่ชอบ กูแยกแยะเป็น แล้วเอ็งทำไมไม่โผล่มาช่วยให้เร็วกว่านี้ มันจะได้ไม่ต้องมายุ่ง” ศรีนวลพาลเต็มที่สิริกันยาหวั่นใจกลัวย่าโกรธถ้ารู้ว่าตนยอมให้ณรังค์มาส่ง แต่พอศรีนวลถามอีก ณรังค์สารภาพว่ามาส่งสิริกันยาแล้วได้ยินเสียงร้อง เจ๊หวานช่วยพูดว่าเขาหวังดีมีน้ำใจมาส่ง

“ทีหลังไม่ต้องเลยนะ อยู่ให้ห่างๆ คราวที่แล้วมันก็เกือบตายหนหนึ่งแล้ว มาคราวนี้อีก เพราะเอ็งนั่นแหละ เอาความซวยมาให้” ศรีนวลโทษณรังค์ สิริกันยาปราม โดนเอ็ดไปด้วย “เอ็งก็เหมือนกัน จำไม่ได้หรือไงว่าเคยอก...”

“ย่า!” สิริกันยาขัดทันก่อนที่ศรีนวลจะหลุดคำว่าอกหักออกมา

เสียงรถตำรวจดังขัดจังหวะ ทุกคนรีบออกมาหน้าบ้าน...ตำรวจรวบตัวคนร้ายได้หมด เป็นพวกขี้ยาไม่ใช่คนแถวนี้ ณรังค์ขอให้ตำรวจส่งสายตรวจมาแถวนี้บ่อยๆเพื่อความปลอดภัย ศรีนวลยังเคืองไล่ณรังค์กลับ สิริกันยาเดินมาส่งเพื่อขอโทษเขาแทนย่า

“ไม่เป็นไรหรอก ไม่แปลกที่ย่าคุณจะมองผมแบบนั้น แล้วนี่...อยู่กันได้นะ...คิดอะไรอยู่”

“ฉันไม่กล้าพูดต่อหน้าย่าแล้วก็ตำรวจ ฉันไม่คิดว่า พวกนั้นจะเป็นพวกขี้ยาหรอกค่ะ”

“คุณหมายความว่ายังไง”

“มันไม่ได้มาปล้น แต่มันตั้งใจจะทำร้ายฉันมันจะเอามีดกรีดหน้าฉัน มันตั้งใจทำร้ายฉันคนเดียวฉันเองไม่เคยมีศัตรูที่ไหน นอกจาก...คุณหญิงปฐวี!”

ณรังค์นิ่งพูดไม่ออกกลับไป...สิริกันยาเดินเข้าบ้าน ศรีนวลกำลังเก็บของที่เกลื่อนกับเจ๊หวาน พูดเหน็บทำนองกลับบ้านเองไม่ได้หรือ เธอจึงเล่าว่า ไปช่วยณรังค์ตามหาละมุลน้องสาว คนที่เขาต้องแต่งงานด้วย เธอหนีออกจากบ้านเพราะเขายกเลิกการแต่งงาน ศรีนวลยิ่งข้องใจ

“ยกเลิกทำไม...หรือว่า...มันจะ...”

“เขามีรักฝังใจ ซึ่งไม่ใช่หนู เลยฝืนใจแต่งงานกับคุณละมุลไม่ได้ ที่หนูไปช่วยตามเพราะมันคือน้ำใจและเพื่อแสดงว่าหนู...หายดีแล้ว...เรียบร้อยแล้ว หนูอาบน้ำนอนล่ะ”

“นอนคนเดียวในห้องนั่นได้ใช่ไหม ไม่หลอนนะ”

“ได้สิ หนูไม่เก็บมาจำให้รกสมองหรอก มัวแต่กลัวหลอนว่าเคยถูกทำร้ายแล้วหนูจะใช้ชีวิตต่อไปได้ยังไง” พูดจบสิริกันยาเดินไป

เจ๊หวานชื่นชมช่างเด็ดเดี่ยวดี แต่ศรีนวลกลับไม่แน่ใจว่าหลานเข้มแข็งอย่างที่ปากพูด

ooooooo

ในคอนโด ปฐวีจิบไวน์ด้วยอารมณ์สุนทรีย์ คิดถึงสิ่งที่ขอให้กนกอรช่วย ใช้เส้นสายแฟนใหม่ที่เป็นนักเลง จัดการสิริกันยา...แต่แล้วความสุขก็มลายลง เมื่อรู้ว่าจัดการสิริกันยาไม่สำเร็จ แถมถูกตำรวจจับได้หมด เธอกวาดข้าวของใกล้ตัวตกกระจัดกระจายด้วยความโกรธ

เกียรติศักดิ์เข้ามาเจอพอดีตกใจห้ามปราม แต่เธอกราดเกรี้ยวใส่ไม่ต้องยุ่ง แล้วรินไวน์จะดื่มต่อ เขาดึงแก้วออก จะเอาเรื่อง เธอมองอย่างท้าทายแล้วตบหน้าตัวเองหลายฉาด

“อยากตบใช่ไหม นี่ไง! แบบนี้ใช่ไหมที่อยากทำ”

“บ้าไปแล้ว!”

ปฐวีกรี๊ดใส่ เกียรติศักดิ์หันไปคว้าขวดไวน์เททิ้งจนหมด คุณหญิงเข้ายื้อแย่งถูกเหวี่ยงล้มก้นกระแทกลุกไม่ขึ้นด้วยความเจ็บ เขาตวาดใส่ก่อนจะกลับออกไป

“ถ้ามันเสี้ยนนัก จนเลิกดื่มไม่ได้ ก็อย่ามาทำให้เห็น ทุเรศ! อีบ้า!”

ปฐวีร้องกรี๊ดๆไม่หยุดเพราะทุกอย่างผิดแผนไปหมด...ในคืนนั้น สิริกันยานอนร้องไห้เจ็บปวด เข้าใจว่าณรังค์ยังลืมปฐวีไม่ได้ถึงไม่ยอมแต่งงานกับละมุล

ในขณะที่ณรังค์ครุ่นคิดถึงคำพูดของสิริกันยา “ฉันขอโทษด้วยที่ฉันจะบอกคุณว่า...ฉันมั่นใจว่าคุณหญิงปฐวีเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ฉันถูกทำร้าย และฉันคงไม่อยู่เฉยๆโดยไม่คิดจะทำอะไร เพราะนี่...มันเกินไปแล้ว และฉันจะไม่ใช้วิธีของคนขี้ขลาดเหมือนคุณหญิง”

เขาประมวลกับคำพูดของปฐวีที่ดูเหมือนขู่อาฆาตสิริกันยาแล้วยิ่งเครียด ณรังค์เชื่อว่าปฐวีมีส่วนเกี่ยวข้องกับทุกครั้งที่สิริกันยาถูกทำร้าย

รุ่งเช้า ศรีนวลคุยกับเจ๊หวานว่าตนควรย้ายบ้านหนี สิริกันยาเดินเข้ามาพูดหนักแน่นว่า เราจะไม่หนีไปไหน การหนีไม่ใช่การแก้ปัญหา แต่มันคือการเผชิญหน้าให้รู้ว่าเราไม่กลัวและไม่มีทางหนี พูดจบยกมือไหว้ทั้งสองก่อนขอตัวไปทำงาน เจ๊หวานมองตามคาดเดาว่า

“หรือนังกันยามันจะพกอาวุธติดตัวไว้ป้องกันตัว ดีนะหนูไม่ต้อง”

“ทำไม”

“ก็หนูมีหน้าตาเป็นอาวุธไง”

ศรีนวลหัวเราะออกมาได้...ระหว่างที่สิริกันยาเดินออกมาจากบ้าน ได้โทรศัพท์หาปฐวี เธอรับสายแต่ไม่พูด จึงกรอกเสียงไปตามสาย นัดหมายให้ออกมาเจอที่สวนสาธารณะ

ปฐวีมาตามนัด สิริกันยาเปิดฉากก่อนอย่างไม่กลัวเกรง ว่ามีคนบุกไปทำร้ายตนที่บ้านเมื่อคืน ปฐวีมองอย่างท้าทายทำนองเกี่ยวอะไรด้วย

“ไม่มีใครรู้ว่าคุณหญิงเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้รึเปล่า มีแต่คุณหญิงเท่านั้นที่รู้อยู่แก่ใจ”

“พูดให้ดีๆนะ ไม่งั้นฉันจะฟ้องเธอข้อหาหมิ่น ประมาท”

“ก็ฟ้องสิ ฉันเองก็อยากจะเป็นข่าว เพราะรู้ดีว่าคงเอาผิดคนอยู่เบื้องหลังไม่ได้ อย่างน้อยให้เป็นข่าวประจานออกสื่อก็ยังดี...บอกไว้เลยว่าฉันไม่เคยกลัว อยากจะทำอะไรฉันอีก เชิญ! ฉันจะรอ” ปฐวีหาว่าท้าทาย “ไม่ได้ท้า มีแรงทำได้ทำไป ฉันจะไม่ยอมเป็นอะไร จะรอดูผลกรรมมันทำงาน กฎหมายทำอะไรคุณหญิงไม่ได้แต่กฎแห่งกรรม ทำแน่”

ปฐวีสะอึกเมื่อเห็นสีหน้าเอาจริงของหญิงสาวผู้นี้ ...แยกจากสิริกันยาไม่ทันไร ณรังค์โทร.เข้ามาว่ามีเรื่องอยากคุยด้วย ปฐวีสวนทันที

“จะคุยเรื่องอะไรล่ะ เรื่องนังเลขานั่นถูกทำร้ายเหรอ ...หึ หญิงเพิ่งรู้ว่ามันก็ไม่ธรรมดา แถมยังดวงแข็ง แต่ต้องมีพลาดบ้างสิน่ะ ไม่รอดได้ทุกครั้งหรอก”

“ฟังผมนะ...คุณหญิงยิ่งทำร้ายสิริกันยามากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งรักแล้วก็สงสารเธอมากขึ้นเท่านั้น”

พูดจบณรังค์วางสาย ปฐวียิ่งแค้นใจแทบกรี๊ดที่ทำอะไรสิริกันยาไม่ได้

ณรังค์กุมขมับเครียด ไม่ทันไรสวัสดิ์โทร.เข้ามาส่งข่าวว่าละมุลอยู่ที่รีสอร์ตแม่ของตนไม่ต้องห่วง แต่ณรังค์รีบบอกให้เขาพาละมุลกลับมา เพราะประคองแจ้งความว่าเขาลักพาตัวละมุล สวัสดิ์ตกใจจะพยายามเกลี้ยกล่อมเธอให้กลับ...ณรังค์โล่งใจเรื่องละมุล แต่แล้วก็ต้องมาหนักใจเรื่องแม้นเทพ เมื่อมีเจ้าหน้าที่โทร.แจ้งว่าท่านชายย้ายออกจากไอซียูได้แล้ว

เผอิญเช้าวันนั้นละมุลออกมาเดินเล่น ได้ยินที่สวัสดิ์คุยโทรศัพท์กับณรังค์ก็เสียใจ หนีเตลิดออกจากรีสอร์ต...สวัสดิ์เคาะประตูห้องให้ไปทานอาหารเช้า พอเห็นว่าละมุลไม่ได้อยู่ในห้องก็ใจเสีย เดินตามหาทั่ว มีพนักงานเห็นละมุลเดินร้องไห้ออกไป สวัสดิ์รีบขี่รถตามหา

ณรังค์เดินลิ่วมาถึงล็อบบี้ เจอสิริกันยาจึงตำหนิที่มาสาย เธออึกอักว่ามีธุระนิดหน่อย แต่เขาพอจะรู้ว่าเธอไปไหน เตือนแกมสั่ง

“ฟังนะ...ผมจะจัดการให้คุณเอง” สิริกันยาถามเรื่องอะไร “คุณก็รู้”

“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่รบกวน...ให้คุณจัดการ ก็คงทำอะไรไม่ได้อยู่ดี คุณพยายามทำมาตลอดอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ ก็ไม่เห็นจะได้ผล” สิริกันยาเหน็บกลายๆ

“แล้วคุณจะจัดการเอง...ไม่กลัวอันตรายบ้างหรือไง”

หญิงสาวส่ายหน้าพร้อมสู้ ระหว่างนั้นมีพนักงานเข็นรถอาหารผ่านไปทางลิฟต์ ทั้งสองไม่ทันสังเกตว่าเป็นคนนอกแฝงตัวเข้ามา...เนื่องจากเกียรติศักดิ์ไม่สามารถทำงานคืบหน้าได้ กำธรจึงแนะนำ ไม่ต้องเข้าตามตรอกออกตามประตู เขาฟังแผนของพ่ออย่างยิ้มกริ่ม

“ทำยังไงก็ได้ให้โรงแรมมันหมดความน่าเชื่อถือ หมดราคาจนทำต่อไม่ได้ แกค่อยเข้าไปจัดการ แล้วก็เปลี่ยนชื่อเสีย ฉันอยากได้แค่ที่ ไม่ได้อยากได้ชื่อ”

เกียรติศักดิ์จึงส่งคนเข้าไปทำร้ายแขกต่างชาติถึงในห้องพัก ให้เสียชื่อเรื่องความปลอดภัย ระหว่างนั้น ณรังค์กับสิริกันยามาที่โรงพยาบาล เจอประคองในห้องพักฟื้น เธอปรายตามองอย่างไม่พอใจ แถมพูดจากระทบกระเทียบว่าเขามาช้าเพราะมีห่วงต้องรอพ่วงใครมาด้วย สิริกันยากลืนน้ำลายเอื๊อกอย่างรู้ตัว ณรังค์ถามอะไรประคองก็ตอบอย่างเย็นชาแล้วเหน็บให้อีกดอก

“ใช้เวลาอยู่ด้วยกันจนกว่าจะพอใจนะ ฉันจะไปคุยกับพยาบาล คงต้องจ้างพยาบาลพิเศษคอยเฝ้า เพราะฉันไม่ว่างต้องไปตามหาลูก”

อ่านละครเรื่อง สายธารหัวใจ ตอนที่ 9 วันที่ 16 พ.ย.60

ละครเรื่อง สายธารหัวใจ บทประพันธ์โดย วาสนา
ละครเรื่อง สายธารหัวใจ บทโทรทัศน์โดย คนเขียนเงา
ละครเรื่อง สายธารหัวใจ กำกับการแสดงโดย ชนะ คราประยูร
ละครเรื่อง สายธารหัวใจ ผลิตโดย บริษัท เมคเกอร์ กรุ๊ป จำกัด
ละครเรื่อง สายธารหัวใจ ควบคุมการผลิตโดย ณัฐพงศ์ เหมือนประสิทธิเวช
ละครเรื่อง สายธารหัวใจ ออกอากาศทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.15 น. ทางช่อง 33 HD
ที่มา ไทยรัฐ