อ่านละคร ไฟหวน ตอนที่ 10 วันที่ 7 มิ.ย. 56


อ่านละคร ไฟหวน ตอนที่ 10 วันที่ 7 มิ.ย. 56

“บุปผา...ไหนๆก็เจอเธอแล้ว ฉันแวะไปดูอาการนายสินด้วยเลยดีกว่า” ไอศูรย์เอ่ยปาก

บุปผารีบยกมือไหว้ขอบคุณแล้วเดินนำเขากับมัทนาไปที่ห้องนายสิน...คุณหญิงมณีไม่สบอารมณ์แต่ต้องระงับกิริยาเพราะไม่อยากแสดงอะไรออกไปต่อหน้าว่าที่ลูกเขย

เมื่อหมอหนุ่มมาตรวจอาการนายสิน บุปผาแสร้งกระตือรือร้นอยากรู้อาการพี่ชายตนเป็นยังไงบ้าง



“โดยรวมแล้วก็ดูแข็งแรงดีนะ แต่ฉันอยากจะให้เธอทำอะไรเพื่อพี่ชายเธออีกหน่อย...ฉันอยากให้เธอทำกายภาพบำบัดอย่างง่ายๆให้นายสิน เป็นการกระตุ้นกล้ามเนื้อ โดยให้เธอยกแขนนายสินขึ้นลงอย่างนี้ข้างละสิบครั้ง...ขาก็เหมือนกัน เช้าครั้งเย็นครั้ง ทำทุกวัน เธอทำได้ไหม”

“ได้ค่ะ ถ้าอะไรที่จะทำให้พี่สินอาการดีขึ้นได้ ต่อให้เหนื่อยยากยิ่งกว่านี้บุปผาก็ยินดีทำค่ะ”

คุณหญิงมณีหมั่นไส้บุปผาจนอดรนทนไม่ไหวเดินเข้ามาแทรก “เสร็จแล้วใช่ไหมจ๊ะพ่อต้น งั้นขึ้นบ้านเถอะ จะได้ทานข้าวเช้าด้วยกัน”

มัทนากับไอศูรย์ถูกคุณหญิงมณีดึงให้ลุกขึ้นพร้อมกัน ส่วนสร้อยรีบประจบมัทนา ย้ำเตือนว่าอย่าลืมอาบน้ำมนต์จะได้ครบเก้าครั้ง บุปผาได้ยินก็หูผึ่ง ความสงสัยที่มีอยู่ยิ่งเพิ่มมากขึ้น...

เมื่อกลับเข้ามาในครัว บุปผาจึงเลียบเคียงถามป้าทับทิมว่าทำไมคุณหนูต้องอาบน้ำมนต์

“ไม่รู้เหมือนกัน แต่เคยได้ยินนังสร้อยมันพูดว่าคุณหนูต้องใส่บาตรพร้อมกับหมอไอศูรย์ แล้วรดน้ำมนต์ให้ได้ครบ 9 ครั้งก่อน แล้วถึงค่อยหมั้นกับคุณหมอ”

คำตอบนั้นทำให้บุปผาเก็บมาครุ่นคิด...และไม่นานก็สรุปได้ด้วยตัวเองว่าวิธีการแบบนี้น่าจะเป็นการสะเดาะเคราะห์หรือล้างซวยนั่นเอง!

คิดได้ดังนั้นแล้วบุปผาย่องขึ้นไปบนตึกอีกครั้ง แอบเอาขันน้ำมนต์ของมัทนาที่เตรียมไว้อาบลงวางกับพื้นแล้วเดินก้าวข้ามไปมาอยู่สองสามรอบก่อนเอากลับไปวางที่เดิมโดยไม่มีใครรู้เห็น แต่พอจะลงจากตึกต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อคุณหญิงมณีก้าวมายืนดักหน้าแล้วจิกหัวเธอจนหน้าหงาย

“แกขึ้นมาบนตึกนี่ทำไมนังบุปผา”

“คือ...บุปผาเหมือนได้ยินเสียงพี่สร้อยเรียกน่ะค่ะ”

“ไม่มีใครเรียกแกหรอก กลับลงไปอยู่ในครัวโน่นไป แล้วไม่ต้องเสนอหน้าขึ้นมาบนตึกนี่อีก นี่ถ้าท่านนายพลไม่ขอไว้ล่ะก็ ฉันเฉดหัวแกออกจากนี่ไปนานแล้วรู้มั้ย”

คุณหญิงมณีผลักไสบุปผาลงจากตึกแล้วกลับเข้าข้างในห้องอาหาร จึงไม่เห็นสายตาอาฆาตแค้นของบุปผาที่จ้องไล่หลังราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

“เกลียดฉันนักใช่ไหมอีนังคุณหญิง คอยดูเถอะ สักวันฉันจะทำให้แกต้องเสียน้ำตาจนแทบจะกระอักออกมาเป็นเลือดเพราะฉันให้ได้...คอยดู!”

ooooooo

เดือนหายตัวไปข้ามคืนทำให้ผการ้อนใจจนอยู่เฉยไม่ได้จะออกไปแจ้งความ มุกซึ่งรู้เรื่องเดือนแอบไปรับแขกข้างนอกจึงจำเป็นต้องบอกให้ผการู้

“ฉันคิดว่า...นังเดือนมันอาจจะออกไปรับแขกข้างนอกนะ มันเคยบอกฉันว่ามันแอบออกไปรับแขกเองหลายครั้งแล้ว เพราะมันจะได้เต็มๆไม่ต้องโดนหักหัวคิว มันอยากได้เงินเยอะๆเอาไปส่งให้แม่กับน้องที่บ้านนอกโน่น”

“จริงเหรอ...ยิ่งรู้อย่างนี้แม่ยิ่งต้องไปแจ้งความ เพราะมันอาจจะออกไปรับแขกข้างนอกแล้วโดนแขกทำร้ายก็ได้”

ผกาเดินลิ่วออกจากบ้าน สิรีกับพิกุลรีบก้าวตาม มุกละล้าละลัง แต่แล้วก็เดินตามไปในที่สุด...ระหว่างทางไปโรงพักเห็นไทยมุงกำลังดูศพอยู่ริมบึง พิกุลชวนทุกคนเข้าไปดูถึงรู้ว่าศพนั้นคือเดือน ผการับไม่ได้ร้องไห้น้ำตานองหน้าและบอกตำรวจว่ารู้จักคนตาย เพชรจึงเชิญพวกเธอไปสอบปากคำที่โรงพัก

“คืออย่างนี้ค่ะคุณตำรวจ นังเดือนมันบอกว่าจะออกมาซื้อของตั้งแต่เมื่อวาน แล้วก็ไม่กลับบ้านอีกเลย ดิฉันเป็นห่วง วันนี้ก็เลยคิดจะมาแจ้งความคนหายอยู่พอดีเลยค่ะ แต่ก็มาพบมันที่ริมน้ำนั่นเสียก่อน ตกลงมันเป็นอะไรตายคะ”

“จากผลการตรวจสภาพศพเบื้องต้น เราไม่พบร่องรอยถูกทำร้ายเลยครับ แล้วกระเป๋าสตางค์ในตัวผู้ตายก็ยังอยู่ครบ แสดงว่าไม่ได้ถูกจี้หรือถูกปล้น แล้วฆ่าอำพรางศพแน่”

“แล้วตกลงนังเดือนมันตายเพราะอะไรคะ มันพลัดตกน้ำตายหรือคะ”

“อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้ หรือไม่ก็ตั้งใจจะโดดน้ำฆ่าตัวตาย”

“ฆ่าตัวตาย! ไม่น่าเป็นไปได้หรอกค่ะ นังเดือนไม่ได้มีปัญหาชีวิตอะไรร้ายแรงเสียจนทำให้มันต้องตัดสินใจฆ่าตัวตายหรอกค่ะ”

“มีจ้ะแม่” มุกโพล่งขึ้นมา ทุกคนหันขวับ...รอให้มุกขยายความต่อ “คือ...นังเดือนมันเป็นโรคจ้ะแม่”

“นังเดือนเป็นโรค มันเป็นได้ยังไง แม่เลือกแขกที่มาเที่ยวหอโคมแดงของเราทุกคนว่าไม่เป็นโรค แล้วนังเดือนมันไปติดโรคมาจากไหนกัน”

“มันก็ไปติดโรคมาจากแขกที่มันแอบออกไปรับงานเองข้างนอกนั่นแหละแม่ แล้วมันก็ไม่มีเงินจะรักษาตัว เพราะมันส่งเงินกลับไปให้แม่ให้น้องที่บ้านนอกหมด”

“แล้วแกรู้เรื่องนี้ได้ยังไง นังมุก”

“ก็เพราะมันมายืมเงินฉันไปหาหมอบ่อยๆน่ะสิแม่ ระยะหลังมันถึงไม่ยอมรับแขกอีก ก็เพราะมันเป็นโรคนี่แหละแม่”

“งั้นก็อาจจะเป็นไปได้ครับที่คุณเดือนฆ่าตัวตายเพื่อหนีโรคร้ายที่เป็นอยู่”

“โธ่...ทำไมมันไม่บอกแม่...ทำไม” ผกาเสียงสั่นพร่า ก้มหน้าร้องไห้ด้วยความเสียใจ

ooooooo

แล้ววันถัดมา ผกาก็นัดพบบุปผาตามลำพัง บุปผาเห็นผกาแต่งชุดดำก็เอะใจว่าน่าจะรู้เรื่องเดือนตายแล้ว แต่ยังไม่แน่ใจนักจึงแกล้งทักถามเพื่อให้ผกาพูดออกมา...

ปรากฏว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ผกาพูดไปร้องไห้ไปอย่างทำใจไม่ได้ ขณะที่บุปผาก็แสร้งตกใจและซักถามเป็นการใหญ่ว่าเดือนเป็นอะไรตาย ตายได้ยังไง

“ตำรวจสันนิษฐานว่ามันโดดน้ำฆ่าตัวตายเพื่อหนีโรคร้ายที่มันเป็น แม่ไม่เคยรู้เลยว่ามันเป็นโรค แต่นังมุกเล่าว่านังเดือนมันแอบออกไปรับแขกข้างนอกเองเพื่อจะได้ไม่ต้องโดนหักหัวคิว มันเลยติดโรคมาจากแขก”

บุปผาตีหน้าเศร้า หยิบเงินส่งให้ผกาจำนวนหนึ่ง “ฉันคงไม่ได้ไปงานศพนังเดือนมันหรอกนะ ฉันฝากเงินนี่ให้แม่เอาไปทำบุญแทนฉันทีนะจ๊ะ ส่วนหนึ่งฉันฝากช่วยทำศพมัน แล้วอีกส่วนแม่ช่วยส่งไปให้แม่นังเดือนที่บ้านนอกทีนะแม่”

“ขอบใจนะ นี่ถ้านังเดือนมันรู้ว่าแกมีน้ำใจกับมันมากอย่างนี้ มันคงดีใจ แม่มาส่งข่าวแค่นี้ละ แม่ต้องรีบไปแล้ว จะไปจัดงานศพให้นังเดือนมัน ป่านนี้พวกนังมุกไปรอแม่อยู่ที่วัดแล้ว”

“ฉันก็ต้องรีบไปเหมือนกันจ้ะแม่ นี่ฉันมากับนังคุณหนู นังคุณหนูมันมาซื้อของที่ตลาด ฉันเลยแอบแวบมาที่นี่”

“แม่ดูแลรักษาตัวเองดีๆด้วยนะจ๊ะ ฉันเป็นห่วงแม่นะ”

ผกาพยักหน้ารับแล้วลุกขึ้นเดินออกไป บุปผามองตามอย่างโล่งใจ แน่ใจแล้วว่าไม่มีใครสงสัยเลยว่าเดือนถูกเธอฆ่าตาย...หลังจากนั้นบุปผากลับไปที่ตลาดแต่ยังหามัทนาไม่เจอ มัทนาเดินเข้าไปซื้อผลไม้กับคนขับรถแล้วเจอไอ้หลงโดยบังเอิญ มัทนาคลับคล้ายคลับคลาจึงบอกให้คนขับรถไปตามไอศูรย์มา ส่วนเธอจะถ่วงเวลาพาไอ้หลงไปกินข้าว

ระหว่างนี้เองใกล้ๆร้านอาหาร บุปผายังตามหามัทนา จู่ๆตาเถาโผล่พรวดเข้ามาล็อกตัวบุปผาออกไปทางหนึ่ง ไอ้หลงเหลียวไปเห็นก็ตกใจ มีอาการลนลานกลัวตาเถาถึงกับวิ่งเตลิดหนีไปทั้งที่ไอศูรย์ยังมาไม่ถึง ส่วนมัทนาก็ทันเห็นบุปผาถูกลากตัวไป จึงวิ่งตามหมายช่วยเหลือ

บุปผาสู้แรงตาเถาไม่ได้ เกือบโดนน้ำกรดสาดหน้าถ้าไอศูรย์เข้ามาช่วยไว้ไม่ทัน ตาเถาตั้งใจทำให้บุปผาเสียโฉม เพื่อให้มีชีวิตอยู่อย่างทุกข์ทรมาน เมื่อไม่สำเร็จจึงลนลานหาทางหนี และผลักมัทนาที่อยู่ใกล้จนกระเด็นล้มไป ส่วนบุปผาก่อนหน้านี้ก็ถูกแกบีบคอจนระบมไปหมด

ไอศูรย์ไม่ตามตาเถาเพราะเป็นห่วงมัทนา แต่มัทนาห่วงบุปผามากกว่าจึงเร่งให้เขาพากลับบ้านเพื่อเยียวยารักษา...บุปผาหมดสติไปนานกว่าจะฟื้นขึ้นมาพบว่าตัวเองนอนอยู่ภายในห้องพักที่บ้านเทพบริบาล โดยมัทนากับไอศูรย์อยู่ใกล้ๆ และมีใครอีกหลายคนชะเง้อมองอยู่ห่างๆ

มัทนาดีใจที่บุปผาฟื้น ขณะที่ไอศูรย์ให้ความมั่นใจว่าบุปผาไม่เป็นอะไรมาก แต่คงจะระบมแผลที่ถูกทำร้ายมาอีกสักสองสามวัน สร้อยขยับเข้ามาเมียงมองแล้วพูดโพล่งขึ้นว่า

“ก็ไม่รู้มันไปก่อคดีกับใครมาน่ะนะ ถึงได้ถูกโจทก์ตามคิดบัญชีเสียน่วมอย่างนี้ โจทก์คนนี้ของแกมันใครกันนะนังบุปผา”

“ฉันไม่รู้จักเลยจ้ะ ทีแรกฉันคิดว่ามันเข้ามาปล้น แต่พอฉันบอกว่าฉันไม่มีเงินหรอก มันก็เลยจะลากตัวฉันไป”

“นี่ถ้าคุณหนูไม่ตามไปช่วยแกจนต้องเจ็บเนื้อเจ็บตัวไปด้วย ป่านนี้แกอาจจะถูกคนร้ายมันลากไปปู้ยี่ปู้ยำแล้ว”

“สร้อยอย่าพูดให้บุปผากลัวไปมากกว่านี้เลยจ้ะ แค่นี้บุปผาก็คงจะขวัญเสียมากพออยู่แล้ว”

สร้อยหุบปากทันทีที่มัทนาเอ่ยปากปราม...บุปผาเหลือบเห็นไอศูรย์มองมา เลยตัดสินใจยกมือไหว้มัทนา

“บุปผาขอบคุณคุณหนูมากนะคะที่ช่วยบุปผาไว้ แล้วก็ขอบคุณคุณหมอด้วย ถ้าไม่ได้คุณหมอ...บุปผาคง...” บุปผาแสร้งพูดต่อไม่ออก แต่สะอึกสะอื้นตัวสั่นเทาอย่างน่าสงสาร

“เอาเถอะ เรื่องร้ายผ่านไปแล้ว ฉันว่าบุปผาพักผ่อนเถอะ”

“พักให้มากๆนะจ๊ะบุปผา”

บุปผายกมือไหว้มัทนากับไอศูรย์อีกครั้ง พอทุกคนออกไป สีหน้าเศร้าๆของบุปผาก็เปลี่ยนเป็นเคียดแค้นเจ็บใจ นึกถึงตาเถาแล้วอยากจะฆ่ามันให้ตายเสียวันนี้พรุ่งนี้!

ooooooo

อ่านละคร ไฟหวน ตอนที่ 10 วันที่ 7 มิ.ย. 56

ละครเรื่อง ไฟหวน บทประพันธ์โดย ฐา-นวดี สถิตยุทธการ
ละครเรื่อง ไฟหวน บทโทรทัศน์โดย ฐา-นวดี สถิตยุทธการ
ละครเรื่อง ไฟหวน กำกับการแสดงโดย มารุต สาโรวาท
ละครเรื่อง ไฟหวน ผลิตโดย บริษัท มาสเคอเรด จำกัด โดย มารุต สาโรวาท
ละครเรื่อง ไฟหวน เป็นละครแนว ดราม่าเข้มข้น
ละครเรื่อง ไฟหวน ออกอากาศทุกวันศุกร์ - เสาร์ - อาทิตย์ เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สี
ที่มา ไทยรัฐ