อ่านละคร บุพเพสันนิวาส ตอนที่ 5 วันที่ 24 ก.พ.61

อ่านละคร บุพเพสันนิวาส ตอนที่ 5 วันที่ 24 ก.พ.61

ชาวบ้านที่มุงดู ตกใจงุนงงถอยห่างเมื่อเห็นหญิงสาวก๋ากั่นโต้เถียงหน้าถมึงทึง ต่างมองด้วยสายตารังเกียจก่อนจะเดินหนีกันไป

ooooooo

ระหว่างนั่งเรือพายกลับ เกศสุรางค์นั่งนิ่งในขณะที่หมื่นสุนทรเทวาสีหน้าสับสน ครุ่นคิดถึงเมื่อชั่วครู่ ตอนที่การะเกดประกบปากผายปอด ท่านหมื่นเห็นใบหน้าอวบอิ่มของเกศสุรางค์ซ้อนทับกับหน้าการะเกด ร่างของเธออยู่ในชุดคล้ายชาวฟะรังคี ผมยาวสยาย

เกศสุรางค์หันมาสบตา รู้สึกหวั่นไหวด้วยกันทั้งคู่ จ้อย ผินและแย้มมองอย่างสงสัย พอถึงท่าน้ำบ้าน  เกศสุรางค์เป็นห่วงกลัวท่านหมื่นขึ้นท่าไม่ไหว เขายังมองเธอไม่วางตา ราวอยากเห็นอีกร่างของเธอ หยั่งเชิงถามว่าถ้าตนขึ้นไม่ไหวจะทำอย่างไร หญิงสาวตอบทันทีว่าเรียกจ้อยมาช่วย ท่านหมื่นผิดหวังลุกก้าวขึ้นจากเรือทันที เกศสุรางค์หน้าเหวอหันมาเห็นหน้าผินกับแย้ม



“พี่ผิน พี่แย้ม ยืนบิดไปบิดมาทำไม...มารับข้าด้วย” เห็นสองบ่าวเอามือแตะปากสีหน้าระทึก “พี่...มันก็แค่จูบช่วยชีวิต จะเพ้ออะไรนักหนาพี่ พี่...มารับข้าเร็ว”

ส่วนจ้อยรีบวิ่งตามหมื่นสุนทรเทวาไป สักพักท่านหมื่นรู้สึกมึนยืนพิงต้นไม้ เกศสุรางค์พุ่งพรวดเข้าดูแล จ้อยรายงานว่าท่านหมื่นบ่นปวดกบาล หญิงสาวหวั่นใจพร่ำพูดวิตกกังวล

“ปวดกบาล...ตายจริง! เส้นเลือดในสมองแตกรึเปล่าเนี่ย ตายแล้วทำไงดี” ท่านหมื่นจ้องหน้าหวังเห็นร่างซ้อนอีกครั้ง เกศสุรางค์พร่ำต่อ “คุณพี่...คุณพี่รวบรวมสตินะคะ แล้วตอบคำถามของข้าด้วย คุณพี่เห็นข้าไหมคะ...ไม่เห็นหรือคะ!” ชูนิ้วขึ้นสองนิ้ว “เห็นนี่ไหมคะ...ตายแล้ว... กระเทือนจนลูกกะตาไม่เห็นหรือเนี่ย”

หมื่นสุนทรเทวากำมือเกศสุรางค์แน่นไม่พูดจา เธอลืมตัวถาม “นี่มือเกศนะคะ เห็นรึเปล่าคะ” ท่านหมื่นพยักหน้างุนงงกับการเรียกชื่อตัวเองของเธอ แล้วบ่นว่าปวดกบาล เธอถามย้ำว่าเห็นแน่ ตาไม่พร่าใช่ไหม เขารับว่าเห็นแล้วเร่งให้เธอพาขึ้นเรือน

ข่าวหมื่นสุนทรเทวาโดนเรือชนถึงหูจำปากับออกญาโหราธิบดีอย่างรวดเร็ว บรรดาบ่าวไพร่ซุบซิบกันระงมแล้ววิ่งมานั่งเรียงรายตามขั้นบันไดอย่างเป็นระเบียบ...เสียงจำปาดังลั่นบ้าน

“ถ้าลูกข้าตายข้าจักไม่ไว้ชีวิตพวกเอ็งเหมือนกัน อ้ายจ้อย...ออกมากรงนี้”

จ้อยค่อยๆคลานออกมา จำปาโทษว่าเป็นความผิดจ้อยที่ทำให้เกิดเรื่อง ท่านหมื่นขัดว่าไม่ใช่ จำปาเอ็ดให้หยุดพูด แล้วเฉ่งจ้อยว่าต่อไปไม่ต้องมาทำงานให้ท่านหมื่นอีก จ้อยก้มกราบโอดครวญขอประทานโทษ ออกญาขอให้จำปาฟังความทุกคนก่อนตัดสิน แต่เธอไม่สนใจ

เกศสุรางค์ทนไม่ไหวทะลุกลางปล้องขึ้น “คุณป้าคะ ความจริงคือเรืออีกลำ...”

จำปาหันขวับจ้องอย่างดุดันเสียงเข้มน่าสะพรึง “อีกเหตุหนึ่งเพราะมีออเจ้านั่งไปด้วยนั่นแหละหนา...อ้ายม่วง อ้ายแหวน ช่วยกันพยุงท่านหมื่นไป เร็วสิพวกมึง ขึ้นมา!”

สองบ่าวตาลีตาลานเข้าพยุง ออกญาจึงตามลูกชายไปด้วย จำปาหันกลับมาชำระความสั่งโบยจ้อย เกศสุรางค์ทนไม่ได้ขัดว่าจ้อยไม่ผิด แต่จำปาไม่ฟัง เรียกปริกมาลงหวายจ้อย ผินกับแย้มพยายามดึงนายตัวเองกลับห้อง แต่เธอกลับอยากเห็นการเฆี่ยนตีว่าเหมือนในละครหรือไม่

เสียงหวายลงหลังจ้อยดังขวับ เกศสุรางค์สะดุ้งเข้าขวางให้เฆี่ยนตนแทน จำปายิ้มสมใจ ผินกับแย้มตกใจ ผินกระซิบแย้มให้ไปตามหมื่นสุนทรเทวา...จำปาถามว่าจะรับผิดแทนจ้อยหรือ

“ไม่ใช่ค่ะ เพราะข้าอยากได้กระทะ ถ้าข้าไม่ชวนคุณพี่ไปซื้อกระทะก็ไม่ต้องไปตรงนั้น เรือก็ไม่ชน ทั้งหมดข้าเป็นคนผิดเจ้าค่ะ เฆี่ยนข้าเถิด” เกศสุรางค์อธิบาย

จำปาสั่งจวงให้เฆี่ยนการะเกดทันที ผินห้ามเสียงหลง จำปาชี้หน้าหาว่ากำเริบ เกศสุรางค์ไม่หวั่นลุกยืนกอดอกให้เฆี่ยน จวงเงื้อหวายสุดแขน หมื่นสุนทรเทวาออกมาปราดเข้าดึงแขนเกศสุรางค์ให้พ้นปลายหวาย ทุกคนตกใจ ท่านหมื่นขอร้องจำปา

“ข้าเจ็บ...ถ้าคุณแม่อภัยให้ทุกคน ข้าคงจะหายเจ็บในไม่ช้า แต่ถ้ามีคนต้องโทษ ข้าอาจเจ็บมากขึ้นนะขอรับคุณแม่”

จำปาทำอะไรต่อไม่ถูก เกศสุรางค์สบตาท่านหมื่นอย่างซึ้งใจ...ผินกับแย้มพาเธอกลับห้อง สองบ่าวตัวสั่นจนแทบลมจับ เกศสุรางค์มีสีหน้าไม่สบายใจบ่นห่วงหมื่นสุนทรเทวาจะมีเลือดคั่งในสมอง เกิดสโตรกขึ้นมาจะนอนเป็นผัก ผินกับแย้มฟังหน้าเหวอไม่เข้าใจสักอย่าง

ในคืนนั้น เกศสุรางค์นอนไม่หลับ แอบลุกออกจากห้อง เดินข้ามมาห้องหมื่นสุนทรเทวา ในขณะที่ท่านหมื่นก็นอนไม่หลับ คิดถึงแต่ภาพซ้อนทับร่างการะเกด พอสะบัดหน้าให้หยุดคิด ต้องตกตะลึง

เมื่อเห็นเกศสุรางค์ยืนอยู่ข้างเตียง เขาทะลึ่งพรวดถอยไปอยู่ริมเตียง

เกศสุรางค์รีบบอกว่ามาดูอาการ ท่านหมื่นละล่ำ ละลักถามว่ามาทางใด หญิงสาวร้อง

“เอ๊า...มาทางประตูสิคะ ไม่ได้ล็อกนี่ เปิดแล้วเดินเข้ามา เห็นคุณพี่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด”

“มาทางประตู ทำไมข้าไม่ได้ยิน”

“เบลออยู่กระมังคะ...ขอข้าดูตรงที่โดนเรือชนหน่อย” เกศสุรางค์ขยับเข้าใกล้ เขาถอย เธอเอ็ด “คุณพี่...ต้องให้ข้าดูว่าเลือดคั่งรึเปล่า ถ้าเลือดคั่งมันจะบวม ต้องประคบค่ะ”

หมื่นสุนทรเทวารีบบอกว่าแม่ประคบให้แล้ว

เกศสุรางค์ชมว่าเจ๋ง แล้วถามอีกว่าประคบร้อนหรือเย็น ท่านหมื่นแปลกใจเพราะรู้จักแต่ประคบร้อน หญิงสาวส่ายหน้า

“ไม่ได้ค่ะ ต้องประคบเย็นให้เส้นเลือดตรงที่ถูกชนหดตัวจะได้ไม่ห้อเลือด นี่กี่ชั่วโมงแล้วเนี่ย...สิบกว่ามั้ง ...ยังทัน ขอข้าดูแผลหน่อยนะคะ” พูดจบก็เข้ามาแหวกเส้นผมพินิจดูแผล

หมื่นสุนทรเทวารู้สึกซาบซ่านที่ใบหน้าหญิงสาวอยู่ชิดใกล้ ใจเต้นไม่เป็นส่ำ เกศสุรางค์กดแผลเบาๆ พอหันมาถามว่าเจ็บไหม ก็รู้สึกว่าอยู่ใกล้เขามากเกินไป สัมผัสได้ถึงลมหายใจ ชะงักนิ่งสบตาเขา ใจเริ่มสั่นซาบซ่านไปทั้งตัว จนกระทั่งท่านหมื่นเอ่ยขึ้นว่า

“แม่การะเกด ออเจ้าเป็นใครกันแน่...เป็นใคร...เกศ...เกศไหน เป็นผู้ใด มิใช่แม่การะเกด แม่การะเกดตายแล้ว”

เกศสุรางค์รู้สึกได้ถึงน้ำเสียงว่าไม่ได้ถามเล่นๆ จึงประคองเขาให้นอนลงอย่างนุ่มนวล พยายามเปลี่ยนเรื่อง “ยังมีเวลาอีกมากที่คุณพี่จะหาความจริงว่าข้าเป็นใคร แต่ตอนนี้เดี๋ยวนี้ คุณพี่ต้องนอน เดี๋ยวข้าจะเอาผ้าเย็นมาประคบให้...ในตู้มีผ้าไหมคะ” ขณะเอาผ้าไปชุบน้ำ ก็ครุ่นคิดพึมพำ “คุณป้าออกฤทธิ์หนักอยู่วันนี้ นี่แค่รู้ว่าเรือชนนะยังจะเฆี่ยนจ้อยตั้งสิบที ถ้าไอ้เรื่องเม้าท์ทูเม้าท์ มาถึงหู จะขนาดไหนเนี่ย สงสัยข้าพเจ้าโดนฆ่าแน่”

ระหว่างเอาผ้าประคบแผลให้หมื่นสุนทรเทวา ก็ถามเขาเจ็บไหม ท่านหมื่นส่ายหน้าไม่สบตา เธอแปลกใจมันน่าจะเจ็บบ้าง เขาจึงรับว่าเจ็บนิดหน่อย เธอค่อยโล่งอก แสดงว่าแค่ช้ำไม่ถึงกับเลือดคั่ง แล้วบอกท่านหมื่นว่า อีกสิบชั่วโมงค่อยประคบร้อนใหม่ เส้นเลือดจะได้ขยายตัว ท่านหมื่นหันมามองหน้าถามอีกครั้งว่า ออเจ้าเป็นใคร

เกศสุรางค์เอานิ้วแตะริมฝีปากเขา ส่ายหน้าให้เลิกถาม กลับสัมผัสถึงความรู้สึกที่เปลี่ยนไปของเขา ก็ถอยห่างออก แต่เขาจับแขนเธอไว้แน่น จึงเตือนสติ

“คุณพี่...อย่าลืมสิคะว่าคุณพี่เกลียดข้า เกลียดถึงไส้ถึงพุง อย่าลืมเสียนะคะ” ท่านหมื่นปล่อยแขนแรงๆ

ลงนอนหันหลังให้ เกศสุรางค์ลุกยืนพูดให้เป็นเรื่องขำๆ “ข้าได้ยินว่าแม่หญิงจันทร์วาดจะมาเยี่ยมคุณพี่นะคะ พรุ่งนี้...เห็นทีจะหายรวดเร็วก็คราวนี้แหละ ใช่ไหมคะ” พูดจบจะเดินออกจากห้อง ทิ้งประโยคสุดท้ายให้ท่านหมื่นว้าวุ่นใจ “รู้กันเร็วจริ๊ง ทั่วพระนครแล้วมั้ง”

ooooooo

เช้าวันใหม่ หลวงสุรสาครหรือฟอลคอน เดินอาดๆมากับคนสนิท ผู้คนในตลาดหลบหลีกทางให้อย่างเกรงกลัว ฟอลคอนเห็นแม่ค้าสวยๆก็เข้าไปเชยคางหยอกเย้า ใครเข้าขวางก็โดนคนสนิทตบคว่ำ มะลิกับฟานิกยืนมองจากในร้านอย่างเกลียดชัง

มะลิรีบหลบไปหลังร้าน ฟอลคอนเข้ามาในร้าน ฟานิกก้มหัวคำนับ

ฟอลคอนไม่สนใจเดินรี่เข้าไปดึงตัวมะลิจากหลังร้าน ฟานิกร้อนรนจะแก้ตัวให้ลูกสาว ก็พอดีสังฆราชปัลลูเดินเข้ามา สองพ่อลูกรีบคำนับท่าน พอสังฆราชเห็นมะลิก็ชื่นชมว่างามอย่างที่ฟอลคอนบอก แล้วถามว่าตกลงกันแล้วใช่หรือไม่ ฟอลคอนกล่าวยังไม่ได้พูดคุยกับพ่อของนาง สังฆราชจึงบอกว่าไม่เป็นไรไว้จะมาใหม่

จากนั้นฟอลคอนก็บอกฟานิกว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย ทั้งสองคุยกันลำพัง ฟานิกฟังด้วยสีหน้าเครียด... พอฟอลคอนกลับไป ฟานิกบอกลูกสาวว่า ฟอลคอนให้สังฆราชปัลลูมาสู่ขอลูก

“ข้าไม่ยินยอมเป็นเด็ดขาด” มะลิเสียงลั่น

อ่านละคร บุพเพสันนิวาส ตอนที่ 5 วันที่ 24 ก.พ.61

ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส บทประพันธ์โดย รอมแพง
ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส บทโทรทัศน์โดย ศัลยา
ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส กำกับการแสดงโดย ภวัต พนังคศิริ
ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส ผลิตโดย บริษัท บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น จำกัด
ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส ออกอากาศเร็ว ๆ นี้ ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ