อ่านละคร บุพเพสันนิวาส ตอนที่ 6 วันที่ 27 ก.พ.61

อ่านละคร บุพเพสันนิวาส ตอนที่ 6 วันที่ 27 ก.พ.61

“ถ้าผิดเยอะๆ ฆ่าไหมเจ้าคะ” เกศสุรางค์ซัก พระวิสุทธสุนทรบอก ฟันคอริบเรือน เกศสุรางค์ดีดนิ้วเป๊าะ “มันต้องงั้น ขี้โกงนี่เลวมาก ฟันคอยังน้อยไป ต้องฟันทั้งตัว หั่นเป็นชิ้นๆ”

ทุกคนทำหน้าเหวอ พระวิสุทธสุนทรบอกเรื่องผิดของขุนนางมีอีกมากมาย แล้วจะเล่าสู่ในโอกาสต่อไป เกศสุรางค์ไหว้อย่างสวยงาม บอกอยากฟังทั้งเรื่องไพร่ ไพร่สม ไพร่หลวง พระวิสุทธสุนทรยินดีจะเล่าให้ฟัง ขุนเรืองแทรกขำๆว่าตนก็รู้หลายเรื่อง ขุนศรีวิสารวาจาให้พอแค่นี้และให้การะเกดกลับห้อง เธอจำต้องไหว้ลาทุกคน พอเกศสุรางค์คลานออกไปแล้ว ขุนเรืองก็ถาม

“ออเจ้าหงุดหงิดใส่นางได้อย่างไร นางเป็นคนใฝ่รู้ เป็นสิ่งดีแก่ออเจ้าต่อไปเมื่อ...”



ขุนศรีวิสารวาจาตัดบทให้คุยธุระราชการ พระวิสุทธ– สุนทรขำท่าทีของหลานชาย แบบนี้จะเข้าหอได้อย่างไร ขุนศรีวิสารวาจาเมินหน้าไปทางอื่น นัยน์ตาหวั่นไหวนิดๆ

ค่ำนั้น เกศสุรางค์ออกมาสีฟันแล้วฮัมเพลงโยกตัวไปมา พลันรู้สึกว่ามีคนมอง ก็รู้ได้ว่าไม่มีใครนอกจากขุนศรีวิสารวาจา จึงแกล้งหาความว่าทำไม่ถูก ต้องลงโทษ พาตนไปที่ที่อยากไป

วันรุ่งขึ้น ขุนศรีวิสารวาจาพาเกศสุรางค์มารับกระทะที่สั่งทำ เธอพึงใจมากแล้วสั่งให้ทำเครื่องกรองน้ำอีกอย่าง จีนฮงอ้าปากค้างเพ่งมองภาพที่เธอวาดออกมา เป็นกรวยปากกว้าง แคบลงมาเป็นที่น้ำไหลออกได้ มีขาหยั่งเหล็กสำหรับวางกรวย และให้ทำหม้อใบใหญ่รองน้ำด้วย

ด้านฟอลคอนมากำชับมะลิเรื่องแต่งงาน และจะเปลี่ยนชื่อให้เธอใหม่ มะลิอ้างยังไม่อยากออกเรือน

อยากดูแลพ่อที่แก่เฒ่าลง ฟอลคอนกลับบอกว่า

“ไม่เป็นไรข้าจะช่วยในเรื่องนั้น สำหรับตัวเจ้า

ข้าจะจัดงานแต่งงานให้ใหญ่โต เจ้ามิต้องอายใคร ข้าจะยกย่องเจ้าเป็นเมียเอก”

“ท่านมีเมียพระราชทานที่เป็นข้าหลวงของพระธิดาขุนหลวง”

“อ๋อ เมียผู้นั้นข้าส่งกลับไปในวังอย่างเดิม เจ้าจะเป็นใหญ่ในเรือนข้าแต่ผู้เดียว เมียเล็กเมียน้อยของข้าเจ้ามิต้องพะวงถึงเลย” ฟอลคอนหันไปสั่งฟานิกตัดผ้าขายให้แก่เขา

เกศสุรางค์เห็นว่ายังหัววันจึงให้ขุนศรีวิสารวาจาพามาเยี่ยมมะลิที่ร้าน ท่านขุนแปลกใจที่รู้จักกัน เกศสุรางค์กำลังจะเล่า ฟอลคอนเดินมาพอดี พอเห็นเธอก็สาวเท้าเข้าประชิด ท่านขุนดึงเธอเดินเลี่ยง แต่ฟอลคอนยังตามมาขวาง เกิดการเผชิญหน้าของสองชาย สักพักฟอลคอนก็ยิ้มเยาะแล้วเดินจากไป ท่านขุนถอนใจนึกว่าจะแน่

เกศสุรางค์แอบขำ

พอสองสาวได้พบกันต่างดีใจ มะลิเห็นขุนศรีวิสารวาจาที่ตนชื่นชอบก็ชะงักเล็กน้อย เกศสุรางค์ฟังมะลิเล่าเรื่องฟอลคอนแล้วไม่ค่อยพอใจ ยุให้มะลิขับไล่อย่าไปกลัว

“ท่านออกหลวงสุรสาครมาสร้างความรำคาญให้ออเจ้า ก็อย่าได้เกรงกลัวไปหนา พระยาวิสูตรสาครผู้ดูแลความเรียบร้อยของร้านเรือนแพ เป็นบิดาของขุน

เรืองอภัยภักดี สหายของข้าจักช่วยว่ากล่าวตักเตือนได้” ขุนศรีวิสารวาจาสำทับและแนะนำ

มะลิขอบคุณ สบตาอย่างเอียงอาย เกศสุรางค์เห็นท่าทีแล้วรู้ได้ว่ามะลิมีใจให้ท่านขุน...สองสาวคุยกันสักพัก ท่านขุนก็เตือนให้กลับ มะลิเห็นสายตาเขาที่มองการะเกดแล้วใจแป้ว ยิ่งเห็นเขาจับแขนพาเดินไปลงเรือ ก็หน้าหมองเศร้าลง ฟานิกเข้ามาปลอบกึ่งเตือนลูกสาว

“ศักดิ์ตระกูลและเชื้อชาติเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ เขา

ไม่ก้าวข้ามมาหาเราหรอก”

“มิใช่เลยพ่อข้า เขามิได้พึงใจข้าต่างหาก ถ้าเขาพึงใจ ศักดิ์ตระกูลฤาจะเป็นอุปสรรค”

“ตัดสินใจได้แล้วนะลูกพ่อ ท่านสังฆราชปัลลู

รอฟังคำตอบอยู่ทุกเมื่อ”

มะลิย้ำว่าไม่ได้รักฟอลคอน ผู้เป็นพ่อเห็นว่าอยู่กินกันไปก็รักกันเอง แถมเขายกย่องให้เป็นเมียเอก ถ้าเป็นขุนนางชาวสยามไม่มีทางยกย่อง มีแต่จะทำให้ช้ำใจเป็นเมียรอง มะลิฟังแล้วยิ่งสะเทือนใจน้ำตาปริ่ม

ถึงท่าน้ำบ้านก็ตะวันคล้อย เกศสุรางค์หลบให้จ้อยแบกกระทะเดินไปก่อน ทำให้เข้าไปชิดขุนศรีวิสารวาจา ผินกับแย้มทำหน้าเตือนให้ถอยห่าง เธอจึงเฉไฉคุยเรื่องพระจันทร์ว่าที่นี่ดวงโต ท่านขุนบอกว่าคงคนละดวง หญิงสาวเผลอท้วงว่าพระจันทร์มีดวงเดียวในโลก ท่านขุนทำหน้างง เธอรีบเปลี่ยนเรื่องถามว่าเขานัดขุนเรืองเมื่อใด ท่านขุนขุ่นเคืองทันที เธอจึงเย้า

“นัดดื่มสุรากันไงคะ...ไม่เมาเหล้าแต่เรายังเมารัก สุดจะหักห้ามจิตคิดไฉน ถึงเมาเหล้าเช้าสายก็หายไป แต่เมาใจนี้ประจำทุกค่ำคืน” ขุนศรีวิสารวาจาถามกล่าวกลอนนี้ด้วยเหตุใด เธอเย้า “กล่าวให้ใครก็ไม่รู้ ที่มีทั้งแม่หญิงจันทร์วาด ทั้งแม่มะลิ”

ขุนศรีวิสารวาจาน้ำเสียงเข้มว่าเธอลืมไปอีกผู้หนึ่ง เกศสุรางค์ตื่นเต้นว่าเขามีใครอีก ท่านขุนให้ไปส่องคันฉ่องดู แล้วเดินไพล่หลังไป หญิงสาวครุ่นคิดพอนึกได้ว่าคันฉ่องคือกระจกก็หน้าแดง คิดไม่ถึงว่าเขาจะมีมุกแบบนี้...

คำพูดนี้ทำให้เกศสุรางค์นอนไม่หลับทั้งคืน

เช้าวันใหม่ จิก จวง และปริกคุยกันเรื่องการลงหวาย ปริกออกปากว่าถ้าวันใดแม่นายสั่งให้ลงหวายการะเกด ตนจะไม่ยั้งมือเลยสักนิด จิกถามว่าตอนนี้การะเกดไม่เหมือนก่อนจะรับเป็นแม่นายไม่ได้หรือ ขนาดตอนร้าย ผินกับแย้มยังรับใช้แบบตายคาเรือนได้

“คอยดูกัน ผิว่าแม่หญิงเปลี่ยนจริง ก็ไม่ยากหรอกที่ข้าจะรับแม่หญิงเป็นนาย เราเป็นบ่าวในเรือนก็หวังเจ้านายเมตตาปรานี...จริงอยู่ พวกบ่าวอย่างเราถูกสั่งถูกสอนมา เป็นบ่าวใครก็ต้องซื่อสัตย์ ไม่มีล่ะที่จะเป็นข้าสองเจ้าบ่าวสองนาย ใครเป็นเข้าก็มีแต่คนก่นด่า”ปริกพูดอย่างปลงๆ

ooooooo

ออกญาโหราธิบดีขอให้จำปาเห็นแก่ความสุขของลูก จำปาอึดอัดใจมากเปรยกับปริกว่าแม้จะชังน้ำหน้าแค่ไหน ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็คงต้องทำหน้าที่แม่สั่งสอนงานบ้านงานเรือนแก่การะเกด

หลายวันผ่านไป จำปากับปริกช่วยกันสอนการะเกดทำอาหาร จักขิง แกะสลักผลไม้ ผลออกมาน่าหนักใจไม่เป็นเรื่องสักอย่าง แต่พอเป็นงานร้อยมาลัย พับกลีบดอกบัว เธอทำออกมาได้ดีเกินคาด...แต่ละวันเกศสุรางค์เหน็ดเหนื่อยแทบหมดแรง ขุนศรีวิสารวาจาแกล้งถามว่า คันฉ่องที่ห้องชัดดีอยู่หรือไม่ หญิงสาวชะงัก เขินอายหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง

วันต่อมา จีนฮงนำเครื่องกรองน้ำที่สั่งทำมาส่ง เกศสุรางค์ดีใจสั่งบ่าวให้หานุ่น ถ่าน ก้อนกรวดใหญ่ กรวดเล็ก ทรายหยาบมาอย่างละกระบุง ทั้งออกญาโหราธิบดี จำปา ขุนศรีวิสารวาจาและทุกคนในบ้านต่างจ้องมองการ ทดลองด้วยความประหลาดใจ แล้วเกศสุรางค์ก็ให้เททุกอย่างลงในกรวย จำปาบ่นว่าทำอะไรพิเรนทร์เธอจึง อธิบาย

“เครื่องกรองน้ำมีนุ่นอยู่ล่างสุด ต่อมาเป็นถ่านดูดกลิ่นเพราะน้ำคลองมีกลิ่นโคลน กลิ่นหญ้า กรวดกับทรายจะกรองพวกตัวสัตว์เล็กๆหรือเชื้อโรคเจ้าค่ะ”

ขุนวิสารวาจาแย้งว่าแกว่งสารส้ม ตะกอนก็นอนก้นและสงสัยว่าเชื้อโรคเป็นอย่างไร เกศสุรางค์อธิบายว่าตะกอนนอนก้นพอตัก น้ำก็ขุ่นขึ้นใหม่ ส่วนเชื้อโรคตัวเล็กมาก มองตาเปล่าไม่เห็น เขาสวน

ถ้าไม่เห็นรู้ได้อย่างไรว่ามี หญิงสาวเผลอเท้าเอวถอนใจ จำปาเอ็ดว่าทำกิริยาชั่ว เธอรีบขอโทษแล้วให้บ่าวเทน้ำคลองลงกรวยให้ดูกันไปเลย พอทุกคนเห็นน้ำที่กรองออกมาในหม้อใสและไม่มีกลิ่นก็ตะลึงตามๆกัน

พอดีขุนเรืองมา ขุนศรีวิสารวาจาแปลกใจมาทำไมนัดกันวันพรุ่ง เกศสุรางค์รีบถามว่านัดไปไหน ขุนเรืองบอกว่าไปตลาดบ้านจีน เธอขอไปด้วยทันทีเพราะรู้ว่ามีโรงละครที่นั่น ขุนศรีวิสารวาจาห้ามเสียงเข้ม เพราะไม่มีหญิงผู้ดีไปตลาดแห่งนี้ เธอหน้าคว่ำหันไปสนทนากับขุนเรือง อธิบายเรื่องเครื่องกรองน้ำอย่างสนุกสนาน ทำให้ขุนศรีวิสารวาจาไม่พอใจ

ออกญาโหราธิบดีให้จำปาดูอากัปกิริยาของลูกว่ามีใจแก่การะเกดแค่ไหน จำปายอมรับและว่ากำลังทำหน้าที่ของแม่อยู่ แต่ถึงอย่างไรก็ยังยืนยันว่าการะเกดสันดานไม่ดี พลันเกศสุรางค์เดินขึ้นเรือนมาได้ยินรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างมาก...พอเข้ามาในห้อง ผินกับแย้มปลอบใจแต่ก็รู้สึกฉงนฉงาย ถ้าเป็นแต่ก่อนได้ยินแบบนี้จะตอบโต้ทันที แต่ครานี้ทำไมเงียบงัน

“ข้าตอบโต้ว่าไงเหรอพี่...แรงเหรอพี่” สองบ่าวพยักหน้า เกศสุรางค์จึงให้เล่าถึงนิสัยไม่ดี

อ่านละคร บุพเพสันนิวาส ตอนที่ 6 วันที่ 27 ก.พ.61

ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส บทประพันธ์โดย รอมแพง
ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส บทโทรทัศน์โดย ศัลยา
ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส กำกับการแสดงโดย ภวัต พนังคศิริ
ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส ผลิตโดย บริษัท บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น จำกัด
ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส ออกอากาศเร็ว ๆ นี้ ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ