อ่านละคร บุพเพสันนิวาส ตอนที่ 3 วันที่ 17 ก.พ.61

อ่านละคร บุพเพสันนิวาส ตอนที่ 3 วันที่ 17 ก.พ.61

ด้านเกศสุรางค์คิดว่า เมื่อต้องมาอยู่ร่างที่มีแต่คนเกลียด ก็คงต้องสู้กันสักตั้ง พลันน้ำตารื้นขึ้นมาด้วยคิดถึงแม่และยาย ท่านทั้งสองไม่มีทางรู้เลยว่าตนอยู่ที่ไหน ผินกับแย้มเห็นแม่นายร้องไห้ก็เข้าใจว่าคิดถึงพ่อแม่ จึงบอกว่าท่านเฝ้ามองอยู่บนสวรรค์ หญิงสาวมองหน้าบ่าวทั้งสองแล้วโผกอดร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น จากนั้นขอให้เล่าถึงความศักดิ์สิทธิ์ของมนต์กฤษณะกาลี

ในขณะเดียวกัน หมื่นสุนทรเทวาดื่มสุราอยู่กับหมื่นเรืองที่ตลาดน้ำบางกะจะ หมื่นเรืองซักถามเรื่องที่เขาลือกันหัวคุ้งท้ายคุ้งว่า แม่หญิงการะเกดต่อปากต่อคำกับออกหลวงสุระสงคราม จนหลวงผู้นั้นจนมุม หมื่นสุนทรเทวาทำหน้านิ่ง หมื่นเรืองแปลกใจทำไมถึงไม่ชอบนาง ทั้งที่นางงามออกปานนั้น ทำให้นางริษยาแม่หญิงจันทร์วาดจนถึงขั้นล่มเรือ



“ลางทีอาจไม่ใช่  เพราะนางรอดพ้นมนต์กฤษณะกาลี” หมื่นสุนทรเทวาแก้ต่างให้

“เช่นนั้นคงลือไปเอง มนต์กฤษณะกาลีศักดิ์สิทธิ์แค่ไหน ผู้ใดก็รู้กันทั่ว”

เมื่อกลับถึงบ้าน หมื่นสุนทรเทวาเจอเกศสุรางค์รออยู่ก็จะเลี่ยงหนี แต่เธอตามดักหน้า ขอให้เขาพิสูจน์ว่าเธอไม่ได้ผีเข้า แค่ความจำเสื่อม ด้วยการให้เขาใช้มนต์กฤษณะกาลีกับเธออีกครั้ง ถ้าผีเข้าจริงคงทนฤทธิ์มนต์นี้ไม่ได้ ท่านหมื่นตกใจเลี่ยงว่า อย่าตอแยผิดวิสัยหญิง น่ารังเกียจ

เกศสุรางค์ถอนใจจะอะไรกันนักหนา...กลับเข้าห้องเอาผ้าที่เลือกไว้ออกมาเย็บกางเกงในไว้ใส่

ผินกับแย้มมองอย่างงงๆ...ส่วนหมื่นสุนทรเทวาทำทีไม่สนใจฟังเกศสุรางค์ แต่ก็นำความมาปรึกษาจำปาและออกญาโหราธิบดี แล้วให้ปริกไปตามการะเกดออกมากินข้าวเย็น

ปริกวางท่าไม่ชอบการะเกดอย่างออกนอกหน้า บอกคุณหญิงให้มาตามออกไปกินข้าว เกศสุรางค์ก้มหน้าเย็บผ้า ปากก็ตอบว่า วันนี้ไดเอตไม่กินข้าว ปริกฟังไม่เข้าใจ นำความกลับมาบอกจำปาว่าแม่หญิงไม่รับทาน เพราะวันนี้โดนเอ็ด...จำปาแปลกใจใครที่เอ็ดนาง ปริกจีบปากจีบคอบอกว่าคุณหญิงเป็นคนเอ็ด ท่านหมื่นก็เอ็ดด้วย ใครๆก็ได้ยิน ท่านหมื่นแปลกใจ นางโดนเอ็ดตลอดไม่เคยเอามาเป็นอารมณ์ ทำไมตอนนี้ทำตัวดื้อด้านขึ้น

ทันใดเกศสุรางค์คลานเข่าเข้ามาเพราะเอะใจว่า ปริกจะรายงานให้ร้ายตน จำปาหาว่าชอบหาเรื่องบ่าว เกศสุรางค์จึงถามว่าปริกรายงานว่าอย่างไร จำปาไม่พอใจที่สวนคำผู้ใหญ่

“ข้าไม่หิว จึงบอกนังปริก ข้าเห็นแล้วว่ามันน่ะรีบออกมา ข้าก็เลยเดาว่ามันจะต้องมาเพ็ดทูลอะไรแน่นอน จริงไหมนังปริก”

ปริกยืนยันว่าพูดตามคำของนาง เกศสุรางค์ให้พูดอีกครั้ง ปริกจึงบอกว่านางโดนเอ็ด

“โดนเอ็ด...เป็นบ้าไปเหรอ โดนเอ็ดไม่เห็นต้องอดข้าว”

ท่านหมื่นจึงถามว่าต้องอย่างไรถึงจะอดข้าว

เกศสุรางค์บอกตนพูดว่า ตนไดเอต ปริกสวนว่านั่นไง จำปาจึงถามว่าไดเอตของนางหมายความว่าอย่างไร ออกญารำคาญตัดบทให้ไปถามกันทีหลัง ตอนนี้ตนหิว...

เกศสุรางค์จึงนั่งร่วมวงแล้วเปิบข้าวอย่างชำนาญขึ้น

ท่านหมื่นโพล่งขึ้นเรื่องที่การะเกดอยากให้สวดมนต์กฤษณะกาลีอีก ออกญาตกใจบอกมนต์นี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ จะสวดพร่ำเพรื่อไม่ได้ เกศสุรางค์รีบบอกว่า เป็นการยืนยันว่าตนไม่ได้ถูกผีเข้า ออกญาลูบหัวนางอย่างเอ็นดู บอกตนเชื่อว่านางไม่ได้ฆ่าอีแดงและไม่ได้ผีเข้า

เกศสุรางค์ซาบซึ้งใจกลับเข้าห้องร้องไห้...ด้านจำปาเชื่อว่าการะเกดโดนผีเข้า แม้มนต์กฤษณะกาลีจะทำอะไรนางไม่ได้ หมื่นสุนทรเทวาก็เชื่อว่านางวิปลาสเพราะมนต์นี้ แต่ออกญากลับคิดว่าอีกไม่นานนางจะเป็นปกติ โดยให้มองลูกนัยน์ตานาง มันบอกว่านางพูดเรื่องจริง

ooooooo

วันต่อมา เกศสุรางค์เห็นออกญาโหราธิบดีนั่งเขียนหนังสืออยู่ลำพัง ก็ตัดสินใจเข้าไปคุยด้วย ถามว่าทำไมท่านถึงเชื่อว่าตนไม่ได้ผีเข้า

“ข้าเชื่อออเจ้ามิเป็นการดีฤา ไยต้องรู้ว่าเพราะเหตุใด”

“คุณลุงไม่รู้หรอกเจ้าค่ะว่าคุณลุงช่วยข้าไว้ เพราะข้ากำลังจะจมน้ำอยู่แล้วเจ้าค่ะ”

ออกญามองนิ่งๆสักครู่ก็กล่าวว่า “แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ต่อไปออเจ้าต้องช่วยตัวเอง หวังให้ผู้ใดช่วยตลอดมิได้หรอกหนา”

เกศสุรางค์รับคำ ออกญาเตือนอย่างรู้ดีว่า นางมาจากดินแดนแสนไกล มาอยู่ที่ใหม่มีแต่คนแปลกหน้าและจ้องจะเกลียดชัง ถ้าทำสิ่งใดที่เขาเกลียดชังเพิ่มขึ้น เช่นนั้นเป็นคนฉลาดหรือเป็นคนโง่...เกศสุรางค์ตกใจเล็กน้อยก่อนจะรู้สึกตื้นตัน น้ำตาปริ่ม ก้มกราบท่านออกญา...

เย็นวันนั้น เกศสุรางค์นุ่งกระโจมอกแบบขมวดปมที่หน้าอกหลายทบแบบกลัวหลุด นั่งทอดสายตาไปตามลำน้ำ ปล่อยให้ผินกับแย้มขัดสีฉวีวรรณให้ นางมองเด็กกระโดดน้ำเล่นที่ฝั่งตรงข้าม ระหว่างนั้นหมื่นสุนทรเทวาเดินมาจะอาบน้ำเช่นกัน พอเห็นการะเกดก็ชะงักหลบที่พุ่มไม้แอบมอง เห็นสายตานางที่ดูเศร้าก็แปลกใจ

เกศสุรางค์คิดถึงแม่กับยายแล้วน้ำตาร่วง ผินกับแย้มตกใจรีบถามว่าร้องไห้ไยกัน หญิงสาวปัดว่าไม่มีอะไรแล้วหันมาคุยเล่นสนุกสนาน ท่านหมื่นรู้สึกประหลาดใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของนาง แล้วนางก็หัวเราะออกมาเสียงดัง ผินกับแย้มรีบปรามว่าไม่ควร นางจึงกระซิบถามว่ามีคนจะแอบดูหรือ สองบ่าวรีบบอกว่าไม่มีใครกล้า เพราะท่าน้ำนี้สำหรับเจ้านายอาบเท่านั้น

เมื่ออาบน้ำเสร็จ เกศสุรางค์ขอนั่งเล่นอีกแป๊บ ผินกับแย้มงงกับคำว่าแป๊บของนาง...เกศสุรางค์นั่งแกว่งเท้าแช่น้ำ ผู้คนพายเรือผ่านมาเหลียวมองจนตกน้ำตกท่า

นางหัวเราะเสียงดัง จวบจนเย็นย่ำจึงเดินฮัมเพลงกลับจะขึ้นเรือน หมื่นสุนทรเทวายืนขวางกลางบันได เธอกล่าว

“ขอโทษค่ะ ขอทางหน่อย” ท่านหมื่นขมวดคิ้ว จึงกล่าวใหม่ “ข้าจะขึ้นเรือนค่ะ หลีกทางให้ข้าหน่อยค่ะ”

ท่านหมื่นตำหนิที่เมื่อครู่นางยิ้มในหน้าที่ท่าน้ำ วันก่อนก็โบกมือให้ทหารที่ป้อมเพชร แล้วแดกดันว่า อีกหน่อยคงโบกมือให้คนทั้งพระนคร เกศสุรางค์แอบขำ จึงถูกเอ็ด

“กิริยาเช่นนี้อีก ออเจ้าว่ามิใช่วิญญาณพเนจรมาสิงสู่แม่การะเกด ออเจ้าก็ต้องไม่มีกิริยาวาจาแปลกประหลาดราวกับมาจากป่าหิมพานต์”

“ป่าหิมพานต์เหรอคะ คุณหมื่น เอ๊ย คุณพี่รู้จักป่าหิมพานต์ด้วยหรือคะ”

ท่านหมื่นไม่พอใจที่โดนย้อน จึงเดินเลี่ยงไปท่าน้ำ เกศสุรางค์เห็นว่ามืดจึงถามจะเอาไฟไหม พอเขาไม่ตอบก็ร้องเตือนว่าระวังตกน้ำ ท่านหมื่นหงุดหงิดตัวเองที่ทำไมถึงรู้สึกใจระทึก

ค่ำนั้น เกศสุรางค์เย็บกางเกงในจนเสร็จ ผินกับแย้มช่วยนวดขาให้คนละข้าง แล้วบอกให้นางเตรียมตัวไปงานบุญบ้านออกญาโกษาธิบดีย่ำรุ่งวันพรุ่ง เธอตาโตรีบถามว่าออกญาโกษาธิบดีเหล็กหรือปาน ผินตอบว่าเหล็ก ปานเป็นผู้น้อง เกศสุรางค์ตื่นเต้นที่จะได้เห็นตัวจริง

ooooooo

เช้าตรู่ เกศสุรางค์รีบตื่นขึ้นมาแปรงฟันริมระเบียง แล้วยืดเส้นเหวี่ยงแขนโยกตัวไปมา หมื่นสุนทรเทวาออกมาเห็นตกตะลึงกับท่าทางน่าขำเช่นนั้น หญิงสาวหันมาเห็นก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ เดินผ่านท่านหมื่นไป ปล่อยให้เขายืนงวยงง

เกศสุรางค์แต่งตัวเสื้อเครื่องเต็มยศ และสวมกางเกงในที่เย็บเอง ผินกับแย้มท้วงว่าไปงานบุญไม่จำเป็นต้องแต่งขนาดนี้ แค่ห่มสไบก็พอ แต่นางกลัวหลุด ถ้าอย่างนั้นจะนุ่งโจงห่มตะเบ็งมาน ผินห้ามว่าแบบนั้นลูกหลานพระยาไม่ใส่กัน...เกศสุรางค์กลัวไม่ทันรีบออกจากห้อง จำปาเห็นชุดที่นางใส่ก็ติงว่าจะใส่เครื่องเต็มยศไปไหนและว่างานนี้เขาไม่ได้เชิญ ออกญาโหราธิบดีสงสารจึงให้ไปด้วย แต่เกศสุรางค์เห็นสายตาท่านหมื่นจึงกล่าว

“หลานอยากอ่านหนังสือในห้องหนังสือของคุณลุงมากกว่าเจ้าค่ะ”

แล้วกระซิบกับท่านหมื่นว่า สมใจแล้วนะเจ้าคะ... ท่านหมื่นหันขวับมองว่าพูดอะไร จำปายังคาใจกับการเปลี่ยนไปของการะเกด ความร้ายกาจ วาจาสามหาว หนักไม่เอาเบาไม่สู้ของนางหายไปไหน แต่ข้อดีคือปากกับใจตรงกัน ไม่ดีอย่างไรก็แสดงออกมาหมด ออกญาจึงบอกว่านางเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นก็ดีแล้ว ขอให้จำปามองด้วยจิตเมตตาจะเห็นเหมือนที่ตนเห็น แต่จำปายังทิฐิไม่ยอมมองแบบนั้น หันไปถามท่านหมื่น เขาปัดว่าเขาไม่ต้องการพูดเรื่องการะเกด

เกศสุรางค์เห็นทุกคนลงเรือออกไปหมดแล้ว ก็ชวนผินกับแย้มพายเรือออกไปเที่ยวเล่นบ้าง แม้ทั้งสองจะห้ามปรามแต่ก็ไม่อาจขัดใจได้...เกศสุรางค์ซักถามสิ่งที่พบเห็นตลอดทาง เห็นยอดปรางค์วัดไชยก็นึกถึงที่เรียนมา ว่าวัดไชยสร้างแบบเขมรไม่มีโบสถ์แต่มีปรางค์เป็นประธาน

อ่านละคร บุพเพสันนิวาส ตอนที่ 3 วันที่ 17 ก.พ.61

ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส บทประพันธ์โดย รอมแพง
ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส บทโทรทัศน์โดย ศัลยา
ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส กำกับการแสดงโดย ภวัต พนังคศิริ
ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส ผลิตโดย บริษัท บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น จำกัด
ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส ออกอากาศเร็ว ๆ นี้ ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ