อ่านละครเรื่อง ชั่วโมงต้องมนต์ ตอนที่ 9 วันที่ 18 ก.พ.61

อ่านละครเรื่อง ชั่วโมงต้องมนต์ ตอนที่ 9 วันที่ 18 ก.พ.61

“ในฐานะพนักงานบริษัท ฉันจะช่วยคุณเอง มายบอส...” บุญสิตายกมือทำท่าสู้ๆ

“จ้ะ เธอน่ะ เอาเรื่องตัวเองให้รอดก่อนไหม...แต่ก็ขอบใจนะ”

บุญสิตาคุยกับผีอย่างถูกคอ กระเป๋ารถเมล์กับคนขับและผู้โดยสารต่างขยับห่างและมองอย่างหวาดระแวง

คืนนี้กันต์คุยโทรศัพท์กับคนที่ว่าจ้างให้ถ่ายรูปพวกเด็กในสังกัดของมาร์คที่ขอเพิ่มเงินค่าจ้าง กันต์รับปากแต่ขอรวบรวมเงินสักพักก่อนแล้วจะติดต่อไป



กันต์บ่นกับซาร่าที่นั่งฟังอยู่ด้วยว่าพอมันเห็นว่ารูปพวกนั้นเป็นข่าวใหญ่มันเลยจะขอเพิ่มเงิน

“ก็จ่ายไปเถอะค่ะ เงินแค่นิดหน่อย ถ้ามันทำให้คุณขายบริษัทนี้ได้มันก็คุ้มออก”

“หวังว่าข่าวพวกนี้จะทำให้พ่อไอ้มาร์คถอดใจจากบริษัทนี้ได้สักที ผมจะได้ขายบริษัทให้มันจบๆ”

ซาร่าอ้อนว่าขายบริษัทได้แล้วเราจะได้ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างเปิดเผยเสียที กันต์บอกว่าเธอก็ต้องช่วยเป็นหูเป็นตาในบริษัทให้ตนด้วยเพราะตอนนี้พวกนั้นไม่ไว้ใจตนแต่ยังไว้ใจเธออยู่

ณฤทธิ์ยืนฟังอยู่ เขาผิดหวังและแค้นมากเมื่อรู้ว่าเรื่องป่วนในบริษัททั้งหมดเป็นฝีมือของกันต์ คำราม...

“ฉันจะทำลายแก จะทำให้แกสองคนเลิกกันให้ได้!”

เมื่อกลับบ้านเห็นสมบัตินั่งอ่านข่าวในไอแพดอยู่ก็เข้าไปพูดอย่างซึ้งว่า

“สุดท้ายก็มีแค่พ่อที่ผมไว้ใจได้มากที่สุด เป็นคนเดียวที่รักผมมากที่สุด ผมจะทำยังไงดีครับ ผมถึงจะจัดการพวกที่มันจ้องจะทำลายบริษัทผมออกไปได้สักที...คุณพ่อเป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ คุณพ่อต้องช่วยผมรักษาบริษัทนี้ไว้ให้ได้นะครับ”

พอดีพุฒิเมธเข้ามา เขามานั่งตรงที่ณฤทธิ์นั่งอยู่ ณฤทธิ์จึงลุกออกไป สมบัติถามว่าเจนนี่เป็นอย่างไรบ้าง พุฒิเมธเล่าเรื่องนัทที่เดิมทีคิดว่าเป็นคนร้ายแต่ที่แท้เป็นคนที่คอยช่วยเหลือเจนนี่ตลอดมา ส่วนเรื่องมีดเปื้อนเลือดนั้นคนอื่นเอาไปวางและนัทจะไปเอาออกแต่เกิดเข้าใจผิดกัน

พุฒิเมธขอให้สมบัติช่วยเช็กกล้องวงจรปิดที่หน้าห้องแต่งตัวคาดว่าน่าจะมีภาพคนร้ายติดอยู่

“ได้ แต่อาจต้องใช้เวลาหน่อยนะ เพราะมันผ่านมาหลายวันแล้ว”

“ครับ ผมอยากรู้จริงๆว่าใครเป็นคนเอามีดมาขู่เจนนี่”

ooooooo

สายวันนี้ ศรันย์สั่งเอให้จัดการแก้ข่าวลือทั้งหมด กระทู้ไหน โพสต์ไหน ที่พูดรุนแรงเกินเหตุก็แจ้งลบให้หมด สั่งเอเสร็จเดินออกมาก็เจอซาร่า เธอบอกว่าเมื่อคืนเขาเฝ้าเจนนี่ทั้งคืนเลยซื้อของมาฝาก แล้วแซะต่อว่า

“เจนนี่ป่วย มีข่าวแบบนี้ตารางงานคงป่วนไปหมดเลยสิคะ...งานโฆษณาที่ดิวเจนนี่ให้ซาร่าทำแทนก็ได้นะคะ บริษัทจะได้ไม่เสียเครดิต”

เมื่อศรันย์ปฏิเสธนิ่มๆว่าเรื่องต่างๆตนจะคุยกับลูกค้าเอง ส่วนข่าวลือปล่อยไปสักพักเดี๋ยวมันก็จางหายไป เมื่อถูกปฏิเสธซาร่าแก้เกี้ยวว่าตนหวังดีอยากให้เจนนี่ได้พักผ่อน ศรันย์บอกว่าตอนนี้เจนนี่ทำงานอยู่ที่กองถ่ายเรียบร้อยแล้ว ซาร่าได้แต่เจ็บใจที่ทำอะไรเจนนี่ไม่ได้เลย

ที่กองถ่ายโฆษณา...แม้ว่าเจนนี่จะไปทำงานแต่อยู่ในสภาพที่ย่ำแย่จนทุกคนเป็นห่วง แต่เจนนี่ก็พยายามทำงาน บอกกับทุกคนว่าตอนนี้ลูกค้ายอมจ้างก็ดีขนาดไหนแล้ว

ขณะนั้นเองมีเสียงเคาะประตูห้องแต่งตัว ทีมงานบอกโหน่งที่มาเปิดประตูว่า

“บอสที่กองมาค่ะ บอกว่าอย่าเพิ่งถ่ายทำอยากจะคุยกับคุณเจนนี่และคุณพุฒิเมธเรื่องข่าวก่อน”

ทุกคนในห้องตกใจนึกว่าคงโดนยกเลิกสัญญา เจนนี่ใจเสียถามว่าเขาคงไม่ถอดงานตนใช่ไหม

เมื่อไปคุยกันที่ห้องประชุมจึงรู้ว่าลูกค้าไม่ได้มายกเลิกงานแต่ต้องการจะคุยว่าเราจะแก้สถานการณ์ยังไงดี แล้วเสนอว่า

“เราแกล้งบอกว่าข่าวที่ปล่อยออกมาเป็นการสร้างกระแส โปรโมตสินค้า โปรโมชั่น ‘โซเชียลไม่อั้น เม้าท์สนั่น 24 ชั่วโมง’ ดีไหม”

ณฤทธิ์พูดทันทีว่าไม่ดีหรอกแต่ไม่มีใครได้ยิน พุฒิเมธชมว่าเป็นความคิดที่ดี แต่ตนว่าอย่าดีกว่า ถ้าเกิดข่าวหลุดไปว่าเป็นการแก้ข่าวจะยิ่งเป็นผลเสียต่อบริษัท เจนนี่เห็นด้วยบอกว่าตนไม่อยากหลอกลวงใครอีกแล้ว

“แล้วจะเอายังไงกันดีล่ะ” ลูกค้าถาม

วิญญาณณฤทธิ์คิดออก บอกบุญสิตาให้หลีกไปเดี๋ยวตนจะจัดการเองแล้วกระโจนเข้าสิงร่างบุญสิตาทันที พริบตาเดียวบุญสิตาก็เปลี่ยนบุคลิกเป็นณฤทธิ์ กวาดตามองรอบๆพูดอย่างมั่นใจว่า

“ฉันมีไอเดียค่ะ เราปรับเนื้อหาโฆษณาที่กำลังจะถ่ายให้เข้ากับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นดีไหมคะ เป็นข้อคิดให้คนดู สวยๆ เก๋ๆ ไรงี้”

ลูกค้าบอกให้ลองว่ามา บุญสิตาบอกว่า “เม้าท์แต่พอดี ยังมีคนที่อยู่ข้างคุณ...ให้อารมณ์เจนนี่สำนึก และได้บทเรียนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว” พุฒิเมธเห็นด้วยว่าน่าจะสร้างกระแสได้ บุญสิตาบอกลูกค้าว่าถ้าเขาสนใจตนจะคุยกับผู้กำกับเรื่องไอเดียนี้ให้เอง

“ตกลง” ลูกค้าตอบท่ามกลางความโล่งใจของทุกคน

ooooooo

เมื่อผู้กำกับสั่งถ่ายทำ เจนนี่พูดตามบทพยายามทำสีหน้าสดใสแต่กลับยิ่งกังวลเพราะเครียด จนผู้กำกับสั่งคัตหลายเทกมาก เจนนี่ยิ่งรู้สึกกดดันแม้จะขอโทษแต่ถูกผู้กำกับเหวี่ยงใส่ว่า

“แค่พูดสั้นๆ แค่พูดแบบตั้งใจแต่ให้ดูเหมือนไม่ตั้งใจ ด้วยสีหน้าสดใส ทำไมทำไม่ได้ มันยากนักรึไง”

บุญสิตาเอาน้ำมาให้ดื่มขอให้ใจเย็นๆ ผู้กำกับบอกให้ไปพักทำสมาธิใหม่ก่อนค่อยมาถ่ายใหม่ บ่นใส่เป็นชุดว่า

“บทก็มาเปลี่ยนกะทันหัน นักแสดงก็เล่นไม่ได้ เดินก็ไม่ธรรมชาติ หน้าอมทุกข์ขนาดนี้ใครจะอยากมาซื้อของ...ดูสิ แสงก็จะหมด อากาศยังไม่เป็นใจ”

วิญญาณณฤทธิ์หมดความอดทนด่าผู้กำกับคืนเป็นชุดถามว่าที่ว่ามานี้ผู้กำกับทำเองได้ทุกอย่างหรือ ด่าแล้วรู้สึกตัวรีบหยุด แต่ทั้งกองเงียบกริบมองเธออึ้ง

บุญสิตาตามเจอเจนนี่นั่งซึมอยู่ที่ห้องแต่งตัว ถือโอกาสอบรมว่านั่งเศร้าทำไม เธอทำตัวเองแท้ๆ ถ้าเธอไม่โพสต์รูป ไม่วุ่นวายกับโลกโซเชียลเกินไป ทุกอย่างก็ไม่เป็นอย่างนี้ แล้วพาเธอไปยังที่แห่งหนึ่ง...

ที่นั่นมีแฟนคลับยืนเรียงแถวถือป้ายให้กำลังใจให้สู้ๆ และจะอยู่เคียงข้างพี่เจนนี่เสมอ ที่สำคัญยังมีพ่อกับแม่ที่มาให้กำลังใจอีกด้วย ขณะเดียวกันณฤทธิ์ในร่างบุญสิตารวมทั้งพ่อและแม่ก็ให้กำลังใจว่า

“เธอไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลกนะ เห็นไหมมีตั้งหลายคนที่รอดูรอชมผลงานเธออยู่นะ”

พ่อกับแม่ก็บอกว่าเธอไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวบนโลกยังมีพ่อกับแม่ที่อยู่ข้างลูกเสมอ มีปัญหาอะไรอย่าเก็บไว้คนเดียวอีก และ “พ่อกับแม่รักลูกนะ” เจนนี่ซาบซึ้งจนน้ำตาไหล ณฤทธิ์ในร่างบุญสิตารีบตอกย้ำว่า

“เรารู้ว่าเธอรู้สึกยังไง เสียใจแค่ไหน แต่ถ้ายังเสียใจแบบนี้ไปเรื่อยๆมันจะกลายเป็นเสียเวลา เธอต้องเดินไปข้างหน้าให้ได้ เข้าใจไหม”

เจนนี่น้ำตาไหล มองไปที่กลุ่มแฟนคลับซึ่งมีนัทอยู่ด้วย นัทตะโกนว่า “พวกเรารักพี่นะครับ”

“ทำไมถึงรักฉัน ทำเพื่อฉันขนาดนี้”

ได้รับกำลังใจจากแฟนคลับและพ่อแม่แล้ว เมื่อถ่ายโฆษณาอีกครั้ง เจนนี่ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา นึกถึงบรรดาแฟนคลับและพ่อแม่แล้วเธอพูดความรู้สึกจากใจว่า

“ในช่วงเวลาที่แย่ ก็ยังมีคนที่รักอยู่เคียงข้างคุณเสมอ ไม่ว่าจะอยู่ไกลแค่ไหน กำลังใจก็ไปถึง”

“ส่งความรู้สึกดีๆ คุยแต่เรื่องดีๆ กับคนที่คุณรัก Dtalk” พุฒิเมธพูดต่ออย่างสนิทเนียน

ในที่สุดการถ่ายทำก็ผ่านไปด้วยดีท่ามกลางความโล่งอกของทุกคน

ooooooo

เมื่อแก้ปัญหาเจนนี่ได้ระดับหนึ่งแล้ว เป้าหมายต่อไปคือสืบหาคนที่แอบถ่ายภาพดารานักแสดงในสังกัดไปเผยแพร่สร้างความเสื่อมเสียแก่บริษัทมากมาย

ที่ร้านอาหารกึ่งผับมีดนตรีสด ที่ตบแต่งร้านด้วยภาพวิวสวยๆ ช่างภาพคนหนึ่งเดินเข้ามาที่โต๊ะประจำของตน เจ้าของร้านเดินเข้าไปคุย บอกว่ามีแต่คนชมว่าภาพที่ร้านสวยอยากจ้างให้เขาไปถ่ายรูปให้ด้วย

“ถ่ายรูปพวกนี้เงินไม่พอกินหรอก แอบถ่ายรูปดารา เซเลบ ไฮโซไปขายได้เงินดีกว่าเยอะ” พอเจ้าของร้านเดินไป เขาหยิบโทรศัพท์มาโทร.พูดกับปลายสายว่า “ผมรออยู่ที่เดิม คุณมาถึงหรือยัง...เตรียมเงินสดเท่านั้นนะ ถึงแล้วก็โทร.มา”

ที่แท้ปลายสายคือกันต์นั่นเอง!

ที่หน้าร้านพวกพุฒิเมธ ณฤทธิ์ บุญสิตา ศรันย์และจัสตินมาจอดรถพอดี ศรันย์บอกว่าตนโทร.เช็กแล้วช่างภาพคนนั้นมาที่ร้านนี้ทุกวัน พอถามว่ารู้ได้ไงก็ไม่ยอมบอก ณฤทธิ์จึงเข้าไปดูลาดเลาถ้าเจอแล้วจะมาบอก

พอเข้าไปศรันย์เห็นซันที่เล่นดนตรีอยู่ก็สะดุดตาในความหล่อใสสะกิดให้จัสตินดู จัสตินบอกว่านั่นคือซันน้องชายบุญสิตา พอบุญสิตาเห็นซันก็ของขึ้นที่มาเล่นดนตรีในสถานที่อย่างนี้ เข้าไปถาม ซันบอกว่าตนมาหาเงินค่าเทอม

บุญสิตาถามว่าทั้งค่าเทอม ค่าเรียนพิเศษ ค่าขนมตนให้ไปหมดแล้ว ซันจึงยอมรับว่าแม่เป็นหนี้พนันที่บ่อนหลายแสนมานานแล้ว มันส่งนักเลงมาข่มขู่เรา ครั้งนี้ถ้าเราไม่คืนเงินให้มัน มันจะเอาครอบครัวเราถึงตายแน่ บุญสิตาถามว่าทำไมไม่เคยบอกกันเลย

“ใครจะกล้าบอกพี่ ช่วงนี้พี่แปลกๆ อารมณ์ขึ้นๆลงๆ เกิดพี่เครียดอาละวาดขึ้นมาจะทำไง เวลาพี่โมโหน่ากลัวกว่าเจ้าหนี้อีก”

ศรันย์ จัสตินและพุฒิเมธยืนดูอยู่สงสัยกันว่าบุญสิตามีปัญหาอะไรกับน้องหน้าเครียดเชียว

“คงมีปัญหาที่บ้านแหละ” จัสตินเดา พุฒิเมธมองสองพี่น้องด้วยความเป็นห่วง

ขณะนั้นกันต์มาหาช่างภาพจ่ายเงินแล้วบอกว่านี่เป็นงวดสุดท้ายและให้ปิดปากให้เงียบสนิทด้วย ช่างภาพบอกว่าอยากได้รูปใครอีกให้บอก ตนมีสต๊อกไว้หลายคน

ณฤทธิ์ได้ยินและเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เขาจะถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐาน แต่ไม่มีโทรศัพท์ คิดถึงบุญสิตาขึ้นมา หายตัวไปตามหาทันที

ณฤทธิ์ไปเจอบุญสิตากำลังคุยกับซันอยู่บอกว่าเจอกันต์กับช่างภาพคนนั้นแล้ว บุญสิตาจึงผละจากซันรีบไปบอกพุฒิเมธว่าช่างภาพอยู่ที่ลานจอดรถ เขาถามว่ารู้ได้ไง เธอบอกว่ารีบไปก่อนเถอะเดี๋ยวไม่ทัน

ทุกคนไปถึงลานจอดรถเห็นท้ายรถกันต์ขับออกไปพอดี แต่ศรันย์จำรถกันต์ได้ ณฤทธิ์เห็นช่างภาพก็ชี้ให้ดู พอดีช่างภาพหันมาเห็นพุฒิเมธกับจัสตินก็ตกใจ ทั้งสองเดินไปหาทันที ช่างภาพทำงง พอทั้งสองพูดอย่างรู้ทันก็บอกว่าตนไม่ได้ทำ

“เราไม่เอาเรื่องคุณหรอก พวกเราแค่อยากได้พยานหลักฐานไปจัดการคนที่ไม่หวังดีกับบริษัทเรา”

เมื่อช่างภาพปากแข็ง ทั้งหมดจึงกลับไปนั่งข้างใน ศรันย์บอกว่าตนมั่นใจว่าต้องเป็นฝีมือกันต์ พุฒิเมธบอกว่าเราค่อยหาทางเกลี้ยกล่อมให้ช่างภาพสารภาพก็แล้วกัน

พอดีซันมาเสิร์ฟอาหาร ซันบอกว่าพี่เกรย์ ซึ่งก็คือช่างภาพคนนั้นมาที่นี่เป็นประจำ เขายังเคยสอนตนถ่ายรูปเลย ซันบอกว่าตนเล่นดนตรีช่วยเจ้าของร้านเสิร์ฟอาหารที่นี่ด้วย เดี๋ยวจะช่วยดูให้ ถ้าผู้ชายคนนั้นมาตนจะโทร.บอก พุฒิเมธยังติดใจสงสัย ถามบุญสิตาว่าก่อนหน้านี้เธอรู้ได้ไงว่าช่างภาพอยู่ที่ไหน

“ฉันก็เดาๆเอาน่ะ” เธอตอบอึกอักแล้วรีบเปลี่ยนเรื่องว่า รูปเรารู้แล้วว่าเป็นฝีมือใคร ก็เหลือแค่เรื่องมีด

“นั่นสิ ใครเป็นคนเอามาวางไว้ให้เจนนี่” จัสติน

มองหน้าทุกคนต่างสงสัย เพราะที่แล้วมาโทษว่าเป็นนัทแต่พิสูจน์แล้วว่านัทไม่ใช่ ซ้ำยังร่วมกับแฟนคลับของเจนนี่ช่วยสืบจนรู้ว่าภาพหลุดที่แพร่กระจายออกไปนั้นเป็นฝีมือของเกรย์ช่างภาพมืออาชีพที่ถูกไล่ออกเลยมารับจ้างถ่ายรูปพวกนั้นซึ่งมีรายได้งาม

ไม่นานสมบัติก็ได้คลิปภาพคนร้ายที่เอามีดเปื้อนเลือดไปวางจากกล้องวงจรปิดที่ห้องแต่งตัวว่าเป็นซาร่า แต่เพราะเป็นคนในสังกัดแฉไปบริษัทก็ฉาวเอง ดังนั้นพุฒิเมธจึงเสนอให้ปล่อยไปก่อน ตนจะเป็นคนจับตาดูซาร่าเอง รอถึงเวลาโอกาสเหมาะๆเราค่อยจัดการดีกว่า ซึ่งทุกคนเห็นด้วย

เมื่อบุญสิตากลับถึงบ้านคืนนี้และเคลียร์กับซันต่อ จึงรู้ว่าซันเอาค่าเทอมไปจ่ายหนี้ให้แม่ บอกว่าตนตั้งใจจะลาออกและมาช่วยพี่ทำงาน บุญสิตาห้ามเด็ดขาดสั่งให้ซันเรียนต่อ อย่าให้ตนรู้สึกผิดต่อพ่อว่าตนดูแลน้องไม่ดีเลย ซันขอเวลาอีกสักพักเพราะออกตอนนี้ทางร้านคงหาคนมาแทนตนไม่ทัน

ณฤทธิ์มองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ รู้สึกสงสารบุญสิตามาก แต่เขาก็ต้องช่วยแก้ปัญหาเจนนี่ จึงขอยืมร่างเธอเพื่อเคลียร์เรื่องให้เจนนี่

เช้าวันต่อมาจึงมีนักข่าวมาที่บริษัทมากมาย โหน่งบอกศรันย์ว่ายัยซินเป็นคนโทร.ตามนักข่าวมา บอกว่าเจนนี่จะแถลงเรื่องข่าวลือทั้งหมด พุฒิเมธถามว่าซินอยู่ไหน โหน่งบอกว่าดูแลนักข่าวอยู่ที่ห้องรับรอง

พุฒิเมธไปที่ห้องรับรองเห็นบุญสิตากำลังแจกคูปองอาหารให้นักข่าวบอกว่า

“เป็นคูปองอาหาร ของขวัญเล็กๆน้อยๆที่พี่นักข่าวเสียเวลามาค่ะ เดี๋ยวเจนนี่ก็คงมา กินน้ำชารองท้องก่อนนะคะ นี่เป็นชากับมาการองชื่อดังจากฝรั่งเศสเลยนะคะ”

พุฒิเมธเข้าไปลากบุญสิตาออกมาถามว่าทำอะไรทำไมไม่บอกตนก่อน ณฤทธิ์ในร่างบุญสิตาย้อนถามว่าถ้าบอกก่อนแล้วทุกคนจะยอมหรือ พยายามอธิบายว่า

“ฉันทำเพื่อเจนนี่เอง เจนนี่จะได้ปลดปล่อยจากความรู้สึกแย่ๆพวกนี้และฉันก็โทร.ตามเจนนี่มาแล้วด้วย” พอดีเจนนี่มาถึงถามว่าทำไมนักข่าวมาเต็มไปหมด

บุญสิตาบอกว่าตนเรียกมาเอง บอกเจนนี่ว่า “เธอต้องออกไปพูดความจริง สิ่งไหนที่เธอทำผิด หลอกลวงคนอื่นก็ขอโทษไปซะ ส่วนเรื่องไหนที่เธอไม่ได้ทำก็พูดไปตามความจริง”

เจนนี่ถามว่าพูดไปใครจะเชื่อ บุญสิตาบอกว่าอย่างน้อยเธอก็ได้แสดงความจริงใจแล้วก็ไม่ต้องอึดอัดแบบที่เป็นอยู่ พุฒิเมธเห็นด้วย ศรันย์ติงว่าพูดไปก็เท่ากับเจนนี่ยอมรับว่าตัวเองโกหก จัสตินบอกว่าให้เจนนี่ตัดสินใจเองเถอะ บุญสิตาดูนาฬิกาแล้วเร่งให้เร็วๆเพราะตนมีเวลาไม่มาก เจนนี่นิ่งไป ในที่สุดตัดสินใจว่า

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันจะพูด ฉันก็ไม่อยากโกหกทุกคนแล้วเหมือนกัน”

กันต์กับซาร่าอยู่ที่คอนโด ซาร่าดูข้อความในโทรศัพท์แล้วบอกกันต์ว่าเจนนี่กำลังจะไลฟ์แถลงข่าว กันต์รีบเข้ามาดูบอกว่าอยากรู้เหมือนกันว่าจะพูดอะไร

ooooooo

เจนนี่ที่ตัดสินใจแล้วว่าจะเปลี่ยนแปลงตัวเองไม่สร้างภาพหลอกลวงสังคมอีก สารภาพต่อหน้านักข่าวว่าเรื่องทั้งหมดเป็นอย่างที่ทุกคนว่า ตนสร้างภาพเพื่อให้ตัวเองดูดี ขอโทษที่โกหกทุกคน

แต่พอเจนนี่พูดจบ ก็ถูกนักข่าวซักเรื่องท้องเรื่องอ้วกกลางงาน เจนนี่ชี้แจงแต่ยิ่งชี้แจงก็ยิ่งถูกจับผิด

ทันใดนั้นเสียงข้อความเข้าจากโทรศัพท์มือถือของนักข่าวทุกคนก็ดังขึ้นพร้อมกัน พอทุกคนเปิดดู เห็นภาพหน้าจอที่นักข่าวทุกคนกำลังรับซองเงินจากบุญสิตา พร้อมพาดหัวข่าวว่า

“บริษัท ม. แจกเงินไม่อั้น ยัดเงินให้นักข่าวทั้งวงการเพื่อปิดข่าวนางแบบ จ.ท้อง”

นักข่าวโวยวายพร้อมกันว่านี่มันอะไร กันต์กับซาร่าดูอยู่ที่คอนโดก็แปลกใจว่าบุญสิตาจะทำอะไรอีก

นักข่าวโวยว่าพวกตนไม่ได้รับเงินสักหน่อย บุญสิตาเดินไปที่หน้าห้องพูดอย่างผ่าเผย มั่นใจว่า

“ใช่ค่ะ พวกคุณแค่รับคูปองจากฉัน ไม่ได้รับเงิน”

“แล้วคุณเขียนข่าวแบบนี้ทำไม มันไม่ใช่ความจริง” นักข่าวคนหนึ่งเสียงดังไม่พอใจ บุญสิตายิ้มพูดต่อ

“เรื่องพวกคุณ มันก็เหมือนข่าวของเจนนี่ไงคะ เจนนี่แค่ไปโรงพยาบาล คุณก็หาว่าเขาท้องแล้ว บางทีสิ่งที่เห็นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่คิดก็ได้”

วิญญาณณฤทธิ์ในร่างบุญสิตาพูดให้บทเรียนแก่ทุกคนว่า

“เราตัดสินคนอื่นจากภายนอก จากภาพที่เห็น จากสิ่งที่คนอื่นบอก ทั้งๆที่ไม่ได้รู้ความจริงอะไรเลย อย่างที่พวกคุณกินมาการองจากฝรั่งเศส ฉันซื้อมาจากตลาดนัดแถวนี้เอง แต่พอบอกว่าเป็นของดีทุกคนก็ว่าอร่อย”

ณฤทธิ์ถามว่าก่อนที่เราตัดสินพวกเขา เรารู้เรื่องพวกเขาดีไหม แล้วก็แทรกภาพนัทที่ดูเหมือนคนโรคจิตแต่เขากลับเป็นคนช่วยเอามีดเปื้อนเลือดวันนั้นไปทิ้ง แล้วสรุปในตอนท้ายว่า

“บางทีเราโพสต์ แชร์ วิจารณ์ แสดงความคิดเห็นที่มั่นใจว่าถูกด้วยอารมณ์คึกคะนอง สนุกสนาน อยากรู้อยากเห็น แต่แค่เสี้ยววินาทีที่คุณกดคลิก กดแชร์ กดไลค์ มันอาจจะไปทำลายชีวิตใครก็ได้”

เจนนี่ขอโทษอีกครั้งและสัญญาว่าต่อไปนี้จะเป็นตัวของตัวเองไม่หลอกลวงทุกคนอีกต่อไป ขอโอกาสตนด้วย บุญสิตาก็ขอโทษที่ทำกับพวกนักข่าวแบบนี้ แต่ตนอยากให้เข้าใจเจนนี่และเขียนข่าวที่ถูกต้องให้เจนนี่ด้วย เธอมองนักข่าวทุกคนด้วยความหวังว่าจะเข้าใจและให้โอกาสเจนนี่

พุฒิเมธและทุกคนในบริษัทที่ร่วมในห้องรับรองต่างยิ้มและเห็นด้วยกับการกระทำของบุญสิตา ซึ่งความจริงก็คือฝีมือของณฤทธิ์ในร่างบุญสิตานั่นเอง

ooooooo

เย็นนี้...ณฤทธิ์กับบุญสิตาไปนั่งที่มุมสวยในสวนสาธารณะที่มีหอนาฬิกาสถานที่ประจำตามเคย บุญสิตาหวังว่าข่าวเจนนี่จะจบได้แล้ว

อ่านละครเรื่อง ชั่วโมงต้องมนต์ ตอนที่ 9 วันที่ 18 ก.พ.61

ละครเรื่อง ชั่วโมงต้องมนต์ บทประพันธ์โดย : ติณณา
ละครเรื่อง ชั่วโมงต้องมนต์ บทโทรทัศน์โดย : ตฤณณา
ละครเรื่อง ชั่วโมงต้องมนต์ กำกับการแสดงโดย : กิตติศักดิ์ ชีวาสัจจาสกุล
ละครเรื่อง ชั่วโมงต้องมนต์ ผลิตโดย : บริษัท ทีวีซีน จำกัด
ที่มา ไทยรัฐ