อ่านละคร บุพเพสันนิวาส ตอนที่ 6 วันที่ 26 ก.พ.61

อ่านละคร บุพเพสันนิวาส ตอนที่ 6 วันที่ 26 ก.พ.61

เกศสุรางค์ซักผ้าในครุหรือกะละมังแล้วให้ผินเอาน้ำไปเทที่โคนต้นไม้ ไม่ให้เทลงคลอง โดยให้เหตุผลว่า น้ำในคลองเราใช้ทั้งอาบทั้งกิน ไม่ควรเอาน้ำซักผ้าสกปรกเทลงไป

เรือจันทร์วาดเข้ามาจอดเทียบท่า เกศสุรางค์ยิ้มแย้มต้อนรับ แต่เธอหน้าขรึมไม่ค่อยเต็มใจสนทนาด้วย บอกเพียงว่ามาเยี่ยมหมื่นสุนทรเทวา เกศสุรางค์รู้ทันทีว่าเธอคงได้ยินข่าวลือแพร่สะพัดไปทั้งพระนครเป็นแน่...

พอดีหมื่นเรืองเข้ามาทัก เกศสุรางค์ดีใจ พาเดินขึ้นเรือน



หมื่นสุนทรเทวาซึ่งนั่งคุยอยู่กับจันทร์วาดบนเรือน พอได้ยินเสียงหัวเราะของเกศสุรางค์และหมื่นเรืองก็ทำหน้าไม่พอใจ จันทร์วาดสังเกตเห็นหน้าหม่นลง ท่านหมื่นหันมาเห็นจึงออกตัวว่า นัดหมื่นเรืองมาคุยเรื่องราชการ จันทร์วาดถามจะให้ตนกลับก่อนหรือไม่ เขาแย้ง

“เหตุใดเล่า แม่จันทร์วาดกรุณามาเยี่ยมข้าถึงเรือนชาน สนทนากันสักครู่ก็ได้”

เสียงเกศสุรางค์คุยเล่นสนุกสนานขึ้นเรือนมากับหมื่นเรือง พอเห็นหน้าหมื่นสุนทรเทวาก็ชะงัก หมื่นเรืองรีบบอกว่ามาช้าไปหน่อยขออภัย แล้วทักทายจันทร์วาด นางทักตอบและถามว่าข้อราชการยุ่งมากหรือ หมื่นเรืองตอบขำๆว่าไม่วุ่นวายเท่าหมื่นสุนทรเทวาหรอก

“ใช่ค่ะ ข้าเห็นคุณพี่หมื่นไปปรึกษาข้อราชการกับคุณพ่อของข้าและคุณอาขุนปานแล้วเหน็ดเหนื่อยแทน เอ๊ะ หมื่นเรืองก็ไปด้วยนี่คะ ได้ยินคุณแม่สั่งอาหาร ค่อนดึกยังตั้งสำรับอยู่เลย”

เกศสุรางค์ทึ่งที่ได้ยินจันทร์วาดพูดยาวเหยียด หมื่นเรืองบอกยังมิเสร็จข้อราชการ วันนี้ท่าทางจะยาวเช่นกัน หมื่นสุนทรเทวาได้ทีแขวะเกศสุรางค์

“เดี๋ยวคงได้รายละเอียดจากท่านอาพระวิสูตร พูดกันไปล่วงหน้าคนไม่รู้เรื่องจะจับไปมิได้ศัพท์”

เกศสุรางค์สบตาปังใหญ่ อ้าปากจะโต้ แต่ท่านหมื่นขัดขึ้นว่าพระวิสูตรมาแล้ว

เกศสุรางค์ขุ่นเคืองรู้ว่าโดนปราม จึงขยับตัวจะไปต้อนรับพระวิสูตร หมื่นสุนทรเทวากระซิบห้ามว่าไม่ใช่กงการ เธอกลับไม่สำนึก

“ไม่เป็นไร ข้าเต็มใจทำ ไม่ลำบากอะไรเล้ย...

ทำได้สบายมาก” พอเห็นสายตางงงวยของจันทร์วาดก็ว่า “แม่หญิงจันทร์วาดไม่รู้เรื่องที่ข้าพูดหรือคะ ภาษาเมืองสองแควเป็นแบบนี้แหละ”

หมื่นสุนทรเทวาย้ำว่า มีบ่าวคอยรับพระวิสุทธสุนทรอยู่แล้ว ไม่นานจ้อยก็พาท่านขึ้นมานั่งบนเรือน แล้วถามจะรับสุราเลยไหม พระวิสุทธสุนทรปฏิเสธเพราะยังหัววัน จ้อยหัวเราะเบาๆบอกท่านหมื่นทั้งสองรับเป็นประจำ พระวิสุทธสุนทรขำเพราะรู้ดีในอุบายเรื่องดื่มสุราของหมื่นสุนทรเทวากับหมื่นเรือง

เกศสุรางค์หงุดหงิดที่ต้องกลับเข้ามาอยู่ในห้อง แต่จันทร์วาดอยู่ฟังได้ ผินกับแย้มบอกว่าเข้าห้องดีแล้ว เกรงผ้าขี่ม้าหลุด ส่วนจันทร์วาดก็กลับ อยู่ฟังไม่ได้ ยิ่งทำให้อยากรู้คุยอะไรกัน

พอทุกอย่างพร้อม พระวิสุทธสุนทรกล่าวขึ้นว่า ดีแล้วที่จันทร์วาดกลับไป เพราะเรื่องนี้มิอาจพูดต่อหน้านาง มันเกี่ยวข้องกับบิดาของนาง หมื่นสุนทรเทวาบอกว่า ออกญาโกษาธิบดีมิรู้เลยหรือว่าออกหลวงสุรสาครน่ากลัวยิ่งนัก

“พี่ชายของข้าไว้ใจออกหลวงผู้นี้มาก หาได้สงสัยเลยว่าไอ้หลวงสุรสาครมันไม่ซื่อ มันเข้ามาทำงานกับพี่ข้าเพราะหวังจะเข้าเฝ้าใกล้ชิดกับขุนหลวง”

“ขุนหลวงนารายณ์ของเราท่านโปรดปรานคนเก่ง หลวงสุรสาครมันฉลาด คิดดูมันคือไอ้ฝรั่งที่ร่อนเร่พเนจรมาจากเมืองต่างด้าวท้าวต่างแดน...เป็นฝรั่งเมืองกรีก

ไม่มีสกุล แต่ประจวบเหมาะได้เข้ารับราชการใกล้ชิดพระยุคลบาท ทำรายรับรายจ่าย ทำบาญชีสินค้า ซึ่งตามปกติเป็นงานยาก ไม่มีใครอยากทำ”

“รู้หรือไม่ออเจ้าทั้งสอง เมื่อแรกที่ออกหลวงผู้นี้รับราชการใหม่ๆ พ่อค้าแขกเทศมาทวงหนี้ที่กรมพระคลัง สินค้า เขาคิดกำไรขาดทุนหักกลบลบหนี้ การณ์ปรากฏว่า ไอ้เจ้าแขกเทศกลับเป็นหนี้กรมพระคลังสินค้าเสียฉิบ ขุนหลวงพอพระทัยมาก อวยยศให้มันรวดเร็วเกินผู้ใด”

หมื่นสุนทรเทวากับหมื่นเรืองเห็นจริง พระวิสุทธ– สุนทรหวั่นใจตอนนี้มีคนจับตาว่าหลวงสุรสาครจะชักชวนขุนหลวงเข้ารีตเข้าโบสถ์ไปด้วย เพราะท่านนิยมชมชอบชาวต่างชาติ เห็นว่าเก่ง คนไทยสู้ไม่ได้

“ท่านอาโกษาเหล็กล่ะขอรับ” หมื่นสุนทรเทวาสงสัย พระวิสุทธสุนทรตอบว่า

“พี่ชายข้าก็ยินดีกับมัน ถ้าขุนหลวงทรงยอมพี่ชายข้าอาจไม่คัดค้าน ทั้งๆที่ทุกครั้งที่ค้าน ขุนหลวงก็ทรงฟังเสมอมา”

ด้านเกศสุรางค์แอบมองจากหน้าห้อง ผินกับแย้มท้วงว่าไม่มีแม่หญิงคนใดอยากรู้เรื่องของผู้ชาย มีแต่อยากรู้เรื่องงานครัว กรองมาลัย จัดดอกไม้ ปรนนิบัติผู้ชายเท่านั้น เกศสุรางค์เถียงทันควัน

“ไม่ใช่ผู้หญิงยุคไอที...เข้าใจ๋...ว่าไง...เข้าใจ๋...”

ผินกับแย้มตบหน้าผากตัวเองอย่างอ่อนใจทั้งที่ไม่เข้าใจภาษา

ooooooo

วันต่อมา เกศสุรางค์เห็นว่าตัวเองหมดระดูก็เลิกผ้าขี่ม้า จะออกไปหาอะไรทำ...พอออกมาเจอจ้อยถือหีบใส่เครื่องแต่งตัวของหมื่นสุนทรเทวา ก็รี่เข้าไปถามว่าวันนี้ท่านหมื่นไปไหน พอรู้ว่าเข้าวังก็อยากไปด้วยเพราะไม่เคยเห็นวังมาก่อน จ้อยให้ไปขอท่านหมื่นดู

“ก็เนี่ยไง ยืนคอยจะขออยู่เนี่ย”

หมื่นสุนทรเทวาเดินออกมาเอ็ดจ้อยมัวยืนเว้าวอนกะใคร เกศสุรางค์ร้องอ้าว...ก็คุยอยู่กับตนไม่เห็นหรือ ท่านหมื่นตำหนิว่าทำให้จ้อยเสียงาน เกศสุรางค์อ้าปากจะขอไปด้วย ท่านหมื่นขัดอย่างรู้ทันว่าไม่ได้ หญิงสาวหน้าเจื่อนสลดลง ท่านหมื่นเห็นก็ใจอ่อนน้ำเสียงนุ่มนวลลง

“เห็นจะไม่ได้หรอก ด้วยว่าข้ามีราชการสำคัญ”

เกศสุรางค์อยากรู้ว่าราชการอะไร ท่านหมื่นทำตาดุ ...ออกญาโหราธิบดีเดินออกมากับจำปา ทักท่านหมื่นด้วยน้ำเสียงปลื้มปีติ จำปาว่าเห็นจัดเครื่องแต่งตัวใหม่ไว้ตั้งแต่เมื่อวาน ออกญาพูดยิ้มๆว่าคงมีคนได้อวยโขในวันนี้ น่ายินดีจริงๆ เกศสุรางค์ยิ่งสงสัยใคร่รู้

“ขุนหลวงกลับมาประทับพระนครค่อยอุ่นใจ” จำปาเอ่ยขึ้น แต่ออกญากลับบอกว่า

“แม่จำปา พอท่านเสร็จพิธีวันนี้ก็กลับละโว้ตามเดิมนั่นแหละหนา”

“อพิโธ่ น่าจะประทับให้นานหน่อย ละโว้มีอะไรดีถึงโปรดเหลือเกิน...แม่การะเกด! ยืนอ้าปากฟังไม่กะพริบตา...

เอ้า...จะพูดอะไร” จำปาหันมาเห็นหน้าเกศสุรางค์เธอรีบขอตัวเดินไป จำปาบ่นไล่หลัง “แม่คนนี้ ข้าเหลือจะทนกับนางเสียจริ๊ง ดูทีรึ...นางหูตาว่องไวคอยฟังอยู่”

“คงอยากรู้เต็มประดาตามวิสัยนาง” ออกญามองตามอย่างขำๆ

ขณะที่หมื่นสุนทรเทวาจะลงเรือ ก็เอ่ยถามจ้อยว่า การะเกดคุยอะไรด้วย จ้อยตอบว่านางขอไปด้วย ท่านหมื่นแอบขำ เพราะรู้ว่านางคงอยากรู้ว่าตนทำงานที่ไหน ป่านนี้ผินกับแย้มคงต้องตอบคำถามเป็นสิงคลีอยู่ ซึ่งหมายความว่าวุ่นวายพัลวัน

จริงอย่างที่ท่านหมื่นคาด เกศสุรางค์กำลังซักไซ้ผินกับแย้มว่าทำไมพระนารายณ์ต้องไปอยู่เมืองละโว้ ผินรีบแก้ว่าต้องเรียกว่าขุนหลวงนารายณ์เพราะท่านเป็นกษัตริย์ นางถามอีกว่าท่านหมื่นเข้าวังทำไม แถมออกญายังพูดว่า มีคนได้อวยโขอยู่วันนี้ หมายความว่าอะไร ผินกับแย้มช่วยกันคิดแล้วสันนิษฐานว่า หมายถึงอวยยศ แต่แปลกใจว่าทำไมแม่นายถึงลืมมากขึ้น...

ที่ท้องพระโรงอยุธยา มีข้าราชการมากมายทั้งแขก จีน ฝรั่ง ต่างแต่งตัวตามธรรมเนียมชาติตัวเอง ขุนหลวงนารายณ์นั่งอยู่บนบัลลังก์ ข้าราชการหมอบเฝ้าอยู่บนพรมเจียมเล็กๆ มีชุดเครื่องหมากวางอยู่ใกล้ๆ... เสียงแตรสังข์ดังขึ้น ทุกคนกราบบังคม ขุนหลวงนารายณ์พระราชทานผ้านุ่งสมปักให้ข้าราชการที่ได้อวยยศ

เย็นวันนั้น หมื่นสุนทรเทวาก้าวขึ้นจากเรือ เกศสุรางค์ปรี่เข้าถามทันทีว่าเขาได้อวยยศเป็นอะไร และหมื่นเรืองได้อวยยศด้วยหรือไม่ ท่านหมื่นจากที่ยิ้มก็หน้าตึงขึ้น ถามอยากรู้มากหรือ เธอตอบอย่างใจคิดว่าที่สุดเลย ท่านหมื่นตาขุ่นบอกให้รอถามเขาเอง ว่าแล้วก็เดินไป

“ถามเอง...ถามเมื่อไหร่ล่ะคะ จะพบหมื่นเรืองที่ไหนล่ะเจ้าคะ คุณพี่...คุณพี่” เกศสุรางค์เดินตามถาม สักพักก็หยุดถอนใจ “เฮ้อ...เล่นตัวจริ๊ง ไม่อยากรู้ก็ได้”

หมื่นสุนทรเทวาหันกลับมาบอกว่า อีกสักครู่หมื่นเรืองจะมา พระวิสุทธสุนทรก็มาด้วย มีข้ออันใดอยากถามก็เตรียมตัวไว้ เกศสุรางค์สีหน้าดีใจ ดีดนิ้วเปาะเมื่อรู้ว่าท่านมาด้วย

ปริกแล่นมารายงานจำปาอย่างหมั่นไส้การะเกดมาก หาว่านั่งหน้าขาวรอหมื่นสุนทรเทวาจนน่าเกลียด จำปาถามได้ยินนางถามเรื่องอวยยศหรือไม่ ปริกตบเข่าตัวเองฉาด

“บ่าวได้ยินแม่หญิงถามท่านหมื่นทันทีที่เหยียบท่าน้ำเลยเจ้าค่ะว่าอวยยศเป็นอะไร แม่หญิงผู้นี้วิปลาสแท้เชียวนะเจ้าคะ เดิมทีดุร้ายหมายหัวคน เดี๋ยวนี้เปลี่ยนไปไม่ดุร้ายเหมือนเดิม แต่ก็สอดส่ายสายตามองโน่นมองนี่อยากรู้ไปเสียทุกอย่าง หามีพอดีไม่เจ้าค่ะแม่นายท่าน”

จำปาย้อนถามว่าอย่างไหนดีกว่ากัน ปริกยอมรับว่าไม่ชอบการะเกดทั้งสองแบบ เพราะไม่เว้นผู้ใหญ่ จำปาข้องใจไม่เว้นอย่างไร ปริกว่าชอบเข้าไปใกล้ชิดซักถามพระวิสุทธสุนทร

พอพระวิสุทธสุนทรมาถึงก็คุยกับการะเกด “อย่าลืมนะ ออเจ้าเคยรับอาสาจะเป็นล่ามให้พวกข้าที่จะไปเรียนเขียนอ่านภาษาฝรั่งเศสที่โบสถ์เซนต์เปาโล”

“ไปเจ้าค่ะ ไปแน่นอน” นัยน์ตาเกศสุรางค์วิบวับเพราะจะได้เที่ยว

หมื่นเรืองมาถึงรีบออกตัวที่มาสายเพราะหน้าวัดไชยมีงานอะไรไม่รู้ เรือแจวแน่นขนัดท้องน้ำ พระวิสุทธสุนทรเคยเจอเวลามีงานบุญใหญ่ หมื่นเรืองหันมาบอกหมื่นสุนทรเทวา

“ต้องให้ท่านขุนศรีวิสารวาจาใช้อำนาจท่านออกญาโหราธิบดีสั่งการไปทางวัดแล้วกระมัง แม่การะเกดรู้หรือยังว่าเพลานี้คู่หมายของออเจ้ามิได้เป็นเพียงหมื่นแล้วหนา หากเป็นถึงท่านขุน หากได้ไปต่างบ้านต่างเมืองกลับมามีผลงาน ก็อาจจักได้เป็นถึงหลวง ออเจ้าดีใจฤาไม่”

“ขุนเรืองอภัยภักดี ออเจ้านี่ช่างไม่รู้จักจำ ติดแต่ปากยั่วเล่น” ขุนศรีวิสารวาจาเหน็บ

“ข้ารู้แล้วค่ะว่าทั้งสองท่านได้อวยยศสูงขึ้น...

ท่านออกพระเจ้าคะ ขุนนางในกรุงศรีอยุธยามีมากไหม เจ้าคะ” เกศสุรางค์หันมาถามพระวิสุทธสุนทร

“มีมากสิออเจ้า เห็นฤาไม่ว่ามีกิจการหลายอย่างที่ต้องมีคนทำ ทั้งในกิจการของราษฎร ทั้งกิจการของขุนหลวง ทั้งยังเรื่องการค้าขายกับพวกฝรั่ง พวกแขก คนจีนก็ค้าขายกับเรา”

“ขุนนางได้เงินเดือนไหมเจ้าคะ”

“ออเจ้าหมายถึงค่าจ้างงั้นฤา” เกศสุรางค์รับว่าใช่ที่ได้ตอนสิ้นเดือน พระวิสุทธสุนทรบอก “ไม่มี ขุนนางจะได้แต่เบี้ยหวัดเงินปีที่ขุนหลวงพระราชทานเท่านั้น”

“ถ้าไม่พอทำยังไงเจ้าคะ”

“ขุนนางได้จากงานที่ทำด้วยนะออเจ้า อย่างกรมกองไหนเก็บส่วยเก็บค่าฤาชาหรือเก็บค่าธรรมเนียมจากราษฎร ขุนนางกรมนั้นก็หักไว้ใช้จ่ายได้ ที่เหลือถึงจะส่งเข้าท้องพระคลังหลวง”

“อย่างนี้มีคอร์รัปชันไหมเจ้าคะ”

ทุกคนหันขวับมองหน้าเกศสุรางค์เป็นตาเดียว หญิงสาวรีบแก้คำใหม่ว่า มีโกงกันไหม ขุนศรีวิสารวาจาแย้งว่าเธอพูดคำประหลาด เกศสุรางค์ขัดว่ากำลังคุยเรื่องใหญ่ อย่าสนใจเรื่องเล็กน้อย พระวิสุทธสุนทรย้อนถามการะเกดคิดว่ามีโกงไหม เธอรับว่าที่ไหนมีผลประโยชน์ที่นั่นมีโกงแน่ พระวิสุทธสุนทรหัวเราะชอบใจ เกศสุรางค์รุกถามว่าจับได้ลงโทษอย่างไร

“มีตั้งแต่โทษเบาๆเรียกว่า กดอุเบกขา จนถึง...” เกศสุรางค์ลืมตัวขัดถามว่าเป็นอย่างไร ขุนศรีวิสารวาจาตำหนิ เธอรีบขอโทษ พระวิสุทธสุนทรไม่ถือโทษอธิบายว่า “เรียกประกันทัณฑ์บนขุนนางผู้นั้น ถ้าทำอีกก็โดนริบเงินประกัน”

“ถ้าผิดเยอะๆ ฆ่าไหมเจ้าคะ” เกศสุรางค์ซัก พระวิสุทธสุนทรบอก ฟันคอริบเรือน เกศสุรางค์ดีดนิ้วเป๊าะ “มันต้องงั้น ขี้โกงนี่เลวมาก ฟันคอยังน้อยไป ต้องฟันทั้งตัว หั่นเป็นชิ้นๆ”

อ่านละคร บุพเพสันนิวาส ตอนที่ 6 วันที่ 26 ก.พ.61

ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส บทประพันธ์โดย รอมแพง
ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส บทโทรทัศน์โดย ศัลยา
ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส กำกับการแสดงโดย ภวัต พนังคศิริ
ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส ผลิตโดย บริษัท บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น จำกัด
ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส ออกอากาศเร็ว ๆ นี้ ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ