อ่านละครเรื่อง ชั่วโมงต้องมนต์ ตอนที่ 5 วันที่ 7 ก.พ.61
บุญสิตาหน้าแดงลุกเดินหนีไปเลย ณฤทธิ์ไม่เข้าใจว่าเธอจะอายไปทำไม แต่ก็แอบรู้สึกผิดพุฒิเมธเห็นสมบัติดูดเฉาก๊วยกินอย่างเอร็ดอร่อย ถามว่าป้าแก้วซื้อแถวนี้ให้หรือ เจ้าเดียวกับที่เฮียชอบเลย สมบัติบอกว่าหนูซินซื้อมาฝาก เล่าอย่างมีความสุขว่า
“วันนี้หนูซินเขามาเยี่ยมพ่อน่ะ เขาเอาดอกไม้มาให้พ่อด้วย เห็นหนูซินแล้วอดคิดถึงมาร์คไม่ได้” พุฒิเมธแซวว่าดูพ่อจะถูกชะตากับแม่หนูคนนี้มากนะ “ก็เขาคุยสนุกรู้สึกเหมือนได้อยู่กับมาร์ค ว่างๆเมธก็ชวนหนูซินมาเยี่ยมพ่ออีกสิ แกมีเบอร์หนูซินใช่ไหม”
สมบัติยังบอกพุฒิเมธว่า จะเป็นอะไรไหมถ้าพ่อจะให้รับเขาเข้าทำงาน ตอบแทนที่เขาช่วยพ่อเอาไว้ สมบัติมองหน้าอย่างรอคำตอบแต่พุฒิเมธยังไม่ได้ตัดสินใจ ต่อมาก็คุยกับวรรณนา มีข้อสังเกตว่าบุญสิตาดูแปลกๆ รู้สึกพยายามเข้าใกล้ชิดครอบครัวเรามาก ตนไม่กล้าบอกพ่อเพราะท่านกำลังมีความสุข
“น้าว่าเมธคิดมากไปมากกว่า ดูลักษณะท่าทางเขาไม่ใช่คนแบบนั้นเลยนะ แต่ถึงเขาจะเข้าหาเราเพราะมีจุดประสงค์อย่างที่เมธว่าจริงๆ แต่น้าว่าเขาไม่มีเจตนาร้ายหรอก ไม่อย่างนั้นเขาไม่เสี่ยงชีวิตช่วยพ่อเราถึงสองครั้งสองครา บาดเจ็บช้ำในตรงไหนหรือเปล่าก็ไม่รู้ น่าสงสาร ตกงานแถมยังป่วยอีก”
พุฒิเมธฟังวรรณาพูดแล้วก็อดสงสารบุญสิตาไม่ได้เหมือนกัน แต่พอคิดถึงพฤติกรรมห้าวเว่อร์ที่เธอพุ่งเข้าจิกหัวกันต์จะเอาเลือดหัวออก ก็นึกห่วงว่าหรือจะเป็นโรคร้าย มีปัญหาทางสมอง
ooooooo
รุ่งขึ้น ณฤทธิ์ตามไปขอโทษบุญสิตาที่ห้องนอนบอกว่าตนแค่อยากทำให้เธอสวย ตนเป็นผีเห็นอะไรมาจนเบื่อแล้ว ถึงเห็นก็ไม่ได้มีอารมณ์มีความรู้สึกอะไรกับผู้หญิงแล้วเธอจะเครียดไปทำไม คิดเสียว่ามีเพื่อนสาวสิ
ขณะกำลังตึงเครียดกันนั้น บุญสิตาได้รับโทรศัพท์จากเอนัดให้ไปสัมภาษณ์งาน เธอดีใจมากรีบรับปากว่าจะไป ณฤทธิ์แสดงความดีใจด้วยคุยอวดว่าบริษัทตนดี สวัสดิการก็ดี สังคมเพื่อนร่วมงานดีหมด
“คุณไปกรอกใบสมัครให้ฉันเหรอ” บุญสิตาถาม ณฤทธิ์ไม่ทันตอบ เธอก็รีบขอบคุณเขาที่จะได้งานทำ “ฉันได้ทั้งงานพิเศษเขียนบทความแถมยังได้งานบริษัทนี้อีก ฉันไปเตรียมตัวสัมภาษณ์ก่อนนะ”
พอบุญสิตาไป ณฤทธิ์ก็พึมพำสงสัยว่า “จะเรียกสัมภาษณ์ได้ยังไง วันนั้นฉันกรอกข้อมูลมั่วนี่นา”
เมื่อบุญสิตาไปถึงบริษัท พุฒิเมธเป็นคนสัมภาษณ์อ่านชื่อนามสกุลแล้วถามว่าเธอนามสกุลเดียวกับตนตั้งแต่เมื่อไหร่
ที่แท้ณฤทธิ์เอาข้อมูลของตัวเองกรอกเป็นประวัติของบุญสิตา พุฒิเมธจับได้ถามว่าเธอกำลังเล่นขายของหรือ ถึงได้กรอกข้อมูลแบบนี้ แล้วถามใหม่ให้เธอเล่าประวัติตัวเองสั้นๆ บุญสิตาพูดเหมือนแนะนำตัวหน้าชั้น แต่พูดไม่ทันจบพุฒิเมธก็ขัดขึ้นถามว่าตอนนี้อยู่กับใครแล้วค่าใช้จ่ายในบ้านใครเป็นคนดูแล
“พ่อแม่ฉันเสียไปแล้วค่ะ ฉันอยู่กับแม่เลี้ยง พี่สาวเป็นลูกติดแม่ แล้วก็น้องชายที่เป็นลูกของแม่เลี้ยงกับพ่อฉันค่ะ ค่าใช้จ่ายในบ้านฉันเป็นคนดูแล” พุฒิเมธถามข้อมูลส่วนตัวว่าเธอชอบกินอะไร มีแฟนหรือยัง และอยากรู้ว่าเธอจะทุ่มเทเวลาให้บริษัทได้มากแค่ไหน
“ฉันเป็นมังฯค่ะ ชอบกินผักยังไม่มีแฟน” แล้วเปลี่ยนเรื่องบอกว่า “ฉันว่าคุณถามเรื่องเกี่ยวกับการทำงานดีกว่าไหมคะว่าฉันจะทำงานให้คุณได้ยังไง”
“คุณมาสมัครตำแหน่งผู้จัดการ งั้นผมขอถามสั้นๆ ง่ายๆ คุณมีวิธีสานสัมพันธ์กับเอฟซียังไง”
“เอฟซี? คุณหมายถึงเคเอฟซีเหรอคะ อ๋อ...ขอบคุณสำหรับคำถามค่ะ ถ้าฉันต้องสานสัมพันธ์กับเคเอฟซีเพื่อให้เด็กๆเป็นพรีเซ็นเตอร์ งานนี้ฉันจะ...”
“พอเถอะ!” พุฒิเมธขัดขึ้นเซ็งๆ บุญสิตาถามว่าตนพูดอะไรผิดหรือ “ไม่รู้เรื่องวงการบันเทิงเลยแบบนี้ คุณคิดว่าผมจะรับคุณเข้าทำงานเหรอ งั้นผมขอถามคำถามสุดท้าย ทำไมผมต้องรับคุณเข้าทำงานด้วย”
“เพราะฉันรู้เรื่องที่คุณไม่รู้ ฉันรู้เรื่องทุกเรื่องของมาร์คและบริษัทนี้ อย่างน้อยฉันก็รู้ว่า คุณไม่ควรเรียกคนมาสัมภาษณ์ทั้งที่กรอกเอกสารมั่วแบบนี้ ไม่มีมาตรฐานเอาซะเลย”
พุฒิเมธฉุนถามว่าพูดแบบนี้อยากได้งานไหม บุญสิตาท้าว่าเขาไม่กล้าไล่ตนออกหรอก ถ้าไม่อยากรับตนก็คงไม่เรียกคนที่กรอกข้อมูลปัญญาอ่อนแบบนี้มาสัมภาษณ์ ที่สำคัญเขาก็อาจสนใจตนโดยไม่รู้ตัวก็ได้รุกว่า “ว่ายังไงจะรับฉันเข้าทำงานได้รึยัง ฉันอยากทำงานใจจะขาดแล้ว” พุฒิเมธมองหน้าบุญสิตาก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์
และแล้ววิญญาณณฤทธิ์ในร่างบุญสิตาก็ต้องหัวเสียอย่างหนัก ที่มาสมัครเป็นผู้จัดการบริษัท แต่รับทำงานแม่บ้าน! ด่าพุฒิเมธตามหลัง
“ไอ้เมธ...ไอ้ลูกหมา ฉันเป็นพี่แก เป็นเจ้าของบริษัทนะเว้ย ให้ฉันมาเป็นแม่บ้านเนี่ยนะ!”
ฝ่ายศรันย์ไม่เข้าใจว่าทำไมพุฒิเมธจึงรับบุญสิตาเข้าทำงานทั้งที่นางไม่น่าไว้ใจเลย พุฒิเมธบอกว่ายิ่งไม่น่าไว้ใจยิ่งต้องเอาไว้ใกล้ตัวจะได้จับตามองง่ายๆว่าเขามีแผนจะทำอะไรกันแน่ ศรันย์ถามว่าถ้ากันต์รู้ว่าเมธรับนางมาโดยพลการแบบนี้จะยอมหรือ โหน่งกังวลว่ายิ่งนางเคยอาละวาดกับกันต์แล้วด้วย
พอกันต์รู้ก็ไม่พอใจรีบมาบริษัททันที แอบดูบุญสิตาทำความสะอาดอยู่อย่างสังเกต พอบุญสิตาเห็นกันต์ก็ไม่พอใจแต่เสียงเตือนของพุฒิเมธที่ว่าถ้าไม่อยากถูกไล่ออกก็ขอโทษกันต์เสีย จึงจำใจเอ่ยขอโทษ กันต์เองก็อยากรู้ว่าเธอเป็นใครกันแน่จึงพูดดีด้วยว่า ยินดีต้อนรับที่ได้ทำงานที่บริษัทของตน
วิญญาณณฤทธิ์ในร่างบุญสิตาได้ยินกันต์พูดว่าบริษัทของตนก็ปรี๊ดแตกแอ๊บหลุดเถียงว่าเป็นบริษัทของมาร์คต่างหาก ตนมาทำงานที่นี่เพื่อมาร์คไม่ใช่เพื่อเขา ขณะอารมณ์กำลังปะทุ พุฒิเมธก็เข้ามาถามว่ามีอะไรกันหรือเปล่า กันต์บอกว่าไม่มี แค่ทักทายพนักงานใหม่เท่านั้น
“ข่าวไวจังเลยครับ พอดีผมรับพนักงานใหม่นะครับ คุณพ่อท่านฝากมาผมก็เลยไม่ได้บอกล่วงหน้า”
พุฒิเมธเหน็บ มองหน้ากันต์ถาม “คงไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหมครับ”
“จ้างก็ดี พี่ก็สนใจพนักงานคนนี้เหมือนกัน ดูท่าทางซินเขาก็น่าจะขยันทำงานเก่งอยู่ มีอะไรให้ช่วย อยากได้คำแนะนำก็บอกได้นะ” กันต์ยิ้มให้บุญสิตาแล้วเดินไป
“ขนลุก” บุญสิตาพึมพำเมื่อเห็นความหน้าเนื้อ ใจเสือของกันต์ แล้วอดหันมายั่วพุฒิเมธไม่ได้ ถามว่าที่ช่วยเหลือตนนี่ชอบตนหรือ ถ้าชอบก็จะได้ทอดสะพานให้ ทำเอาพุฒิเมธงง ถามว่าวันนี้ลืมกินยาเหรอ?
เพราะวิญญาณณฤทธิ์มีเวลาอยู่ในร่างบุญสิตาเพียงวันละ 4 ชั่วโมง เขาเร่งทำเวลาเต็มที่ บ่ายแก่ๆ จึงรีบไปเยี่ยมสมบัติที่โรงพยาบาลพร้อมของฝากที่พ่อชอบ วรรณนาบอกว่าวันนี้คุณพี่ก็จะกลับแล้ว ถ้ามีเวลาให้ไปเที่ยวที่บ้านบ้างเพราะ “คุณพี่สดชื่นขึ้นเยอะหลังจากได้คุยกับหนู”
อยู่กับสมบัติพักใหญ่ บุญสิตาดูนาฬิกาเห็นเหลือเวลาอีกสองชั่วโมงจึงเอ่ยลาบอกว่ามีธุระต้องไปทำ
วิญญาณณฤทธิ์พาบุญสิตาไปเข้าห้างบอกว่าควรหัดแต่งตัวเสียบ้าง พาไปเลือกซื้อเสื้อผ้าดีๆ ซื้อเครื่องสำอาง ซื้อครีมบำรุงผิวและเครื่องใช้ต่างๆมากมาย จนเหลือเวลาอีกชั่วโมงเดียว ก็ซื้อนาฬิกาไว้เรือนหนึ่งแล้วพาเข้าร้านนั้นออกร้านนี้ซื้อของเพียบ
ซื้อจนพอใจแล้วหิ้วของพะรุงพะรังกลับบ้าน เจอสมศรี ทราย กับซันเดินเข้าบ้านพอดี ทุกคนแปลกใจที่เห็นบุญสิตาซื้อของมามากมาย ทรายอยากรู้จะเข้าไปรื้อดูว่าซื้ออะไรมาบ้าง บุญสิตาไม่ให้ดูบอกว่าตนจะซื้ออะไรก็เรื่องของตนเงินตน ปรามว่า “นี่ฉันเตือนไปครั้งหนึ่งแล้วใช่ไหม ท่าทางพวกป้าๆจะยังไม่เข็ดนะ” ทำหน้าโหดใส่แล้วเดินเข้าห้องเลย
ซันงงว่าพี่ซินเป็นอะไรอีกแล้ว ทรายว่าหรือเป็นบ้าไปแล้วจริงๆ สมศรีบอกว่าอย่าไปยุ่งเลยดูน่ากลัว
ooooooo
ครู่เดียวบุญสิตาก็ออกมาประกาศกลางวงสามแม่ลูกว่าในฐานะตนเป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในครอบครัว ขอวางระเบียบใหม่ให้ทุกคนต้องผลัดกันทำงานบ้านและหาเงิน ปรามด้วยสายตาสั่งว่า
ซันในฐานะที่เป็นผู้ชายคนเดียว ต่อไปนี้ต้องดูแลงานในสวนและดูแลไอ้โชคหมาที่เลี้ยงไว้ ทรายให้กวาดบ้านถูบ้านและซักผ้า ส่วนสมศรีในฐานะแก่กว่าเพื่อนเป็นแม่ของทุกคนจะให้ทำงานเบาๆคือทำกับข้าวและจ่ายตลาด ประกาศอย่างห้ามเถียงห้ามถามว่า
“ต่อไปนี้ฉันจะมีชีวิตใหม่ ไม่ให้พวกเธอมาโขกสับอีกแล้ว” พอดูนาฬิกาเหลือเวลาอีกยี่สิบนาทีก็ไปลากถังขยะใบใหญ่เข้ามาในห้องแล้วขนเสื้อผ้าเก่าในตู้ทั้งหมดทิ้งถังขยะ เอาที่ซื้อใหม่ทันสมัยแขวนแทน แล้วจัดโต๊ะทำงาน แต่งห้องด้วยดอกไม้ดูสวยงามมีชีวิตชีวา
พอดูนาฬิกาเหลืออีก 20 นาทีจะห้าโมงแล้ว เวลาเหลือน้อยเต็มที
สมศรี ทราย กับซันต่างงงว่าซินเป็นอะไร ซันเสนอให้พาไปหาหมอ ทรายถามว่าเราจะยอมทำตามที่ซินบอกหรือ ซันบอกว่าถ้าไม่ทำมีหวังมีเรื่องอีก จำวันนั้นไม่ได้หรือ สมศรีบอกให้ดูสถานการณ์ไปก่อนก็แล้วกันช่วงนี้อย่าเพิ่งไปหาเรื่องอะไร ทำตามนางไปก่อน ทรายกับซันพยักหน้าเห็นด้วยฝืนๆ
ณฤทธิ์ซื้อนาฬิกามาตั้งที่โต๊ะเขียนหนังสือของบุญสิตา เธอถามว่าซื้อมาให้ตนหรือ เขาตอบจากใจว่า
“ตอนนี้เธอคือฉัน ฉันคือเธอ ให้ฉันก็เหมือนให้เธอ เธอให้เวลาฉัน ฉันก็อยากให้เวลากับเธอด้วย...ตั้งแต่ฉันเกิดมา ฉันไม่เคยรู้สึกว่าเวลามีค่าขนาดนี้มาก่อนเลย ฉันต้องรีบทำทุกอย่างให้เสร็จภายในสี่ชั่วโมง ต้องไปบริษัท ไปหาพ่อ แล้วก็ซื้อของให้เธอ”
บุญสิตาถามว่าซื้อของให้ตนหรือ เขาบอกว่าซื้อเสื้อผ้าให้ เธอรีบเปิดตู้ดู กลายเป็นเสื้อผ้าใหม่ทั้งตู้ ถามว่าแล้วของเก่าหายไปไหนหมด เขาบอกว่าทิ้งหมดแล้ว บอกเธอสีหน้าจริงจังว่า
“ถึงเวลาแล้วที่เธอจะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง เธอต้องเป็นคนใหม่ เป็นนิวบุญสิตา” ณฤทธิ์บอกว่าทรายใช้เงินคนอื่นมาบำรุงบำเรอตัวเองยังไม่คิดอะไรเลย “ถึงนางจะนิสัยกาก แต่นางยังรักชีวิตตัวเองมากกว่าเธออีก” บุญสิตาบอกว่าตนจะทำตามที่เขาแนะนำ ทำตาปริบๆ บอกว่า แต่เสื้อผ้า ตนขอเก็บไว้บริจาค
พุฒิเมธกลับมาบอกสมบัติว่าตนรับบุญสิตาเข้าทำงานแล้ว ตกกลางคืนก็โทรศัพท์บอกบุญสิตาว่าพ่อกลับบ้านแล้ว และเรื่องบรรจุเป็นพนักงานประจำของเธอต้องรอก่อนเพราะเฮียเพิ่งเสีย ส่วนเรื่องเงินไม่ต้องห่วง เงินเดือนยังออกให้เหมือนเดิมและพรุ่งนี้ให้รีบมาทำงานด้วย อย่าสาย
เช้าวันรุ่งขึ้น บุญสิตาในชุดทำงานเรียบร้อยนึกว่าได้เป็นพนักงาน แต่พุฒิเมธกลับให้แต่งชุดประจำตำแหน่งแม่บ้านและพาไปแนะนำกับทุกคนในออฟฟิศในฐานะแม่บ้าน บอกว่าพวกเราอยู่กันแบบครอบครัวเป็นพี่น้องกันมีอะไรก็ถามพวกเขาได้ บุญสิตาฝากเนื้อ ฝากตัวอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน กลัวจะไม่ได้งานทำ
ศรันย์ จัสติน และเอ ต่างกังวลกับอนาคตของบริษัท ช่วงนี้จึงช่วยงานและแก้ปัญหาทุกอย่างที่แก้ได้ไม่ดูดาย แล้วจู่ๆทั้งสามก็แปลกใจ ตกใจ เมื่อเห็นสมบัติเดินเข้ามาในบริษัท ศรันย์จำต้องไปรับหน้าแต่ถูกสมบัติมองอย่างเย็นชาเพราะไม่ชอบพวกเกย์ แล้วเดินเข้าไปห้องทำงานของณฤทธิ์ด้วยความคิดถึงลูกชาย
เมื่อบุญสิตาเอาน้ำไปเสิร์ฟสมบัติ เขาถามว่าทำงานที่นี่เป็นยังไงบ้าง วิญญาณณฤทธิ์ที่ตามมาบอก
บุญสิตาให้ช่วยคุยเป็นเพื่อนคุณพ่อแทนตนด้วย บุญสิตาชวนว่าถ้าคุณพ่อคิดถึงคุณมาร์คก็มาที่นี่บ่อยๆ แล้วคุยถึงความสมบูรณ์แบบของบริษัทที่มาร์คพยายามทำเพื่อสมาชิกและพนักงานทุกคนจะได้รู้สึกสะดวกสบายและไม่เหงา สมบัติชมว่าเป็นความคิดที่ดี
พุฒิเมธมาเจอสมบัติถามว่าพ่อมาได้ยังไง สมบัติบอกว่าอยากเห็นที่ทำงานของมาร์ค แต่จะกลับแล้วพุฒิเมธจึงชวนกลับด้วยกัน
กลับถึงบ้าน สมบัติได้ยินพุฒิเมธปรารภกับวรรณนาเรื่องปัญหาในบริษัทเรื่องพนักงานลาออก ลูกค้ายกเลิกงาน ข่าวลือว่าบริษัทจะปิด วันๆตนต้องคอยตอบคำถาม แก้ปัญหาเหล่านี้ไม่ได้หยุด วรรณนาถามว่าไหวไหม เขาบอกว่าไม่ไหวก็ต้องไหว โชคดีที่มีพวกเพื่อนๆ
และพนักงานที่รักเฮียคอยช่วย แล้วสรุปว่า
“คงต้องช่วยกันดูไปก่อน ถ้าคุณพ่อหายดีค่อยว่ากันอีกที ถ้าท่านขาย พนักงานก็คงต้องลอยแพกัน”
พุฒิเมธรำพึงอย่างกังวล เครียด สมบัติได้ยินก็คิดเครียดว่าจะทำอย่างไรดี?
ฝ่ายณฤทธิ์บ่นกับบุญสิตาว่าพอพ่อเริ่มดีขึ้นปัญหาของบริษัทก็เริ่มมา ตนอยากแยกร่างไปจัดการจริงๆ
บุญสิตาแนะนำว่าเขาควรจัดเรียงลำดับความสำคัญจัดการเรื่องพ่อเขาก่อน ณฤทธิ์สารภาพว่าก่อนตายเขาทะเลาะกับพ่อบ่อยมาก เลยไปซื้อของชิ้นหนึ่งไว้เตรียมขอโทษแต่ตายเสียก่อน ตอนนี้ของอยู่ที่ห้อง พรุ่งนี้ขอยืมร่างเธอไปหาของได้ไหม บุญสิตาพยักหน้ารับ
ooooooo
รุ่งขึ้นวิญญาณณฤทธิ์สิงร่างบุญสิตาไปที่บริษัทแต่เช้าตามปกติที่เขาเคยปฏิบัติก่อนเสียชีวิตตลอดมา สมบัติก็มาแต่เช้าตามคำชักชวนของบุญสิตาที่ว่าจะได้ไม่เหงา ที่สำคัญเขาอยากมาดูที่ทำงานของมาร์คด้วย
วิญญาณมาร์คในร่างบุญสิตาอาสาพาทัวร์บริษัท เธอพาสมบัติเดินเที่ยวรอบบริษัทพลางบรรยายนับแต่การตั้งบริษัท การฝ่าฟันอุปสรรคทุกอย่างเพื่อทำให้บริษัทมีทุกอย่างครบวงจรเพื่อให้ทุกคนอยู่กันอย่างอบอุ่นเหมือนครอบครัว ถ้าวันไหนงานเยอะพวกเราก็จะทำงานโต้รุ่งและนอนกันที่นี่เลย
หลังจากดูและฟังความบากบั่นมุ่งมั่นในการตั้งบริษัทของมาร์คแล้ว สมบัติรำพึงอย่างสะเทือนใจว่า
“ขนาดพ่อไม่สนับสนุนงานของมาร์ค แต่มาร์คก็ทำได้ถึงขนาดนี้ เห็นแบบนี้ก็อดภูมิใจในตัวเขาไม่ได้”
ขณะนั้นเอง กันต์เดินเข้ามาสวัสดีสมบัติถามว่าจำได้ไหมตนเป็นเพื่อนสนิทของมาร์คและเป็นหุ้นส่วนของบริษัทด้วย พูดออกตัวว่าจะไปเยี่ยมคุณพ่อที่บ้านแต่มัวยุ่งเรื่องบริษัท แล้วขอเวลาปรึกษาเรื่องบริษัท
บุญสิตารู้แกวพยายามกัน แต่สมบัติบอกว่าคุยได้ กันต์จึงเชิญไปที่ห้องรับรอง บุญสิตาร้อนใจวิ่งตามทั้งสองไป
กันต์ถามว่าคุณพ่อวางแผนเกี่ยวกับบริษัทไว้ยังไงบ้าง สมบัติบอกว่ายังไม่ได้คิดอะไรเลย มีอะไรไหม?
“พอดีมีคนติดต่อผมมาว่าสนใจอยากซื้อหุ้นบริษัทเรา ราคาเท่าไหร่เขาก็เต็มที่ครับ ผมเห็นคุณพ่อไม่ได้สนใจธุรกิจของมาร์คอยู่แล้ว ผมเลยอยากจะชวนคุณพ่อขายหุ้นบริษัทนี้น่ะครับ”
สมบัติฟังหน้านิ่งๆ ไม่ตอบรับและไม่ปฏิเสธ ฝ่ายวิญญาณณฤทธิ์ในร่างบุญสิตาถูกไล่ออกจากห้องก็ร้อนใจคิดหาทางห้ามสมบัติไม่ให้ขายหุ้น พอดีเห็นพุฒิเมธเดินมาก็รี่เข้าไปบอกให้รีบเข้าไปดูพ่อเพราะกันต์พาพ่อเข้าไปคุยในห้องต้องเป็นเรื่องขายบริษัทแน่ๆ
พอพุฒิเมธเข้าไป สมบัติบอกว่าคุยเสร็จพอดี กันต์บอกว่ายังไงคุณพ่อก็โทร.หาตนได้ แล้วขอตัวไป
“พี่กันต์คุยอะไรกับคุณพ่อครับ” สมบัติจึงเล่าให้ฟัง จากนั้นเขาส่งพ่อขึ้นรถกลับบ้าน
ศรันย์ จัสตินก็ซุบซิบกันเครียด กลัวกันต์มาคุยกับสมบัติเรื่องขายบริษัท พอพุฒิเมธออกมาก็พุ่งเข้าไปถามทันทีว่ากันต์มาคุยเรื่องขายบริษัทใช่ไหม พุฒิเมธส่ายหน้าบอกว่าไม่รู้
ศรันย์เสนอว่าเราต้องหาทางสร้างกระแสอย่างที่ยัยซินเสนอไอเดียวันที่มาสมัครงาน พุฒิเมธถามว่าไอเดียอะไร วิญญาณณฤทธิ์ในร่างบุญสิตาเหลือเวลาอีกเพียง 5 นาที รีบพูดว่า
“ตั้งใจฟังให้ดีนะ ฉันมีเวลาไม่มาก” แล้วบุญสิตา ก็พูดเร็วปรื๋อ “หางานใหญ่ๆสร้างกระแส ประกาศให้โลกรู้ว่าบริษัทเรายังอยู่และกำลังโกอินเตอร์ ทำงานมากันตั้งกี่ปียังไม่รู้อีก ต้องให้เด็กใหม่อย่างฉันมาสอน”
บุญสิตาบ่น ดูนาฬิกาอย่างกังวลแล้วรีบพูดต่อ
“ดึงโปรเจกต์ต่างประเทศมาทำต่อ ยังไงก็ต้องรักษาโปรเจกต์นี้ให้ได้ เข้าใจไหม” พูดแล้วก็วิ่งออกไปแต่ยังหันมาย้ำว่า “อย่าลืมนะ ต้องทำงานนี้ให้สำเร็จ มันคือความหวังสุดท้ายของพวกแก”
พูดจบก็วิ่งไปเลยเพราะต้องรีบไปคืนร่างให้บุญสิตา แต่เพราะไม่ต้องการให้ใครๆเห็นว่าบุญสิตาเป็นลมบ่อยๆ จึงไปคืนร่างให้ในห้องน้ำ ทำเอาบุญสิตาอึ้งที่รู้สึกตัวขึ้นมาพบว่าตัวเองนั่งอยู่บนโถส้วม!
ooooooo
บ่ายวันนี้ วัฒน์จากบริษัทจีวายก็นัดกันต์ไปเจรจาบอกว่าอยากได้งานโปรเจกต์ exchange เด็กที่เกาหลี งานที่มาร์คดิวเอาไว้เพราะกันต์เองก็อยากขายบริษัทอยู่แล้ว
กันต์ยิ้มอย่างรู้ทัน วัฒน์บอกว่าเปิดโอกาสให้เด็กของตนดีกว่า กันต์อยากได้ค่าเสียเวลาเท่าไหร่ก็ว่ามาเลย ตนยินดีจ่าย กันต์ยิ้มๆเป็นการตอบตกลงโดยปริยาย
หลังจากตกลงกันว่าจะต้องสร้างกระแสใหญ่ตามคำแนะนำของบุญสิตาแล้ว ดนุดลก็ฝึกซ้อมร่างกาย ฝึกภาษาทุ่มเททำทุกอย่างเพื่อโปรเจกต์นี้
ขณะเดียวกันเจนนี่กับซาร่าที่ไม่มั่นใจบริษัท เมื่อขาดมาร์คก็คิดที่จะย้ายสังกัด เจนนี่บอกซาร่าว่า
“ย้ายตอนนี้ก็เสียชื่อพอดี แต่ถ้ามีโอกาสฉันย้ายแน่”
เวลาเดียวกันเจนนี่ก็สร้างภาพคู่รักตนกับพุฒิเมธให้เป็นกระแส นัดพุฒิเมธไปเดินห้างโชว์ตัวกันเขาก็ปฏิเสธ เจนนี่เลยเอาดอกไม้ที่แฟนคลับให้ดนุดลมาถ่ายลงไอจี รูปตัวเองกำลังดมดอกกุหลาบพร้อมแคปชั่นว่า
“ตัวมาไม่ได้แต่ก็ส่งกำลังใจมา ขอบคุณนะคะ # loveu4ever”
อ่านละครเรื่อง ชั่วโมงต้องมนต์ ตอนที่ 5 วันที่ 7 ก.พ.61
ละครเรื่อง ชั่วโมงต้องมนต์ บทประพันธ์โดย : ติณณาละครเรื่อง ชั่วโมงต้องมนต์ บทโทรทัศน์โดย : ตฤณณา
ละครเรื่อง ชั่วโมงต้องมนต์ กำกับการแสดงโดย : กิตติศักดิ์ ชีวาสัจจาสกุล
ละครเรื่อง ชั่วโมงต้องมนต์ ผลิตโดย : บริษัท ทีวีซีน จำกัด
ละครเรื่อง ชั่วโมงต้องมนต์ ออกอากาศเร็ว ๆ นี้ ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ