อ่านละคร บุพเพสันนิวาส ตอนที่ 6 วันที่ 28 ก.พ.61

อ่านละคร บุพเพสันนิวาส ตอนที่ 6 วันที่ 28 ก.พ.61

“ข้าตอบโต้ว่าไงเหรอพี่...แรงเหรอพี่” สองบ่าวพยักหน้า เกศสุรางค์จึงให้เล่าถึงนิสัยไม่ดี

ผินกับแย้มช่วยกันเล่าจนเห็นภาพ ว่าจำปาบ่นที่การะเกดทำงานบ้านงานครัวไม่เป็นสักอย่าง เธอร้องกรี๊ดลั่นเรือนอย่างไม่พอใจ แถมลุกเดินพรวดแทบชนจำปา พอสอนให้กรองมาลัยก็ว่าเวียนหัว..สอนให้ทำข้าวแช่ก็หาว่าเหม็นทุกอย่าง จำปาอ่อนใจให้ผินกับแย้มทำแทน กลับขู่ว่าใครเป็นนายกันแน่...เปลี่ยนมาสอนเย็บผ้า การะเกดก็ทำโย้เย้น่าเกลียด จำปาถามเคืองๆว่าใช้อะไรเย็บ นางกลับย้อนว่าใช้ตีนเย็บ ปริกจ้องหน้าโกรธแทนนาย

การะเกดแว้ดใส่ “มองอะไรกูนังปริก มึงอยากเจ็บตัวฤา...อีผินอีแย้ม มึงดึงชายผ้ากูทำไม มึงเต็มใจให้อีบ่าวมันดูหมิ่นดูแคลนกูรึ กูมิใช่สิ้นไร้ไม้ตอก วันหนึ่งกูก็จะเป็นสะใภ้ รังเกียจเดียดฉันท์กูปานนี้ กูก็ลูกพระยานาหมื่น มึงจะให้กูเงียบปากรึ ว่าไงอีปริก”



ปริกลุกเดินหนี การะเกดไม่ยอมผลักปริกคะมำ ปริกหันมาจ้องจะเอาเรื่อง การะเกดยิ่งโกรธ โวยกับจำปาให้ตัดสินความ ว่าบ่าวกำเริบกับนาย มิมีผู้ใดในอยุธยาทำ ถ้าเข้าข้างปริก คงได้ลือกันทั้งพระนคร จำปาโกรธสั่งการะเกดกลับเข้าห้อง เธอเชิดหน้าเน้นย้ำอย่าลืมที่บอก

เกศสุรางค์ฟังเรื่องราวแล้วยอมรับว่านิสัยน่าเกลียดมาก แล้วถามทำไมทั้งสองจึงรักการะเกด ผินกับแย้มคลานเข้ามากอดขาน้ำตาคลอ เกศสุรางค์ซึ้งใจกล่าวน้ำเสียงจริงใจ

“ขอบใจพี่สองคนมาก พี่ดูแลข้ามาตั้งแต่ข้าร้ายกาจชั่วร้าย จนข้ากลายเป็นข้าเดี๋ยวนี้ ข้าจะไม่ลืมความดีของพี่เลย”

ด้านนอกห้อง ขุนศรีวิสารวาจาหน้าเครียดคิดถึงภาพความใกล้ชิดยิ้มแย้มให้กันของการะเกดกับขุนเรือง ทนไม่ไหวลุกไปเคาะประตูห้อง ผินเปิดประตูงงๆ ท่านขุนให้ถามการะเกดว่าวันพรุ่งจะพาไปตลาดตะพานชีกุน จะไปหรือไม่ หญิงสาวได้ยินอ้าปากจะถาม ท่านขุนตัดบท

“ไม่ต้องถามอันใด บอกแม่นายว่าวันพรุ่ง ข้าจะพาไปตลาดตะพาน” พูดจบก็เดินไปทันที

ooooooo

รุ่งเช้า ที่ตลาดตะพานชีกุน เกศสุรางค์เดินมองอย่างตื่นตา เห็นกำแพงพระนครก็ให้คิดถึง ตอนเรียน อาจารย์เล่าว่า ที่นี่มีสะพานข้ามคลองใหญ่ทำด้วยอิฐ 15 สะพาน ทำด้วยไม้ 15 สะพาน รวมเป็น 30 สะพาน เชิงสะพานจะมีแขกนั่งร้านขายปะวะหล่ำกำไล ขายเครื่องประดับผู้หญิง

เกศสุรางค์เห็นอย่างที่อาจารย์เล่า ก็วิ่งไปดูของที่แขกนั่งขาย ขุนศรีวิสารวาจาออกปากว่าถ้าชอบก็เลือกดู หญิงสาวมองทำนองเขาจะจ่ายให้หรือ เขาเปรยว่าคงไม่ทำให้ล่มจม

“ป๋ามาก...”

“เจ้าว่าอันใด” ขุนศรีวิสารวาจาหน้าเหวอ

“ข้าว่าป๋ามาก โธ่...คุณพี่จะสนทำไมคะ ข้าพูดไปงั้นเอง”

“สน...สนด้ายกับเข็มฤา”

เกศสุรางค์ขี้เกียจอธิบายความหมายจึงเปลี่ยนเรื่อง ชี้ถาม “อุ๊ย! นั่นจับปิ้ง น่ารักจัง จะปิดมิดไหมคะอันกระจิ๊ดเดียว”

ท่านขุนพลอยหัวเราะไปด้วย จากนั้นเกศสุรางค์ถามเรื่องลายของถาดและขันเงิน ท่านขุนบอกเป็นของอินเดียแล้วถามรู้จักไหม เธอรีบบอกรู้จักหมดทั้งเนปาล ปากีสถาน ศรีลังกา ท่านขุนเป็นฝ่ายสงสัยแทน หญิงสาวบ่นหิวกลบเกลื่อน แล้วเดินเลือกซื้อของกินแจกจ่ายบ่าวทุกคน ท่านขุนยิ่งแปลกใจเพราะปกติไม่มีใครใส่ใจพวกบ่าวที่ติดตาม

พอกินเสร็จ เกศสุรางค์ก็ขอไปตลาดชีกุนด้วย ขุนศรีวิสารวาจาปฏิเสธ สั่งบ่าวพาเธอกลับ เพราะเขามีนัดกินเหล้ากับขุนเรือง เธอโอดครวญ

“อะไรกัน ทิ้งกันอีกแล้ว เมื่อคราวไปตลาดท่าเรือจ้างวัดนางชี ข้ายังไปได้ คราวนี้คุณพี่ก็ให้ข้าเดินเที่ยวอีกสิเจ้าคะ ข้าเดินเที่ยวได้หลายรอบไม่เบื่อเลยสักนิด”

“มิใช่แค่กินเหล้าให้ผู้อื่นเห็นอย่างที่ออเจ้าคิดดอกหนา อย่าได้วุ่นวายไป ถ้ามิเชื่อฟัง คราหน้าข้าจักไม่พาออเจ้าเที่ยวอีก”

เกศสุรางค์หน้าง้ำผิดหวัง พอขุนศรีวิสารวาจาแยกไปแล้ว จึงสั่งจ้อยพายเรือไปจอดท่าตลาดบ้านจีน แถมขู่ถ้าเขาไม่จอดจะกระโดดน้ำไปเอง ผินกับแย้มอยู่ในเรืออีกลำกับจวง จิก ม่วง แหวน และยอด ตกใจเมื่อเห็นเช่นนั้น จำต้องเดินตามล้อมหน้าล้อมหลังเพื่อความปลอดภัย

ตลาดบ้านจีนต่างจากตลาดอื่นตรงที่มีคนจีนพลุกพล่าน เป็นตลาดสินค้าจีนเสียส่วนใหญ่ มีโรงน้ำชาที่มีสาวๆนั่งอยู่หน้าร้าน บางคนหน้าตาเหนื่อยหน่าย บางคนมีท่าทียั่วยวน ท้ายตลาดมีศาลเจ้า เมื่อเกศสุรางค์เดินดูจนพอใจก็จะกลับ เจอชาวจีนไว้เปียสองคนเข้ามาแทะโลม จ้อย ผินเข้าขวางโดนทำร้ายหน้าคะมำ เกศสุรางค์ตกใจด่าว่าพวกหน้าตัวเมียก่อนจะเข้าเตะผ่าหมากชายชาวจีนคนหนึ่ง แล้วจับแขนอีกคนบิดอย่างแรงด้วยท่ายูยิตสูที่เรียนมา ผู้คนแถวนั้นฮือฮากันใหญ่

ทันใดมีขุนนางท่านหนึ่งผ่านมา ชาวจีนเหล่านั้นประสานมือก้มหัวปลกๆอย่างเกรงกลัว ท่านถามมีเรื่องอันใด เกศสุรางค์บอกขอแค่ให้พวกนี้หลีกทางก็พอ ท่านจึงถามว่าเธอเป็นลูกเต้าเหล่าใคร พอเธอบอกว่าชื่อการะเกดเป็นหลานออกญาโหราธิบดี ผู้คนแถวนั้นก็ฮือฮาขึ้นอีกแต่เป็นการซุบซิบว่า เธอนี่เองที่ต่อปากต่อคำกับฟอลคอน...ขุนนางผู้นั้นเดินมาส่งที่เรือ

มาถึงเรือ ขุนนางบอกแก่เธอว่า เขาชื่อหลวงศรียศรู้จักขุนศรีวิสารวาจาดีให้ไปถามดู...แต่พอมาถึงเรือน จ้อยขออย่าได้ถามท่านขุนด้วยหวั่นใจจะเป็นเรื่องใหญ่ แต่เรื่องมาถึงหูจำปาจนได้

ปริกกำลังเล่าให้จำปาฟังว่าการะเกดตบตีกับพวกจีนเฝ้าซ่อง “แม่หญิงเตะต่อยพวกจีนเฝ้าซ่องด้วยมือเปล่า จนไอ้จีนหางเปียยาวนอนระเนระนาดเชียวเจ้าค่ะ ตั้งยี่สิบคนนะเจ้าคะ”

เกศสุรางค์เดินขึ้นบันไดมาได้ยิน หันไปพูดกับบ่าว “แค่สองคนเองนะ ลือขนาดนี้ สงสัยอีกไม่นานข้าคงเป็นตำนานฆ่าควายด้วยมือเปล่า”

จำปาได้ยินเรียกการะเกดเข้ามาหา สั่งห้ามไปเที่ยวตลาดอีกจนกว่าเสียงเล่าลือจักซาไป แล้วหันไปสั่งโบยบ่าวทุกคนที่ไปกับนาง เกศสุรางค์รีบขัดว่าบ่าวทุกคนไม่ผิด ตนบังคับทุกคนให้ไปเอง ถ้าจะโบยควรโบยตน ขุนศรีวิสารวาจากลับมารู้เรื่อง ปรามการะเกดให้หยุดพูด แต่เธอไม่ยอม ผินกับแย้มขอร้องให้แม่นายของพวกเธอหยุดเถียง เกรงจะเจ็บตัว

จำปาโกรธ ในเมื่ออยากรับโทษแทนบ่าว มีบ่าวไปด้วยหกคน จึงสั่งจวงโบยหกที จวงหน้าเจื่อนเพราะตนก็ไปด้วย ท่านขุนขอให้ออกญาโหราธิบดีช่วยพูด แต่จำปาหันมาเอ็ด

“เงียบปากพ่อเดช หากมิลงโทษให้หลาบจำ ก็รังแต่จะทำเรื่องทำราวมิรู้จักจบสิ้น ต่อไปจักได้คิด มากกว่านี้ นี่อะไร ทำตามแก่ใจตนเพียงถ่ายเดียว”

จวงจำต้องเฆี่ยนการะเกด แต่ฟาดลงไม่หนักมือ เท่านี้เกศสุรางค์ก็สะดุ้งโหยง พอเงื้อไม้ที่สอง ผินและแย้มโผเข้าปกป้องจึงโดนฟาดพร้อมกัน เกศสุรางค์ตกใจที่ผินกับแย้มมารับหวายแทน หันมากอดทั้งสองร่ำไห้ บ่าวคนอื่นพากันน้ำตาซึม...ออกญาเห็นว่าถ้าขุนศรีวิสารวาจาไม่ห้ามเห็นทีจะเจ็บกันทั้งเรือน ท่านขุนจึงเข้ามาขอร้อง

“คุณแม่ขอรับ เรื่องนี้หากไล่ความแล้ว ผู้ที่ผิดมากที่สุดน่าจักเป็นข้า เพราะข้ามิได้กลับมาส่งแม่การะเกดถึงเรือนจึงเกิดเรื่อง เป็นข้ามิดีนักที่ไม่ดูแลน้องให้ดี โทษที่เหลือข้าขอรับแทนน้องเถิดขอรับ”

“พอกันทั้งนายทั้งบ่าว อยากทำกระไรก็ทำเถิด มิต้องเห็นหัวข้าดอกหนา” จำปาโกรธเดินไป ปริกรีบคลานตาม

เกศสุรางค์ยังสะอื้น ออกญาจึงตักเตือนว่า “มิมีผู้ใดทำอย่างที่เจ้าทำครั้งนี้ ห้าวหาญเกินหญิงใดในพระนคร ที่ลือลั่นไปเร็วกว่าไฟลามทุ่ง จึงมิน่าฉงนใจนัก...ความผิดนี้ใหญ่หลวงก็จริง แต่มิใช่ว่าต้องโบยกันหนักหนา ว่ากล่าวตักเตือนให้มั่นไว้ก็คงจะได้ ข้ารู้ดีว่าแม่นายจำปาก็มิอยากลงโทษออเจ้าหรอก แต่แม่นายจำต้องนึกถึงกาลข้างหน้า หากออเจ้าไปทำเรื่องใหญ่ยิ่งเสี่ยงอันตรายกว่านี้ แม้แต่ชีวิตก็จักรักษาไว้ไม่ได้”

เกศสุรางค์น้ำตาพรั่งพรู รู้แจ้งแก่ใจ ขุนศรีวิสาร–วาจามองผู้เป็นพ่ออย่างซาบซึ้ง ออกญายังย้ำอีกว่า การะเกดเป็นคนกล้าหาญ เป็นคนซื่อตรง ทำผิดกล้ารับผิด ไม่กล่าวโทษบ่าวไพร่เหมือนที่เคยทำ...เกศสุรางค์หน้าเจื่อนหวั่นใจว่าท่านรู้หรือไม่ว่าตนไม่ใช่การะเกด ขุนศรีวิสารวาจาแอบยกนิ้วแม่มือชื่นชม เธอเห็นแล้วค้อนขวับ ก่อนจะก้มกราบออกญาอย่างซึ้งใจ

ออกญาสั่งผินกับแย้มพานายเข้าห้อง แล้วสั่งผู้ใดก็ได้ฝนไพลไปให้รักษาทั้งนายและบ่าว ขุนศรีวิสารวาจาเรียกจ้อยให้ไปเอาไพลมา จ้อยยิ้มหน้าเป็น พอโดนขู่จะถูกหวายลงหลังก็วิ่งแจ้น

อ่านละคร บุพเพสันนิวาส ตอนที่ 6 วันที่ 28 ก.พ.61

ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส บทประพันธ์โดย รอมแพง
ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส บทโทรทัศน์โดย ศัลยา
ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส กำกับการแสดงโดย ภวัต พนังคศิริ
ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส ผลิตโดย บริษัท บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น จำกัด
ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส ออกอากาศเร็ว ๆ นี้ ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ