อ่านละครเรื่อง สายธารหัวใจ ตอนที่ 6 วันที่ 6 พ.ย.60

อ่านละครเรื่อง สายธารหัวใจ ตอนที่ 6 วันที่ 6 พ.ย.60

สิริกันยา เธอรายงานต่อกับณรังค์ เขาสงสัยว่าเป็นฝีมือปฐวีที่เรียกนักข่าวมา หวังให้ทุกคนต้องเจ็บ หญิงสาวไม่เข้าใจ

“เจ็บ เพราะแค่เป็นข่าวน่ะเหรอคะ ฉันว่ามันทำอะไรคุณไม่ได้หรอก ถ้าคุณจะลงไปแก้ข่าวด้วยตัวเอง แทนที่จะให้คนอื่นพูด ฉันว่า...น่าจะดีที่สุดนะคะ”

“ข่าว ทำอะไรผมไม่ได้ แต่...ช่างเถอะ คุณออกไปก่อน” ณรังค์ไม่อยากพูดว่าเพราะความกตัญญูที่ทำให้ตนต้องตัดสินใจ สิริกันยางงเดินออกไป ณรังค์หยิบมือถือมากดโทร.ออก

สวัสดิ์หลบไปคุยโทรศัพท์แล้วเดินกลับมายืนข้างละมุล เธอขอฟังแม้นเทพให้สัมภาษณ์สักครู่...แม้นเทพต่อว่าพวกนักข่าวว่าชอบนั่งเทียนเขียนข่าวให้คนอื่นเสียหาย จะฟ้องให้หมด รวมถึงคนที่ปล่อยรูปที่เป็นข่าวอยู่ด้วย เขาปรายตามองไปยังปฐวีเพราะเชื่อว่าเป็นฝีมือเธอ



“ท่านชายกำลังจะปฏิเสธว่ามันไม่เป็นความจริงเหรอเพคะ” นักข่าวซัก

“ผมมีลูกสาวคนเดียวคือหญิงปฐวี ไอ้ที่บอกว่าลูกกับหลานรักมั่วกันเอง ทุเรศ ผมไม่มีทางปล่อยให้เรื่องเน่าๆแบบนั้นเกิดขึ้นในบ้านตัวเองแน่”

“แต่ใครๆก็พูดกันว่า คุณละมุลคือลูกสาวอีกคนของฝ่าบาทที่เกิดกับคนใช้ในบ้าน”

“ถ้าคุณยังไม่หยุดพูดเรื่องนี้ ผมจะฟ้องคุณด้วยอีกคน มาจากเล่มไหน ช่องไหน จะเอาให้เจ๊งกันทั้งยวง ดูบัตรประจำตัวซิ!” แม้นเทพโวย

นักข่าวจ๋อย ละมุลหน้าเสียเจ็บปวด สวัสดิ์รู้สึกเห็นใจเธอมาก ปฐวีสะใจที่ท่านพ่อโดนรุมสัมภาษณ์ แม้นเทพเหลือบเห็นสีหน้าลูก รีบแก้ข่าวว่าละมุลเป็นลูกคนใช้ที่เกิดกับคนสวน พ่อตายจึงสงสารอุปการะส่งเสียให้เรียนจนมีงานทำ นักข่าวไม่หยุดเสนอให้ตรวจดีเอ็นเอพิสูจน์

แม้นเทพฉุน “สังคมไม่ใช่พ่อใช่แม่ ทำไมผมต้องตอบให้มันหายสงสัย อยากจะสงสัยอะไรก็สงสัยไปเฮ้ย! ผมไม่แคร์” นักข่าวแย้งว่าเราต้องอยู่ในสังคม ท่านจะอยู่ลำบาก “ผมลำบากอะไร ผมอยู่สบายดี เฮ้ย! ผมว่าพวกคุณเอาเวลาไปทำข่าวที่มันมีประโยชน์กับสังคมห่าเหวของคุณดีกว่าเรื่องในบ้านของผมนะ”

“เรานำเสนอเรื่องที่คนอ่านของเราสนใจนะเพคะ”

แม้นเทพโกรธแทบจะทนไม่ไหว สุนันทายืนมองยิ้มเยาะบอกลูกชายว่า ท่านชายเจอแร้งลง ไปไม่เป็นเลยอยากดูว่าท่านจะแถไปทางไหน...ปฐวีเห็นท่านพ่อจนแต้มจึงตอบแทนว่าท่านพ่อของตนไม่มีทางทำตัวเลวอย่างที่ข่าวซุบซิบ แม้นเทพหันขวับมองลูกสาวรู้ว่ากำลังหลอกด่า อายคนที่รู้เรื่องดีอย่างสุนันทา ละมุลและคนเก่าแก่ของโรงแรม

สวัสดิ์สงสารละมุลจึงชวนกลับ แต่เธออยากฟังให้ถึงที่สุด เธอคิดว่าเธอจะต้องเข้มแข็งอย่างที่แม่บอกเสียที...นักข่าวหันมาซักถามปฐวี ให้อธิบายให้กระจ่าง คุณหญิงยิ้มสะใจ

“ท่านพ่อเป็นถึงหม่อมเจ้า จะทำอะไรก็ต้องคำนึงถึงพระเกียรติและศักดิ์ศรีก่อนเป็นอันดับแรก จะคว้าคนใช้ในวังมาเป็นเมียทั้งที่ก็มีพระชายาอยู่แล้ว ถือเป็นพฤติกรรมเลวทรามอย่างที่สุด ท่านพ่อไม่มีทางลดตัวลงไปทำอะไรต่ำๆแบบนั้นแน่” แม้นเทพกัดฟันกรอด

สิริกันยายืนฟังอยู่กับณรังค์ที่มุมหนึ่ง สงสารละมุลถ้ามาได้ยินคงเสียใจ...ณรังค์มองไปเห็นละมุลที่ยืนเกาะแขนสวัสดิ์ เจ็บปวดจนเผลอจิกเล็บลงที่แขนเขา ปฐวีมองไปเห็นละมุลใส่ต่อ

“อีกอย่างท่านพ่อก็ไม่ได้โง่ ถ้าท่านทำอย่างที่สงสัยกันจริง ท่านไม่มีทางเก็บเด็กเอาไว้แล้วเลี้ยงดูให้โตขึ้นมาเป็นหลักฐานประจานความเลวของตัวเอง ให้สังคมซุบซิบกันสนุกปากหรอกค่ะ หญิงพูดถูกไหมคะ”

นักข่าวถามแม้นเทพ ท่านชายรับคำว่าถูกทุกอย่าง สายตามองปฐวีทำนองฝากไว้ก่อน...ละมุลพอรู้สึกตัวว่าทำสวัสดิ์เจ็บก็รีบปล่อยมือขอโทษ สวัสดิ์ปลอบใจให้สู้ ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ใครจะยอมรับหรือไม่ แต่อยู่ที่เรายอมรับและเห็นคุณค่าของตัวเราเอง เพื่อให้เรามีจุดยืนและใช้ชีวิตต่อไปได้ ละมุลสบตาเขาปลื้มๆ จะจำคำของเขาไว้

ด้านสิริกันยาสงสัยเปรยว่า ท่านชายเลี้ยงคุณหญิงมาอย่างไร ถึงได้โตมามีนิสัยร้ายกาจขนาดนี้ พ่อตัวเองยังเอามาขย้ำต่อหน้าสื่อได้ พอเห็นสายตาณรังค์ไม่พอใจก็ชะงักหยุดพูดและขอโทษ...แม้นเทพถามนักข่าวว่าหมดคำถามแล้วใช่ไหม นักข่าวขอถามอีกเรื่อง

“ถ้าอย่างนั้น ก็มีโอกาสที่คุณณรังค์กับคุณละมุลจะรักกันได้และแต่งงานกัน เราคงไม่ต้องห่วงแล้วว่าถ้าทั้งคู่มีลูกด้วยกัน จะเกิดความเสี่ยงที่เด็กมีปัญหาทางสมองเพราะพ่อแม่มีสายเลือดเดียวกันใช่ไหมเพคะ”

แม้นเทพให้ณรังค์เป็นคนตอบ ปฐวียิ้มเยาะใส่สิริกันยา คนอื่นๆลุ้นว่าเขาจะตอบอย่างไร ละมุลเองก็ตื่นเต้นและหวั่นใจจนต้องหลบมาข้างหลังสวัสดิ์...ณรังค์ออกตัวว่าเรื่องของตนไม่น่าเป็นที่สนใจ แต่นักข่าวบอกว่า เขาเป็นที่จับตามองเพราะเป็นผู้บริหารระดับสูงคลื่นลูกใหม่ ว่าจะพลิกฟื้นเดอะแกรนด์รอยัลให้รอดพ้นวิกฤติได้หรือไม่ แม้นเทพรีบโอ่ว่าตนเลี้ยงและฝึกณรังค์มากับมือ เพื่อให้รับช่วงต่อรุ่นเก่าที่กำลังถดถอย เป็นสัจธรรมที่ทุกคนต้องยอมรับ

สุนันทากระซิบอ๋องว่า พูดออกมาไม่อายปาก มารับช่วงต่อหรือตามเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวจะเหมาะกว่า ไม่อยากฟังสองพ่อลูกคู่นี้พูดอีก อ๋องขอให้แม่ทนฟังอีกนิด ณรังค์จะต้องทำให้สองพ่อลูกหงายเงิบ สิริกันยาได้ยินแอบยิ้มกับคำพูดของเขา แม้นเทพตบไหล่ณรังค์ให้พูดต่อ

“ขอบคุณทุกคนที่ติดตามข่าวของผม สำหรับคลิปที่เป็นข่าวนั้น ใช่ครับ...ผมกับละมุลกำลังจะแต่งงานกัน”

ทุกคนตกใจกับคำพูดของณรังค์ ละมุลยิ้มดีใจออกมา สวัสดิ์เห็นแล้วให้สงสารมากขึ้น แม้นเทพออกตัวว่าไม่เคยขัดขวางความรักของใคร ทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกันในเรื่องความรัก

ปฐวีกลับเป็นคนเจ็บปวดหาทางจบการสัมภาษณ์นี้ “ดีใจจังที่ท่านพ่อคิดแบบนี้ ตอนแรกหญิงก็กลัวว่าท่านพ่อจะขวาง หญิงแสดงความดีใจกับณรังค์และก็ละมุลผ่านสื่อตรงนี้เลยนะคะ ขอให้มีความสุขกับความรักครั้งนี้มากๆ”

ณรังค์หันมาประจันหน้า “ขอบคุณครับ ผมมีความสุขกับรักครั้งนี้แน่นอน เพราะเรารักกันด้วยหัวใจที่บริสุทธิ์จริงๆ ไม่มีอะไรเคลือบแฝง...ผมขอตัวนะครับ เรื่องงานแต่งงาน ไว้มีความคืบหน้ายังไงผมจะให้ทางฝ่ายพีอาร์แจ้งให้ทราบ ขอบคุณครับ”

พูดจบณรังค์เดินตรงไปทางละมุลกับสวัสดิ์ ทุกคนมองเป็นตาเดียว สิริกันยามึนงงกับคำพูดของเขา มองณรังค์เดินไปจูงมือละมุลผ่านหน้าไป สวัสดิ์ยิ่งสงสารละมุลนึกถึงก่อนหน้านี้ ที่ณรังค์โทร.มาหาและบอกว่า มีเรื่องต้องบอก เขาจะตอบตกลงแต่งงานกับละมุล แต่มันเป็นความจำเป็นที่ต้องพูดอย่างนั้น ไม่อยากให้ถอดใจจากละมุล และขอย้ำว่าละมุลเป็นน้องสาว

“ผมจะอธิบายให้คุณฟังทีหลัง เพียงแต่ตอนนี้ ผมจำเป็น”

“แต่ผมสงสารคุณละมุล คุณละมุลรักคุณ คุณทำให้เธอมีความหวัง เพื่อจะทำให้เธอผิดหวังทีหลัง ไม่ว่าความจำเป็นของคุณคืออะไร คุณก็เป็นคนเห็นแก่ตัว”

“ผมรู้ผมถึงอยากจะขอร้อง ถ้าวันนึงละมุลจะต้องเสียใจเพราะผม ก็อยากจะให้มีใครสักคนที่เป็นคนดีและจริงใจกับน้องสาวผมอยู่เคียงข้าง จะคิดว่าผมเห็นแก่ตัว ผมก็ไม่โกรธคุณเลย” สวัสดิ์มองละมุลที่มีสีหน้าตื่นเต้นดีใจ นักข่าวถ่ายรูปกันพรึ่บพรั่บ...พอทั้งสองเดินพ้นมาณรังค์ก็ปล่อยมือจากละมุลแล้วบอกให้เธอโทร.ตามสวัสดิ์ ละมุลงงกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของเขา พอสวัสดิ์มาถึง ทั้งสามขึ้นลิฟต์ไปพร้อมกัน สวัสดิ์เห็นณรังค์เครียดมาก ยิ่งสงสารละมุล

ooooooo

ทางด้านอ๋องมึนงงกับคำตอบของเพื่อน ก่อนหน้านั้นยืนกระต่ายขาเดียวว่าไม่ยอมแต่ง แต่ทำไมตอนนี้กลายเป็นหนังคนละม้วน สุนันทาบอกลูกชายว่าณรังค์คงมีเหตุผลจำเป็นที่ต้องทำอย่างนั้น สิริกันยาที่ยืนอยู่ด้วย เหม่อลอยคิดถึงแต่คำพูดของณรังค์ที่ทำให้ผิดหวังมาก

สุนันทาเรียกให้รู้สึกตัว เธอสะดุ้งยิ้มกลบเกลื่อน อ๋องไม่เชื่อว่าสิริกันยาไม่มีอะไรจะอ้าปากถามแต่สุนันทาตัดบทให้เธอไปทำงานต่อ

ด้านแม้นเทพกับปฐวี แม้นเทพสะใจเยาะลูกสาวว่าได้อย่างที่อยากได้แล้ว ทำไมทำหน้าอย่างนี้ ปฐวีย้อนถามทรงรู้หรือว่าตนอยากได้อะไร ท่านชายร่ายอย่างยาว

“หญิงเป็นคนปล่อยรูปให้เพื่อนของหญิงที่มีคอนเนกชั่นกับคอลัมน์เน่าๆนั่นลงข่าว เรื่องไอ้ณะกับนังละมุล เพราะหญิงอยากสร้างความกดดัน ทำให้ไอ้ณะแต่งงานกับคนที่มันไม่ได้รัก ให้นังละมุลแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักมัน ให้มันทั้งสองคนทรมาน...โดยใช้พ่อเป็นเครื่องมือบีบบังคับพวกมันให้ยอม โดยไม่สนว่า พ่อจะถูกไอ้พวกนักข่าวมันขุดคุ้ยให้เสียหายยังไงบ้าง รู้ทั้งรู้ว่ามันไม่เชื่อ แต่ก็ต้องทำหน้าด้านไป ได้แล้วก็ควรจะดีใจกับการตัดสินใจของตัวเอง”

“หญิงไม่ได้เสียใจ!”

“เหรอ...แต่พ่อไม่ไว้ใจ”

“ท่านพ่อทรงหมายความว่ายังไง”

“ไอ้ณะมันอาจจะแต่งงานกับนังละมุลไปแล้วก็จริง แต่หญิงยังไม่ได้แต่ง จะลุกขึ้นมาสร้างเรื่องวุ่นวายอะไรอีกเมื่อไหร่ก็ได้ พ่อจึงอยากตัดปัญหา”

วิเชียรเดินเข้ามาพร้อมกลุ่มนักข่าว ปฐวีตกใจว่าท่านพ่อจะทำอะไร ท่านชายทรงยิ้มหยัน

“พ่อจะให้ช่วยกระจายข่าวว่าจะยกเลิกงานหมั้นของหญิง แต่จะจัดงานแต่งงานแทน” แม้นเทพหันไปเชิญนักข่าว “นั่งเลยๆ ต้องรบกวนตามกลับมาอีกทีนะ วิเชียรสั่งเครื่องดื่มของว่างมารับรองน้องๆเขาด้วย”

วิเชียรรับคำโค้งออกไป ปฐวีคับแค้นใจแทบระเบิดกับสิ่งที่ท่านพ่อกำลังทำ...ทางณรังค์ให้ละมุลรอที่หน้าห้อง ขอคุยกับสวัสดิ์ลำพัง เขาตัดสินใจบอกความจริงเรื่องที่ต้องประกาศแต่งงานกับละมุล เพราะไม่อย่างนั้นละมุลกับแม่จะโดนไล่ออกจากวัง และไม่ได้ทรัพย์สินอะไรเลย ตนให้ทั้งสองรู้เรื่องนี้ไม่ได้ มันทำร้ายจิตใจเกินไป

“คุณบอกว่าสักวันคุณละมุลอาจจะต้องเสียใจเพราะคุณ หมายความว่ายังไง”

“ผมต้องการประวิงเวลาเอาไว้ แต่งานแต่งงานจะไม่มีทางเกิดขึ้น”

“คุณจะถ่วงเวลาเอาไว้จนถึงเมื่อไหร่”

“เมื่อผมมั่นใจว่า ละมุลจะถอดใจจากผมได้อย่างสิ้นเชิง และผมทำให้ท่านชายเปลี่ยนความคิด หันมาเห็นความสำคัญของแม่คองและละมุลได้ วันนั้นผมจะยกเลิกงานแต่งงาน”

สวัสดิ์บอกมันไม่ใช่เรื่องง่าย ณรังค์ยอมรับถึงอยากให้เขาช่วย ช่วยทำให้ละมุลตัดใจได้เร็วขึ้น ตนรู้ว่าชีวิตละมุลผูกพันกับตนมานาน ถ้าเพียงเขาทำให้ละมุลรักได้ คนที่ละมุลควรรักคือเขาไม่ใช่ตน สวัสดิ์หนักใจเพราะความรักฝืนใจกันไม่ได้ ถ้าละมุลจะรักคงรักไปนานแล้ว

“แต่เราก็ควรจะมีความหวังไม่ใช่เหรอครับ”

“ถ้าผมจะทำ ไม่ใช่เพราะอยากให้คุณละมุลหันมารักผม แต่เพราะผมไม่อยากให้เธอต้องตกอยู่ในสภาพเหมือนผม มันทรมานมาก ผมรู้ดี” สวัสดิ์พูดด้วยน้ำเสียงเครียด

ณรังค์ยิ่งชื่นชมในหัวใจของสวัสดิ์...ด้านละมุลนั่งเครียดสับสนอยู่หน้าห้อง สิริกันยาเดินมา ละมุลรีบยิ้มสดใส แสดงตัวว่าเป็นว่าที่เจ้าสาวของณรังค์ และให้เธอเตรียมตัดชุดมาร่วมงาน สิริกันยาฝืนยิ้มยินดีและขอตัวทำงาน ละมุลยังตอกย้ำ

“เชิญเลยค่ะ พอดีพี่ณะก็อยากให้ฉันอยู่ด้วย แต่ไม่อยากกวน เรื่องงานก็ส่วนงาน เวลาส่วนตัวของเราสองคนยังมีอีกเหลือเฟือ”

สิริกันยารับคำแล้วหยิบสมุดบันทึกเดินไปเคาะประตูห้องก่อนจะเปิดเข้าไป ละมุลหุบยิ้มกลายมาเป็นความกังวลไม่มั่นใจอย่างเดิม โทร.ไปเล่าให้ประคองฟังหวังจะได้กำลังใจ ประคองตื่นเต้นดีใจให้ละมุลบอกณรังค์รีบกลับบ้าน อยากคุยกับทั้งสองคน

หลังจากที่แม้นเทพให้ข่าวกับนักข่าวเสร็จเรียบร้อย ปฐวีก็กราดเกรี้ยวใส่ที่มาตัดสินใจเอง แม้นเทพเยาะขืนรอให้เธอตัดสินใจคงพังไปมากกว่านี้

“จะพังหรือจะยับเยินยังไง มันก็ชีวิตของหญิง”

“ชีวิตของเธอเป็นของฉัน!” ปฐวีเสียงเข้มว่าไม่ใช่ แม้นเทพสวน “นังคนเห็นแก่ตัว!”

“พ่อเป็นยังไง ลูกก็เป็นอย่างนั้น!” แม้นเทพตวาดให้หยุด ปฐวีสวนกลับว่าไม่หยุด “นรกจะกินกบาลตั้งแต่ยังไม่ตายเพราะทำตัวต่ำ ไม่รู้จักว่าใครพ่อใครลูก นังลูกอกตัญญู”

“แล้วที่ท่านพ่อทำกับหญิง พ่อทำกับลูกแบบนี้ จะให้เรียกว่าอะไร พ่ออะไร...!” แม้นเทพสุดทนตบหน้าฉาดใหญ่ ปฐวีกรีดร้องด้วยความคับแค้นใจ แต่ไม่กล้าตอบโต้ แม้นเทพขึงขังเอาจริง “แกไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจอะไรเองอีกแล้ว มีหน้าที่ทำตามคำสั่งอย่างเดียว ถ้าไม่...ฉันให้ชีวิตแกได้ ฉันก็ทำลายได้ ไม่เชื่อก็ลองดู”

แม้นเทพเดินออกมาหยุดยืน ได้ยินเสียงปฐวีกรีดร้องเสียใจ ท่านรู้สึกเจ็บปวดอยู่ลึกๆ ปั้นหน้าเป็นปกติเดินไป

เมื่อณรังค์คุยกับสวัสดิ์เสร็จ เดินออกมาพร้อมสิริกันยา ละมุลลุกยืนดีใจ ณรังค์หันมาสั่งงานสิริกันยาว่าเธอจะต้องออกไปพบลูกค้าอีกรายกับเขา เธอทำหน้างงๆ แล้วเขาก็ขอให้สวัสดิ์ช่วยไปส่งละมุลที่วัง ละมุลจะแทรกเรื่องแม่ให้เขากลับไปด้วยก็ไม่ทัน เพราะณรังค์เดินลิ่วออกไป สิริกันยาเก็บของวิ่งตามแทบไม่ทัน

พอเดินมาถึงลานจอดรถ สิริกันยาถามณรังค์ว่าไปคุยงานที่ไหน เขาให้ตามมาเดี๋ยวรู้เอง...ด้านละมุลเดินซึมมากับสวัสดิ์แล้วจู่ๆก็หยุดชะงัก บอกเขาว่าจะกลับแท็กซี่เอง ไม่อยากให้แม่เห็นว่าเขาไปส่ง สวัสดิ์ยื้อขอนั่งไปเป็นเพื่อน ละมุลหงุดหงิดพลั้งปากพูดจารุนแรงใส่เขา หาว่าเขาเห็นตนอ่อนแอกลับบ้านเองไม่ได้ ให้เลิกห่วง ตนมีคนที่เป็นห่วงแล้ว สวัสดิ์ปวดใจประชดกลับ

“อ๋อ คุณณรังค์น่ะเหรอ อืม...เป็นห่วงมาก ห่วงจนทิ้งให้กลับกับคนอื่น”

“ครูสวัสดิ์! อย่าพูดถึงพี่ณะแบบนี้นะ ฉันไม่ชอบ”

“โอเค...ไม่ชอบก็ไม่พูด แค่อยากให้มองอะไรกว้างขึ้น ไม่ใช่คิดเข้าข้างตัวเอง”

“พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง”

“ก็หมายความอย่างที่พูดครับ”

ละมุลโกรธมากถือดีตัดสัมพันธ์ไม่ต้องร่วมทางกันอีก สวัสดิ์เสียใจที่เธอไม่ยอมรับความจริงกลับหลังหันเดินไปอีกทาง ละมุลเดือดต้องการคำอธิบายเดินตามมากระชากกุญแจรถเขาไว้ให้ตอบก่อนว่าหมายความอย่างไรที่ว่าตนคิดเข้าข้างตัวเอง เมื่อต้องการสวัสดิ์ก็สนอง พูดตรงๆ

“เอาแต่ใจตัวเอง และชอบหลอกตัวเอง...เถียงสิ” พอละมุลถามหลอกตัวเองเรื่องอะไร เขาสวนทันทีว่า “เรื่องคุณณรังค์...คุณมันสับสน อยากได้ยินความจริง แต่พอถึงเวลาก็ไม่กล้าฟัง”

“ฉันเปลี่ยนใจจะกลับ” ละมุลทนรับฟังความจริงไม่ได้ แต่สวัสดิ์ไม่หยุด

“คุณน่าจะสะกิดใจบ้างนะ ทำไมคุณณรังค์ถึงยอมแต่งงานกับคุณได้ง่ายขนาดนี้ ทั้งที่ไม่ได้รัก”

“รัก! ถ้าไม่รัก พี่ณะไม่มีทางยอมแต่งแน่นอน อย่ามาอิจฉา อย่ามาบั่นทอน ยังไงฉันก็ไม่มีทางหันมามองครู ครูเป็นได้แค่เพื่อนร่วมงาน เอากุญแจคืนไป” ละมุลสวนแล้วปากุญแจใส่

กุญแจเฉี่ยวหน้าสวัสดิ์เลือดซิบ ละมุลตกใจรู้สึกผิด สวัสดิ์โกรธเสียงเข้ม

“ใช่ ผมเป็นเพื่อนร่วมงานคุณ และ...ไม่ใช่กระโถน!”

ละมุลจะขอโทษแต่สวัสดิ์ขึ้นรถสตาร์ตออกไปแล้วได้แต่พึมพำขอโทษแล้วฮึดเลิกสนใจ

ooooooo

ณรังค์ขับรถมาส่งสิริกันยาที่บ้าน เธองงไหนบอกว่าไปคุยงาน เขาบอกอยากคุยด้วยแบบไม่มีใครกวนไม่รู้จะไปที่ไหน ทันใดศรีนวลกับเจ๊หวานมาเกาะกระจก ทั้งสองสะดุ้งยกมือไหว้

“ฉันว่าคุณเลือกที่คุยผิดแล้วล่ะ...และฉันว่า คุณไม่น่าจะมีอะไรคุยกับฉันนะคะ”

“มีสิ เรื่องผมกับละมุล” สิริกันยาแสดงความยินดี เขาถาม “คุณยินดีด้วยจริงๆเหรอ”

“หรือไม่ควรยินดีคะ ยอมรับออกสื่อด้วย คิดไม่ถึงว่าคุณเป็นคนชอบทำอะไรเซอร์ไพรส์ชาวโลกเหมือนกันนะ” ณรังค์สบตาเศร้าๆ ไม่อาจบอกความจริงได้ สิริกันยายิ่งโกรธ “ฉันจะบอกย่าให้เรื่องที่คุณกำลังจะแต่งงาน หรือคุณจะบอกเอง”

ณรังค์ยิ่งปวดใจที่ไม่อาจทำให้สิริกันยาเข้าใจได้... ศรีนวลกับเจ๊หวานกำลังเม้าท์กันสนุกสนานรอทั้งสองเข้ามาในบ้าน แต่แล้วสิริกันยาเดินซึมๆ ไม่พูดไม่จาเข้ามาโดยไม่มีณรังค์และขอตัวขึ้นห้อง ทั้งสองแปลกใจคิดว่าคงทะเลาะกันแน่ ถามอะไรก็ไม่ตอบ

สิริกันยาเข้าห้องทิ้งตัวลงนอนบนเตียง คิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ที่เธอบอกว่าจะบอกย่าเรื่องเขากำลังจะแต่งงาน เขาดึงตัวเธอไว้ โน้มหน้ามาสบตาใกล้ๆ แล้วเหมือนตั้งสติได้ผละออกกล่าวขอโทษ บอกอย่าโกรธเขา เธอสวนไปว่าจะโกรธเรื่องอะไร เขาบอกเขารู้สึกได้

“ตกลงคุณอยากคุยเรื่องอะไรกันแน่ คุณต้องการอะไร อยากได้ยินฉันพูดว่ายังไง”

“เปล่า ไม่ได้อยากได้ยินว่าอะไร แค่...ไม่รู้สิ ผมแค่รู้สึกว่าคุณโกรธที่ผม...” ณรังค์มองตา

“มองฉันด้วยสายตาแบบนี้ทำไม ทั้งที่ตัวเองเพิ่งประกาศแต่งงานไปหยกๆ”

“ผม...ขอโทษ” ณรังค์รีบเบือนหน้าหนี

“ฉันดูคุณผิดไปจริงๆ ที่ผ่านมาคุณมันก็แค่ผู้ชายเจ้าชู้ที่หลงตัวเอง คิดว่าตัวเองเป็นหลุมดำหรือไง ที่จะดูดผู้หญิงทุกคนให้เข้าไปหา ผู้หญิงที่อยู่ใกล้คุณทุกคนจะต้องชอบคุณงั้นเหรอ โอ๊ย! คราวนี้ฉันโกรธจริง” สิริกันยาเปิดประตูรถออกไปทันที ณรังค์รีบตามลงมา เธอพูดใส่หน้า “ฉันไม่เคยคิดอะไรกับคุณ นอกจากความเป็นเจ้านาย!”

“โอเค ผมแค่คิดว่า นอกจากความเป็นเจ้านายลูกน้อง คุณเป็นเพื่อนที่ผมสามารถคุยด้วยได้เวลาที่ไม่สบายใจเหมือนที่ผ่านมา...แต่ไม่เป็นไร ก็เป็นอันตามนี้ คุณคงไม่ค่อยอยากยุ่งเรื่องของผม อย่างที่เห็นแล้วว่ามันซับซ้อน แต่ผมก็เข้าใจดี ถ้าจะไม่มีใครเข้าใจ”

อ่านละครเรื่อง สายธารหัวใจ ตอนที่ 6 วันที่ 6 พ.ย.60

ละครเรื่อง สายธารหัวใจ บทประพันธ์โดย วาสนา
ละครเรื่อง สายธารหัวใจ บทโทรทัศน์โดย คนเขียนเงา
ละครเรื่อง สายธารหัวใจ กำกับการแสดงโดย ชนะ คราประยูร
ละครเรื่อง สายธารหัวใจ ผลิตโดย บริษัท เมคเกอร์ กรุ๊ป จำกัด
ละครเรื่อง สายธารหัวใจ ควบคุมการผลิตโดย ณัฐพงศ์ เหมือนประสิทธิเวช
ละครเรื่อง สายธารหัวใจ ออกอากาศทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.15 น. ทางช่อง 33 HD
ที่มา ไทยรัฐ