อ่านละคร ไฟหวน ตอนที่ 9 วันที่ 3 มิ.ย. 56


อ่านละคร ไฟหวน ตอนที่ 9 วันที่ 3 มิ.ย. 56

เมื่อแผนสำเร็จลุล่วง นิกรก็กลับมาหาดำเกิงพร้อมฟิล์มถ่ายรูป ดำเกิงจึงนำฟิล์มนั้นส่งไปล้างก่อนจะส่งข่าวมายังนายพลเทพว่าคงต้องใช้เวลารออีกสักหน่อย...

ส่วนที่โรงพยาบาล วันนี้อิ่มทำให้หมอไอศูรย์ประหลาดใจอย่างยิ่ง

“อะไรนะครับ ป้าอิ่มอยากไปทำงานที่บ้านผม”

“ป้าเริ่มจำอะไรได้บ้างแล้ว แต่ก็ยังนึกไม่ออกว่ามีญาติที่ไหน แต่จะให้อยู่ที่นี่ตลอดไปก็คงจะไม่ได้ ป้าก็เลยคิดว่าป้าอยากจะขออนุญาตคุณหมอไปทำงานที่บ้านให้ แลกกับที่อยู่ที่กินได้ไหม”

“ผมน่ะไม่ขัดข้องหรอกครับป้า แต่เรื่องนี้ผมคงต้องขออนุญาตคุณแม่ของผมก่อน”


“ป้าสัญญาว่าป้าจะไม่ทำความเดือดร้อนให้กับคุณหมอเลยจ้ะ”

อิ่มแววตาเป็นประกาย มั่นใจว่าการได้เข้าไปอยู่ในบ้านของไอศูรย์จะทำให้สืบหานายพลเทพ เทพบริบาลได้ง่ายขึ้น...

ขณะเดียวกัน นายพลเทพกำลังอารมณ์ดีเพราะมีความหวังว่าจะหาลูกอีกคนหนึ่งพบ คุณหญิงมณีที่ยังเมินๆหมางๆกันอยู่แอบเห็นสีหน้าสามีก็นึกสงสัย พาลคิดมากว่าต้องเกี่ยวกับบุปผา เพราะสร้อยเพิ่งมารายงานสิ่งที่เห็นก่อนหน้านี้

“ท่านนายพลถึงกับให้เงินตบรางวัลนังบุปผามันเชียวรึ”

“ไม่ใช่แค่ให้เงินตบรางวัลมันเท่านั้นนะคะ ยังลูบหัวมันด้วยค่ะคุณหญิง สร้อยเห็นมากับตาเลยค่ะ ถ้าไม่เชื่อ คุณหญิงลองไปถามท่านนายพลดูก็ได้ค่ะ”

“ไม่ถาม...ถามไม่ได้ ท่านกำลังโปรดปรานมัน ถึงกับมีคำสั่งห้ามฉันไล่มันออก ถ้าฉันไปแตะต้องอะไรมันตอนนี้คงเป็นเรื่องกับท่านนายพลแน่”

“แล้วคุณหญิงจะปล่อยให้มันนั่งชูคอเป็นคนโปรดของท่านอยู่อย่างนี้หรือคะ”

“สร้อย...แกก็รู้ว่าฉันไม่เคยปล่อยใครหน้าไหนให้อยู่เป็นเสี้ยนหนามตำใจฉัน ฉันจะต้องกำจัดนังบุปผาให้ออกไปจากชีวิตฉัน...เหมือนที่ฉันเคยกำจัดนังอุ่นและลูกของมันอย่างแน่นอน”

คุณหญิงมณีสีหน้าเหี้ยมเกรียม แม้แต่คนสนิทอย่างสร้อยเห็นแล้วยังกลัว...

ooooooo

ด้านนายแสงลูกชายของสร้อยที่โดนนายพลเทพไล่ออกจากบ้าน เวลานี้เขาได้งานใหม่ที่บ้านกำพล หลังจับพลัดจับผลูหนีออกจากบ่อนเมื่อวันก่อนแล้วเจอกำพลโดยบังเอิญ...แต่ถึงจะได้งานแล้ว แสงก็ยังแค้นใจบุปผาอยู่ดี เพราะหล่อนเป็นต้นเหตุให้เขาต้องระเหเร่ร่อน

ส่วนนายสินก็เป็นอีกคนที่เคียดแค้นบุปผา เขาไม่น่าหลงกลพาเธอเข้ามาอยู่ในบ้านเทพบริบาลจนเกิดเรื่องขึ้นมากมาย ที่สำคัญตัวเขาเองถูกเธอทำร้ายถึงกับเป็นอัมพาตเดินเหินไม่ได้มาแรมเดือน แต่เวลานี้เขาเริ่มพูดได้บ้างแล้ว ซึ่งจะให้เธอรู้ไม่ได้เป็นอันขาด

วันนี้บุปผามาเยี่ยมพร้อมหมอไอศูรย์ นายสินนอนนิ่งให้หมอตรวจอาการ ขณะที่ดวงตาของเขาจับจ้องบุปผาอย่างไม่ไว้ใจ

“อาการโดยทั่วไปเป็นปกติดีแล้วนะนายสิน หมอคิดว่าคงจะให้บุปผารับนายสินกลับไปรักษาตัวกันต่อที่บ้านได้แล้วละ นายสินดีใจไหม”

นายสินมองหมอด้วยสีหน้ากังวลเพราะกลัวบุปผา แต่หมอหนุ่มกลับเข้าใจไปอีกทาง

“อย่าห่วงเลย หมอว่าบุปผาคงดูแลนายสินได้ดีไม่แพ้พยาบาลที่นี่หรอก ใช่ไหมบุปผา”

“ค่ะคุณหมอ บุปผาจะดูแลพี่สินอย่างดีที่สุดเลยค่ะ”

“พรุ่งนี้หมอจะทำเรื่องอนุญาตให้นายสินกลับบ้านได้นะ”

“ขอบพระคุณคุณหมอมากค่ะ”

“ไม่เป็นไร...เยี่ยมกันไปก่อนนะ หมอขอตัวไปดูคนไข้ห้องอื่นต่อก่อน”

ทันทีที่หมอไอศูรย์กลับออกไป บุปผาก็จ้องนายสินอย่างชิงชัง ในขณะที่นายสินเองก็จ้องหน้าบุปผาอย่างหวาดกลัวและเกลียดชัง คิดในใจว่าถ้าบุปผารู้ว่าตนพูดได้ มันต้องไม่ปล่อยตนไว้แน่!

บุปผามองนายสินเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อแล้วสะบัดพรืดออกจากห้องมุ่งหน้าออกจากโรงพยาบาลจะกลับบ้าน เดินบ่นกระปอดกระแปดมาตลอดทาง

“ทำไมแกไม่ตายๆไปซะนะไอ้สิน กลับไปอยู่บ้านก็เหนื่อยฉันอีก”

บุปผาถอนใจเบื่อหน่าย ทันใดนั้นใครคนหนึ่งก็โผล่พรวดเข้ามาดักหน้าเธอไว้อย่างกะทันหัน บุปผาถึงกับตะลึงงัน อุทานออกมาด้วยความตกใจสุดขีด

“คุณกำพล!!”

ooooooo

เมื่อถูกกำพลจู่โจมในระยะประชิดตัวแบบนี้บุปผาจึงหนีไม่ทัน ถูกเขาคว้าแขนจนดิ้นไม่หลุด

“บุปผา! เธอไปอยู่ที่ไหนมา รู้ไหมว่าฉันตามหาเธอแทบตาย ตามหาไปทุกที่แต่ก็ไม่พบ แล้วทำไมใส่ชุดแบบนี้”

บุปผา ยังตั้งตัวไม่ติด เลยอึกๆอักๆคิดหาคำตอบไม่ทัน แต่ถึงยังไงก็ไม่ยอมให้เขาลากตัวไปขึ้นรถ เธอดิ้นรนขัดขืนแต่ไม่สำเร็จ ที่สุดเธอก้มลงกัดข้อมือเขาจมเขี้ยวแล้วฉวยโอกาสวิ่งหนีออกมา โดยมีกำพลไล่กวดมาอย่างไม่ลดละ

ทางเดียวที่จะหนีรอดคือต้องขอความช่วย เหลือจากคนอื่น บุปผาตะโกนลั่นว่าตนถูกนักเลงตามจับตัวเพื่อเอาไปขายซ่อง เท่านั้นเองผู้คนที่ผ่านไปมาก็เข้ามาสกัดกำพล

“บ้านเมืองมีขื่อมีแปนะโว้ย”

“เรื่องของกู คนอื่นไม่เกี่ยว”

พูดขาดคำ กำพลโดนรุมยำเพราะทุกคนคิดว่าเขาจะจับตัวผู้หญิงไปขายซ่องจริงๆ บุปผาฉวยจังหวะนี้วิ่งหนีไม่คิดชีวิต ทิ้งกำพลนอนจมบาทาอยู่ตรงนั้น!

กลับถึงบ้านเทพบริบาล บุปผายังเสียวสันหลังไม่หาย ถ้าถูกกำพลพาตัวไปมีหวังหมดโอกาสได้ใกล้ชิดหมอไอศูรย์อีกแน่...บุปผาเหลือบไปเห็นมัทนาเดินมาก็ปรับสีหน้าเป็นปกติ

“บุปผาไปเยี่ยมนายสินที่โรงพยาบาลมาหรือจ๊ะ”

“ค่ะคุณหนู”

“แล้วอาการนายสินเป็นยังไงบ้างจ๊ะ”

“พรุ่งนี้คุณหมอไอศูรย์จะให้พี่สินกลับบ้านแล้วค่ะ”

“เหรอ...ดีจริง งั้นไปกับฉัน คุณพ่อสั่งให้จัดห้องใหม่ให้นายสิน ให้ใช้ห้องกว้างขึ้นกว่าเดิม เพราะคุณพ่ออยากให้นายสินได้อยู่สบายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” มัทนายิ้มใสซื่อ จูงมือบุปผาออกไป...

ขณะเดียวกันนั้น แสงกำลังดูแลใส่ยาให้กำพลที่กลับเข้าบ้านในสภาพฟกช้ำดำเขียวไปทั้งตัว แต่สงสัยว่ารอยกัดที่ข้อมือใครเป็นคนทำ กำพลไม่ระบุชื่อ บอก

แต่ว่าเป็นผู้หญิง และถ้าพบเจอกันอีกเมื่อไหร่ เขาจะให้บทเรียนกับเธออย่างสาสม!

ด้านคุณหญิงมณีที่เข้าใจผิดว่าบุปผาให้ท่าท่านนายพล และวันนี้ก็เห็นกับตาว่าบุปผาเข้ามากราบกรานนายพลเทพ แต่ไม่รู้ว่าเธอมาขอบคุณที่ท่านเมตตาเรื่องห้องใหม่ของนายสิน...ท่าทางพินอบพิเทาของบุปผาทำให้คุณหญิงโกรธเกลียดนักหนา ถึงกับเรียกสร้อยมาสั่งการอย่างเฉียบขาด...ร้ายกาจ

“สร้อย...แกเอาเงินนี่ไปจ้างคนที่แกไว้ใจไปดักฉุดนังบุปผาเอามันไปโทรม แล้วทิ้งร่างมันไว้กลางตลาดให้ผู้คนได้เห็นว่ามันถูกโทรม มันจะได้อับอายจนอยู่สู้หน้าผู้คนที่พระนครนี่ไม่ได้อีก”

ooooooo

วันรุ่งขึ้น ไอศูรย์มาส่งนายสินที่บ้านเทพบริบาลด้วยตัวเอง บุปผากับมัทนารอรับแล้วพาพวกเขาไปยังห้องใหม่ของนายสินที่นายพลเทพให้จัดไว้ นายสินรับรู้ด้วยความซาบซึ้งบุญคุณท่าน ส่วนไอศูรย์กำชับบุปผาให้ดูแลพี่ชายอย่างที่ตนสอนไว้

“ค่ะคุณหมอ บุปผาจะดูแลพี่สินอย่างดีที่สุดค่ะ”

“แล้วถ้าขาดเหลือยาอะไรก็โทร.ไปบอกฉันได้ ฉันจะเอามาให้”

“ขอบคุณค่ะคุณหมอ”

“เดี๋ยวเชิญพี่ต้นขึ้นบนบ้าน ไปทานของว่างกันนะคะ”

ไอศูรย์พยักหน้ารับแล้วเดินตามมัทนาออกไป...เมื่ออยู่กันตามลำพังในห้อง น้องสาวแสนดีก็กลายเป็นนางยักษ์ขึ้นมาทันใด เธอจิกตาใส่นายสินอย่างชิงชังรังเกียจ

“แกนี่มีบุญดีนะไอ้สิน ท่านนายพลท่านอุตส่าห์เมตตาให้ห้องใหม่ กว้างขวางกว่าเดิมตั้งเยอะ เฮ้อ...ถ้าฉันจะมีพ่อกับใครเขาสักคน ฉันก็อยากจะมีพ่อแบบท่านนายพลนี่แหละ”

บุปผายิ้มสีหน้าอ่อนโยนเมื่อคิดถึงนายพลเทพ โดยไม่รู้เลยว่านายสินมองเธอด้วยสายตาอาฆาตมาดร้าย... สักวันเขาต้องแก้แค้นเธอให้ได้!

ขณะทานอาหารว่างด้วยกันบนตึก มัทนาถามไอศูรย์ถึงป้าอิ่ม อยากรู้ว่าตอนนี้แกเป็นยังไงบ้าง

“พูดจารู้เรื่องขึ้นมากเลย อีกวันสองวันพี่ว่าจะให้แกกลับไปอยู่ที่บ้านพี่แล้วละ พี่ก็ได้แต่หวังว่าความจำแกจะกลับคืนมาจนรู้ว่าตัวเองเป็นใคร แล้วก็มีญาติพี่น้องที่ไหนบ้าง”

“มัทจะช่วยสวดมนต์ภาวนาให้ป้าอิ่มจำความได้อีกแรงนะคะ”

สองหนุ่มสาวยิ้มให้กันอย่างชื่นมื่น...หลังจากนั้นไม่นาน ไอศูรย์ขอตัวกลับไปทำงาน ปรากฏว่าพลอยมารอเขาอยู่พร้อมขนมกล่องใหญ่

“พลอยเอาขนมมาฝากพี่ต้นค่ะ พลอยอยากจะขอบคุณพี่ต้นที่ดีกับพลอยเสมอมา”

“พี่ไม่เห็นได้ทำอะไรเลย”

“ทำไมจะไม่ได้ทำคะ วันก่อนนั้นพี่ต้นทำแผลให้พลอย พาพลอยไปเลี้ยงปลอบใจ แล้วยังพาไปส่งบ้านอีกด้วย พลอยซาบซึ้งในน้ำใจพี่ต้นมากนะคะ”

“เรื่องเล็กน้อยน่ะครับน้องพลอย ว่าแต่น้องพลอยมีธุระอื่นกับพี่อีกไหมครับ ถ้าไม่มีพี่ขอตัวออกตรวจคนไข้ก่อนนะครับ”

“ค่ะพี่ต้น” พลอยตอบเสียงอ่อย แอบน้อยใจที่เขาไม่ได้ให้ความสนใจเธอแม้แต่น้อย

ooooooo

สายวันถัดมา ไอศูรย์พาอิ่มมาพบมารดาของตนที่บ้าน คุณหญิงแจ่มจันทร์ไม่ขัดข้องที่อิ่มจะมาอยู่ด้วย ขณะที่อิ่มเองก็ไม่เกี่ยงงอนเรื่องงาน หนักเบาเธอทำได้ทุกอย่าง

หลังทักทายทำความรู้จักกันแล้ว โฉมพาอิ่มไปยังห้องพัก อิ่มถือโอกาสเลียบเคียงถามโฉมเรื่องคู่หมั้นคู่หมายของคุณหมอ

“เห็นว่าเธอชื่อมัทนา เทพบริบาล ใช่ไหมจ๊ะ เธอเป็นอะไรกับท่านนายพลเทพ เทพบริบาลหรือจ๊ะ”

“เป็นลูกสาว...ถามทำไมเนี่ย”

“เอ่อ...ก็แค่อยากรู้”

“จะอยากรู้เรื่องของคนอื่นไปทำไม รู้เรื่องของตัวเองให้ได้ก่อนเถอะ”

อิ่มหน้าเจื่อนไปนิด แต่ลึกๆในใจรู้สึกมีความหวัง สักวันเธอต้องได้พบนายพลเทพอย่างแน่นอน...

ขณะเดียวกัน นายพลเทพซึ่งพยายามตามหาคนชื่อผกาที่รับลูกของอุ่นไปอุปการะตั้งแต่เด็ก วันนี้ดำเกิงนำรูปถ่ายของผกามาให้ดู ปรากฏว่าใช่คนเดียวกับที่เขาเคยบุกไปหาถึงหอโคมแดง แต่วันนั้นเธอบอกว่าชื่อราตรี

เมื่อรู้แน่นอนเช่นนี้แล้ว นายพลเทพกับดำเกิงจึงกลับไปที่หอโคมแดงอีกครั้งแล้วคาดคั้นผกาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ผกาจะหนีขึ้นห้อง โดยยืนยันว่าตนชื่อราตรีไม่ใช่ผกา...นายพลเทพทำอะไรไม่ได้ ที่สุดก็ต้องกลับออกมาด้วยความหงุดหงิด ส่วนผกาเก็บตัวในห้องอย่างเคร่งเครียด สาวๆในสังกัดเข้ามารุมถามก็โดนเธอตวาดไล่จนไม่มีใครเข้าหน้าติด

เพียงวันรุ่งขึ้น ผกาก็นัดพบบุปผาอย่างร้อนใจ “หลังๆมานี่มีแต่คนมาหาแม่ ท่าทางแปลกๆทุกคน บุปผา...แม่ชักกลัวแล้ว แม่ว่าแกจะทำอะไรก็รีบทำให้เร็วๆเถอะ แม่อยากเลิกอาชีพนี้ อยากใช้ชีวิตเหมือนคนปกติทั่วไปสักทีแล้ว”

บุปผาฟังแล้วคิดหนัก ในที่สุดก็ตัดสินใจไปหาตาเถาอีกครั้ง แต่แกไม่อยู่บ้าน เจอแต่นายถิ่นน้องชายของแก บุปผาไม่อยากมาเสียเที่ยวจึงออดอ้อนนายถิ่นเพื่อขอน้ำมันพราย

“นะพี่นะ...ก็พ่อหมอแกไม่ยอมทำหุ่นเสน่ห์ตัวใหม่ให้ฉันนี่”

“ข้าไม่มีหรอก น้ำมันพงน้ำมันพรายน่ะ ต้องขอพี่เถา”

“แต่ตอนนี้พ่อหมอแกไม่อยู่นี่ แล้วจะให้ฉันเทียวไปเทียวมาบ่อยๆก็คงจะไม่ไหว ถ้าพี่ถิ่นรู้ว่าพ่อหมอเก็บน้ำมันพรายเอาไว้ที่ไหน ก็ช่วยหยิบให้ฉันหน่อยเถอะจ้ะ แล้วจะคิดค่าน้ำมันพรายเท่าไหร่ ก็บอกมาได้เลยจ้ะ”

“ไอ้รู้น่ะ...ก็รู้หรอกว่าพี่เถาแกเก็บน้ำมันพรายเอาไว้ตรงไหน แต่ข้าไม่กล้าเอาให้เอ็งหรอก เพราะถ้าพี่เถา

รู้เข้ามีหวัง...” ถิ่นไม่พูดแต่แสดงสีหน้าหวาดกลัวขนหัวลุก

บุปผาไม่รามือ ก้าวเข้าไปยืนประชิดตัวเขาพลางส่งสายตาเย้ายวน “แต่พี่ถิ่นก็รู้นี่จ๊ะว่า...ของพรรค์นี้น่ะมันสำคัญกับอาชีพของฉันมาก พี่ถิ่นช่วยไปหยิบให้ฉันทีเถอะนะ”

ถิ่นยังมีทีท่าลังเลไม่กล้า บุปผาเลยถึงเนื้อถึงตัว เท่านั้นเองชายฉกรรจ์ถึงกับใจอ่อนยวบ เข้าไปหยิบขวดน้ำมันพรายออกมาส่งให้

“ใช้ป้ายไอ้คนที่เอ็งอยากได้เป็นผัว แค่หยดสองหยดก็พอ แล้วให้พูดคาถากำกับว่ามะอะอุ...แล้วตอนป้าย ห้ามใครเห็นเด็ดขาดนะ ต้องอยู่กันสองคนเท่านั้น”

“จ้ะ” บุปผารับขวดน้ำมันพรายมา...แล้วนายถิ่นก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง คว้าตัวบุปผามาซุกไซ้อย่างอดใจไม่ไหว บุปผาจำต้องปล่อยเลยตามเลย ยอมโอนอ่อนผ่อนตาม...

แต่แล้วเกิดเรื่องไม่คาดฝัน ตาเถากลับมาเห็นทั้งคู่กำลังนัวเนียกัน เขาโวยวายด่าทอน้องชายและตบตีผลักไสบุปผาออกจากบ้าน ถิ่นเข้าช่วยเลยโดนลูกหลงไปด้วย แต่ที่ซวยสุดๆก็ตรงที่ขณะเกิดชุลมุนกันนั้น บุปผาทำขวดน้ำมันพรายหล่นลงพื้น ตาเถาเห็นเข้าก็เดือดดาลหนักขึ้นอีก

อ่านละคร ไฟหวน ตอนที่ 9 วันที่ 3 มิ.ย. 56

ละครเรื่อง ไฟหวน บทประพันธ์โดย ฐา-นวดี สถิตยุทธการ
ละครเรื่อง ไฟหวน บทโทรทัศน์โดย ฐา-นวดี สถิตยุทธการ
ละครเรื่อง ไฟหวน กำกับการแสดงโดย มารุต สาโรวาท
ละครเรื่อง ไฟหวน ผลิตโดย บริษัท มาสเคอเรด จำกัด โดย มารุต สาโรวาท
ละครเรื่อง ไฟหวน เป็นละครแนว ดราม่าเข้มข้น
ละครเรื่อง ไฟหวน ออกอากาศทุกวันศุกร์ - เสาร์ - อาทิตย์ เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สี
ที่มา ไทยรัฐ