อ่านละคร บุพเพสันนิวาส ตอนที่ 3 วันที่ 18 ก.พ.61

อ่านละคร บุพเพสันนิวาส ตอนที่ 3 วันที่ 18 ก.พ.61

เกศสุรางค์เห็นทุกคนลงเรือออกไปหมดแล้ว ก็ชวนผินกับแย้มพายเรือออกไปเที่ยวเล่นบ้าง แม้ทั้งสองจะห้ามปรามแต่ก็ไม่อาจขัดใจได้...เกศสุรางค์ซักถามสิ่งที่พบเห็นตลอดทาง เห็นยอดปรางค์วัดไชยก็นึกถึงที่เรียนมา ว่าวัดไชยสร้างแบบเขมรไม่มีโบสถ์แต่มีปรางค์เป็นประธาน

วัดไชยวัฒนารามเป็นพระอารามหลวง สมเด็จพระเจ้าปราสาททองโปรดให้สร้างขึ้น สันนิษฐานว่าสร้างเป็นอนุสรณ์ของชัยชนะเมืองละแวกหรือพนมเปญในปัจจุบัน...เกศสุรางค์สนใจเรื่องประวัติศาสตร์มาก จำได้แม้แต่ปี พ.ศ. เธอให้จอดเรือแล้วขึ้นไปเดินชมความงามของวัดไชย คิดถึงเรืองฤทธิ์ ที่ไม่มีโอกาสมาเห็นของจริงอย่างตน



ขณะเดียวกัน พระเรืองเดินชมซากปรักหักพังของวัดไชยอยู่เช่นกัน ด้วยคิดถึงเพื่อนรัก

งานบุญที่บ้านออกญาโกษาธิบดี มีแขกเหรื่อเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่หลายคน พิธีบุญเสร็จสิ้น ออกญา โกษาธิบดีกับคุณหญิงนิ่ม พ่อแม่ของจันทร์วาด นั่งคุยกับออกญาโหราธิบดี คุณหญิงจำปาและหมื่นสุนทรเทวา ถึงเรื่องมนต์กฤษณะกาลีว่าได้ผลอย่างไร

ออกญาโหราธิบดีบอกว่าคนผิดไม่ใช่คนในเรือน ออกญาโกษาธิบดีจึงขอโทษบอกข่าวลือมันมากความ แต่ขอพูดตรงๆว่าข่าวลือถ้าไม่มีมูลก็ไม่ลือกัน นิ่มสำทับได้ยินว่าถึงกับวิปลาสเพราะมนต์กฤษณะกาลี...แม้แต่หมื่นเรืองยังพูดกับหมื่นสุนทรเทวาว่า คนเชื่อกันทั้งบางแล้วว่าคู่หมายของเขาเป็นคนผิด หมื่นสุนทรเทวากลับเถียงแทนว่า แต่การะเกดไม่ตายเพราะมนต์นั้น

หมื่นเรืองเย้า “ชังนางเหลือเกินนะออเจ้า...เห็นทีจะเห็นว่านางขี้ริ้วจนเหลือกำลัง สายตาของออเจ้ามิเหมือนชายใด”

หมื่นสุนทรเทวาทำหน้าไม่ถูก...ด้านเกศสุรางค์ยังสนุกเพลิดเพลินกับการเห็นผู้คนบนเรือพายที่ดูหรู ยืดคอชะเง้อมอง ผินกับแย้มรีบดึงให้ก้มหน้าห้ามมอง เรือแบบนั้นสำหรับเจ้านาย เธอจึงนึกได้ว่าเจ้านายสมัยก่อนห้ามผู้คนมอง พอเรือผ่านไปก็อดบ่นออกมาไม่ได้ว่า

“เฮ้อ...ไม่เข้าใจเลยนะพี่ สวยๆซะขนาดเนี้ย ทำมั้ยทำไมไม่ยอมให้คนเห็น มีแต่เขาจะพยายามออกสื่อให้คนเห็นเยอะๆ...เป็นอะไรพี่ อ๋อ ฟังไม่รู้เรื่อง ไม่แปลกหรอก ข้าเองยังฟังไม่ค่อยจะรู้เรื่องเลย โอเคนะพี่” เกศสุรางค์เห็นสีหน้าผินกับแย้มก็ทำนิ้วโอเค ทั้งสองยิ่งงงงวย

เสร็จงานบุญ หมื่นสุนทรเทวาแยกไปสำมะเลกินสุรากับหมื่นเรือง โดยมีจ้อยพายเรือพาไป พอเมาได้ที่จะกลับ ก็พอดีมะลิเดินมาหาฟานิก พลันสะดุดพื้นถลาไปชนกับหมื่นสุนทรเทวาเข้าพอดี ท่านหมื่นกอดนางไว้ไม่ให้ล้ม มะลิเงยหน้ามาเห็นท่านหมื่นก็หลงใหลกล่าวขอบใจ หมื่นสุนทรเทวาปัดให้ขอบใจหมื่นเรืองราชภักดี บุตรพระยาวิสูตรสาครที่ชวนตนมาเที่ยวแถวนี้ แล้วพากันเดินไป ฟานิกเห็นสายตาลูกสาวที่มองหมื่นสุนทรเทวาก็ตำหนิว่า ถ้ายายเห็นไม่แคล้วโดนดุเป็นแน่ มะลิรีบก้มหน้าเดินเลี่ยงไป

ทางด้านเกศสุรางค์...ผินกับแย้มเร่งให้เธอออกไปที่ท่าน้ำ ทั้งสองเตรียมขนมหวาน ถ้วยชา และชามดินเผาใส่น้ำพร้อมผ้าเช็ดหน้ามาด้วย บอกไว้ให้หมื่นสุนทรเทวาเวลามาถึง เอาน้ำชากับขนมให้ท่านกิน และผ้าชุบน้ำให้ท่านเช็ดหน้าเพื่อความสดชื่น หญิงสาวถามต้องทำขนาดนี้เชียวหรือ สองบ่าวบอกว่าแม่หญิงทำแบบนี้ทุกวัน...จำปากับปริกชะเง้อมองอย่างหมั่นไส้

เกศสุรางค์รอจนผล็อยหลับพิงเสา พอดีผินกับแย้มลุกออกไป หมื่นสุนทรเทวากลับมาถึง ยื่นหน้าไปพินิจใบหน้าเธอ เห็นริมฝีปากอวบอิ่ม แก้มแดงระเรื่อก็รู้สึกหวิวในใจ ทันใดหญิงสาวลืมตาโพลงขึ้น ท่านหมื่นผงะถอยออกทำหน้าเก้อๆ

“โห...กว่าจะมา ผ้าเช็ดหน้าค่ะ จะได้หายเหนื่อย” เกศสุรางค์รีบส่งผ้าชุบน้ำให้

“ข้าล้างหน้าแล้ว ไม่เหนื่อยแต่อย่างใด” เกศสุรางค์จึงเปลี่ยนเอาขนมให้ “ข้ากินทั้งเหล้าทั้งกับแกล้มมาแล้ว... ไม่หิว” หมื่นสุนทรเทวาตัดรอนทุกอย่างแล้วเดินไปทันที

“โห...ผู้ชายอะไรขี้เก๊กชิบเป๋ง...หล่อเลือกได้นะยะ” เกศสุรางค์ส่งเสียงดังไล่หลัง

ท่านหมื่นชะงักหันมาถามว่าพูดอะไร เธอตีหน้าตายว่าลืมไปแล้ว แอบขัดนิ้วไว้ด้านหลังเพราะมุสา ไม่ว่าท่านหมื่นจะคาดคั้นถามอย่างไร ก็สบตาด้วยนัยน์ตาใสซื่อ พอเขาก้าวย่างมาใกล้เธอก็ถอยร่นจนล้มก้นจ้ำเบ้า เขาจึงเดินจากไปไม่คิดจะดูแล...ผินกับแย้มเดินกลับมาเห็นแม่นายล้มอยู่ก็ถลาเข้ามาอย่างห่วงใย เกศสุรางค์จึงสั่งให้รินชาและเอาขนมมา ตนจะกินเองให้หมด

ooooooo

จำปาชวนหมื่นสุนทรเทวาไปทำบุญที่วัดเดิมในวันพรุ่งเพราะเป็นวันพระ เกศสุรางค์ได้ยิน ถลาเข้ามาขอไปด้วย จำปาเอ็ดไม่รู้จักกาลเทศะ ท่านหมื่นก็มองตาขุ่น เพราะตามมารยาทต้องรอให้เขาสนทนาจบก่อน เธอถึงจะเข้ามาคุยได้ เกศสุรางค์จึงเร่งให้เขารีบไป จะได้คุยบ้าง

พอกลับเข้าห้อง เกศสุรางค์หัวเราะเสียงดังสมใจที่ทำให้จำปาอนุญาตให้ไปวัดด้วยได้ ผินกับแย้มตกใจรีบปรามให้เบาเสียง แล้วบอกควรเข้านอนแต่หัวค่ำเพราะต้องตื่นเช้า...เธอจึงไปแปรงฟัน ด้วยความที่สบายใจฮัมเพลงและส่ายสะโพกตามจังหวะ พลันรู้สึกว่ามีคนมองจึงชะงักหันดูก็ได้เห็นสายตาหมื่นสุนทรเทวามองหน้าตึง จึงแกล้งเดินผ่านเพราะไม่ได้ทำอะไรผิด

เช้ามืด ผินกับแย้มปลุกเกศสุรางค์ให้รีบไปอาบน้ำ เธอเดินงัวเงียขอซักแห้ง สองบ่าวทำหน้างง แย้มบอกให้รีบอาบน้ำเดี๋ยวท่านหมื่นจะลงมาอาบ เธอคิดแกล้งจะอาบให้นานเป็นชั่วโมง ทันใดเสียงท่านหมื่นดังมาว่า ถ้าอาบช้าตนจะไม่คอย เท่านั้นเกศสุรางค์รีบอาบน้ำ หนาวปากสั่น ขึ้นมาก็รีบให้ผินกับแย้มแต่งตัวให้ สองบ่าวประโคมเครื่องทองจนเธอต้องขอให้พอ ถ้ามากกว่านี้จะเป็นนางรำแล้ว ผินรีบทำผมจับปีกให้สวยงาม เกศสุรางค์เบื่อรื้อออกรวบผมถักเปีย พอออกมาจากห้อง ทั้งนายและบ่าวเห็นต่างตะลึงกับทรงผมที่ไม่เคยเห็น จำปาเอ็ดเสียงลั่น จิ้มหัว

“แม่การะเกด นั่นออเจ้าวิปลาสไปแล้วหรือนั่นน่ะ ...พ่อเดช บอกแม่การะเกดให้หวีผมเสียใหม่ บอกนางด้วยว่า นางไม่ใช่ลูกสาวพระยาหัวเมืองที่ไม่มีใครรู้จักเหมือนเมื่อก่อน แต่บัดนี้นางมีศักดิ์เป็นหลานสาวออกญาโหราธิบดี พระราชครูของขุนหลวง” เห็นการะเกดยืนดื้อดึง ก็หันไปเอ็ดผินกับแย้มที่ไม่รู้จักห้ามปรามนายตัวเอง

สองบ่าวก้มหมอบติดพื้น เกศสุรางค์ไม่เห็นด้วย ในเมื่อหัวของตน ผมของตน จะทำแบบไหนก็เป็นสิทธิ์ของตน จำปาโกรธมากถ้าออกญาไม่จัดการก็จะไม่ไปด้วย ออกญากลับเห็นว่าทรงนี้สวยแปลกตาดี หมื่นสุนทรเทวาอ่อนใจพยายามพูดอย่างอ่อนโยน ชี้แจงว่า

“ออเจ้าไม่ได้ทำผิดอันใดทั้งสิ้น...ออเจ้าจะต้องสู้สายตาคนทั้งวัด ซึ่งไม่เป็นการดีกับออเจ้าเลย ข้าไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น...”

เกศสุรางค์สบตาท่านหมื่นนิ่งอึ้ง สัมผัสถึงความไม่ปกติในหัวใจ ยอมไปเปลี่ยนทรงผมตามความต้องการของจำปา...

เมื่อเรือแล่นไปตามน้ำ เกศสุรางค์เห็นว่าไปคนละทางกับวันก่อนก็ซักถามหมื่นสุนทรเทวายกใหญ่ ท่านหมื่นกระซิบตอบเบาๆ...ด้วยท่าทางตื่นเต้นชี้ถามตลอดเวลา ทำให้จำปามองนัยน์ตาดุ แต่ท่านหมื่นก็ยังตอบคำถามเธอทุกคำ เกศสุรางค์พยายามซึมซับภาพจริงทุกอย่างเอาไว้ พอเห็นป้อมท้ายสนมก็ร้องอ๋อ จนท่านหมื่นต้องถามว่ารู้จักหรือ เธอส่ายหน้าบอก

“ไม่รู้จักหรอกค่ะ อยู่ใกล้ประตูฉนวนหรือเปล่าคะ ที่ว่าพวกพระสนมต้องมาลงเรือตรงนี้” ท่านหมื่นชี้ว่าประตูฉนวนอยู่ข้างหน้า “ประตูฉนวนจริงด้วย กั้นผ้าไม่ให้คนเห็น...นั่นปราสาทอะไรนะคะ ที่อยู่ติดกำแพงเมืองที่สุด” เกศสุรางค์มองสูงขึ้นไป

“พระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์”

“ใช่ๆ ถัดไปเป็น...พระที่นั่งสรรเพชญ์ปราสาท ใช่ไหมคะ”

“มองดีๆจะเห็นยอดปราสาท...ตรงนี้” ท่านหมื่นชี้มือ เกศสุรางค์เอนตัวมองตามด้วยความตื่นเต้น

หมื่นสุนทรเทวารู้สึกใจเต้นเมื่อใบหน้าเธออยู่ใกล้ หญิงสาวพึมพำว่าเหมือนฝัน เขาจึงถามว่าทำไมต้องเหมือนฝัน เธอลืมตัวดื่มด่ำพร่ำว่า

“ก็ได้แต่ฟังอาจารย์พูด ได้แต่นึกไปเอง ได้แต่จินตนาการไปเอง แต่นี่กะตา...กะตาเลย” พลันเรือโคลง เกศสุรางค์เสียหลักเอนมาซบท่านหมื่น จำปาตาโพลง เอ็ดจ้อยว่าแจวเรือไม่เป็นประสา หญิงสาวตั้งสติถอยห่างแบบไว้ฟอร์ม ท่านหมื่นแก้เก้อหาว่าเธอตื่นเต้นไม่เข้าเรื่อง เธอทำท่าจะเถียง ก็พอดีถึงที่หมาย เธอจึงหันมองแล้วต้องตื่นตาอีกครั้ง

“วัดเดิมอโยธยา...ฉันเห็นอีกแล้วไอ้เรืองเอ๊ย...อยากเห็นมานานแล้วค่ะวัดนี้”

หมื่นสุนทรเทวาแปลกใจว่าเกศสุรางค์ไม่เคยมาเลยหรือ เธอจึงย้อนถามว่าการะเกดเคยมาไหม อ้างว่าลืมจริงๆ ท่านหมื่นสะบัดเสียงว่าตนบวชที่วัดนี้ เกศสุรางค์หน้าเหวอจะเป็นลม

อ่านละคร บุพเพสันนิวาส ตอนที่ 3 วันที่ 18 ก.พ.61

ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส บทประพันธ์โดย รอมแพง
ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส บทโทรทัศน์โดย ศัลยา
ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส กำกับการแสดงโดย ภวัต พนังคศิริ
ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส ผลิตโดย บริษัท บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น จำกัด
ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส ออกอากาศเร็ว ๆ นี้ ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ