อ่านละครเรื่อง ชั่วโมงต้องมนต์ ตอนที่ 13 วันที่ 27 ก.พ.61

อ่านละครเรื่อง ชั่วโมงต้องมนต์ ตอนที่ 13 วันที่ 27 ก.พ.61

“สงสารฉันสิ พวกเขายังมีโอกาสได้อยู่กับคนที่รัก ยังมีโอกาสได้แก้ไขตัวเอง แต่ฉันสิกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว” บุญสิตามองอย่างสงสาร “ไม่ต้องมองฉันด้วยความสงสารเลย ฉันทำใจได้แล้ว ฉันจะพยายามเป็นผีโลกสวย...ตอนนี้สิ่งที่ฉันทำได้คือ ช่วยคนเหล่านี้ไม่ให้เขาต้องมานั่งเสียใจทีหลังแบบฉัน”

“แล้วเราจะช่วยเขายังไงดีคะ”

“เราก็ต้องทำให้ตาลุงจอมยุ่งยอมไปงานโรงเรียนของลูกให้ได้ พ่อฉันก็เคยยุ่งจนไม่มีเวลามางานโรงเรียนฉันเหมือนกัน ฉันเข้าใจดีว่าลูกเขาจะรู้สึกยังไง”



“งั้นเราลองให้พ่อคุณพูดดูไหมคะ สองคนสนิทกัน อาจจะได้ผล”

“นั่นสิ...” ณฤทธิ์มีความหวังขึ้นมา

ooooooo

เมื่อถ่ายภาพเพื่อทำพรีเซนต์เสร็จทีมงานกลับกันแล้ว ณฤทธิ์ขออยู่กับคุณพ่อก่อน สมบัติเข้ามาพร้อมกล่องของขวัญมอบให้ธีมา

“ของขวัญเนื่องในโอกาสที่แกโหมหนัก” ธีมาถามว่าให้วันนี้เลยหรือ “ให้วันนี้แหละ วันงานแกคงยุ่งมากจนไม่มีเวลา”

“ขนาดแกยังบ่นเรื่องที่ฉันไม่มีเวลาเลยเหรอ ฉันทำทุกอย่างเพื่อพวกเขาเพื่ออนาคตของพวกเขาทั้งนั้น”

“ฉันเข้าใจ เพราะฉันก็เคยใช้ชีวิตแบบแก จนวันที่ฉันเสียมาร์คไป ฉันถึงรู้ซึ้งคำว่า ‘เวลา’ ฉันเพิ่งรู้ความจริงว่าเวลาในโลกมีอยู่แค่สามเวลา คือเมื่อวาน วันนี้ และอนาคต เมื่อวานที่เราได้ใช้มันไปแล้วและไม่หวนกลับมา วันนี้ที่เรากำลังใช้มันอยู่ ใช้ได้แค่ครั้งเดียว และพรุ่งนี้ที่ไม่รู้เลยว่าจะได้ใช้รึเปล่า”

“นั่นน่ะสิ” ธีมาอึ้งๆ

“ดังนั้น อย่าไปคาดหวังกับอนาคต ฉันไม่ได้แช่งนะ แต่ลูกแก เมียแก หรือแก อาจจะไม่ได้อยู่ถึงตอนนั้น

แบบมาร์คก็ได้ และถึงตอนนั้น แกก็ไม่สามารถย้อนเวลาไปเมื่อวาน เพื่อใช้เวลากับพวกเขาได้อีก ฉันว่าเมียกับลูก เขาคงแค่อยากมีความสุขกับปัจจุบันกับแกมากกว่า”

“ฉันรู้ แต่งานบริษัทก็เตรียมไปแล้ว ฉันจะเห็นแก่เรื่องส่วนตัว แล้วทิ้งหน้าที่ที่บริษัท ทิ้งพนักงานอีกหลายชีวิตได้ยังไง”

สมบัติกับณฤทธิ์ได้แต่มองธีมาด้วยความสงสาร แต่ไม่รู้จะช่วยเขายังไง

เมื่อณฤทธิ์ออกมาเจอบุญสิตาที่ยังรอเขาอยู่ เธอถามทันทีว่า เป็นยังไง ได้ผลไหม ณฤทธิ์ส่ายหน้า เธอพึมพำว่าพรุ่งนี้ก็วันงานแล้ว

“คงต้องปล่อยให้เป็นตามกรรมแล้วล่ะ” ณฤทธิ์พูดอย่างหมดกำลังใจ

“ยังมีวิธีของคุณเมธอีกคน รอลุ้นพรุ่งนี้อีกทีก็แล้วกัน” บุญสิตายังมีความหวัง

ooooooo

วันนี้เป็นวันงานโรงเรียนของไทม์แล้ว และเป็นวันเปิดงานเลี้ยงบริษัทของธีมาด้วย ธีมาและฐิติมาต่างแต่งตัวเหมาะกับงานที่ตนจะไป ธีมาเห็นภรรยาไม่ได้แต่งชุดราตรีหรูไปงานกับตนก็ถาม

“ทำไมแต่งตัวแบบนี้ คุณต้องไปงานเลี้ยงกับผม” ฐิติมาบอกว่าบอกแล้วว่าตนต้องไปงานโรงเรียนลูก ธีมาเสียงไม่พอใจว่า “แต่วันนี้มันเป็นวันครบรอบบริษัท

เป็นวันครบรอบที่ผมมาบริหารงานบริษัทนี้ คุณต้องไปแสดงความยินดีกับความสำเร็จของผม”

“วันนี้เป็นวันครบรอบการทำงานของคุณ แต่มันเป็นวันครบรอบที่ฉันเสียสามีคนเดิม คนที่เคยใส่ใจมีเวลาให้ฉันไป” เสียงฐิติมาสะท้านเสียใจ

“แต่ที่ผมทำงานทั้งหมด ยอมเหนื่อยขนาดนี้ก็เพื่อคุณกับลูกทั้งนั้น”

“อย่ามาอ้างเลยค่ะ ฉันไม่อยากได้สมบัติอะไรทั้งนั้น ฉันอยากได้แค่เวลาจากคุณ” ภรรยาพูดแล้วเดินไปเลย ธีมาได้แต่มองตามภรรยาไปด้วยความเศร้าใจ

เมื่อไปถึงโรงเรียนของลูก ไทม์ ลูกชายของธีมาเห็นแม่มาก็ดีใจ กวาดตามองหาพ่อแต่ไม่เห็น เด็กชายหน้าเศร้าไปทันที แต่แม่พยายามปั้นหน้ายิ้มแย้มให้กำลังใจลูกว่า

“ว่ายังไง คนเก่งของแม่” ไทม์ถามว่าคุณพ่อจะตามพวกเรามาไหม “คุณพ่อติดงานที่บริษัทมาไม่ได้”

“คุณพ่อไม่รักผม ผมอยากให้คุณพ่อมาดูผมแสดง”

“คุณพ่อรักลูก ถึงทำงานหนักขนาดนี้ คุณพ่อให้คนมาอัดการแสดงของลูกด้วย ลูกต้องแสดงดีๆนะ”

ไทม์รับคำเศร้าๆ แม่จึงชวนถ่ายรูปกันเพื่อส่งไปให้คุณพ่อดู หยิบโทรศัพท์มาเซลฟี่กันยิ้มแย้ม แต่หน้าชื่นอกตรม...

ooooooo

หลังจากถ่ายภาพพรีเซนต์เสร็จ บุญสิตาไปเชิญธีมาให้มาดูภาพในห้องประชุมโดยมีสมบัติกับณฤทธิ์ร่วมดูด้วย เริ่มด้วยพุฒิเมธบรรยายว่า

“เรามาติดตามชีวิตซีอีโอ ที่ทุ่มเทชีวิตเพื่อบริษัทแห่งนี้กันครับ...” แล้วกลายเป็นภาพธีมาพูดกับหน้าจอ เล่าถึงชีวิตเริ่มต้นการทำงานประจำวัน ที่จริงจัง เคร่งครัดกับการตรวจสอบนาฬิกาให้ความสำคัญกับทุกวินาทีที่มีค่า

เขาทุ่มเทให้กับงานจนประสบความสำเร็จ แต่กลับประสบความล้มเหลวในครอบครัวเพราะไม่มีเวลาให้กัน โดยเฉพาะกับไทม์ลูกชายที่โหยหาความใกล้ชิดกับพ่อ ในงานโรงเรียนครั้งนี้ ไทม์มีโชว์การแสดง ไทม์อยากให้พ่อดู อยากอวดพ่อในการแสดงครั้งแรกของชีวิต แต่ธีมากลับมีงานด่วนที่บริษัทจนไม่อาจไปได้

สมบัติพูดเตือนสติเพื่อนรักว่า

“การแสดงครั้งแรกของลูก มีแค่ครั้งเดียว ถ้าพลาดก็เท่ากับพลาดตลอดชีวิต ฉันเองก็เคยเอาแต่ทำงาน...ทำงาน จนไม่ได้ไปดูโชว์ครั้งแรกของลูกแล้วก็มาเสียใจทีหลัง...”

“ในสายตาของคุณ อาจจะเป็นแค่การแสดงของเด็กๆที่ไม่สำคัญ แต่มันเป็นการแสดงที่ยิ่งใหญ่สำหรับลูก คือสิ่งที่ลูกภูมิใจและอยากให้พ่อแม่ที่เขารักได้เห็นนะคะ” วรรณนาเสริม

ธีมาฟังแล้วน้ำตาคลอถามว่า “ผมยังพอมีเวลาใช่ไหมครับ”

“รีบไปเถอะ ตอนนี้ยังไม่สาย เดี๋ยวงานเลี้ยงบริษัทฉันจะดูแลให้แกเอง” สมบัติอาสาและลุ้นเต็มที่

ในที่สุดธีมาก็ไปขึ้นรถที่พุฒิเมธเตรียมรอไว้แล้ว รีบไปโรงเรียนเพื่อดูการแสดงครั้งแรกของลูก

เมื่อถึงเวลาแสดง ไทม์เฝ้ามองหาพ่ออย่างกระวนกระวาย แล้วก็ก้มหน้าน้ำตาคลออย่างผิดหวังเมื่อไม่มีวี่แววของพ่อเลย

“ไทม์...” ธีมาตะโกนเรียกไทม์ที่กำลังเศร้า ไทม์เงยขวับมองไปตามเสียง เห็นพ่อยืนโบกมือเชียร์ตนอย่างสุดจิตสุดใจ พร้อมเสียงตะโกนอย่างตื่นเต้น “พ่อมาแล้ว เต้นให้สุดๆเลยลูกพ่อ สู้เขาลูกพ่อ”

ไทม์ยิ้มทั้งน้ำตาเต้นอย่างสุดความสามารถเพื่อให้พ่อดู พวกพุฒิเมธที่ดูอยู่ต่างส่งเสียงเชียร์กันอยู่ด้านล่างเวทีด้วยความประทับใจ

“ตอนเด็กๆผมก็อยากให้พ่อแม่ผมมาดูแบบนี้เหมือนกัน” พุฒิเมธเอ่ยอย่างประทับใจ

“ช่วงเวลาแบบนี้ มีแค่ครั้งเดียวในชีวิตพอลูกโต พ่อแม่ก็ไม่มีทางได้เห็นโมเมนต์แบบนี้อีกแล้ว” บุญสิตาเอ่ยปลื้มไปด้วย

สมบัติไปดูแลงานเลี้ยงของบริษัทแทนธีมา พูดกับวรรณนาอย่างมีความสุขว่าธีมาคงกำลังสนุกสนานกับการแสดงของลูก วรรณนาหวังอย่างยิ่งว่า

“เหตุการณ์ครั้งนี้จะทำให้เขารู้สักทีนะคะว่า เวลาที่วิเศษที่สุด คือเวลาที่เราได้มีความสุขกับคนที่เรารัก”

“ผมเองก็เคยพลาดเวลาสำคัญครั้งแรกของลูกมาแล้ว ผมก็ได้แต่หวังว่าเขาจะไม่ตัดสินใจผิดแบบผม”

หลังการแสดง ธีมา ฐิติมา และไทม์มาเซลฟี่ถ่ายรูปครอบครัวกันอย่างอบอุ่น



แล้วปาฏิหาริย์ก็เกิดกับลูกสาวไผ่ เมื่อเด็กหญิงค่อยๆลืมตาขึ้นขณะไผ่นั่งกุมมือลูกอยู่ ไผ่ดีใจมากรีบกดเรียกพยาบาลมาดู

พยาบาลบอกว่าอีกไม่นานน้องก็คงหายเป็นปกติ ยังบอกด้วยความยินดีว่า

“โชคดีจังนะคะ ลูกก็รู้สึกตัวแล้ว แถมยังมีคนคอยช่วยเหลืออีก” ไผ่ถามว่าใคร ช่วยอะไร “ไม่ทราบเหรอคะ มีนายทุนใจดีมาขอเป็นเจ้าของไข้ จ่ายค่ารักษาให้ทั้งหมดเลย แถมยังย้ำมาว่าให้รักษาน้องให้เต็มที่เลย”

ไผ่สงสัยว่าใครเป็นคนช่วยตน แล้วพุฒิเมธก็ได้รับโทรศัพท์จากเบอร์แปลกๆ ตัดสินใจกดรับ เขาตกใจเมื่อปลายสายคือไผ่โทร.มาขอบคุณที่เขาช่วยเหลือลูกสาวตน

“ไม่เป็นไรครับ ซินเล่าเรื่องคุณให้ผมฟัง ผมก็เลยอยากช่วยเหลือ ถ้ามีอะไรให้ช่วยอีกก็บอกได้”

ไผ่อยากเจอพุฒิเมธกับซินพรุ่งนี้ เขาตอบรับด้วยความยินดี

วันรุ่งขึ้นเมื่อมาพบกันไผ่สารภาพว่าตนเป็นคนขับรถชนมาร์คเอง พุฒิเมธบอกว่าเรารู้แล้ว ไผ่ถามว่าแล้วทำไมเขาจึงยังช่วยตนอีก ณฤทธิ์พูดว่าต่อให้เขามอบตัวตนก็ไม่ฟื้น ตนให้เวลาเขาอยู่กับลูกดีกว่า บุญสิตาพูดต่อให้ไผ่ฟัง

อ่านละครเรื่อง ชั่วโมงต้องมนต์ ตอนที่ 13 วันที่ 27 ก.พ.61

ละครเรื่อง ชั่วโมงต้องมนต์ บทประพันธ์โดย : ติณณา
ละครเรื่อง ชั่วโมงต้องมนต์ บทโทรทัศน์โดย : ตฤณณา
ละครเรื่อง ชั่วโมงต้องมนต์ กำกับการแสดงโดย : กิตติศักดิ์ ชีวาสัจจาสกุล
ละครเรื่อง ชั่วโมงต้องมนต์ ผลิตโดย : บริษัท ทีวีซีน จำกัด
ที่มา ไทยรัฐ