อ่านละครเรื่อง ชั่วโมงต้องมนต์ ตอนที่ 4 วันที่ 5 ก.พ.61

อ่านละครเรื่อง ชั่วโมงต้องมนต์ ตอนที่ 4 วันที่ 5 ก.พ.61

ณฤทธิ์ตามเข้าไปยืนข้างหลังเธอเอ่ย “ขอโทษนะ” แล้วเข้าสิงร่างทันที

ที่ริมถนนหน้าบริษัท พุฒิเมธกำลังจะขับรถไปหาพ่อที่โรงพยาบาล เห็นบุญสิตาวิ่งมาที่หน้าบริษัทอย่างร้อนใจโบกมอเตอร์ไซค์วินออกไปอย่างเร็ว เขาสงสัยว่าเธอจะรีบไปไหน แต่เป็นห่วงพ่อจึงรีบไปโรงพยาบาล

เป็นเวลาที่สมบัติพยายามดึงเด็กชายที่จะโดดระเบียงตึกไว้  ร่างสองคนจึงค้างอยู่คนละข้างกำแพงระเบียงตึกเป็นที่น่าหวาดเสียว



“พ่อ...ผมอยู่นี่แล้ว” บุญสิตาที่ถูกวิญญาณณฤทธิ์สิงวิ่งเข้ามาตะโกน พริบตานั้นร่างเด็กชายหายวับไปทันที สมบัติหันไปตามเสียง เห็นร่างณฤทธิ์ซ้อนอยู่ในร่างบุญสิตา แต่พอเพ่งมองอีกทีก็เห็นแต่ร่างบุญสิตา

วิญญาณณฤทธิ์ในร่างบุญสิตาดึงสมบัติเข้ามาจนล้มไปด้วยกัน เห็นพ่อปลอดภัยแล้วณฤทธิ์ขอร้องพ่ออย่าทำแบบนี้ พอสมบัติได้ยินคำว่าพ่อก็อุทาน “มาร์ค...”

วิญญาณณฤทธิ์ในร่างบุญสิตากอดปลอบสมบัติอย่างห่วงใย บอกสมบัติว่า “ถ้าพ่อเป็นแบบนี้ มาร์คจะยิ่งเสียใจ” สมบัติเพ่งมองบุญสิตาบอกว่าหนูไม่ใช่มาร์คไม่มีทางรู้หรอก

“รู้สิ...เพราะผมคือ มะ...” พูดได้แค่นั้นบุญสิตาก็เป็นลมไปเลย พอดีพุฒิเมธ วรรณนาและแก้วตาวิ่งมาถึง วรรณนาถามว่าเกิดอะไรขึ้น สมบัติอึ้งๆไม่ตอบ

บุญสิตาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล เมื่อรู้สึกตัวขึ้นมา วรรณนาบอกว่าหนูเป็นลมไป มีโรคประจำตัวอะไรหรือเปล่า สมบัติบอกให้ตรวจเช็กร่างกายให้ดี เพราะถ้าเธอเป็นอะไรไปอีกคนเพราะช่วยชีวิตตน ตนคงรู้สึกผิดไปตลอด บุญสิตาบอกว่าตนไม่เป็นอะไรจริงๆ พุฒิเมธยืนยันให้ไปตรวจเสีย คุณพ่อจะได้สบายใจ

วรรณนาฝากพุฒิเมธให้ช่วยดูแลและพาบุญสิตาไปส่งที่บ้านด้วย พุฒิเมธรับปากทันทีเพราะตนก็มีเรื่องอยากจะถามเธอเพียบเลย

ooooooo

พอพาบุญสิตาไปขึ้นรถ พุฒิเมธล็อกรถทันทีหันถามเธออย่างจับผิดว่า

“คุณรู้ได้ยังไงว่าเกิดอะไรขึ้น ผมเห็นคุณออกจากบริษัท แล้วคุณมาโผล่ที่นี่ มาช่วยพ่อผมได้ยังไง”

บุญสิตาบอกว่าบังเอิญผ่านมา เขาไม่เชื่อ เธอเลยบอกว่า “ฉันตั้งใจมาช่วยพ่อคุณน่ะ” เห็นเขาอึ้งเลยตัดบทว่า ตนจะมายังไงก็ช่างเถอะพ่อเขาปลอดภัยก็ดีแล้ว พลันก็ตกใจเมื่อนึกได้ว่าต้องไปสัมภาษณ์งานแต่เลยเวลานัดไปชั่วโมงกว่าแล้ว ร้อนใจ ร้อนรนถามว่าทำยังไงดี ตนพลาดงานนี้ไม่ได้ด้วย หยิบโทรศัพท์โทร.ไปแล้วหน้าจ๋อยบอกว่า เขาปิดเครื่อง พึมพำว้าวุ่นใจ

“งานนี้เป็นงานที่ฉันอยากทำ มันเป็นความหวังสุดท้ายของฉัน ของบ้านฉันด้วย”

แต่พอกลับถึงบ้าน บุญสิตาก็ถูกทั้งสมศรีและซันมาถามค่าใช้จ่ายรายเดือนในบ้านและขอเงินไปซื้อของกับเพื่อน บุญสิตาก็ยิ่งเครียด หงุดหงิด วิญญาณณฤทธิ์ปรากฏตัวข้างหน้าซันขอโทษและขอบคุณบุญสิตาที่ให้ตนยืมร่าง ถามว่าจะขอยืมร่างเธอไปเยี่ยมพ่ออีกได้ไหม บุญสิตากำลังหงุดหงิดโพล่งไปว่า

“เลิกมายุ่งกับฉันซะที เพราะคุณคนเดียวทำให้ชีวิตฉันเป็นแบบนี้  จะไปขอส่วนบุญส่วนกุศลที่ไหนก็ไป”

บุญสิตาพูดใส่ณฤทธิ์ที่ยืนอยู่หน้าซัน ทำให้ซันตกใจคิดว่าพี่สาวว่า ถามว่าขอเงินไม่กี่บาทไม่เห็นต้องพูดแรงขนาดนี้เลย แล้วผลุนผลันไปเลย ณฤทธิ์ตกใจรู้สึกผิดที่ทำให้เธอเดือดร้อนรีบขอโทษแล้วหายไปทันที

ooooooo

รุ่งขึ้นบุญสิตาไปเยี่ยมสมบัติที่โรงพยาบาล เจอหมอโอบเธอบอกว่าท่านหลับอยู่คราวหน้าค่อยมาใหม่ก็ได้ ถามหมอโอบว่าทำยังไงท่านจึงจะหาย ถ้าท่านได้อยู่ใกล้ลูกอีกครั้งหมอว่าท่านจะดีขึ้นไหม

“ก็คงดีขึ้นนะ  แต่คนที่เขาอยากเจอที่สุดเสียไปแล้ว จะเจอได้ยังไงล่ะ”

“นั่นสิคะ” บุญสิตายิ้มแห้งๆแล้วจะกลับ ก็พอดีได้รับโทรศัพท์จากแนนซี่ เธอขอโทษแนนซี่ที่เมื่อวานตนกลับก่อนเพราะมีเรื่อง แล้วจะเล่าให้ฟัง หยุดฟังแนนซี่แล้วบอกว่า “ได้...เดี๋ยวเจอกัน”

เมื่อไปเจอแนนซี่ที่ร้านอาหาร แนนซี่ดึงพลุกระดาษใส่  ร้อง “เซอร์ไพรส์...ฉันจะพาเธอมาเลี้ยงขอบคุณ” บุญสิตาเห็นที่โต๊ะมีอาหารเพียบ แนนซี่บอกว่าเพราะเธอไม่กินเนื้อสัตว์จึงสั่งแต่เมนูผัก เห็นทุกจานมีแต่ผัก บุญสิตาบอกว่าแค่มองก็เหม็นเขียวแล้ว ถามว่าจะเลี้ยงขอบคุณตนเรื่องอะไร

“ก็ขอบคุณที่เธอช่วยฉันขายประกันไง...เธอช่วยฉันขายวันเดียวได้หลายกรมธรรม์เลย ลูกค้าฉันเขาบอกว่าเขาซื้อเพราะเธอเลยนะ เขาประทับใจเธอมาก”

“เดี๋ยวนะ มันเกิดอะไรขึ้นน่ะ เธอช่วยเล่าให้ฉันฟังละเอียดๆเลยได้ไหม” บุญสิตางงมาก

เมื่อฟังแนนซี่เล่าว่า เห็นเธอไปเข้าห้องน้ำนานจึงไปตาม พอเจอเธอก็บอกว่าตนต้องรีบไป แนนซี่ขอให้ตนขายเสร็จก่อนแล้วค่อยไป

“แต่ฉันรีบ แล้วฉันก็ขายเป็นแล้ว เมธเป็นพรีเซ็นเตอร์ที่นี่ฉันก็รู้ดี”

แนนซี่เล่าว่าหลังจากนั้นเธอก็บอกว่าจะขายให้ดูจะได้จบๆ แล้วเล่าทึ่งว่า

“เธออย่างกับถูกวิญญาณนักขายขั้นเทพเข้าสิง ขายประกันคล่อง พูดเก่งกว่าฉันอีก เธอหว่านล้อมลูกค้าเก่งจนฉันงงไปหมด แล้วไฮไลต์กว่านั้นนะ เธอเล่าเรื่อง

ชายหนุ่มที่ตายไป ทิ้งพ่อให้อยู่ข้างหลัง โดยที่ไม่มีโอกาสได้ดูแลพ่อให้ลูกค้าฟัง มีแต่คนเศร้า อิน และประทับใจกับเรื่องของเธอ”

ที่แท้วิญญาณณฤทธิ์ในร่างบุญสิตาเล่าเรื่องของตัวเองที่ตายไปให้ทุกคนฟังว่า

“เราไม่มีทางรู้เลยว่าเราจะตายเมื่อไหร่ บางคนอยู่ๆก็ตายจากไป ทิ้งงาน ทิ้งภาระ ทิ้งทั้งความรู้สึกผิดให้กับคนรอบข้าง ถ้าเราเตรียมพร้อมกว่านี้  คนที่เรารักจะได้ไม่ต้องทุกข์ใจ เสียใจขนาดนี้”

แนนซี่พูดอย่างทึ่งว่า “ถ้าฉันไม่รู้จักเธอ คงคิดว่าเป็นเรื่องจากประสบการณ์จริง ดูอินมากนะ”

บุญสิตาถามว่าจำได้ไหมตนเคยเล่าเรื่องวิญญาณของมาร์คให้ฟัง ตนเห็นเขาจริงๆ เขาอยากใช้ร่างตนกลับไปหาพ่อที่กำลังป่วย ถามว่าหรือควรจะช่วยเขา แนนซี่บอกห้ามช่วยเด็ดขาด ถอดพระเครื่องพวงโตที่คอให้ใส่ บุญสิตาขอบใจแต่ตอนนี้ตนต้องไปขอโทษเรื่องที่ไม่ไปสัมภาษณ์เรื่องงานก่อน ยังมีความหวังว่าจะได้งานนี้

ooooooo

บุญสิตาไปที่สำนักพิมพ์นิตยสาร ขอโทษอย่างรู้สึกผิดมากที่เมื่อวานไม่ได้มาตามนัด เลขาบอกว่าบอสบอกว่า พ่อเธอป่วยเข้าโรงพยาบาลกะทันหันเลยโทร.มาขอสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์แทน

เลขาชมว่าเธอเก่งมากสัมภาษณ์ไม่ถึงสิบนาทีก็ได้งานแล้ว เดี๋ยวบอสจะบรีฟงานให้เขียนจากที่บ้านส่งต้นฉบับมาทุกอาทิตย์หรือจะทำสต๊อกส่งมาล่วงหน้าก็ได้

บุญสิตาฟังเลขาพูดแล้วงงมาก แต่ก็ดีใจมากที่ได้งาน คิดทันทีว่า “คงเป็นฝีมือคุณมาร์คใช่ไหม”

ค่ำนี้พอกลับถึงห้องนอน บุญสิตาก็ตะโกนถามว่าคุณมาร์คอยู่แถวนี้ไหม ถามว่าสัมภาษณ์งานให้ตนใช่ไหม ขอบคุณและขอโทษที่ตนพูดไม่ดีกับเขาเพราะตนกำลังเครียดทั้งเรื่องงานและเรื่องเงิน

“ไม่เป็นไรหรอก ถึงเธอจะไม่ให้ร่างฉัน แต่เธอก็อุตส่าห์ใส่ใจ เป็นห่วงไปเยี่ยมพ่อฉัน ขอบใจนะ” บุญสิตาถามว่าเขาเห็นหรือ “อือ...ฉันเฝ้าท่าน อยู่กับท่านตลอดแหละ ก็ตอนมีชีวิตไม่เคยได้อยู่กับท่าน ไม่เคยได้ดูแลท่าน ตอนตายแล้วเพิ่งคิดจะทำ แต่สุดท้ายก็ได้แต่เฝ้าท่านไปวันๆ ทำอะไรให้ท่านไม่ได้สักอย่าง จะหยิบน้ำให้ท่านยังทำไม่ได้ น่าตลกเนอะ”

“ท่านคงรับรู้ได้แหละว่าคุณมาร์คอยู่ใกล้ๆ”

วิญญาณณฤทธิ์รู้สึกผิดมากที่ขณะมีชีวิตปฏิบัติกับพ่อไม่ดี บุญสิตาถามว่าเพราะแบบนี้ใช่ไหมเขาถึงอยากกลับไปอธิบายให้ท่านเข้าใจว่าท่านไม่ได้เป็นต้นเหตุให้เขาตาย

“ใช่ ฉันตายโดยที่ไม่ทันได้ลาอะไรท่าน ไม่เคยบอกรักท่านด้วยซ้ำ ฉันแค่อยากกลับไปทำหน้าที่ลูก ทำสิ่งต่างๆที่เคยบอกว่าเดี๋ยว กลับไปกอดท่านแค่นาทีเดียวก็ยังดี”

บุญสิตาสงสารจึงอนุญาตให้ใช้ร่างตนได้เพราะตนก็ไม่ได้ลาแม่เหมือนกัน รู้ว่าการจากกันโดยไม่มีโอกาสได้ลามันสร้างความเจ็บปวดให้คนที่ยังอยู่ขนาดไหน เลยอยากให้โอกาสเขา บอกว่า

“โอกาสที่ฉันไม่มีโอกาสน่ะ แต่ฉันให้ยืมแค่ตอนไปหาท่านเท่านั้นนะ ลำพังชีวิตฉันคนเดียวก็วุ่นวายแล้ว ฉันไม่อยากหาเรื่องเพิ่มตอนนี้ ฉันต้องหางานด้วย”

“ได้...ฉันสัญญา ฉันจะไม่ทำให้เธอวุ่นวาย ฉันจะทำให้ชีวิตเธอดีขึ้นเพื่อตอบแทนเธอ ฉันสัญญา”

บุญสิตายิ้มพยักหน้า แต่ในใจก็แอบกลัวไม่ได้ว่าชีวิตตนต้องวุ่นวายแน่ๆ

ooooooo

เช้านี้ วิญญาณณฤทธิ์มาหาบุญสิตาจะยืมร่างไปเยี่ยมพ่อแต่เข้าร่างไม่ได้ เขาถามว่าทำไมเข้าไม่ได้ทั้งที่เคยเข้ามาแล้วสองครั้ง ครั้งแรกเพื่อช่วยเธอ อีกครั้งเพื่อช่วยคุณพ่อ

“สองครั้งคุณเข้าเพราะตั้งใจช่วยคน หรือเพราะเหตุนี้คุณถึงเข้าร่างฉันไม่ได้...คุณลองตั้งใจว่าอยากจะไปช่วยคุณพ่อดูซิ”

ณฤทธิ์พยักหน้ามองร่างบุญสิตาตั้งท่าจะวิ่งเข้าร่างอีกครั้งทำเอาเธอชักกลัว แต่พอวิ่งจะถึงตัว วิญญาณณฤทธิ์กลับหายวับไป บุญสิตาร้องเรียกก็ไม่ตอบ

ที่แท้เขาถูกเวลาเรียกไปที่ห้องกาลเวลา บอกว่าเขาเข้าใจถูกแล้ว จะเข้าร่างได้ต้องมีจิตใจอยากช่วยเหลือคนจริงๆ แต่เพราะไม่อยากให้เขาไปก่อเรื่องวุ่นๆ จึงเรียกมาเพื่อบอกกฎการเข้าร่างที่ถูกต้องทั้งหมด อย่าคิดว่านึกจะเข้าร่างบุญสิตาก็เข้าได้ง่ายๆ เพราะทุกอย่างต้องมีกฎข้อห้ามทั้งนั้น

“กฎอะไร” ณฤทธิ์ร้อนใจ เวลาบอกว่ามีกฎง่ายๆ สามข้อที่เขาต้องเข้าใจคือ ข้อแรก เขาจะสามารถเข้าร่างเธอได้แค่ครั้งละสี่ชั่วโมงเท่านั้นและต้องใช้ในแต่ละวันให้คุ้มค่า รีบจัดการปัญหาชีวิตที่ค้างคาก่อนตาย

ข้อสอง ห้ามใครรู้ว่าเขาคือณฤทธิ์ในร่างบุญสิตาเด็ดขาด ส่วนข้อสาม ระหว่างที่เขาอยู่บนโลกนี้ เขาจะต้องช่วยเหลือคนที่กำลังอยากจะฆ่าตัวตาย สิ้นหวัง หมดหวัง ท้อแท้กับชีวิตให้พวกเขาอยากกลับมามีชีวิตอีกครั้ง

นี่เป็นภารกิจที่เขากับบุญสิตาจะต้องช่วยกันเพื่อเป็นการเพิ่มพลังชีวิต ให้ร่างกายของเขาเอง

“งั้นที่ฉันสามารถเข้าร่างครั้งนี้ได้ เพราะฉันต้องการจะไปช่วยพ่อฉันที่กำลังตรอมใจ ไม่อยากมีชีวิตอยู่ใช่ไหม”

“ใช่ ภารกิจแรกที่เธอและบุญสิตาต้องช่วยและเยียวยาให้เขาอยากกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ก็คือพ่อของเธอเอง”

วิญญาณณฤทธิ์เข้าสิงร่างบุญสิตาได้สำเร็จ เมื่อเธอกลับไปบ้านเห็นสมศรีกับทรายกำลังนั่งแต่งเล็บกันอยู่ที่โต๊ะอาหาร สมศรีจิกหัวใช้ทันทีให้ไปซักผ้าที่ค้างจากเมื่อวานให้เสร็จภายในสองชั่วโมง ทรายก็สั่งให้ทำกับข้าวให้ตนก่อนเพราะหิวแล้ว

ครู่เดียวบุญสิตาก็ถือชามอาหารปิดฝาเรียบร้อยมาให้ทั้งสองที่โต๊ะ สมศรีแปลกใจว่าทำไมทำเสร็จเร็ว แต่พอเปิดดูกลายเป็นอาหารหมา ทั้งสองมองบุญสิตาขวับ แต่บุญสิตานาทีนี้ไม่ได้หลบตาแต่สู้ตาอย่างไม่สะทกสะท้านบอกให้กินเสีย หิวมากไม่ใช่หรือ

ทรายลุกพรวดถามว่า ว่าตนกับแม่เป็นหมาหรือ ถูกบุญสิตาชี้หน้าทรายปรามว่า

“ฟังให้ดีนะ ต่อไปนี้ใครดีมาฉันก็จะดีกลับ  ใครร้ายมาฉันก็จะร้ายกลับเป็นสองเท่า” แล้วชี้หน้าสมศรี “ส่วนป้า ถึงหน้าจะดูแก่แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นชราภาพ ก็หัดทำงานบ้านเองบ้างนะ ไม่ใช่ใช้อย่างเดียวจะเป็นง่อยเสียก่อน แล้วก็เลิกให้ท้ายยัยนี่ได้แล้ว นี่ห้องเธอใช่ไหม”

บุญสิตาชี้ไปที่ห้อง ทรายพยักหน้าเหวอ บุญสิตาเดินเข้าไปในห้องแต่นึกอะไรได้หันมาที่ซันล้วงไปในกระเป๋ากางเกงหยิบกระเป๋าสตางค์เอาเงินออกมา บอกว่า

“ส่วนเงินนี่ฉันขอคืนนะ เมื่อคืนฉันเห็นแกแอบเข้าไปขโมยเงินฉัน” เอาเงินที่ซันขโมยไปแล้วคืนให้ซันร้อยเดียว อบรมว่า “เป็นเด็กเป็นเล็ก เอาไปแค่ร้อยเดียวพอ” ยิ้มแววตาพิฆาตแล้วผละไป

“รู้ได้ไงวะ” ซันพึมพำงงๆ

ทั้งสมศรี ทราย และซันถูกเล่นงานกันถ้วนหน้าต่างมองหน้ากันงง อยากด่าก็ด่าไม่ออก

วิญญาณณฤทธิ์ในร่างบุญสิตาสั่งสอนสามแม่ลูกแล้วก็เข้าห้องนอนของทราย บุญสิตามองตัวเองในกระจก ดูโทรม เฉามาก วิญญาณณฤทธิ์บอกว่า

“ฉันจะโมดิฟายเธอเอง ฉันจะทำให้เธอเป็นนิวบุญสิตาที่สวยเจิดและไม่ยอมก้มหัวให้ใครอีก”

แล้วจัดแจงหาเสื้อผ้าที่เหมาะสม เอาเครื่องสำอางของทรายมาทารองพื้น เติมแป้ง ปัดขนตา กรีดตา  ทาปาก แม้จะเก้ๆกังๆเพราะไม่เคยทำ แต่ครู่เดียวก็เสร็จออกจากห้อง สมศรี ทรายและซันต่างมองลุคใหม่ของบุญสิตาอึ้ง ที่เปลี่ยนเป็นนุ่งกระโปรงยาวดูดีทันสมัย ซันแอบกระซิบว่า “คงเมามาอีกแน่” ส่วนสมศรีเร่งให้ทรายเข้าไปดูข้าวของในห้อง

พอทรายเข้าไปเห็นเสื้อผ้าถูกรื้อกระจุยเต็มห้อง เครื่องสำอางถูกทิ้งเกลื่อน ทรายแผดเสียงลั่น

“นังซิน!”

ooooooo

บุญสิตาที่ถูกวิญญาณณฤทธิ์สิง กลายเป็นสาวสวยทันสมัย แต่กิริยาท่าทางกระด้างโดกเดก กระเดียดไปทางผู้ชายตัวตนของณฤทธิ์

เมื่อออกจากบ้านมาแล้ว บุญตาสิย้ำกับวิญญาณณฤทธิ์ว่าตนให้ยืมร่างไปหาพ่อเท่านั้น แต่ก็มีข้อแม้ว่า ห้ามทำให้ร่างกายตนได้รับอันตรายหรือเกิดการสูญเสีย ห้ามกินเนื้อสัตว์ ห้ามดื่มของมึนเมา สารเสพติดทุกชนิดที่ให้โทษกับร่างกาย ห้ามฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ ลักทรัพย์ ต้องมีความรับผิดชอบ มีวินัย ซื่อสัตย์ สามัคคี เสียสละ รู้จักวางตัวในสังคม

ทีแรกณฤทธิ์ก็ตอบได้...ได้...ได้ เพราะอยากได้ร่างเธอ แต่ฟังๆไปเริ่มหงุดหงิดบ่นว่าเยอะขนาดนี้ตนจำไม่ได้หรอก บุญสิตาจึงเอากระดาษที่จดไว้ให้ดู ก็เกี่ยงว่าตนเป็นผีมองไม่เห็น เธอเลยเผาเหมือนเผากระดาษกงเต๊กไปให้แล้วย้ำข้อสุดท้ายว่า

“ต้องส่งร่างฉันคืนให้ทันเวลาที่นัดแนะกันไว้และต้องรายงานฉันทุกอย่างที่คุณทำระหว่างที่ใช้ร่างฉัน” พูดจบถามว่ามีอะไรอีกไหม ณฤทธิ์ถามว่าถ้าตนทำร่างกายเธอหายต้องเสียค่าปรับเท่าไหร่ บุญสิตาได้แต่อึ้ง

เมื่อตกลงกันแล้ว เสียงเวลาก็แทรกเตือนว่ามีเวลาแค่วันละสี่ชั่วโมงเท่านั้น วิญญาณณฤทธิ์ดูนาฬิกาเห็นว่ามีเวลาถึงบ่ายสองก็ไปเรียกแท็กซี่บอกคนขับว่าไปโรงพยาบาลราษฎร์บำรุงครับ นึกได้รีบเปลี่ยนเป็นค่ะ

ที่โรงพยาบาล พุฒิเมธกับวรรณนาคุยกันด้วยความเป็นห่วงสมบัติ หมอโอบบอกว่าอาการของสมบัติเกิดจากการสูญเสียคนสำคัญ ยาเป็นเพียงตัวช่วย ที่สำคัญท่านต้องอยู่กับความเป็นจริง ยอมรับความจริงให้ได้

ขณะนั้นเอง พุฒิเมธได้รับโทรศัพท์ ฟังปลายสายแล้วเขาหน้าเครียดบอกวรรณนาว่าต้องรีบเข้าออฟฟิศมีเรื่องนิดหน่อย ฝากดูแลคุณพ่อด้วย  ตอนเย็นจะแวะมาใหม่

ooooooo

เมื่อพุฒิเมธไปถึง ที่บริษัทกำลังปั่นป่วน  พนักงานตกใจว้าวุ่นเพราะตั้งแต่เช้าลูกค้าโทร.เข้ามายกเลิกสัญญาเป็นสิบๆรายและพนักงานก็ยื่นใบลาออกหลายคน

ขณะทุกคนกำลังว้าวุ่นงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้นนั้น พุฒิเมธว่า “ลูกค้าคงได้ยินข่าวลือหลังจากเฮียเสียว่าบริษัทเราจะปิด เขาคงคิดว่าไม่มีใครจะมาดูแลต่อจากเฮีย...” จัสตินถามว่าข่าวลือมาจากไหน ศรันย์โพล่งว่า

“จะใครซะอีกล่ะก็ไอ้ปลิงบริษัทไง มีอยู่คนเดียวที่จ้องจะขายบริษัทมาร์คทิ้ง” ทุกคนฟังแล้วเครียด

เวลาเดียวกัน ในงานเปิดตัวสินค้าแบรนด์ดัง กันต์กำลังให้สัมภาษณ์นักข่าวเรื่องอนาคตของบริษัทหลังมาร์คเสียชีวิต ได้ข่าวว่าจะปิดบริษัทจริงหรือ กันต์วางมาดตอบอย่างผู้บริหารว่า

“ตอนนี้ผมก็ได้มารับช่วงดูแลบริหารงานต่อจากคุณมาร์คครับ ส่วนเรื่องจะมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างบริษัทยังไง ยังไม่ได้ตัดสินใจ ถ้ามีอะไรอัพเดตตัดสินใจได้แล้วผมจะเปิดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการอีกทีครับ ผมขอตัวนะครับ”

ระหว่างกันต์ไปเข้าห้องน้ำ โทรศัพท์เขาดังขึ้น พอรับสายเขาสั่งทันทีว่า

“บอกลูกค้า กระจายข่าวไปให้หมดเลยนะว่าเรากำลังจะขายบริษัท ถ้าใครสนใจให้ติดต่อมา...สัญญาโครงการต่างๆที่ค้างไว้ งานอะไรก็ยกเลิกไปก่อน”

ooooooo

บุญสิตาเข้าไปเยี่ยมสมบัติเกือบเผลอเรียกพ่อพอรู้สึกตัวก็เปลี่ยนเป็นเรียกลุง บอกว่าพอดีมาหาหมอเลยแวะมาเยี่ยมพร้อมของฝากที่สมบัติชอบมากคือเฉาก๊วยโบราณใส่ชาเย็น

สมบัติถามว่าทำไมถึงรู้ว่าตนชอบ เธอบอกว่าเป็นเพื่อนกับมาร์คได้ยินมาร์คเล่าให้ฟังตลอดและขออนุญาตเรียกลุงว่าพ่อได้ไหม สมบัติยินดีถามว่ามาร์คเล่าเรื่องพ่อให้หนูฟังตลอดเลยหรือ

วิญญาณณฤทธิ์ผ่านร่างบุญสิตาพูดถึงอดีตที่ตนทะเลาะกับพ่อแล้วทำเป็นไม่สนใจ แต่ที่แท้เขารู้สึกผิดมาตลอด เพราะเขาอยากเอาชนะเลยไม่เคยขอโทษพ่อเลย มองสมบัติเต็มตาบอกว่า “จริงๆมาร์ครักและแคร์คุณพ่อมากนะคะ” นอกจากนี้ยังมอบดอกลีลาวดีให้บอกว่า “หนูคิดว่ามาร์คคงอยากให้ดอกไม้นี้เพื่อให้กำลังใจคุณพ่อค่ะ”

อ่านละครเรื่อง ชั่วโมงต้องมนต์ ตอนที่ 4 วันที่ 5 ก.พ.61

ละครเรื่อง ชั่วโมงต้องมนต์ บทประพันธ์โดย : ติณณา
ละครเรื่อง ชั่วโมงต้องมนต์ บทโทรทัศน์โดย : ตฤณณา
ละครเรื่อง ชั่วโมงต้องมนต์ กำกับการแสดงโดย : กิตติศักดิ์ ชีวาสัจจาสกุล
ละครเรื่อง ชั่วโมงต้องมนต์ ผลิตโดย : บริษัท ทีวีซีน จำกัด
ละครเรื่อง ชั่วโมงต้องมนต์ ออกอากาศเร็ว ๆ นี้ ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ