อ่านละคร บุพเพสันนิวาส ตอนที่ 7 วันที่ 1 มี.ค.61
ออกญาสั่งผินกับแย้มพานายเข้าห้อง แล้วสั่งผู้ใดก็ได้ฝนไพลไปให้รักษาทั้งนายและบ่าว ขุนศรีวิสารวาจาเรียกจ้อยให้ไปเอาไพลมา จ้อยยิ้มหน้าเป็น พอโดนขู่จะถูกหวายลงหลังก็วิ่งแจ้นเกศสุรางค์รู้สึกผิดที่ทำให้ผินกับแย้มโดนหวายไปด้วย ผินเจ็บหนักกว่าแย้มซึ่งโดนแค่ปลายหวาย ทั้งสองยังมีแก่ใจห่วงใยว่าเธอเจ็บแค่ไหน
“โคตรแสบเลยพี่” เกศสุรางค์เพิ่งรู้รสของการโดนเฆี่ยนด้วยหวาย
“คอยไพลนะเจ้าคะ เดี๋ยวไพลฝนทาจะเย็นลงเจ้าค่ะ คลายแสบ” ผินกล่าวอย่างห่วงใย
ขุนศรีวิสารวาจาลงมือฝนไพลเองอย่างตั้งใจ แล้วมาเคาะประตูเรียกผินกับแย้ม พอประตูเปิดออก ท่านขุนสบตาการะเกดอย่างห่วงใยและพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“แม่การะเกดหากทุเลาแล้วเข้าไปกราบขออภัยคุณแม่ด้วยหนา ท่านเองก็คงเสียใจไม่น้อย หากท่านทำไปก็เพราะหวังดีในตัวออเจ้า ของในถุงแดงนี่ข้าซื้อมาฝากออเจ้า เห็นหยิบวางๆอยู่หลายครา...หายเจ็บเถอะนะออเจ้า”
เกศสุรางค์น้ำตาซึม ผินรับหม้อที่มีลูกประคบมาวาง มีไพลฝนละเอียดวางอยู่บนฝาหม้อ และส่งถุงกำมะหยี่สีแดงให้ เกศสุรางค์รับมาเปิดดู เห็นเป็นสังวาลพลอยสีแดงเรียงเม็ดสวยงาม ก็รับรู้ถึงเยื่อใยที่ผูกพันหัวใจของผู้ให้มาด้วย
วันต่อมา ขุนศรีวิสารวาจานั่งอ่านหนังสือที่หอกลาง แต่สายตาคอยเหลือบมองไปที่ห้องการะเกด ออกญาโหราธิบดีเห็นท่าทีลูกชายก็รู้ทัน...จ้อยคลานเข่าเข้ามาบอกว่าเตรียมเรือพร้อมแล้ว ท่านขุนกลับเอ็ดที่มาเร่ง จ้อยหน้าเจื่อนเพราะท่านขุนสั่งไว้ว่าวันนี้จะรีบไป
ท่านขุนนึกได้จึงลุกขึ้น ผู้เป็นพ่อแอบขำ พอดีเห็นผินออกมาจากห้อง ออกญาถามถึงอาการของการะเกด
ผินเรียนว่าได้ไข้สูง ขุนศรีวิสารวาจากำลังลงบันไดหันขวับมาอย่างเร็วจนจ้อยกระโดดหลบเกือบไม่ทัน จำปาซึ่งนั่งอยู่ด้วยแม้จะขุ่นเคืองแต่พอได้ยินที่ผินบอกก็สั่งปริก
“เอ็งไปดูแม่หญิงการะเกด ได้ไข้ขึ้นมาคงระบมเพราะพิษหวายนั่นแหละหนา”
“โอ๊ย แม่นายท่านเจ้าขา จะห่วงแม่หญิงไยกันเจ้าคะ เดี๋ยวก็หายเจ้าค่ะ แม่หญิงร้ายกาจโรคภัยไข้เจ็บยังแพ้เจ้าค่ะ”
ท่านขุนได้ยินไม่พอใจอย่างมาก เสียงเข้มใส่ปริก “นังปริก เอ็งได้ไข้เมื่อใดไม่ต้องกินยา เพราะโรคร้ายก็แพ้เอ็งพอกัน”
ปริกตัวลีบติดกระดาน จิกกับจวงแอบหัวเราะ ท่านขุนหันไปย้ำจิกกับจวงให้เป็นพยานคำสั่งตน แล้วเรียกผินให้ตามไปเอายา สายตาท่านขุนมีแววอาทรอย่างมาก ออกญากระซิบจำปา
“แม่จำปาฝึกสอนการบ้านงานเรือนให้แม่การะเกดไม่เสียเปล่าแล้วกระมัง”
“โอ๊ย! ข้าล่ะอยากให้เสียเปล่าจริงๆเจ้าค่ะ”...
ปริกพยักพเยิดเห็นด้วยกับคำของจำปา
“แม่จำปาเป็นแม่ อยากให้ลูกชายเป็นสุขฤาไม่”
“ท่านทำไมถามข้าเช่นนั้นเจ้าคะ ข้าฤาจะไม่อยาก...อยากเจ้าค่ะ แต่ไม่ใช่กับนางคนนี้ข้าก็จักมีสุขไปด้วย แต่ถ้าใช่...ข้าก็...” จำปาทอดเสียงอ่อนใจ
“เขาเป็นคู่กัน เขามีบุพเพสันนิวาสร่วมกัน ข้าไม่ต้องดูดวงชะตาของเขาข้าก็รู้ แม้ว่าข้าจะมิค่อยอยู่ในเรือน ไยคนที่อยู่เรือนทั้งวันจึงมิเห็นในข้อนี้”
จวงซึ่งก้มหน้าอยู่ตอบเบาๆว่าเห็นอยู่ จิกก็รับว่าเห็น ออกญาเหน็บ เหตุใดคุณหญิงกับบ่าวคนสำคัญจึงมิรู้ ปริกแทบแทรกแผ่นดินหนี ออกญาสรุปว่ารู้กันทั่ว แล้วย้ำกับปริกระวังตัวไว้ให้ดี จำปานั่งนิ่งคอแข็ง ปริกสะท้านวาบออกตัว
“บ่าวโดนแม่หญิงกระทำมามากกว่าใคร บ่าวสมควรแล้วที่จะระวังแม่หญิง”
“เอ็งไม่มีลูกนัยน์ตามองฤาว่าแม่หญิงไม่เหมือนเดิม” ออกญาเสียงดังขึ้น
“บ่าวก็ยังไม่ไว้ใจเจ้าค่ะ” ปริกลูบแก้มที่เคยโดนตบอย่างไม่มีวันลืม
ออกญาสวนถ้าเช่นนั้นก็รอให้ถูกไล่พ้นเรือน
ปริกย้ำ ถ้าเป็นเช่นนั้นแสดงว่าแม่หญิงไม่เปลี่ยน จำปาสำทับอีกคน ถ้านางไล่ใครแม้แต่คนเดียว นางคือการะเกดคนเดิมและตนก็จะเกลียดนางตลอดไป
แม้ว่านางเป็นลูกสะใภ้ก็ตาม ออกญาถอนใจยาวหันไปถามความเห็นของจิกกับจวง ทั้งสองตอบอย่างกลัวๆว่า เห็นการะเกดเปลี่ยนไปจริงแต่ยังไม่ไว้ใจ
“เฮ้อ...พ่อเดชเอ๊ย...” ออกญาโหราธิบดีหนักใจแทนลูกชาย
บนเรือนบ้านจันทร์วาด ขุนศรีวิสารวาจามาคุยราชการกับออกญาโกษาธิบดีและพระวิสุทธสุนทร ในขณะที่จันทร์วาดนั่งร้อยอุบะซึ่งเป็นงานฝีมือที่เชี่ยวชาญ สายตาชำเลืองท่านขุนตลอดเวลา โดยที่ท่านขุนมิได้รู้ตัว
ออกญาโกษาธิบดีกล่าวขึ้นว่า “พ่อปานข้ามีเรื่องสำคัญจะปรึกษา เป็นเรื่องเกี่ยวพันกับออเจ้าด้วยพ่อเดช ...ออเจ้าทั้งสองคนรู้เรื่องขุนหลวงจะส่งคณะคนไทยไปเป็นทูตเมืองฝรั่งเศสแล้วฤามิใช่ ข้ากราบทูลขุนหลวงว่า ขุนปานน้องข้าสามารถพอที่จักเป็นราชทูตได้”
พระวิสุทธสุนทรตกใจสีหน้าตรึกตรอง ผู้เป็นพี่บอกอีกว่ามีเวลาเตรียมตัวสี่ปี และว่าหลวงสุรสาครเป็นคนกราบทูลแนะนำ เหตุผลที่ขุนหลวงยอมเพราะอยากยืมมือฝรั่งเศสมาคานอำนาจทางการค้ากับพวกวิลันดาที่วางใหญ่วางโตขึ้นทุกวัน สิ่งสำคัญที่ต้องเตรียมตัวคือภาษา ต้องหมั่นฝึกฝนให้คล่อง ไม่ใช้ล่าม พูดตอบโต้ให้ได้...พระวิสุทธสุนทรรับคำ
“พ่อเดชฟังนะ เรื่องสำคัญกับชีวิตของออเจ้า...ข้าขอให้ออเจ้าไปกับคณะทูตนี้ด้วย”
ขุนศรีวิสารวาจารับคำออกญาโกษาธิบดี...เสร็จการสนทนา จันทร์วาดเดินมาส่งท่านขุน อดใจหายไม่ได้ที่เขาต้องไปฝรั่งเศสถึงสองปี อยากรู้ว่าเขาจะคิดถึงตนบ้างไหม จึงพูดเป็นนัยๆ
“มีแต่คนคิดถึงคนไป แต่คนไปจะคิดถึงใครบ้างก็สุดรู้”
ขุนศรีวิสารวาจาไม่อยากให้นางเก้อ จึงตอบกลางๆ ว่า คิดถึงทุกคนทางนี้แน่นอน จันทร์วาดมองด้วยสายตาอาวรณ์ แต่ท่านขุนเดินลงเรือมิได้สนใจ ทำให้หญิงสาวน้ำตาหยดเผาะ
คุณหญิงนิ่มเข้ามาถาม “เขาเอ่ยคำใดลูกแม่ถึงน้ำตาตกฉะนี้” จันทร์วาดส่ายหน้า นิ่มเสียงเข้มขึ้น
“แม่หญิงวิปลาสคนนั้นเป็นคนไร้สกุล ลูกสาวขุนนางบ้านนอก อุปนิสัยชั่วร้ายถึงลือ แม่มองหาเหตุอันใดก็ไม่มีที่ท่านโหรายินดีประสงค์ให้เป็นสะใภ้มากกว่าธิดาเจ้าพระยาโกษาธิบดีเสนาบดีกรมพระคลัง ยังรั้งตำแหน่งสมุหนายก” จันทร์วาดอุดหูไม่อยากฟังให้เสียดแทงใจ นิ่มเอ็ด
“แม่จันทร์วาดไยปฏิบัติตนอย่างนี้ผิดวิสัยของลูกนะ”
“คุณแม่ได้โปรดอย่าซ้ำเติมข้าอีกเลยเจ้าค่ะ” จันทร์วาดตัดพ้อน้ำตานองหน้า
“ซ้ำเติมยังไร” นิ่มเสียงเขียวแต่จันทร์วาดยังสะอื้นตอบโต้
“หาต้องพูดย้ำแล้วย้ำอีกว่าข้าคือลูกสาวคุณพ่อ แล้วจะได้ทุกอย่างที่อยากได้ เพราะมันหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ ข้าไม่มีอะไรสู้กับแม่การะเกดได้เลย...ไม่มี ไม่มีเลยคุณแม่ได้โปรดรับรู้ด้วย”
นิ่มมองลูกสาวสะอื้นอย่างหนักใจ
ooooooo
เกศสุรางค์ยังนอนคว่ำหน้าน้ำตาไหลเงียบๆ แย้มทาไพลที่แผลให้อย่างเบามือ พร้อมปลอบว่าอีกไม่เกินสองวันก็หายออกไปข้างนอกได้ แต่หญิงสาวกลับบอกว่าไม่อยากไปไหน อยากรู้แค่ว่าการะเกดมาอยู่เรือนนี้นานแค่ไหนและไปเที่ยวที่ไหนมาบ้าง
“เหยียบสองปีแล้วเจ้าค่ะ แม่นายไม่เคยไปที่ใดเลยเจ้าค่ะ เพราะแม่นายไม่ยอมไปเจ้าค่ะ”
“ทำไมล่ะ ไปเที่ยวข้าไม่ชอบหรือ” เกศสุรางค์แปลกใจ
“แม่นายว่าร้อน แดดแรง ฝนตกแม่นายไม่ชอบเปียกปอน ไม่อยากจับหวัด ไม่ชอบไอไม่ชอบจามเจ้าค่ะ”
“หา ข้าเนี่ยนะ ไม่ชอบไอไม่ชอบจาม คนอะไรอย่างเนี้ยเนี่ย”
แย้มยืนยันว่าจริง แม่นายไม่อยากเจ็บอกเจ็บคอ หน้าหนาวก็จะอยู่บ้านผิงไฟ เกศสุรางค์เพิ่งรู้ว่าหนาวขนาดนั้น แย้มบอกพวกบ่าวต้องผิงไฟทั้งคืนด้วยไม่มีผ้าผวยเพราะมันแพง
“ข้าอ่านพบว่าอยุธยารุ่งเรืองดั่งเมืองสวรรค์”
“อุ๊ย ใครนะเจ้าคะช่างว่า หาจริงไม่เจ้าค่ะ พวกเทวดานางฟ้าที่อยู่เมืองสวรรค์ก็เห็นแต่พวกขุนน้ำขุนนางเจ้าขุนมูลนายหรอกเจ้าค่ะ พวกไพร่พวกทาสยากจนข้นแค้นนักเจ้าค่ะ เรือนนี้ค่อยยังชั่วเจ้าค่ะ มูลนายท่านใจดีมีเมตตา หาไม่แล้วก็กินแต่ข้าวจิ้มพริกจิ้มเกลือกันทั้งนั้นเจ้าค่ะ”
แย้มแปลกใจที่ทำไมถึงลืมหมด เกศสุรางค์อ้างว่าลืมจริง แล้วบ่นว่าตอนนี้ไม่อยากไปเที่ยวไหนอีกเข็ดขยาด ไม่ทันไรผินเข้ามาบอกว่าหลานของแย้มมาจากสองแคว แย้มดีใจ
อ่านละคร บุพเพสันนิวาส ตอนที่ 7 วันที่ 1 มี.ค.61
ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส บทประพันธ์โดย รอมแพงละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส บทโทรทัศน์โดย ศัลยา
ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส กำกับการแสดงโดย ภวัต พนังคศิริ
ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส ผลิตโดย บริษัท บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น จำกัด
ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส ออกอากาศเร็ว ๆ นี้ ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ