อ่านละคร บุพเพสันนิวาส ตอนที่ 6 วันที่ 25 ก.พ.61

อ่านละคร บุพเพสันนิวาส ตอนที่ 6 วันที่ 25 ก.พ.61

จากนั้นฟอลคอนก็บอกฟานิกว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย ทั้งสองคุยกันลำพัง ฟานิกฟังด้วยสีหน้าเครียด... พอฟอลคอนกลับไป ฟานิกบอกลูกสาวว่า ฟอลคอนให้สังฆราชปัลลูมาสู่ขอลูก

“ข้าไม่ยินยอมเป็นเด็ดขาด” มะลิเสียงลั่น

“ยังไม่ทันคิดไตร่ตรอง ลั่นวาจาเช่นนั้นมิเป็นคนฉลาดเลย”

“ข้าไตร่ตรองแล้ว ตอบเหมือนเดิมพ่อท่าน”



ฟานิกถามมีเหตุผลใด มะลิตอบชัดถ้อยชัดคำว่า... เกลียด...ฟานิกถึงกับอึ้งไปทันที...

สายวันนั้น ปริกกับบุ้งไปตลาด ได้ยินเรื่องราวที่โจษจันกันทั่วตลาดก็ตาลีตาลานกลับมาฟ้องจำปา...

หมื่นสุนทรเทวาครุ่นคิดไว้แล้ว รีบมาพาเกศสุรางค์ไปหาออกญาโหราธิบดีแต่เช้า

หมื่นสุนทรเทวาเล่าเรื่องราวที่พาการะเกดไปตีกระทะแบบใหม่ แลได้แวะตลาดท่าเรือจ้างวัดนางชี เมื่อเลี้ยวหัวโค้งตรงตลาดน้ำ ก็โดนเรือชน ตัวเขาโดนกระแทกที่หัวจมน้ำสิ้นสติ

“อ้ายจ้อยลากตัวขึ้นมาได้ แลแม่การะเกดก็ช่วยให้ข้าฟื้น เพราะเพลานั้นข้าเหมือนตายแล้ว” ออกญาตกใจเพิ่งรู้เรื่องราวละเอียด เกศสุรางค์แทรกว่าเรื่องแค่นี้ไม่ต้องขอบใจอะไร ท่านหมื่นพูดต่อว่า “ให้คุณพ่อรู้จากปากข้า ดีกว่าไปได้ยินจากผู้อื่น”

เกศสุรางค์ชะงัก พอจะรู้แล้วว่าเรื่องอะไร อึกอักว่า “อาจจะไม่มีใคร...พูด”

แต่ท่านหมื่นเล่าต่อ “คุณพ่อขอรับ แม่การะเกดใช้ความรู้จากมิชชันนารีช่วยให้ข้าฟื้น”

“อ้อ...แม่การะเกดความรู้อักโขนะออเจ้า” ออกญายังยิ้มแย้ม แต่พอท่านหมื่นเล่าว่า

“แม่การะเกดเอาลมจากปากนางมาใส่ปากข้าขอรับ”

ออกญาหน้าเหวอฟังไม่ค่อยเข้าใจ เกศสุรางค์รีบสรุปความว่าเท่านั้นท่านหมื่นก็ฟื้นแล้วจบเรื่องแค่นี้

แต่ท่านหมื่นกลับเน้นย้ำว่า ลมจากปากนาง ออกญาพูดซ้ำคำของลูกว่า

“ลม...จากปากแม่การะเกด...ใส่ปากพ่อเดช”

“ขอรับ นางเป่าเข้าไปในปากข้าขอรับ”

“พ่อยังมิเข้าใจ ไม่เคยเห็นใครทำฉะนั้น”

“ขอรับ...เป็นวิธีแบบมิชชันนารีขอรับ”

ออกญาให้อธิบายวิธีอีกครั้งแล้วนึกภาพประกอบ ...ระหว่างนั้น จำปาฟังปริกเล่าเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโต ว่าบัดสีบัดเถลิงแทบฟังไม่ได้...ด้านออกญาเหล่มองเกศสุรางค์ ที่นั่งหน้าเจี๋ยมเจี้ยม

“ความนี้คงลือกันทั้งพระนคร พ่อเดชคิดจักทำประการใด”

“ข้าคิดจักออกเรือนขอรับ”

เกศสุรางค์ตกใจอ้าปากค้าง ออกญาพยักหน้ารับอย่างเห็นดี หญิงสาวแย้งเร็วจี๋

“คงไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอกเจ้าค่ะคุณลุงเจ้าขา คนลือก็ปล่อยให้ลือไป เราไม่สนใจเสียอย่างจะกลัวอะไรเจ้าคะ อีกอย่างข้าก็ประกาศลั่นตลาดว่าช่วยชีวิต...ช่วยชีวิต ไม่ใช่เรื่อง เอ่อ...น่าเกลียด เป็นเรื่องเล็กเจ้าค่ะ เรื่องจิ๊ดเดียว ไม่ต้องออกเรือนหรอกเจ้าค่ะ”

หมื่นสุนทรเทวาเอ็ดให้การะเกดเงียบ ออกญาสำทับว่าเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ มิใช่เรื่องที่เธอจะสอดขึ้นมา... แล้วถามลูกชายว่าต้องการแค่หมั้นหมายก่อนใช่หรือไม่ เกศสุรางค์ค่อยยิ้มออก

ทันใดเสียงจำปาดังลั่นเข้ามา “แม่การะเกด...แม่ตัวดี...บัดสีเหลือทน ข้าเห็นจะทนไม่ได้แล้ว” ทั้งสามหันมอง เกศสุรางค์จะอธิบายแต่ไม่ทัน จำปาเสียงกร้าว “จักทำอย่างไรกับเจ้าดี กักขังในเรือนมิให้ออกไปสร้างเรื่องบัดสีบัดเถลิงน่าอับอายอย่างนี้อีก อะไรกัน ไม่ไว้หน้าผู้ใหญ่ ทำอะไรหาใช้ความคิดไม่ ตั้งแต่มาอยู่เรือนนี้ทำแต่เรื่องน่าเกลียดน่าชัง เพลานี้ทำเรื่องน่าอับอายอีก ผู้หญิงทั้งพระนครมิเห็นมีว่าใครจะหน้าไม่อายอย่างเจ้า”

ทั้งออกญาและหมื่นสุนทรเทวานั่งนิ่ง แต่เกศสุรางค์ ทนไม่ไหวโพล่งขึ้น “คุณป้า! ถ้าข้าไม่ช่วยคุณพี่ต้อง...”

“ข้ามิได้ให้ออเจ้าเอ่ยปาก จักกล่าวออกไปไยให้มากมาย กิริยาอย่างนี้เพราะมิมีใครอบรมสั่งสอน” เกศสุรางค์จะเถียง แต่จำปาตวาด “หยุด...อย่าเอ่ยคำใดอีก มิมีใครเขาทำกัน โต้เถียงผู้ใหญ่คำไม่ตกฟาก ดูพี่เจ้ารึนั่งเงียบเห็นฤาไม่”

เกศสุรางค์รับคำหน้าคว่ำ ออกญาแทรกด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “แม่การะเกด ลุงขอบใจเจ้ามากหนาที่ช่วยพ่อเดชให้ฟื้น ออเจ้ามิต้องกังวลไป หากแม้ชื่อเสียงของออเจ้าจักต้องเสียหาย ลุงจะให้พ่อเดชแก้ไขตบแต่งแก่ออเจ้า เพราะมิว่าแม่หญิงใดมีเรื่องเสียหายถึงเพียงนี้ ย่อมถึงแก่ขายไม่ออก มิมีชายใดอยากได้เป็นเมียหรอกหนา...แม่จำปา ให้หมั้นหมายไว้ก่อนดีฤาไม่”

จำปาไม่ยอมจะให้ส่งการะเกดกลับสองแคว

เกศสุรางค์สวนว่าไม่ไป จำปาถลึงตาดุ บอกสามีและลูกว่า นางไม่มีกาลเทศะยังจะเอาเป็นสะใภ้อีกหรือ หมื่นสุนทรเทวาขอประทานโทษแม่ จำปาหน้าเสียที่ไม่อาจห้ามปรามสามีกับลูกได้ สะบัดหน้าเดินไป เกศสุรางค์รู้สึกผิดพึมพำอยากกลับบ้าน ท่านหมื่นสวนทันควันไม่ให้กลับ แล้วลุกเดินไปอีกคน หญิงสาวงุนงงแต่ก็ซึ้งใจ

ooooooo

ค่ำนั้น เกศสุรางค์ครุ่นคิดหนักใจ ว่าหมื่นสุนทรเทวาจะสู้กับแม่ตัวเองได้หรือ คิดแล้วอยากลุกขึ้นมาเป็นสะใภ้ปฏิวัติ ให้ลือกันไปทั้งบาง...แล้วฉุกคิดว่าท่านหมื่นคงกลุ้มใจอยู่เช่นกัน ว่าแล้วก็เดินออกมาจากห้อง มองไปอีกฟากเรือน เห็นท่านหมื่นยืนอยู่ที่ระเบียง

เกศสุรางค์เดินเข้ามาใกล้ ได้ยินท่านหมื่นถอนใจโพล่งออกมาว่า...ไม่ให้กลับ...ก็เข้าไปแตะแขน เขาสะดุ้งสุดตัวสะบัดแขน หญิงสาวตกใจเซล้มก้นกระแทก ท่านหมื่นยืนมองขำๆ “โห...เต๊ะได้ใจ” เกศสุรางค์หมั่นไส้ แกล้งยื่นมือไปให้เขาช่วยฉุด พอเขายื่นมือจะจับ เธอก็หดมือแล้วลุกขึ้นเอง ให้เขาเก้อเล่น แล้วรีบพูดธุระที่ต้องการพูด “คุณพี่ต้องบอกให้คุณป้ารู้นะคะว่า ถ้าข้าไม่ช่วยคุณพี่ด้วยวิธีนี้ คุณพี่ตาย...คุณป้าว่าข้าสาดเสียเทเสีย ข้าไม่ยอม...อย่าลืม!” เธอชี้นิ้วตรงหน้าเขาเป็นการย้ำ หมื่นสุนทรเทวามองงงๆจนกลายเป็นขำ...

รุ่งเช้า เกศสุรางค์สะดุ้งตื่น พบว่าตัวเองมีประจำเดือนก็ตกใจ ผินกับแย้มไม่ได้อยู่ในห้อง หมื่นสุนทรเทวากำลังจะไปทำงาน เห็นการะเกดวิ่งผ่านหน้าไปแล้ววิ่งกลับมาพร้อมผินกับแย้ม ก็แปลกใจว่ามีเรื่องอันใด

เกศสุรางค์บอกผินกับแย้มในห้องว่าตนมีเมนส์ สองบ่าวหน้าเหวอ จึงบอกใหม่ว่ามีประจำเดือนพร้อมทำท่าประกอบ สองบ่าวร้องอ๋อ...เขาเรียกว่าระดูต้องขี่ม้า คราวนี้เกศสุรางค์เป็นฝ่ายหน้าเหวอบ้าง ทั้งสองรีบเตรียมผ้าขาวพับทบเป็นทางยาว และฉีกผ้าไว้คาดเอวอีกเส้น ให้เธอก้าวคร่อมเหมือนขี่ม้า ไม่ทันคร่อมเสียงหมื่นสุนทรเทวาเคาะประตูถามว่าเป็นอะไร แย้มรีบบอกว่าแม่นายไม่เป็นอะไร ท่านหมื่นจึงสั่งให้เปิดประตู

เกศสุรางค์ขัดขาผินไม่ให้ไปเปิด

สองบ่าวสะดุดล้มร้องวี้ดว้าย ท่านหมื่นจึงผลักประตูเข้ามาด้วยความเป็นห่วง เกศสุรางค์ปราดเข้าดันอกเขาไม่ให้เข้ามาในห้องพร้อมว่า

“คุณพี่นั่นแหละค่ะออกไป นี่ห้องส่วนตัวนะคะ ข้ามีเรื่องทำกับพี่สองคน คุณพี่ไม่เกี่ยว... เฮ้อ...คนกำลังจะขี่ม้าอยู่เชียว มาพี่...ไหนล่ะม้า จูงมาเลย”

หมื่นสุนทรเทวายืนมองประตูห้องการะเกดอย่างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น สักพักเกศสุรางค์เปิดประตูออกมาเห็นเขายังยืนอยู่ ก็ถามว่าเขามีอะไร ท่านหมื่นเห็นท่าเดินขาถ่างนิดๆของเธอก็ยิ่งแปลกใจ เหตุใดจึงเดินแบบนั้น หญิงสาวก้มมองตัวเองแล้วอึกอักตอบไม่ถูก เขาจะดูว่าเธอเจ็บตรงไหน เธอร้องห้ามลั่น ผินกับแย้มตามออกมาหน้าตื่น

“ตายแล้ว! แม่นายออกไปข้างนอก!”

“อย่าตกใจ แค่พาข้ากลับไปห้อง” เกศสุรางค์ปรามเกรงท่านหมื่นจะรู้ว่าตนเป็นอะไร

เข้ามาในห้องได้ ผินพูดเสียงดุ “ออกไปทำไมเจ้าคะแม่นาย คนมีระดูเขาไม่ออกไปข้างนอก ต้องอยู่แต่ในห้องนอน” เกศสุรางค์ถามว่าทำไม ผินบอก “แม่น้าย! เดินขาถ่างอย่างนี้จะให้ใครเห็นเจ้าคะ อีกทั้งหากเลือดระดูไปเปื้อนตอนอยู่ข้างนอก จักพากันอับอายไปเสียอีก”

เกศสุรางค์สงสัยแล้วคนอื่นไม่แปลกใจว่าเราหายไปสามสี่วันหรือ ผินบอกก็บอกว่าเราขี่ม้าอยู่ เกศสุรางค์หัวเราะคิก...หมื่นสุนทรเทวาได้ยินเสียงหัวเราะดังมาอีกก็อมยิ้มอย่างเอ็นดู

ooooooo

วันต่อมา เกศสุรางค์รู้สึกเบื่อหน่ายที่ต้องอยู่แต่ในห้องทั้งวัน พอเห็นผินจะเอาผ้าที่เปื้อนระดูของตนไปซักก็ตกใจแย่งคืนมา บอกว่าของสกปรกของตนต้องซักเอง ผินกับแย้มงวยงง แต่ก่อนไม่เคยซักผ้าผ่อนท่อนสไบอะไรเลย ผินกับแย้มพาไปซักที่ท่าน้ำริมคลอง

เกศสุรางค์ตกใจแบบนี้น้ำในคลองก็จะเน่าเสียหมด... หมื่นสุนทรเทวายืนมองจากบนเรือน ออกญาโหราธิบดีเริ่มเห็นลูกชายสนใจการะเกดมากขึ้นเรื่อยๆ ก็ยิ้มยินดี เข้ามาเกริ่นจะหาฤกษ์หายามหมั้นหมายไว้ก่อน ท่านหมื่นรู้สึกอิ่มเอิบใจ หลบตาผู้เป็นพ่อ

เกศสุรางค์ซักผ้าในครุหรือกะละมังแล้วให้ผินเอาน้ำไปเทที่โคนต้นไม้ ไม่ให้เทลงคลอง โดยให้เหตุผลว่า น้ำในคลองเราใช้ทั้งอาบทั้งกิน ไม่ควรเอาน้ำซักผ้าสกปรกเทลงไป

อ่านละคร บุพเพสันนิวาส ตอนที่ 6 วันที่ 25 ก.พ.61

ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส บทประพันธ์โดย รอมแพง
ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส บทโทรทัศน์โดย ศัลยา
ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส กำกับการแสดงโดย ภวัต พนังคศิริ
ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส ผลิตโดย บริษัท บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น จำกัด
ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส ออกอากาศเร็ว ๆ นี้ ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ